ความเดิมตอนที่แล้ว : ขุนเขาต้องการปิดเรื่องสารไคโรเนียมเป็นความลับเพื่อสืบหาต้นตอ แต่เจนจิราต้องการเปิดเผยให้สังคมรับรู้ เมื่อความคิดสวนทางกัน ทำให้ทั้งคู่ยิ่งกลายเป็นคู่กัด
ผลแล็บพบสารไคโรเนียมในร่างผู้เสียชีวิต และผู้ที่รู้เรื่องสารไคโรเนียมดีที่สุดในประเทศไทยคือหมอราม ปัญหาเดียวคือ หมอรามกับหมอขุนเขามีเรื่องบาดหมางกันใจอดีต ทำให้หมอรามปฏิเสธที่จะคุยกับหมอขุนเขา
เมื่อเป็นแบบนี้ หมอขุนเขาจึงทำข้อแลกเปลี่ยนกับเจนจิรา โดยเขายอมให้ผลแล็บกับเจนจิราเพื่อไปทำข่าว แลกกับการที่เธอนัดเขาให้เจอกับหมอราม
สืบลับหมอระบาด EP.5 รีแคป : เจนยอมนัดหมอรามให้ขุนเขา แลกกับผลแล็บ แต่เจนกลับไม่เอาผลแล็บไปตีข่าว ทำให้ทัศนคติของเขาที่มีต่อเธอเปลี่ยนไป …
หมอขุนเขาจำใจยอมให้ผลแล็บขยะสารพิษกับเจนจิรา แลกกับเธอจะนัดเขาให้เจอกับหมอราม จริง ๆ แล้วหมอขุนเขาก็อดเป็นกังวลไม่ได้ เขากลัวว่าเมื่อข่าวสารไคโรเนียมถูกเผยแพร่ออกไป จะทำให้ประชาชนแตกตื่น
รุ่งขึ้น เจนจิราพาหมอรามไปเจอกับหมอขุนเขาตามที่ตกลงกันไว้ แม้หมอรามจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็จำใจยอมทำตามลูกสาว … หมอขุนเขาพุ่งเป้ายิงคำถามไปที่สารไคโรเนียมที่ตรวจพบในร่างของผู้เสียชีวิต หมอรามได้ยินคำถามของหมอขุนเขาก็หัวร้อนขึ้นทันที เขายืนยันว่าสารไคโรเนียมไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ทันใดนั้น หมอรามก็ลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยความไม่พอใจกับคำพูดที่ไม่ให้เกียรติของหมอขุนเขา
แม้การนัดเจอกับหมอรามจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของความขัดแย้ง แต่หมอขุนเขาก็รู้สึกขอบคุณเจนจิรา ส่วนเจนจิราก็บอกกับหมอขุนเขาว่า เธอตัดสินใจที่จะไม่เล่นข่าวสารไคโรเนียม เพราะกลัวประชาชนจะแตกตื่น อีกอย่างเธอคิดว่าควรรอให้หมอระบาดสืบหาสาเหตุที่แท้จริงให้กระจ่างเสียก่อน … เมื่อได้ยินแบบนั้น ทำให้ทัศนคติของหมอขุนเขาที่มีต่อเจนจิราเริ่มเปลี่ยนไป
ช่วงเวลาสายของวันต่อมา เจนจิราได้รับแจ้งข่าวอันน่าตกใจ ตกใจมากที่สุดในชีวิต รถตู้รับส่งทีมวิจัยของ RDK ที่พ่อเธออยู่บนรถคันนั้น เกิดอุบัติเหตุชนกับรถสิบล้อ คนขับและผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิตคาที่ !
หัวใจของเจนจิราหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วรีบโทร. ไปหาพ่อทันที … ตู๊ด ๆ ๆ … หมอรามรับสาย เจนจิราดีใจที่ปลายสายเป็นเสียงของพ่อ พ่อยังไม่ตาย … นั่นเป็นเพราะก่อนที่รถตู้จะเกิดอุบัติเหตุ หมอรามขอให้คนขับรถตู้แวะมาส่งที่มหาวิทยาลัยเพื่อเคลียร์งาน ทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด
ระหว่างนั้น ผลแล็บที่ตรวจอย่างละเอียดได้ออกมา หมอขุนเขาพบว่า นอกจากสารไคโรเนียมที่พบในตัวอย่างสารพิษ ยังมีสารอีกชนิดอยู่ด้วย ทำให้หมอขุนเขาเริ่มเชื่อแล้วว่า สารไคโรเนียมไม่เป็นอันตรายต่อคนอย่างที่หมอรามบอกเอาไว้จริง ๆ แต่เป็นสารอีกตัวต่างหาก
ต่อมา มีรายงานว่าชาวบ้านมีอาการปวดท้องพร้อมกันนับสิบราย ทุกรายมีอาการอาเจียนเป็นเลือด สุดท้ายก็เสียชีวิตอย่างรวดเร็วในเวลาไล่เลี่ยกัน อีกทั้งยังมีรอยจ้ำสีดำตามร่างกายคล้ายกับเคสผีแม่หม้าย
ผอ.กองระบาดวิทยา ได้รับคำสั่งให้เร่งดำเนินการสืบสวนโรคอย่างเร่งด่วน ผอ.กับหมอขุนเขาจึงไปพบหมอรามที่บ้านอีกครั้ง ตอนแรกหมอรามทำท่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็น ผอ.มาด้วยตัวเองหมอรามจึงยอมคุยด้วย … ผอ.นำผลแล็บให้หมอรามดู หมอรามดูอยู่นานหลายนาทีก่อนจะบอกว่า “ผมไม่เคยเห็นสารนี้มาก่อน”
“มีที่ไหนใช้สารไคโรเนียมบ้างครับ ?” เมื่อหมอรามได้ยินคำถามจาก ผอ. เขาก็ตอบกลับไปทันทีว่า นอกจากเขาที่ใช้ทำการวิจัย ก็มีที่ RDK เท่านั้น แต่หมอรามก็อธิบายต่อว่า ศูนย์วิจัยของ RDK ทำแค่วิจัยยา จึงไม่น่าไปเกี่ยวข้องอะไรกับสารพิษ
แล้วจู่ ๆ หมอขุนเขาก็โพล่งขึ้นมาขอสมัครเป็นนักวิจัยในทีมหมอราม เพื่อเข้าไปทำงานในศูนย์วิจัย RDK เพราะต้องการเข้าไปสืบหาความจริงให้เร็วที่สุด “ถ้าเราไม่รีบหาคำตอบ ก็ต้องมีคนตายเพิ่มนะครับ”
หมอรามนั่งคิดอยู่นานหลายนาที ก่อนจะก้าวข้ามเรื่องบาดหมางในอดีต ตอบตกลงให้หมอขุนเขาเข้าร่วมทีม เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือชีวิตของประชาชน
Images : Ch3Thailand
ดู สืบลับหมอระบาด EP.5 ที่ Ch3Plus : คลิกที่นี่