Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Castaway Diva (2023)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Castaway Diva (2023)

Castaway Diva สปอยล์ : หลังติดเกาะอยู่สิบห้าปี หญิงสาวผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง มุ่งมั่นที่จะทำตามฝันในการเป็นไอดอลผู้โด่งดัง …

EP.1 ปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ

มกฮา (วัยเด็ก รับบทโดย อีเร) นักเรียนมัธยมต้น ที่อาศัยอยู่บนเกาะชุนซัม เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของ รันจู ดีว่าเบอร์หนึ่งของเกาหลี

วันนี้ มกฮาจะได้ออกวิทยุใน ‘รายการร้องเกะกับดารา’ แต่ปรากฏว่า แบตเตอรี่โทรศัพท์เกิดหมด มกฮาจึงเดินถามเพื่อน ๆ ทั่วโรงเรียน “มีใครใช้มือถือโกอารา ?” (มือถือที่ ‘โกอารา’ เป็นพรีเซนเตอร์) เพื่อหาคนใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกับเธอ

กีโฮ นักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ บังเอิญมีโทรศัพท์โกอารา มกฮาจึงเข้าไปขอยืมแบตเตอรี่ แต่กีโฮไม่ยอมให้ยืมง่าย ๆ จนทำให้ มกฮาร้องไห้ออกมา สุดท้ายกีโฮจึงยอมให้ยืมแบตเตอรี่

ไม่นานนัก ทางรายการก็โทร. เข้ามา มกฮาดีใจจนร้องไห้ออกมาด้วยความสุข ที่ได้คุยกับนักร้องในดวงใจ แต่ขณะที่มกฮากำลังจะได้ร้องเพลงในรายการ กีโฮก็คว้าเอามือถือจากมือของเธอ แล้วถอดเอาแบตเตอรี่คืน ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สนใจไยดี

หลังผิดหวังจากรายการวิทยุ มกฮาก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอตัดสินใจทำมิวสิกวิดีโอเดโม่ เพื่อส่งเข้าร่วมงานประกวดร้องเพลง ที่จูรันเป็นกรรมการ ปัญหาคือ ต้องมีกล้องดิจิตอลที่ใช้ถ่ายวิดีโอ และคนที่มีก็คือกีโฮ

หลังเลิกเรียน มกฮาเสนอเงินให้กีโฮ 10,000 วอน เพื่อขอให้เขาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอให้ … เมื่อมกฮาเปล่งเสียงร้องเพลงออกมา ก็ทำเอากีโฮถึงกับประทับใจในทักษะการร้องเพลงอันยอดเยี่ยมของเธอ

จริง ๆ แล้ว กีโฮไม่ค่อยชอบความสดใสของมกฮา เพราะชีวิตของเธอแตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิง เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มของเธอ

กีโฮพยายามทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อจะหนีไปจากพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งแม่ของเขาได้หนีไปก่อนแล้ว ความโกรธทั้งหมดของพ่อจึงมาลงกับเขา

และดูเหมือนว่า สิ่งที่กีโฮคิดเกี่ยวกับมกฮาจะตรงกันข้าม เพราะคืนนั้น มกฮาก็ถูกพ่อที่ดื่มจนเมามายทำร้ายร่างกายเช่นกัน ซึ่งคือเหตุผลที่แท้จริงที่เธอต้องการหนีไปจากเกาะแห่งนี้

วันรุ่งขึ้น มกฮาจึงตัดสินใจโทร. แจ้งตำรวจว่าถูกพ่อทำร้ายร่างกาย ซึ่งหนึ่งในสองตำรวจที่ถูกส่งมาก็คือ พ่อของกีโฮ !

กีโฮเอาคลิปมิวสิกวิดีโอมาให้มกฮา แต่เธอไม่มาโรงเรียน ทำให้กีโฮเริ่มเป็นห่วง หลังเลิกเรียนเขาจึงปั่นจักรยานไปที่ร้านปลาดิบ ที่พ่อมกฮาเป็นเจ้าของ

เมื่อไปถึง กีโฮเห็นพ่อของเขาในเครื่องแบบตำรวจอยู่ในร้านปลาดิบ และพยายามไกล่เกลี่ยให้มกฮาไม่เอาเรื่องพ่อ แถมยังหาว่าเธอป่วยเป็นโรคของเด็กวัยรุ่น ในที่สุดเธอก็ยอมขอโทษพ่อ และสัญญาจะไม่ก่อปัญหาอีก … แน่ล่ะ พ่อกีโฮก็ชอบทำลายลูกตัวเอง เขาจึงเข้าข้างพ่อมกฮา มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก

กีโฮเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้เขารู้สึกเห็นใจมกฮา เพราะเขาก็เจอสิ่งเดียวกับที่เธอเจอเหมือนกัน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน กีโฮจึงจัดการอัปโหลดคลิปมิวสิกวิดีโอส่งเข้าประกวด และใส่เบอร์โทร. ของเขาเป็นเบอร์ที่ใช้ในการติดต่อ เนื่องจากโทรศัพท์ของมกฮาถูกพ่อทำพังเมื่อคืนก่อน

จูรันได้เห็นคลิปของมกฮาแล้วรู้สึกประทับใจมาก และมกฮาก็ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศ

รุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่จึงโทร. ติดต่อไปที่เบอร์ของกีโฮ เมื่อเขารับสายจึงรีบวิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้มกฮาทันที แต่ทว่า มกฮากลับพูดกลับปลายสายว่า เธอทำคลิปส่งไปเล่น ๆ เท่านั้น และปฏิเสธที่จะเดินทางไปโซลด้วย

กีโฮมองด้วยความแปลกใจ แต่เขาก็สังเกตได้ว่า มกฮาไม่สดใสเหมือนก่อน สายตาของเธอแฝงไปด้วยความเศร้า … หรือเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดขึ้น จะทำให้เธอหมดแรงตามล่าหาฝันไปซะแล้ว ?

เย็นวันนั้น กีโฮยื่นกระดาษแผนที่บ้านของเขาให้มกฮา เขาย้ำว่า ถ้าเธอถูกพ่อทำร้ายร่างกายอีก ให้รีบมาหาเขาตามแผนที่นี้ “เราเหมือนปลาที่ใกล้ตายอยู่ในตู้ ฉันจะพาเธอหนีไปจากตู้ปลาใบนี้ ที่กำลังขาดอากาศหายใจ”

วันหนึ่ง พ่อของมกฮาก็เมามายกลับมาบ้าน พ่อทุบประตูห้องเสียงดังลั่น มกฮาตัดสินใจปีนหน้าต่างออกจากห้อง แล้วไปหากีโฮตามแผนที่ที่เขาให้ไว้

ทั้งสองพากันนั่งเรือออกจากเกาะ เพื่อไปหาจูรันที่โซล แต่เรือยังไม่ทันออกจากท่า ชาวบ้านที่รู้จักทั้งสองคนก็โทร. ไปบอกพ่อของมกฮา … ปัดโธ่ ชาวบ้านสระเอือก !

พ่อมกฮารรีบขับรถมาที่ท่าเรือเพื่อตามลูกสาวกลับบ้าน กีโฮตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เขาขอให้มกฮาเดินทางไปโซลเพียงลำพัง ส่วนเขาจะไปขวางพ่อของเธอ

กีโฮเข้าไปขวาง จนถูกพ่อมกฮาทำร้ายร่างกาย แต่เขาก็ยังขวางเอาไว้อย่างนั้น แต่แรงเด็ก ม. สอง ยังไงก็ไม่อาจต้านทานแรงผู้ใหญ่ได้ กีโฮถูกทำร้ายจนเลือดกบปาก ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

ในที่สุด พ่อก็ตามมกฮาขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ มกฮาพยายามวิ่งหนีไปจนถึงท้ายเรือ เธอไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว ยกเว้นทางเดียวคือกระโดดลงไปในทะเล พ่อรีบวิ่งตามเพื่อห้ามลูกสาว แต่เขาก็พลัดตกลงน้ำไปด้วยเช่นกัน

กีโฮฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส เขาได้รับแจ้งว่า มกฮากับพ่อพลัดตกลงไปในทะเล เจ้าหน้าที่กำลังออกค้นหา แต่การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากหมอกลงหนาจัด กีโฮรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม มกฮารอดชีวิต และมาติดอยู่ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง เธอกำลังเดินสำรวจไปทั่วเกาะเพื่อหาของกิน จนไปเจอกับดอกมันฝรั่ง เธอจึงลงมือขุดมันฝรั่งขึ้นมากิน

แล้วเมื่อมกฮาเดินไปอีกฟากของชายหาด เธอก็พบร่างพ่อถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยหาด เธอได้แต่คิดพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด สิ่งที่เธอขอเอาไว้เป็นจริงแล้ว พ่อไม่มีวันทำร้ายเธอได้อีกต่อไป

มกฮาอาศัยอยู่บนเกาะเพียงลำพังเป็นเวลา 15 ปี โดยใช้ก้อนหินมาวางเรียงกันเป็นสัญลักษณ์ของความช่วยเหลือ SOS บนชายหาด

แล้ววันหนึ่งก็มีโดรนบินมาบนเกาะ ลอยอยู่เบื้องหน้ามกฮา เธอได้แต่จ้องมองด้วยความสงสัยว่า สิ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้ามันคืออะไร ?

EP.2 ความบังเอิญและโชคชะตา

อูฮัก (ชาฮักยอน) และโบกอล (แชจงฮยอบ) เป็นพี่น้องคู่กัดกันตั้งแต่เด็ก อูฮักเป็นนักข่าวหัวขบถ ส่วนโบกอลเป็นโปรดิวเซอร์รายการวาไรตี้ทางทีวี ทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ที่เปิดเป็นร้านเสริมสวย

หลังจากทะเลาะกันเป็นปกติในตอนเช้า อูฮักก็ไปที่เกาะเพื่อทำงานอาสาสมัครเก็บขยะกับโบกอล แต่จริง ๆ เมื่อไปถึง อูฮักกลับบินโดรนเล่นอย่างสบายใจ จนโดรนลำนั้นบินไปอยู่เบื้องหน้ามกฮา ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงวิ่งไล่ตามจับโดรนแล้วก็จับได้ด้วย

อูฮักจึงวิ่งตามมาเอาโดรนคืน มกฮาได้เห็นอูฮักก็ยืนอึ้ง เป็นมนุษย์ตัวเป็น ๆ คนแรกที่เธอเจอในรอบ 15 ปี ด้วยความดีใจ เธอจึงโถมตัวเข้าไปสวมกอดเขาทั้งน้ำตา

ในที่สุด มกฮาก็ได้รับความช่วยเหลือให้ออกมาจากเกาะร้าง ระหว่างอยู่บนเรือ เพื่อน ๆ ของโบกอลก็คุยกัน เป็นไปได้ยังไงที่ติดอยู่บนเกาะนานขนาดนั้น โดยไม่มีใครไปช่วย ? เพื่อนอีกคนจึงบอกว่า เป็นไปได้สิ เพราะประเทศนี้มีเกาะร้างมากถึงสองสามพันเกาะ

เมื่อมาถึงฝั่ง มกฮารู้สึกตื่นเต้นกับโลกในยุคปัจจุบัน ที่อะไร ๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก

โบกอลซื้อรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่ใหม่ให้มกฮา เขาลงไปคุกเข่าสวมและผูกเชือกรองเท้าให้เธอ มันทำให้เธอนึกถึงกีโฮ ที่ถอดรองเท้าของเขาให้เธอ และบอกว่าเมื่อถึงฝั่งจะพาไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่ เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น มกฮาก็หลั่งน้ำตาออกมา เธออยากเจอกีโฮเหลือเกิน

ระหว่างนั้น อูฮักแอบถ่ายคลิปของมกฮา เพื่อเอาไปทำข่าว โบกอลเห็นจึงเข้าไปต่อว่า และพยายามห้ามไม่ให้เขาทำข่าวนี้ เพราะจะทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากเธอยังปรับตัวกับโลกในปัจจุบันไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ พี่น้องคู่นี้ไม่เคยเห็นอะไรตรงกันซักกะอย่าง … อูฮักทำข่าวการติดเกาะร้างเป็นเวลา 15 ปีของมกฮา

จากนั้น มกฮาก็ได้เข้าไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว แม้เธอจะอายุ 31 ปีแล้ว แต่ความคิดของเธอเหมือนเด็กสาวอายุ 16 ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่มีญาติมาติดต่อเลย เธอได้แต่หวังลึก ๆ ว่า กีโฮจะมาหา

อูฮักรู้ว่ามกฮาไม่มีญาติมาติดต่อ เขาจึงมารับ และพาไปที่เกาะชุนซัม บ้านเกิดของเธอ

เมื่อมาถึงที่ที่เคยเป็นร้านปลาดิบของพ่อ เธอก็พบว่ามันถูกเปลี่ยนเป็นร้านปูดองซีอิ๊ว เจ้าของร้านปูดองเมื่อเห็นมกฮาก็กลัวว่าเธอจะมายึดร้านคืน จึงไล่เธอออกไป มกฮาจึงบอกว่า เธอไม่ได้จะมาเอาร้านคืน ที่เธอต้องการเพียงอยากรู้ว่า กีโฮอยู่ไหน ?

หลังมกฮาหายตัวไป กีโฮเอาแต่โดดเรียนไปนั่งมองทะเลอยู่คนเดียว ต่อมากีโฮก็แจ้งความว่าถูกพ่อทำร้ายร่างกาย และหนีออกจากบ้านไป ส่วนพ่อก็ถูกไล่ออกจากตำรวจ นับแต่นั้น พ่อก็ออกตามหากีโฮแทบพลิกแผ่นดิน โดยไม่กลับมาที่นี่อีกเลย

มกฮามาที่บ้านกีโฮ บ้านที่ถูกปล่อยทิ้งร้างให้ผุพังไปตามกาลเวลา เธอเห็นกระดาษโพสต์อิทที่เขียนด้วยลายมือของกีโฮก็ มันทำให้เธอคิดถึงเขาขึ้นมาจับใจ … อูฮักเห็นจึงถามว่า ทำไมถึงไม่โกรธ ทั้งที่กีโฮเป็นคนที่ทำให้เธอติดเกาะ มกฮาจึงบอกว่า ถ้าไม่มีกีโฮ เธอคงตายไปตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว “เราไม่ได้แค่หนีออกจากบ้าน เราหนีเพื่อให้รอดตายต่างหาก”

ระหว่างที่อูฮักกำลงจะเดินทางกลับโซล มกฮาบอกว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ตอนแรกเขาไม่ยอมให้เธอไปด้วย แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน และแอบพาเธอเข้าไปอยู่ที่ห้องบนดาดฟ้า ตกกลางคืนก็แอบเอาอาหารในตู้เย็นไปให้เธอกิน

จากเดิมที่มกฮาเรียกอูฮักว่า “คุณอา” เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองยังอายุสิบหา อูฮักจึงขอให้เธอเรียกเขาว่า “ดูฮัก” เพราะเธอกับเขาอายุเท่ากัน ในตอนนั้น ทั้งสองก็ตกลงเป็นเพื่อนกัน จากนั้น มกฮาก็บอกว่า อูฮักมีอะไรหลาย ๆ อย่างคล้ายกีโฮ

เมื่อมาถึงตรงนี้ ดูเหมือนจะมีความลับหลายอย่างถูกเปิดเผยออกมา ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ ‘อูฮักจะเป็นกีโฮ’ เนื่องจากอูฮักสูญเสียความทรงจำตอนอยู่มัธยมปลาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กีโฮหายตัวไป และคนทั้งสองก็มีอายุเท่ากัน มีบุคลิกหลาย ๆ อย่างคล้ายกัน อีกอย่างคือ แม่ของอูฮัก อาจเป็นแม่ของกีโฮที่หนีไป ?

วันต่อมา มกฮาตื่นเต้นกับการที่จะได้ไปเทศกาลทอด็อก ซึ่งรันจู ไอดอลในดวงใจของเธอมาร่วมงานนี้ด้วย เธอเตรียมลูกโป่งสีเขียวมะนาวมาเป็นจำนวนมาก เพื่อไปแจกผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งลูกโป่งเป็นสิ่งที่แฟนคลับสมัยก่อนนิยมใช้

แต่ทว่าตอนนี้ รันจูกลายเป็นนักร้องตกอับ ติดเหล้าติดบุหรี่ ทำให้ต้องมารับงานร้องเพลงในเทศกาลท้องถื่น ที่สำคัญคือ รันจูไม่สามารถร้องเพลงได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ผู้จัดงานขอให้เธอร้องสดโดยไม่ใช้ลิปซิงค์ เธอจึงดื่มเหล้าจนเมา เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่ขึ้นเวที

ทีนี้ มกฮาไปหาผู้จัดากรส่วนตัวของรันจู เพื่อขอเป็นนักร้องเงาเสียงให้รันจูลิปซิงค์

เมื่อถึงเวลาการแสดง ผู้จัดการให้รันจูขึ้นเวที รันจูก็เดินเซไปเซมาขึ้นเวทีด้วยความเมา เมื่อเห็นผู้ชมถือลูกโป่งสีเขียวมะนาว ทำให้เธอนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ในอดีต

และรันจูก็หันไปมองมกฮาที่ยืนหลบอยู่ด้านข้างเวที แล้วมกฮาก็เริ่มร้องเพลงให้รันจูลิปซิงค์

อูฮักที่ยืนอยู่ด้านหลังเวทีดูมกฮาร้องเพลงอยู่ ก็ถึงกับทึ่งในความสามารถในการร้องเพลงของเธอ ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่ไม่รู้ว่ารันจูร้องลิปซิงค์ ก็เอ่ยปากชมว่าเธอร้องเพลงเพราะกว่าเมื่อก่อนซะอีก

หลังจบการแสดง รันจูก็เดินไปหามกฮาและโผเข้ากอด ทั้งสองหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปีติ ในตอนนั้น มกฮารู้สึกว่า “เวลา 15 ปีที่ดูว่างเปล่า กลับมีความหมายขึ้นมาทันที”

EP.3 กระติกน้ำแข็งกับโดรน

ย้อนกลับไปในปีที่หกที่อยู่บนเกาะ ความลำบากและความสิ้นหวัง ทำให้มกฮารู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย เธอจึงตัดสินใจจะหนีทุกอย่างไป

วันนั้น เธอขึ้นไปบนหน้าผาและกระโดดลงมา ระหว่างที่ร่างดำดิ่งลงไปใต้ผืนน้ำทะเล เธอเห็นกระติกน้ำแข็งลอยอยู่บนผิวน้ำ กระติกใบนั้นทำให้เธอตัดสินใจขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

เมื่อเปิดกระติกน้ำแข็ง มกฮาถึงกับตาลุก มีรามยอนหมดอายุแล้วหนึ่งห่ออยู่ในนั้น เธอเอารามยอนห่อแรกในรอบหกปีไปต้มกิน มันเป็นรามยอนที่อร่อยที่สุดในชีวิต และรามยอนห่อนี้ ก็ทำให้เธอคิดได้ว่า ถ้าจบชีวิตตัวเองไปซะก่อน ก็คงไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติของรามยอนห่อนั้น

และต่อมาอีก 9 ปี มกฮาก็ได้พบโดรนกับชายหนุ่มสองคน ที่ช่วยพาเธอออกจากเกาะ จนทำให้เธอได้มาเจอกับรันจู หลังจากเวลาผ่านไป 15 ปี

รันจูเองก็มีช่วงเวลาที่แย่ไม่ต่างกัน เธอกลายเป็นนักร้องตกอับ หลังจากผ่าตัดติ่งเนื้อในเส้นเสียง ทำให้ร้องเพลงไม่ได้เหมือนเดิม นักร้องเมื่อร้องเพลงไม่ได้ก็ไม่มีงาน เมื่อไม่มีงานก็ไม่มีเงิน เมื่อไม่มีเงินชีวิตก็ตกต่ำลงเรื่อย ๆ จนต้องไปเช่าห้องใต้ดินของแฟนคลับอยู่ สุดท้ายก็ถูกแฟนคลับไล่ เพราะไม่จ่ายค่าเช่านานหลายเดือน

และเมื่อชีวิตอยู่ในช่วงตกต่ำสุดขีด มกฮาก็เป็นเหมือนกระติกน้ำแข็ง ที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

พบกันหลังสิบห้าปีผ่านไป

การแสดงบนเวทีของรันจูในเทศกาลทอด็อก กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล คลิปวิดีโอการร้องเพลงของเธอติดเทรนด์แบบเรียลไทม์ เธอได้รับคำชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก

มกฮาบอกกับรันจูว่า เธอเป็นคนส่งเอ็มวีเข้าประกวดแล้วได้ที่หนึ่งเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ซึ่งรันจูจำได้ และวันนั้นเธอก็รอมกฮาอยู่ที่โซลนาน แต่เมื่อมกฮาไม่มาตามนัด เธอจึงตัดสินใจเลือก อึนโมแร มาปั้นเป็นนักร้องในสังกัดแทน จนกลายเป็นไอดอลเบอร์หนึ่งในปัจจุบัน

ทีนี้ ขากลับเทศกาลทอด็อก รันจูไม่มีรถกลับ เธอจึงขอติดรถอูฮักกลับโซลด้วย คืนนั้น รันจูจึงมาอยู่ที่ห้องบนดาดฟ้ากับมกฮา

ระหว่างนั้น รันจูจึงชวนมกฮาดื่มยาดองทอด็อก เมื่อดื่มจนเมามายสติหลุด รันจูก็มอบเงินค่าจ้างที่ได้จากการแสดงที่เทศกาลทอด็อกให้กับแม่ของอูฮัก เป็นค่าเช่าห้อง และให้สัญญากับมกฮาว่า จะพาเธอไปออดิชั่นที่ RJ Entertainment

พอได้สติในตอนเช้า รันจูก็โกรธตัวเองที่เมาทีไรหาเรื่องทุกที เธอจึงโทร. ไปหาประธานอี เพื่อจัดฉากให้มกฮาเข้าออดิชั่น

จากนั้น มกฮาก็ได้ยินเรื่องสัญญาที่ระบุเอาไว้ว่า ถ้ารันจูขายอัลบั้มได้ 20 ล้านแผ่น เธอจะได้หุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ของ RJ Entertainment

ผู้จัดการส่วนตัว

วันต่อมา รันจูก็พามกฮาไปที่บริษัท RJ เพื่อออดิชั่น แต่ยังไม่ทันที่มกฮาจะได้ร้องเพลง ประธานอีกลับปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าเป็นเด็กฝึก โดยอ้างเรื่องอายุและการศึกษา … แต่ประธานอียืนข้อเสนอให้มกฮาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของจูรันแทน

ระหว่างนั้น มกฮาก็คิดเหตุผลที่ประธานอีพยายามกีดกันรันจู สุดท้ายเธอก็รู้ว่า ประธานอีไม่ต้องการให้รันจูขายอัลบั้มได้ 20 ล้านแผ่น เพราะจะทำให้เขาสูญเสียอำนาจในการควบคุมบริษัท

มกฮาจึงไปขอความช่วยเหลือจากอูฮักและโบกอล จนเธอได้รู้ว่ายอดขายรวมขาดอีกแค่ 84,731 แผ่น ก็จะครบ 20 ล้าน

เมื่อโบกอลรู้ว่ามกฮาได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของรันจู เขาจึงขอให้เธอพารันจูมาออกรายการ มกฮาจึงตอบตกลง

ในคืนนั้น

คืนนั้น มกฮาขอให้รันจูรักษาเส้นเสียง เพื่อจะได้กลับมาร้องเพลงได้เหมือนเดิม และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับออกรายการ แต่รันจูปฏิเสธ เพราะลองรักษามาหลายวิธีแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอจึงขอให้มกฮาร้องเป็นเงาเสียงให้ เหมือนอย่างที่เคยทำที่เทศกาลทอด็อก

รันจูบอกว่าเธอจะร้องเพลง ‘ในคืนนั้น’ ออกรายการ เพราะเป็นเพลงที่เป็นสัญลักษณ์ถึงกีโฮ … มกฮาตกใจ รันจูรู้จักกีโฮอย่างนั้นเหรอ ?

รันจูจึงเล่าว่า เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว กีโฮมาดักรอพบเธอที่บ้าน เขายื่นรูปถ่ายเด็กสาวให้ และบอกว่าถ้าเจอเด็กสาวคนนี้ขอให้เธอเข้าไปกอด … ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่รันจูเข้าไปกอดมกฮาที่งานเทศกาลทอด็อก

และเพลง ‘ในคืนนั้น’ ก็คือเพลงที่รันจูแต่งขึ้นจากเรื่องราวของมกฮานั่นอง

ค่ำคืนนั้น มกฮานั่งดีดกีตาร์ร้องเพลง ‘ในคืนนั้น’ บนดาดฟ้า เสียงร้องของเธอดึงดูดให้อูฮักและโบกอลเดินขึ้นมาฟัง ทั้งสองยืนฟังเหมือนถูกมนตร์สะกด

แล้วภาพก็ตัดไปที่หน้าสถานีโซล มกฮายืนถือช่อดอกไม้ อีกมือหนึ่งก็ถือร่มในคืนวันฝนตก แล้วทันใดนั้นเธอก็หันหน้าไปมองใครบางคน หรือว่ากีโฮตัวจริงจะปรากฏตัวขึ้นแล้ว ?

EP.4 ดอกไม้ช่อนั้น

รันจูได้รับเชิญให้เป็นแขกในรายการ ‘ปัดฝุ่นยุคทอง’ โดยเธอจะต้องร้องเพลงแข่งกับตัวเองในช่วงรุ่งโรจน์เมื่อปี 2008

มกฮาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของรันจู แต่เธอไม่มีโทรศัพท์มือถือ ใบขับขี่ก็ไม่มี รถก็ไม่มี เธอจึงถูกโบกอลบ่น เป็นผู้จัดการดาราแบบไหนกัน ถึงติดต่องานยากขนาดนี้ “น่าเวทนาจริง ๆ” เจอดอกนี้เข้าไป มกฮาก็ถึงกับยิ้มไม่ออก

พอโบกอลกลับไปแล้ว มกฮาจึงบ่นกับตัวเอง “ก็คนมันไม่มีเงินนี่นา จะมีโทรศัพท์ได้ยังไงล่ะ” พอรู้ตัวว่าไม่มีเงิน มกฮาจึงคิดจะหางานทำ เผอิญเธอเหลือบไปเห็นป้ายรับสมัครงานที่หน้าร้านเสริมสวยของแม่อูฮัก เธอจึงเดินเข้าไปสมัครงาน และได้งานทันที

กินคนเดียว

อูฮักซื้อคิมบับมาฝากมกฮา ระหว่างกิน อูฮักเล่าว่าคนสมัยนี้ชอบทำอะไรคนเดียว กินข้าวคนเดียว ไปดูหนังคนเดียว ซึ่งมกฮาบอกว่า เกลียดการกินข้าวคนเดียวที่สุด เพราะเธอต้องกินข้าวคนเดียวมาตลอด 15 ปีที่อยู่บนเกาะ เกลียดถึงขนาดที่ต้องทำเป็นนั่งคุยกับตัวเองระหว่างกินข้าว ถึงขนาดที่เธอล่อนกนางนวลด้วยมันฝรั่ง เพื่อให้มันมากินข้าวกับเธอ

มกฮาย้ำกับอูฮักด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้านายต้องกินข้าวคนเดียว เรียกฉันได้เลยนะ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะไปหา”

จากนั้น อูฮักก็ให้มกฮาดูรอยแผลที่ศีรษะ ที่เกิดจากอุบัติเหตุร้ายแรงตอนที่เรียน ม.ปลาย บาดแผลนี้ทำให้เขาเสียความทรงจำก่อน ม.ปลายไปทั้งหมด เขาบอกว่า บางที่กีโฮก็อาจจะเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กับเขาก็ได้ เลยมาหาเธอไม่ได้

นกคีรีบูน

ที่สตูดิโอรายการ ‘ปัดฝุ่นยุคทอง’ พีดีรุ่นพี่เล่าเรื่องความเยอะในอดีต สมัยรันจูยังเป็นซุปตาร์ ถ้าสตูดิโอไหนมีฝุ่น นางจะหาเรื่องเทงานไม่ถ่ายซะอย่างนั้น ซึ่งเป็นที่มาของฉายา ‘นกคีรีบูน’ ซึ่งนอกจากจะเสียงเพราะแล้ว ยังไวต่อฝุ่นและอากาศอีกด้วย

เหตุนี้เอง จึงทำให้สตูดิโอต้องติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่เอาไว้ โบกอลจึงขอบคุณความเยอะของรันจูในอดีต ที่ทำให้วันนี้สตูดิโอมีเครื่องฟอกอากาศ

เกาลัดม้า

และแล้วก็ถึงวันถ่ายรายการ มกฮาพารันจูไปสตูดิโอด้วยรถประจำทาง

เมื่อมาถึง ทั้งสองก็ต้องแปลกใจกับสิ่งที่ประธานอีเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มกับอาหารเลี้ยงผู้ชม เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ซื้อไว้ให้รันจูโดยเฉพาะ มกฮาเห็นความผิดปกติจึงเตือนว่า ประธานอีก็เหมือน ‘เกาลัดม้า’ ที่หน้าตาและรสชาติเหมือนเกาลัดธรรมดาทุกอย่าง แต่เมื่อกินเข้าไปก็จะเป็นไข้และท้องร่วง

ลิปซิงค์

การออกอากาศสดเริ่มต้นขึ้น เป็นการแข่งขันกันระหว่าง รันจูในปี 2008 กับรันจูในปี 2022 จากนั้นก็จะเปิดให้ผู้ชมทางบ้านโหวต

โดยมกฮาใช้เสียงของเธอร้องลิปซิงค์ให้กับรันจู ซึ่งมีเสียงคล้ายกับรันจูในอดีต (แน่นอนว่ามันเป็นการหลอกหลอกผู้ชม)

ต่อมาก็เป็นช่วงการสัมภาษณ์ รันจูได้กล่าวถึงกีโฮบนเวที “ฉันอยากบอกเขาว่า เพื่อนของเขากำลังรออยู่ และหวังว่าสักวันจะได้เจอเขา”

ดอกไม้ช่อนั้น

หนึ่งวันหลังรายการออกอากาศ อูฮักได้รับช่อดอกไม้ โดยมีการ์ดที่เขียนข้อความด้วยลายมือติดมาด้วย “ฝากบอกมกฮาด้วยว่าผมจะรอที่นั่น วันนี้ตอนสองทุ่ม จากกีโฮ”

เมื่อมกฮารู้ จึงรีบออกไปหาอูฮักทันที เธอถึงกับหลังน้ำตาออกมา เมื่อได้อ่านข้อความบนการ์ด มันเป็นน้ำตาของความดีใจ

ต่อมา ดูฮักเล่าเรื่องนี้ให้โบกอลฟัง แล้วโบกอลก็รีบวิ่งออกไปทันที (นั่นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า ดอกไม้ช่อนั้นไม่ได้ถูกส่งมาจากกีโฮ เพราะกีโฮก็คืออูฮัก)

ระหว่างนั้น มกฮาถือช่อดอกไม้นั่งรถเมล์ไปหากีโฮที่สถานีโซล ตามเวลานัดสองทุ่ม แต่คนที่มารอพบมกฮากลับเป็นพ่อของกีโฮ มกฮาพยายามวิ่งหนีและก็ล้มลง จังหวะนั้นก็มีชายสวมฮูดมาช่วยพาเธอหนี

เมื่อหนีได้ มกฮาจึงถามเขาว่า “คุณใช่กีโฮหรือเปล่า ?” ชายคนนั้นเปิดฮูดออก เขาคือโบกอล

EP.5 รูปที่ติดอยู่บนผนังบ้าน

หลังจากช่วยมกฮา โบกอลก็ต่อว่าเรื่องที่เธอให้รันจูพูดเรื่องส่วนตัวออกรายการทีวี เพราะมันอันตราย แต่มกฮาไม่สนใจ สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือได้เจอกับกีโฮอีกครั้ง

ถึงอย่างนั้น มกฮาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมกีโฮถึงไม่มาหา หรือว่าเขาตายไปแล้วนะ ? โบกอลลดโทนเสียงแล้วพูดว่า กีโฮยังไม่ตายหรอก เขาแค่ซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ปลอดภัย

ต่อมา โบกอลให้มกฮาตั้งการโทร. ฉุกเฉินเป็นเบอร์ของเขา ถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรเขาจะได้ไปช่วยทัน คำพูดเหล่านั้นเป็นคำพูดที่เหมือนกับกีโฮเป๊ะ ทำเอามกฮาถึงกับอมยิ้มออกมา

ร้องเพลงงานแต่ง

ประธานอีเรียกคืนแผ่นซีดีอัลบั้มของรันจูออกจากตลาด รวมถึงการขายออนไลน์ทั้งหมด รันจูจึงไปพบประธานชูก้าร์ ค่ายเพลงต้นสังกัดเดิม เพื่อขอให้ประธานชูก้าร์วางขายอัลบั้มของเธอ

ประธานชูก้าร์ยื่นข้อเสนอ ให้รันจูไปร้องเพลงในงานแต่งงานของลูกสาวเขา เป็นการแลกเปลี่ยน มันเป็นข้อเสนอที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ เพราะเธอร้องเพลงไม่ได้

คืนนั้น หลังจากจนเมามายเพราะความเครียด ที่ถูกบังคับให้ไปร้องเพลงในงานแต่งงาน รันจูก็เจอกับมกฮาโดยบังเอิญ เธอโวยวายออกมาไม่หยุด ก่อนที่จะโทษว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของมกฮา

วันต่อมา มกฮาเห็นรถขนซีดีอัลบั้มของรันจูที่บริษัทเรียกคืน ก็โกรธมาก และกำลังจะไปต่อว่าประธานอี แต่ผู้จัดการได้เปิดคลิปให้ดู เป็นคลิปที่เขาแอบถ่ายตอนที่เธอแอบหยิบไมค์ ก่อนที่รายการ ‘ปัดฝุ่นดารา’ จะออกอากาศ … เขาขอให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่งั้นเขาจะปล่อยคลิปแฉ

งานแต่งงาน

มกฮากำลังจะไปงานแต่งงาน โบกอลจึงเรียกให้เธอขึ้นรถ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็จะไปงานแต่งงานของประธานชูก้าร์เช่นกัน

เวลาเดียวกัน รันจูก็ใส่แว่นพรางตัวเข้าไปร้องเพลงของตัวเองที่ร้านคาราโอเกะ เธอพยายามร้อง แต่ก็ร้องได้แป๊บเดียวก็ไอออกมา จังหวะนั้น สายของมกฮาก็โทร. เข้ามาหา มกฮาขอร้องให้เธอมาร้องเพลงอวยพรที่งานแต่งงาน

ตอนแรกรันจูปฏิเสธ มกฮาก็เลยบอกว่า จริง ๆ แล้วเธอเป็นแฟนคลับคนแรกรันจู ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ

ทำให้เราได้รู้ความจริงว่า รันจูเป็นรุ่นพี่ของมกฮาที่โรงเรียนมัธยมต้นบนเกาะชุนซัม และประธานชูก้าร์ก็คือครูสอนดนตรีของรันจู มกฮาได้เห็นรันจูร้องเพลงในคลาสดนตรี ก็ยกให้รันจูเป็นไอดอลตั้งแต่วันนั้น

ต่อมา ประธานชูก้าร์ยอมลาออกจากครู และสละสิทธิ์เงินบำนาญ เพื่อมาปลุกปั้นรันจูให้เป็นนักร้อง ถึงขนาดทะเลาะกับภรรยา จนต้องแยกกันอยู่ แต่สุดท้ายรันจูก็ทำให้ประธานชูก้าร์ผิดหวัง

เมื่อได้หวนคิดถึงอดีต สุดท้ายรันจูก็ยอมมางานแต่งงาน

รันจูกับมกฮาร้องเพลงคู่ โดยมกฮาช่วยประคองในคีย์สูง จนกลายเป็นเพลงคู่ที่ร้องออกมาไพเราะอย่างไม่น่าเชื่อ

จากนั้น ประธานชูก้าร์กับรันจูก็ปรับความเข้าใจกัน กับเรื่องที่เคยผิดใจ และทำไม่ดีต่อกันในอดีต

พี่น้องทางสายเลือด ?

อูฮักตามสืบ ‘จองบงวาน’ พ่อของกีโฮที่ตอนนี้เป็น รปภ.อยู่ที่อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่ง จนกระทั่งมีจังหวะแอบเข้าไปในที่พักของจองบงวาน เมื่อได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เศษเสี้ยวความทรงจำในวัยเด็กก็เริ่มแวบเข้ามาในหัว

อูฮักเดินสำรวจภายในห้อง และได้เห็นรูปครอบครัว เขาเห็นตัวเขา โบกอล และแม่อยู่ในรูป จังหวะนั้น โบกอลก็เดินเข้ามา อูฮักจึงยิงคำถามใส่ด้วยความสงสัย “ทำไมถึงมีรูปพวกเราอยู่ที่นี่ หรือว่าเขาคือพ่อของเรา ?” โบกอลยืนนิ่ง ไม่มีคำพูดใดออกจากปาก

เวลาเดียวกัน มกฮาก็ถามกับแม่ของอูฮักว่า “คุณรู้จักกีโฮหรือเปล่าคะ ?”

EP.6 ความลับและคำโกหก

อูฮักเห็นรูปถ่ายครอบครัวที่บ้านของจองบงวาน โบกอลที่ตามมาจึงเล่าความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น …

ในอดีต จองบงวานเป็นพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว วันหนึ่งพอเจอเงินที่กีโฮ (โบกอล) ซ่อนเอาไว้เพื่อใช้หนี ทำให้พ่อโกรธมาก คว้าเอาเก้าอี้จะตี แต่อูฮักเข้ามาขวางเอาไว้ ทำให้เก้าอี้กระแทกเข้าที่หัวอย่างรุนแรง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียความทรงจำ

จากนั้น แม่ก็พาลูก ๆ หนีออกมาจากพ่อ และเปลี่ยนตัวตนเพื่อมาสร้างครอบครัวใหม่

เมื่ออูฮักรู้ความจริงก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมทั้งแม่และโบกอลเอาแต่หลบซ่อน ไม่กล้าเผชิญหน้ากับพ่อ … โบกอลจึงบอกว่า “ถ้าเราทำแบบนั้น ครอบครัวของเราจะพัง”

วันต่อมา แม่บอกกับโบกอลเรื่องที่มกฮามาถามเธอว่า “รู้จักกีโฮหรือเปล่า ?” เขาจึงเล่าความจริงให้แม่ฟัง เรื่องที่พ่อตามหาจนเจอมกฮา แม่แสดงท่าทางกลัวออกมาทันที โบกอลจึงเข้าไปปลอบแล้วบอกว่า เขาจะเป็นคนปกป้องเธอเอง

อูฮักนำเอา ‘ยูเอสบีไดรฟ์’ คลิปเอ็มวีที่มกฮาส่งเข้าประกวดร้องเพลงเมื่อสิบห้าปีก่อนไปให้มกฮา แล้วบอกกับเธอว่า ไปเจอกีโฮมา ซึ่งตอนนี้เขาแต่งงานและมีชีวิตที่ดี

อูฮักโกหกเพื่อปกป้องครอบครัว แต่ดูเหมือนมกฮาจะไม่เชื่อสิ่งที่อูฮักบอก เพราะทั้งแม่ โบกอลและอูฮัก ต่างมีคำพูดหลายอย่างที่เหมือนกับกีโฮในอดีต เธอคิดว่ากีโฮต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในสองพี่น้องแน่ ๆ

ร้องเพลงแข่งตัดขา

ระหว่างนั้น ประธานชูก้าร์ก็แจ้งข่าวดีกับรันจู อัลบั้มของเธอได้รับการจองซื้อจากแฟนเพลงอย่างล้นหลาม เท่ากับว่ามียอดขายอีกแค่ 3-4 หมื่น ก็จะครบ 20 ล้านแผ่นตามสัญญา

แต่ซอจุนไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น เขาจึงส่งอึนโมแรไปแข่งร้องเพลงกับรันจู ในรายการ ‘ปัดฝุ่นยุคทอง’ เพื่อหวังกลบกระแสของรันจูให้ดับ

ระหว่างนั้น ผู้จัดการส่วนตัวของอึนโมแรก็เข้าประชุมกับโปรดิวเซอร์ของรายการ โดยเขาขอให้ใช้เสียงของอึนโมแรที่บันทึกเอาไว้แทนที่จะเป็นการร้องสด ซึ่งโปรดิวเซอร์ก็ตกลง เพราะอึนโมแรถือเป็นไอดอลเบอร์หนึ่งของยุค

แบบนี้มกฮาไม่พอใจ มันเป็นการเอาเปรียบกันชัด ๆ อีกคนร้องสด แต่อีกคนกลับเปิดเสียงที่บันทึกเอาไว้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าผู้จัดการฯ มีคลิปแบล็กเมล์อยู่ในมือ

ต่อมา รันจูไปหาหมอเพื่อเช็กกล่องเสียง ปรากฏว่าแผลทางกายภาพหายเป็นปกติดีแล้ว หมอบอกว่าที่รันจูยังร้องเพลงไม่ได้เหมือนเดิมในคีย์สูง อาจเป็นเพราะความเครียดและความกังวลมากกว่า

เมื่อรู้แบบนั้น รันจูจึงกลับบ้านมานั่งสมาธิเพื่อให้จิตใจนิ่ง เธอคิดว่ามันอาจจะช่วยให้เสียงร้องกลับมาเป็นปกติ

ไอดอลตัวแทน

อึนโมแร แม้จะเป็นไอดอลเบอร์หนึ่งแห่งยุค แต่มีปมในใจที่เธอเป็นแค่ตัวแทนของมกฮา … “ถ้าวันนั้นมกฮามาตรงเวลา เธอก็ไม่ได้เกิด” คำพูดของรันจูยังคงดังอยู่ในหัวของอึนโมแร

มกฮาก็รู้เช่นกัน เธอเผชิญหน้ากับอึนโมแร และย้ำไปที่ปม “ถ้าคุณร้องสดแล้วชนะพี่รันจูได้ในวันนี้ ฉันถึงจะยอมรับคุณว่าเป็นไอดอลตัวจริง”

ก่อนรายการสดจะเริ่มขึ้น โปรดิวเซอร์รุ่นพี่เกิดไส้ติ่งแตกกะทันหัน ทำให้โบกอลต้องมารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หลัก เขากล่าวต่อหน้า อึนโมแรและรันจูว่า จะไม่มีการเปิดเสียงที่บันทึกเอไว้ การแข่งขันครั้งนี้จะต้องเป็นการแข่งขันด้วยการร้องสดเพื่อความยุติธรรม

อึนโมแรโมโหที่รายการไม่ทำตามข้อตกลง เธอเดินออกไปจากห้อง และบอกว่าจะไม่ขึ้นร้องเด็ดขาด

จากนั้น โบกอลก็บอกกับรันจูว่า ครั้งนี้เธอต้องร้องโดยสดโดยไม่ใช้ลิปซิงค์ … มกฮาตกใจ … โบกอลจึงบอกความจริงว่า เขารู้เรื่องที่มกฮาลิปซิงค์ให้รันจูในรายการครั้งก่อน “เลิกโกหกเถอะครับ ยิ่งโกหกต่อไป มันจะเลยเถิดจนยากจะควบคุม”

EP.7 เผชิญหน้าและยอมรับ

รันจูเครียดจัดเมื่อรู้ว่า ต้องร้องเพลงสดด้วยตัวเอง เธอคิดว่าถ้าชนะในการแข่งขัน คนที่จะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีต่อหน้าผู้ชมก็คือ มกฮา เมื่อเห็นรันจูเครียด มกฮาจึงบอกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอไม่มีทางทรยศรันจูอย่งแน่นอน จากนั้น รันจูก็ให้มกฮาไปแต่งหน้าแต่งตัวเตรียมขึ้นเวที

ส่วนอึนโมแรก็รู้สึกไม่มั่นใจในการแข่งขัน เธออยากจะเทรายการนี้ไปซะเลย โดยอ้างว่าโปรดิวเซอร์เปลี่ยนข้อตกลงก่อนออกอากาศ แต่ประธานอีก็มาเกลี้ยกล่อม จนในที่สุด เธอก็ยอมขึ้นเวที

เมื่อการถ่ายทอดสดเริ่มขึ้น รันจูกล่าวขอโทษต่อหน้าผู้ชมคนทั้งประเทศ และสารภาพว่า เธอใช้ลิปซิงค์มาตลอด จากนั้นเธอก็ขอถอนตัว เพื่อเปิดทางให้มกฮา ซึ่งเป็นเจ้าของเสียงตัวจริงเป็นคนร้องแทน

การแข่งขันเริ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าอึนโมแรรู้สึกกดดัน ทำให้การร้องไม่เป็นธรรมชาติ จนในที่สุดเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมกฮา

มกฮาได้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในฐานะผู้ชนะ ต่อหน้าผู้ชมทั่วประเทศ ความฝันของเธอกลายเป็นจริงแล้ว ในขณะที่โบกอลก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข ที่ได้เห็นมกฮาได้เฉิดฉายอยู่บนเวที

ตัดสินใจเผชิญหน้า

ขณะเดียวกัน มกฮาก็ได้ยินโบกอลพูดคุยกับอูฮักอยู่ที่ทางเดินหนีไฟ ทำให้เธอได้รู้ว่า โบกอลคือกีโฮ และพวกเขากำลังหนีจากการตามล่าของจองบงวาน

จองบงวานมาตามหามกฮาที่สถานีโทรทัศน์ มกฮาจึงตัดสินใจไม่หนีอีกต่อไป เธอเลือกจะเผชิญหน้า และบอกว่าเธอไม่รู้ว่ากีโฮอยู่ที่ไหน แต่เซ้นส์ความเป็นอดีตตำรวจ ทำให้จองบงวานรู้ว่ามกฮากำลังโกหก

มกฮาตกใจมากกลัวว่ากีโฮจะได้รับอันตราย เธอจึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปที่สถานีขนส่ง แล้วซื้อตั๋วรถไปยังที่ที่ไกลจนไม่มีใครตามเจอ

แต่เพียงแค่วันรุ่งขึ้น โบกอลก็ตามหามกฮาเจอ โดยอาศัยโพสต์ในโซเชียลที่แฟนคลับของมกฮาอัปรูปที่เห็นเธอตามสถานที่ต่าง ๆ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่โบกอลจะตามเจอ … นี่แสดงว่ามกฮากลายเป็นนักร้องคนดังไปแล้วสินะ

เปิดเผยตัวตน

โบกอลบอกกับมกฮาว่าเขาคือกีโฮ และบอกว่าตอนนี้เขาอยากกลับไปเป็นกีโฮคนเดิม “ฉันอยากบอกคำนี้กับเธอมาตลอด ขอบคุณนะที่ยังมีชีวิตอยู่” แล้วเขาก็เข้าไปสวมกอดเธอ

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อูฮักตามมาพอดี เขาได้เห็นทั้งสองกอดกัน สายตาของอูฮักมันเหมือนกับว่า เขาก็ชอบมกฮาเช่นเดียวกัน … หรือพี่น้องคู่นี้จะรักผู้หญิงคนเดียวกันนะ ?

EP.8 พายุใหญ่ที่กำลังมา

โบกอลบอกว่า ถ้ามกฮาเป็นนักร้องดังจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีกว่า จากนั้นก็ยื่นโปสเตอร์ให้เซ็น ในฐานะที่เป็นแฟนคลับคนแรก และพูดติดตลกว่า ขอให้เธอเป็นนักร้องที่โด่งดังให้ได้ เพราะเมื่อถึงวันนั้น ลายเซ็นนี้อาจจะมีมูลค่า 3.2 พันล้านวอน เหมือนลายเซ็นของ ‘ไมเคิล จอร์แดน’ ก็ได้

ระหว่างนั้น พ่อแม่เห็นสายตาของอูฮักที่มองมกฮาแล้วเกิดความวิตกกังวล ทั้งสองคิดว่าอูฮักอาจจะชอบผู้หญิงคนเดียวกับน้องชาย จึงตัดสินใจเข้าไปถามอูฮักตรง ๆ เขาจึงบอกว่าไม่ได้ชอบมกฮา แต่ก่อนหน้านี้ก็มีแอบคิดบ้าง เนื่องจากเขาคิดว่าตัวเองคือกีโฮ

ถึงอูฮักจะพูดไปแบบนั้น แต่สายตาของเขาก็ดูเหมือนจะยังชอบมกฮาอยู่นะ

ความฝันและความกลัว

คืนนั้น โบกอลฝันเห็นจองบงวานตามหาพวกเขาจนเจอ และเข้ามาทำร้ายคนในครอบครัว เขาจึงสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก นั่นทำให้โบกอลตัดสินใจเผชิญหน้ากับจองบงวาน

รุ่งขึ้นโบกอลตัดสินใจกลับไปที่เกาะชุนซัมอีกครั้ง เขาตั้งใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของจองบงวาน เขาไปหาลุงร้านปูดองนึ่งซีอิ๊วเพื่อให้ส่งข่าวบอกจองบงวาน

แต่ทว่า แผนนี้กลับใช้ไม่ได้ผล จองบงวานซึ่งเป็นอดีตตำรวจรู้ว่ามันเป็นแผนของโบกอล เขาบอกให้โบกอลกลับไปรออยู่ที่บ้าน เพราะอีกไม่นานเขาจะไม่หาเอง

ข้อเสนอที่ไม่อาจจะรับได้

วันเดียวกัน มกฮาได้รับการติดต่อจากประธานอีให้เข้ามาเป็นศิลปินในสังกัด แต่เธอปฏิเสธ โดยยืนยันเสียงแข็ง ไม่ว่ายังไงเธอจะไม่มีวันหักหลังรันจูอย่างแน่นอน ดังนั้น เธอไม่มีทางยอมรับข้อเสนอที่จะเป็นศิลปินในสังกัด RJ Entertainment อย่างแน่นอน

สิ่งเดียวที่เธอต้องการทำให้สำเร็จก็คือ ทำให้ซีดีของรันจูขายให้ได้ครบ 20 ล้านแผ่น ซึ่งตอนนี้เหลืออีกไม่ถึง 2 หมื่นแผ่นก็จะครบแล้ว

เวลาเดียวกัน แม่ของรันจูที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมก็หนีออกจากโรงพยาบาล เพื่อไปหามกฮา เพราะคิดว่าตัวเองเป็นรันจู

เมื่อรู้เช่นนั้น รันจูจึงรีบไปรับตัวแม่ทันที และตอนนั้นเธอก็ได้เจอกับมกฮา สีหน้าของรันจูดูเหมือนจะยังโกรธมกฮาที่อยู่ดี ๆ ก็หนีไปโดยไม่บอกใคร “ฉันไม่น่าไว้ใจเธอตั้งแต่แรก คบเด็กสร้างบ้านจริง ๆ” แม้มกฮาจะพยายามขอโทษ แต่รันจูก็ไม่ฟัง เธอคิดว่าเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองที่สามและครั้งต่อ ๆ ไป

จากนั้น รันจูก็โทร. ไปหาประธานอีเพื่อนัดยกเลิกสัญญาของเธอที่ทำไว้ ทั้ง ๆ ที่ยอดขายซีดีใกล้จะครบ 20 ล้านแผ่นตามสัญญาแล้ว มกฮาตกใจมากกับการตัดสินใจครั้งนี้ของรันจู

พายุลูกใหญ่ที่กำลังมา

มกฮานึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เธอใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนเกาะร้าง ในตอนนั้นมีพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวและมุ่งหน้ามาทางเกาะ เธอยืนเผชิญหน้ากับพายุ และตะโกนไล่มันไป แต่แล้วก็ไม่มีปาฏิหาริย์ใด ๆ เกิดขึ้น

มกฮาต้องหลบพายุอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ด้วยความหวาดกลัว ถึงอย่างนั้นเธอก็อดทนจนพายุผ่านพ้นไป และถึงพายุจะพัดพาทุกอย่างพังทลายไป แต่เธอก็เชื่อมั่นในพลังของตัวเองที่จะสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ได้ … และวันนี้ ในปัจจุบันเธอก็ยังเชื่ออย่างนั้นเช่นเดิม

ขณะเดียวกัน โบกอลก็ตัดสินใจไปพบจองบงวาน มันเป็นการพบที่แม้แต่จองบงวานก็ไม่คาดคิด … โบกอลตั้งใจจะทำอะไรไม่มีใครรู้ แต่สายตาของเขาดูจริงจังและน่ากลัวมาก

และก่อนหน้านั้น โบกอลได้เสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับการสังหารคนด้วยยาพิษ หรือว่าเขาคิดจะสังหารพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง !? ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ที่แน่ ๆ พายุลูกใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

EP.9 อันทิลดิเอนด์

จองบงวานเผชิญหน้ากับโบกอล (กีโฮ) ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ตอนแรกเขาจำลูกชายไม่ได้ จนโบกอลต้องเอ่ยปากบอกว่า “ผมคือกีโฮ”

จองบงวานรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ เขาจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าของโบกอล แล้วก็พบโทรศัพท์ที่ใช้บันทึกเสียงซ่อนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าโบกอลใช้เล่ห์เหลี่ยม เขาจึงโกรธจัดฟิวส์ขาด ใช้กำปั้นชกเข้าไปที่หน้าของโบกอล จากนั้นก็ใช้เท้ากระทืบ แล้วต่อด้วยคว้าเก้าอี้เข้าตีใส่ไม่ยั้งจนเก้าอี้หัก

สักพัก โบกอลก็ลุกขึ้นมาพร้อมเครื่องบันทึกเสียงอีกเครื่องที่ซ่อนเอาไว้ “อย่าเข้าใกล้ครอบครัวของเราอีก ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งตำรวจ” เขามีหลักฐานเก็บเอาไว้ทั้งหมด และที่บ้านก็ยังติดตั้งกล้องวงจรปิด โบกอลเยาะยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ แต่มันเป็นรอยยิ้มที่กลบเกลื่อนน้ำตาที่ซ่อนเอาไว้

ความอ่อนแอ

มกฮาถามหาเหตุผลว่า ทำไมรันจูถึงยอมทิ้งความพยายามทั้งหมดให้สูญเปล่าไป ทั้งที่ใกล้จะขายอัลบั้มได้ครบ 20 ล้านก๊อบปี้แล้ว ? รันจูบอกว่าเธอไม่อยากฝากความหวังไว้กับเด็กอ่อนแอ ที่ยอมแพ้ทุกครั้งเมื่อเจอปัญหา จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องของเด็กคนหนึ่ง ที่ขี้แพ้อ่อนแอเหมือนกับมกฮา

คนคนนั้นคือ ผู้จัดการของอึนโมแร เมื่อก่อนเขาเป็นเพียงพนักงานส่งของ วันหนึ่งเขาได้ส่งเดโมเพลงให้รันจู เธอรู้สึกประทับใจและเห็นแววศิลปินของเขา จึงได้พยายามผลักดันเขาอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เพราะเขายอมแพ้ซะก่อน ประธานอีจึงเสนอตำแหน่งผู้จัดการอึนโมแรให้เขาแทน

พิสูจน์ตัวเอง

วันต่อมา มกฮาก็รับข้อเสนอเป็นศิลปินในสังกัดของ RJ Entertainment เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่รันจูบอก ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น จนมาถึงตอนเลือกเพลง มกฮาเกิดไปถูกใจเพลงเพลงหนึ่ง เธอพยายามติดต่อผู้แต่งเพลง แต่เธอกลับถูกปฏิเสธ

วันรุ่งขึ้น มกฮาเจอกับผู้จัดการอึนโมแร เธอจึงพูดจาไม่ดีใส่ โดยหาว่าเขาเป็นคนขี้อิจฉา โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือผู้แต่งเพลงเพลงนั้น เธอพยายามขอโทษ แต่เขาโกรธควันออกหูไม่สนใจคำขอโทษ “ฉันไม่มีวันยกเพลงให้เธอหรอก”

วันนั้นทั้งวัน มกฮาจึงเอาเนื้อเพลงมาเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้เหมาะกับยุคสมัย ทำเสร็จก็เอาไปให้ผู้จัดการอึนโมแรดู เขาบอกกับเธอว่าอย่าเอาเพลงที่อยู่ในสต๊อกไปใช้เลย เพราะมันเป็นเพลงขยะที่ไม่มีศิลปินคนไหนต้องการ ถึงอย่างนั้น มกฮาก็ยังยืนยันว่าจะใช้เพลงของเขา เพราะเธอไม่กลัวที่จะล้มเหลว และเธอก็ชอบเพลงนี้มาก ๆ สุดท้ายเขาก็อนุญาตให้เธอใช้เพลง

Until the End

ต่อมา โบกอลเผยตัวตนที่แท้จริงกับรันจูว่า เขาคือกีโฮ จากนั้นเขาก็ขอให้เธอช่วยเรียบเรียงเพลงใหม่ของมกฮา เธอก็ตอบตกลง แต่ขอร้องอย่าบอกมกฮาว่าเธอเป็นคนเรียบเรียงให้

ไม่กี่วัน เพลงใหม่ของมกฮาก็เสร็จ มกฮาได้ร้องเพลงนั้นโชว์ต่อหน้าประธานอี ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะพอใจมาก

ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี แล้วคืนนั้น จองบงวานก็มาที่บ้าน แต่ขณะนั้นมีเพียงมกฮาอยู่กับแม่ของโบกอลเพียงสองคน มกฮาถามด้วยสายตาแข็งกร้าว “คุณมาที่นี่ทำไม ?”

EP.10 เดินหน้าตามล่าฝัน

จองบงวานมาเพื่อขอให้อดีตภรรยากลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะดำเนินมาไกลเกินกว่าจะกลับไปจุดนั้นได้แล้ว ส่วนมกฮาก็รีบโทร. แจ้งตำรวจทันที

ระหว่างนั้น อูฮักกลับมาถึงบ้านพอดี ทำให้เกิดการยื้อยุดฉุดกระชาก อูฮักกำหมัดแน่นเตรียมง้างกำปั้นเข้าเบ้าหน้าของผู้เป็นพ่อ เวลานี้เขาไม่ใช่เด็กที่จะยอมให้พ่อทำร้ายได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ก่อนความรุนแรงจะเกิดขึ้น แม่ก็เข้ามาห้ามเอาไว้ ไม่นานนัก ตำรวจก็เดินทางมาถึง และควบคุมตัวจองบงวานไป

จากนั้น โบกอลก็กลับมาถึงบ้าน เขาเข้าไปโอบกอดมกฮาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เธอจะพูดกับเขาว่า “พ่อนายไม่มีค่าพอจะให้โกรธ หรือแม้แต่นึกถึงด้วยซ้ำ ลบเขาออกไปจากใจเถอะนะ”

ช่วงเวลาเดียวกัน ตำรวจได้พบศพของครอบครัวหนึ่ง ที่ตัดสินใจขับรถตกน้ำเพื่อจบชีวิตยกครัว จากหลักฐาน ตำวจสันนิษฐานว่าทั้งหมดเสียชีวิตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

ข่าวรายงานว่า มีคนสวมรอยเป็นผู้เสียชีวิตเพื่อหลบหนีสามี โดยผู้เป็นแม่เปิดร้านเสริมสวย ส่วนลูก ๆ คนหนึ่งเป็นนักข่าว อีกคนก็เป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม

รันจูตัดสินใจเป็นโปรดิวเซอร์ให้มกฮา แต่มีเงื่อนไขว่า เธอต้องเลิกยุ่งเลิกติดต่อกับครอบครัวโบกอล เพราะตอนนี้ในสายตาคนทั่วไป ต่างมองครอบครัวของเขาเป็นอาชญากร ถ้าขืนยังติดต่อกันต่อไป มกฮาจะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวกับข่าวฉาวโฉ่ “ตัดสินใจซะ แล้วให้คำตอบฉันในวันพรุ่งนี้”

ด้านโบกอลก็รู้เรื่องนี้จากรันจูเช่นกัน ตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นกีโฮ เขาก็ทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้มกฮาได้ก้าวขึ้นไปให้ถึงฝัน และวันนี้เขาก็จะทำอย่างนั้นเช่นกัน … โบกอลเตรียมจัดแจงห้องอพาร์ตเมนต์ให้กับมกฮา ซื้อข้าวของเครื่องใช้อาหารการกินต่าง ๆ เอาไว้ให้

ในคืนนั้น มกฮาตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าเพื่อย้ายออก โบกอลอาสาจะขับรถไปส่ง โดยพาเธอไปที่อพาร์ตเมนต์ที่เขาเตรียมไว้ให้ ก่อนจากกันเขาบอกกับเธอว่า ขอเพียงอย่าตัดขาดทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอแค่เก็บเขาไว้เพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ก็พอ มกฮาถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

วันต่อมา เมื่ออูฮักรู้ว่ามกฮาย้ายออกไปจากบ้านบนดาดฟ้า และจะเลิกติดต่ออย่างเด็ดขาด เขาก็รู้สึกเศร้าทันที มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เตรียมใจมาก่อน

พ่อบุญธรรมเข้าไปปลอบ อูฮักจึงได้เผยความรู้สึกของตัวเองออกมาทั้งน้ำตา เขาชอบมกฮา เพราะตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองคือกีโฮ แต่ต่อมาเมื่อรู้ว่าโบกอลคือกีโฮ เขาก็พยายามตัดใจ แต่มันก็ทำไม่ได้ เขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้จริง ๆ

โบกอลและอูฮักตัดสินใจลาออกจากงาน ในทุกวันและทุกคืน ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่พวกเขาไม่คิดถึงมกฮา

ด้านมกฮาเวลามุ่งมั่นที่จะเดินตามความฝันอย่างเต็มที่ เธอบอกกับรันจูว่า “เราจะทำให้สำเร็จ และทำให้ออกมาดีที่สุด”

EP.11 ว่าด้วยเรื่องคดีความ

รันจูจูงมือมกฮาเปิดโต๊ะแถลงข่าว กรณีที่เธอหลอกลวงประชาชน ด้วยการใช้เสียงลิปซิงค์ของมกฮาในรายการปัดฝุ่นดารา สร้างกระแสให้ตัวเอง เพื่อทำยอดขายแผ่นเสียงให้ครบ 20 ล้านแผ่น ซึ่งจะทำให้เธอได้หุ้นครึ่งหนึ่งของบ RJ Entertainment

การแถลงข่าวเป็นไปด้วยความตึงเครียด แม้รันจูจะยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ถึงอย่างนั้น ทัวร์ก็แห่กันมาลงมกฮาอยู่ดี มีคอมเมนต์เชิงลบเต็มไปหมดในอินเทอร์เน็ต

ระหว่างนั้น รันจูก็ได้เอกสารการจำหน่ายอัลบั้มขณะไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นจำนวน 1.4 แสนแผ่น ที่แม่ของเธอเก็บเอาไว้ ซึ่งหมายความว่า ยอดขายของเธอครบ 20 ล้านแผ่นมาตั้งนานแล้ว

ครอบครัวของโบกอลเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ในความผิดข้อหาสวมรอยเป็นผู้เสียชีวิต ทั้งสี่เข้ามาให้การต่อหน้าอัยการ โดยมีจองบงวานมาด้วย สรุปสุดท้ายคือ ทุกคนไม่ต้องติดคุก เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

ทีนี้ เมื่อมกฮารู้ว่าครอบครัวโบกอลพ้นความผิด เธอก็รีบมาหาเขาที่บ้านด้วยความดีใจ ทั้งคู่โผเข้ากอดกัน แล้วทั้งสองก็จูบกันอย่างหวานซึ้ง

ในขณะที่ครอบครัวของโบกอลจัดปาร์ตี้ฉลองกัน แต่ดูเหมือนจองบงวานจะไม่พอใจกับคำตัดสินของอัยการ ที่ตัดสินให้พวกเขาไม่มีความผิด จองบงวานหยิบมีดทำครัวขึ้นมาแล้วมองไปที่คมมีด เหมือนกับคิดจะทำอะไรบางอย่าง

ระหว่างนั้น อูฮักกับพ่อบุญธรรมของเขากำลังเดินถือร่มกลับบ้านในวันฝนตก แล้วจู่ ๆ เมื่อทั้งสองเดินผ่านใครบางคน พ่อบุญธรรมก็ล้มลงพร้อมกับเลือดไหลที่ไหลออกมาจากคอไม่หยุด !!?

EP.12 จุดเริ่มต้นของอาชีพนักร้อง (จบ)

จองบงวานนั่งเขียนจดหมายถึงลูก ๆ และอดีตภรรยา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่หยุด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจงัดไพ่ตายใบสุดท้ายออกมาใช้ ด้วยการกินยาเพื่อจบชีวิตเน่า ๆ ของตัวเองไปซะ

“ฉันขอมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้กับพวกแกทั้งสามคน คือความตายของมัน” โบกอลอ่านข้อความในจดหมายด้วยความเจ็บปวด อ่านเสร็จเขาก็ขยำมันด้วยความเสียใจอย่างที่สุด

แม่ โบกอล และอูฮักจับมือพ่อบุญธรรมที่นอนอาการโคม่าอยู่บนเตียง พวกเขาทั้งสามได้แต่หวังให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น

ต่อมา ทั้งสามกลับมาใช้ชื่อเดิมของตัวเอง อูฮักได้กลับเข้าเป็นนักข่าว ส่วนโบกอลก็กลับไปเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวีเหมือนเดิม ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง

ส่วนรันจูเอาเอกสารหลักฐานการขายอัลบั้มที่ญี่ปุ่น ไปปรึกษาทนายความเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ดูเหมือนช่องทางการใช้กฏหมายจะกินเวลายืดเยื้อนานมากกว่าสิบปี

เมื่อรู้เช่นนั้น รันจูจึงเอาเอกสารไปหาประธานอี ซึ่งประธานอีดูเอกสารแล้วก็บอกว่า “แม่คุณเองนั่นแหละ ที่เป็นคนทำลายเอกสารฉบับนี้ เพราะแม่อยากให้คนจำภาพคุณในฐานะนักร้อง ไม่ใช่ผู้บริหารค่ายเพลง”

แล้วประธานอีก็บอกกับรันจูว่า ถ้าเขาไม่สามารถทำให้มกฮาขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้ เขาลาออกจากซีอีโอ และสละหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท

คืนนั้น โบกอลบอกกับมกฮาว่า การที่เขาหาเธอเจอไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นความตั้งใจของเขามาตลอดนับสิบปี เขาตั้งใจออกตระเวนไปเก็บขยะตามเกาะร้าง เพื่อตามหาเธอ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริง ๆ

ระหว่างนั้น โมแรกับมกฮกโต้เถียงกันเรื่องเพลงที่ประธานอีเป็นคนเลือกให้ ในที่สุดทั้งสองก็เริ่มเห็นตรงกันว่า เพลงที่ประธานอีเลือกให้เหมาะกับพวกเธอ ทั้งสองจึงตกลงแลกเพลงกัน

โมแรลดอีโก้ตัวเองลง เธอขอให้รันจูเป็นโปรดิวเซอร์ให้ โดยยื่นข้อเสนอเป็นค่าลิขสิทธิ์จำนวนมหาศาล ตอนแรกรันจูปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นข้อเสนอก็ตกลงรับทำทันที

หลังเพลงถูกปล่อย เพลงของอึนโมแรขึ้นติดชาร์ตอันดับหนึ่งเป็นเวลาสิบวันติดต่อกัน ในขณะที่เพลงของมกฮาค่อย ๆ ไต่อันดับ จนล่าสุดอยู่อันดับที่ 37 … มกฮาตื่นเต้นดีใจใหญ่

หลังเดบิวต์ไม่นาน เพลงของมกฮาก็ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง เป็นจริง ๆ อย่างที่ประธานอีบอกไว้เลย ณ จุดนี้ รันจูจึงยอมรับในความสามารถของประธานอี และยอมให้เขาบริหาร RJ Entertainment เธอรู้แล้วว่าแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน

มกฮากลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงได้ตามที่ฝันเอาไว้

แล้วเรื่องราวก็จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

สรุปประเด็น Castaway Diva ตอนจบ

  • จองบงวานเลือกวิธีทำร้ายครอบครัวตัวเอง ด้วยการสังหารพ่อบุญธรรมของโบกอล (กีโฮ) แล้วจบชีวิตตัวเอง แต่ปรากฏว่า พ่อบุญธรรมของโบกอลรอด
  • ครอบครัวโบกอลรอดคุกจากคดีสวมรอยเป็นบุคคลอื่น เนื่องจากอัยการลงความเห็นสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้กลับมาใช้ชื่อและตัวตนของตัวเอง โบกอลกับอูฮักกลับเข้าทำงานตามเดิม
  • รันจูได้เรียนรู้ว่า RJ Entertainment เติบโตได้ทุกวันนี้ก็เพราะการบริหารงานของประธานอี ผู้ซึ่งมีสายตาของซีอีโอค่ายเพลง แต่ละคนมีความสามารถต่างกัน ส่วนตัวเธอก็ใช้ความสามารถทางด้านเพลง ด้วยการเป็นโปรดิวเซอร์
  • โบกอล​ (กีโฮ) บอกกับมกฮาว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เจอเธอที่เกาะร้าง เขาตั้งใจเป็นอาสาสมัครเก็บขยะตามเกาะร้างต่าง ๆ เป็นเวลามากกว่าสิบปี ที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อตามหามกฮานั่นเอง
  • มกฮาได้เป็นนักร้องตามที่เธอฝัน เธอไม่ละทิ้งความพยายาม แม้โชคชะตาจะแช่แข็งความฝันของเธอไว้ที่เกาะร้างเป็นเวลายาวนานถึง 15 ปี

จบบริบูรณ์

Source : tvN Korea
ดู Castaway Diva ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่