Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง Queen of Tears (2024) ราชินีแห่งน้ำตา - คิมจีวอน และ คิมซูฮยอน

สรุปเนื้อเรื่อง Queen of Tears (2024) ราชินีแห่งน้ำตา

Queen of Tears สปอยล์โดย Kopook

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน

5 ปีก่อน ฮงแฮอิน (รับบทโดย คิมจีวอน) กลับมาจากไปเรียนเมืองนอก เธอปลอมตัวเข้าทำงานที่ห้างควีนส์ในฐานะเด็กฝึกงาน โดยไม่มีใครรู้ว่า เธอคือทายาทรุ่นที่สามของควีนส์กรุ๊ป

ความเป็นเด็กฝึกงานนิสัยเสียของแฮอิน เป็นที่ซุบซิบนินทาของพนักงาน ทำให้ แบคฮยอนอู (รับบทโดย คิมซูฮยอน) ชายหนุ่มจากหมู่บ้านยงดูรี หมู่บ้านชนบททางตอนใต้ของเกาหลี เข้าไปช่วยเธอจัดการกับเครื่องถ่ายเอกสาร และช่วยเหลือเธอในการทำงานหลาย ๆ อย่าง กระทั่งวันหนึ่ง เขาเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเจนเทิลแมนว่า ให้เธอทำตัวดี ๆ ถ้าไม่อยากโดนไล่ออก

“ไล่ก็ไล่สิ ฉันไม่สนหรอก”

“จริง คุณคงไม่สน ถูกไล่ออกคุณก็คงไปทำงานที่ใหม่ แต่รู้มั้ย คุณก็จะถูกไล่ออกอีก …” แล้วฮยอนอูก็เล่าในสิ่งที่แฮอินไม่คาดคิด “… ผมเรียนที่มหาลัยแห่งชาติโซล และเรียนโรงเรียนกฎหมายที่นั่น ผมเกิดที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตอนใต้ ที่บ้านมีวัวสามสิบห้าตัว ผมเช่าอพาร์ตเมนต์สตูดิโอด้วยสัญญาเช่าระยะยาวสองปี แทนที่จะจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ซึ่งหมายความว่าผมพอมีเงิน”

“นี่คุณเล่าอะไรให้ฉันฟังเนี่ย ?” แฮอินทำหน้างงใหญ่

“ที่ผมจะบอกก็คือ ถึงคุณจะถูกไล่ออกจนหางานใหม่ทำไม่ได้ แต่ผมก็สามารถดูแลคุณได้ ผมฝันอยากให้ภรรยาในอนาคตของผมทำงาน แต่ถ้าเป็นคุณ ผมคิดว่าผมทำงานคนเดียวก็ได้” พูดจบฮยอนอูก็ยิ้มอ่อน ในขณะที่แฮอินยังยืนนิ่งด้วยสีหน้างงงวย

นับแต่วันนั้น ความรักของทั้งสองก็เบ่งบาน แต่แล้วฮยอนอูก็ต้องตกใจ จนเป็นเหตุให้เขายื่นใบลาออก เมื่อรู้ว่าแฮอินเป็นทายาทรุ่นสามของควีนกรุ๊ปส์ จากนั้น เขาก็เงียบหายไปเลย

ผ่านไปหลายวัน ณ หมู่บ้านยงดูรี ขณะฮยอนอูกำลังนอนเศร้าอยู่บนเตียง เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ค่อย ๆ ดังเคลื่อนใกล้เข้ามา เขารีบวิ่งออกไปดู หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวเท้าลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ท่ามกลางแรงลมหมุนวนที่เกิดจากใบพัด เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเธอด้วยความรักและคิดถึง

ปัจจุบัน ฮยอนอูใช้ชีวิตแต่งงานกับแฮอินได้สามปีแล้ว เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยงานทีมกฎหมาย ภายใต้อำนาจการบริหารของแฮอินในฐานะ CEO

ในขณะที่ใคร ๆ มองจากภายนอกต่างอิจฉาฮยอนอู ที่โชคดีเหมือนหนูตกถังข้าวสาร แต่ใครจะรู้ว่า จริง ๆ แล้วเขาต้องทนใช้ชีวิตคู่ด้วยความอึดอัด เขาย้ายเข้าอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลฮง บ้านไม่ใช่ที่ที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แต่บ้านเป็นที่ที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด จากท่าทีที่พ่อแม่ของแฮอินมองเขาเป็นลูกน้อง แทนที่จะมองเป็นลูกเขย

ที่บริษัท แฮอินใช้อำนาจในฐานะ CEO สั่งการทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ ไล่พนักงานที่เธอมองว่าไร้ความสามารถ สั่งปิดแบรนด์ร้านค้าที่ไม่ทำเงิน แต่ฮยอนอูกลับเป็นคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย เขาไม่ต้องการให้เธอใช้อำนาจเอาเปรียบคนที่ตัวเล็กกว่า แถมยังแสดงท่าทีงัดข้อต่อหน้าพนักงาน จนทำให้แฮอินไม่พอใจ

ทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแรงกดดันที่ถาโถม อีกด้านหนึ่ง ฮยอนอูก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเขาต้องประคับประคองชีวิตคู่ และรักษาภาพลักษณ์ลูกเขยตระกูลแชโบล จนค่ำวันนั้น ฮยอนอูทนแบกรับเอาไว้ไม่ไหว เขาออกไปดื่มกับเพื่อนสนิทจนเมามาย แล้วก็เผลอลั่นร้องไห้ออกมา แต่ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่เข้าใจ การได้แต่งงานกับหญิงสาวทายาทแชโบลจะมีเรื่องอะไรไม่ดีจนถึงขั้นต้องหย่า ?

ต่อมา ฮยอนอูตัดสินใจไปปรึกษาจิตแพทย์ เขาระบายทุกสิ่งอย่างออกมา ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย เพราะต้องอยู่ในบ้านที่รวมพ่อแม่ญาติพี่น้องของภรรยา ความเครียดสะสมทีละนิด ๆ ต่อเนื่องหลายปี จนทำให้เขาแทบเป็นบ้า

“คุณควรเอาตัวออกจากความเครียดนะ ผมคิดว่าคุณกับภรรยาควรย้ายออกไปอยู่ด้วยกัน” คุณหมอแนะนำพลางยิ้มอ่อน

“ผมไม่ชอบครอบครัวภรรยา แต่จริง ๆ แล้วผมไม่ชอบภรรยายิ่งกว่า เพราะเธอไม่เคยสนใจผมเลย เธอสนแต่ตัวเอง …” ฮยอนอูพูดด้วยน้ำตาที่เอ่อเบ้า พร้อมที่จะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ “… ก่อนแต่งงาน เธอสัญญาว่าจะไม่ทำให้ผมร้องไห้ วันนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องโกหก”

เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จิตแพทย์แสดงท่าทีเห็นใจและเห็นด้วยกับการหย่าของฮยอนอู ทั้งสองโผเข้าโอบกอดกัน เหมือนเป็นการถ่ายทอดกำลังใจให้กัน ณ จุดนี้ เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว หย่า ต้องหย่าเท่านั้น

คืนนั้น ฮยอนอูหยิบสัญญาการหย่าออกมาจากตู้เซฟ ก่อนจะเดินไปที่ห้องของแฮอิน

“ผมมีอะไรจะพูด”

“ฉันขอพูดก่อน …” แฮอินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอหยุดไปหลายวินาทีก่อนที่จะพูดต่อ “… ฉันกำลังจะตาย วันนี้ฉันไปโรงพยาบาล หมอบอกว่า ฉันเหลือเวลาอีกสามเดือน”

ฮยอนอูช็อกกับคำพูดที่ออกจากปากภรรยา เขารีบขยับมือข้างที่ถือสัญญาการหย่าซ่อนเอาไว้ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษออกมาไม่หยุด “สิ่งที่ผมจะพูดมันไม่สำคัญอีกแล้ว สิ่งที่สำคัญคือคุณ ผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคุณ …” พูดจบเขาก็โผเข้าไปโอบกอดเธอ “… ผมรักคุณ ฮงแฮอิน ผมรักคุณ”

ช่วงหลัง ๆ แฮอินมักมีอาการสูญเสียความทรงจำกะทันหัน บางครั้งก็สิบนาที บางครั้งก็นานเป็นชั่วโมง หมอแจ้งว่า เธอเป็น ‘โรคคลาวด์ไซโตมา’ เป็นโรคที่หายากมาก มีแค่ไม่กี่เคสบนโลก เธอเป็นคนไข้รายแรกของเกาหลี มันเป็นเนื้องอกที่แตกต่างจากเนื้องอกทั่วไป เป็นเซลล์เนื้องอกที่กระจัดกระจายไปทั่วเส้นประสาทในสมอง ทำให้สูญเสียความทรงจำชั่วคราว ถ้าอาการแย่ลง อาจเห็นภาพหลอน หรืออาจมีอาการผิดปกติทางบุคลิกภาพ ไม่มียารักษา การผ่าตัดก็เสี่ยงเกินไป เพราะเซลล์เนื้องอกกระจายไปทั่วแล้ว สุดท้ายหมอพยากรณ์โรคว่า “คุณจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสามเดือน”

คิมซูฮยอน

รุ่งเช้า ฮยอนอูตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่เขารู้สึกดีแบบนี้ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของตัวเองในกระจก เขาก็บอกกับตัวเองว่า “ต้องตีหน้าเศร้าสิ จะยิ้มดีใจไม่ได้”

ระหว่างไปทำงาน แฮอินย้ำกับฮยอนอูให้เก็บเรื่องอาการป่วยของเธอเป็นความลับ โดยเฉพาะคนในครอบครัวของเธอจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะคุณปู่สัญญาจะยกห้างควีนส์ให้ ถ้าเธอทำยอดขายได้เกินหนึ่งล้านล้านวอน ฮยอนอูรับปากว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาด

แต่คำพูดที่ว่า “จะไม่บอกใคร” ไม่มีอยู่จริง … เที่ยงวันนั้น ฮยอนอูแอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทที่เป็นทนาย เขาเล่าเรื่องอาการป่วยของแฮอิน พร้อมทั้งบอกว่า แฮอินเขียนระบุเอาไว้ในพินัยกรรมตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วว่า จะไม่ยกทรัพย์สินให้เขา ถึงอย่างนั้นฮยอนอูก็รู้สึกโอเค เพราะเขากำลังจะได้อิสระโดยไม่ต้องหย่า นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่ …

แต่เพื่อนทนายความไม่คิดแบบนั้น เขาแนะนำให้ฮยอนอูทำดีกับแฮอินในช่วงเวลาที่เหลืออีกสามเดือน ไม่แน่ เธออาจจะเปลี่ยนใจแก้ไขพินัยกรรมยกห้างควีนส์ให้เขาก็เป็นได้

คิมซูฮยอน – คิมจีวอน

ฮยอนอูเริ่มทำดีและเอาใจแฮอิน เริ่มด้วยการซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ไปให้ เนื่องในโอกาสครบรอบวันแต่งงาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ พฤติกรรมแปลก ๆ ของฮยอนอูที่เปลี่ยนไป ทำให้แฮอินเริ่มสงสัย ตอนทานอาหาร เขาก็แกะเปลือกกุ้งให้ จนสาวรับใช้ในบ้านพากันซุบซิบนินทา

วันต่อมา ฮยอนอูคิดว่าแฮจินอาจแกล้งป่วย เขาจึงไปพบหมอเจ้าของไข้ของเธอเพื่อสอบถาม ซึ่งหมอก็บอกแบบเดียวกันว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสามเดือน

คืนนั้น ฮยอนอูจึงเปิดคอมฯ ค้นข้อมูลในกูเกิ้ล เขาพบว่ามีผู้ป่วยหลายรายอยู่รอดได้นานหลายสิบปี ทั้งที่หมอพยากรณ์โรคว่าจะอยู่ได้แค่สามเดือน และมีบางเคสที่อยู่ดี ๆ เนื้องอกก็หายไปเองราวปาฏิหาริย์ … เสิร์ชไปเสิร์ชมาเขาก็ผล็อยหลับไป

แฮอินบังเอิญเข้ามาเห็นฮยอนอูนอนฟุบหลังบนโต๊ะทำงาน หน้าจอคอมเปิดดูข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโรคของเธอ จังหวะนั้นฮยอนอูก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา

แฮอินหันไปมองหน้าฮยอนอูด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก พร้อมกับสารภาพว่า เธอสงสัยที่เขามาทำดีด้วย แต่เมื่อเห็นว่าเขาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่เธอเป็นอยู่ จึงรู้ได้ทันทีว่าคิดผิด เขาเป็นคนเดียวที่สนใจและเป็นห่วงเธอ “คุณทำให้ฉันรู้สึกว่า ต้องทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป”

จากนั้น แฮอินก็เล่าเรื่องห้องแล็บต่างประเทศที่กำลังวิจัยยาตัวใหม่ ถ้ายาถูกวิจัยจนสำเร็จ เธอก็จะมีโอกาสรอด ดังนั้น เธอจะสนับสนุนเงินทุนให้กับห้องแล็บเหล่านั้นอย่างเต็มที่ … ฮยอนอูฟังแล้วก็ทำหน้าเจื่อน ๆ

ณ งานเลี้ยงกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน เพื่อต้อนรับมิสเตอร์เฮอร์แมน นักลงทุนผู้ร่ำรวยจากธุรกิจน้ำมัน ที่เตรียมหาช่องทางการลงทุนธุรกิจในเกาหลี แฮอินก๋ไปร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน ที่นั่น แฮอินได้เจอกับ ยุนอึนซอง (รับบทโดย พัคซองฮุน) แฟนเก่าของเธอสมัยเรียนอยู่เมืองนอก ตอนนี้เขาเป็นมือขวาของมิสเตอร์เฮอร์แมน หลังทักทายกัน เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยเหลือในการนำแบรนด์ดังมาเปิดที่ห้างควีนส์

อึนซองแนะนำตัวกับฮยอนอู เขาเป็นแฟนเก่าของแฮอิน และยังคงคิดถึงเธออยู่บ่อย ๆ แต่ฮยอนอูกลับไม่มีท่าทางแปลกใจหรือแสดงอาการหึงหวงออกมา ทำให้อึนซองคิดว่า ฮยอนอูไม่ได้สนใจแฮอินเลยแม้แต่นิดเดียว

ต่อมา แม่ของแฮอินได้ยินชื่อเสียงของอึนซอง ในฐานะนักธุรรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จและร่ำรวย จึงบอกให้แฮอินชวนเขามาร่วมล่าสัตว์ประจำปีของครอบครัว ณ ป่าส่วนตัวของตระกูล

ระหว่างที่ทุกคนออกล่าสัตว์ตามเขตที่กำหนดเอาไว้ในแผนที่ ตอนนั้นแฮอินกำลังยกปืนเล็งไปที่ไก่ฟ้า จู่ ๆ เธอก็ตกอยู่ในภวังค์จากภาพหลอน หมอกควันปกคลุมรอบตัวจนมองอะไรไม่เห็น เธอพยายามดึงสติและบอกกับตัวเองว่าภาพที่เห็นไม่มีอยู่จริง ทันใดนั้น หมูป่าตัวใหญ่เท่าลูกช้างก็พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็ว

“เปรี้ยง” เสียงกระสุนจากปลายกระบอกปืนในมือของฮยอนอูดังลั่นสนั่นป่า กระสุนนัดนั้นหยุดเจ้าหมูป่าได้ราวปาฏิหาริย์ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าทำร้ายแฮอิน

‘วันช็อต’ จากปืนลูกซองในมือของฮยอนอู จัดการเจ้าหมูป่าจนนอนแน่นิ่ง การหยุดความดุร้ายของหมูป่าด้วยกระสุนนัดเดียว เป็นเรื่องที่แม้แต่พรานป่ามืออาชีพยังทำไม่ได้ง่าย ๆ เพราะหนังของมันหนามาก ต้องยิงเข้าจุดสำคัญเท่านั้น

แฮอินบอกฮยอนอูว่า “ฉันไม่เป็นไร” แต่อาการตัวสั่นหน้าซีด ทำให้เขารู้ว่า เธอยังตกใจกับวินาทีเป็นวินาทีตายที่เพิ่งเกิดขึ้น

ตกค่ำ ฮยอนอูเดินไปสำรวจบริเวณที่หมูป่าปรากฏตัว เขาพบรั้วเหล็กโดนตัด และเห็นกองเศษอาหารที่มีคนนำมาวางล่อหมูป่าให้เข้ามาในเขตล่าสัตว์ เขานำเรื่องนี้กลับไปบอกทุกคน ซึ่งคุณปู่ของแฮอินบอกจะไปเช็กกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง (ภาพกล้องวงจรปิดปรากฏภาพลูกชายคนโตของคุณปู่ ยืนอยู่บริเวณรั้วเหล็กที่ถูกตัด)

ถึงเวลาเข้านอน ฮยอนอูรู้สึกกลัวที่จะนอนห้องเดียวกับแฮอิน เพราะปกติอยู่ที่บ้าน เขาจะแยกนอนคนละห้องกับเธอตลอด … ฮยอนอูย่องเข้าไปในห้อง แล้วค่อย ๆ หย่อนตัวลงไปบนเตียง แต่ยังไม่ทันที่จะล้มตัวลงนอน เขาก็สะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงของภรรยา “ฉันยังไม่หลับ ช่วยปลดกระดุมเสื้อด้านหลังให้หน่อยสิ”

ฮยอนอูเอื้อมมือไปปลดกระดุมให้แฮอินทีละเม็ด ๆ แต่พอถึงเม็ดสุดท้าย เธอก็บอกให้เขาหยุด ก่อนจะไล่ให้เขาไปอาบน้ำ

ระหว่างนั้น แฮอินกลับรู้สึกบางอย่าง ‘วาบ’ ขึ้นมา ความรู้สึกนั้นทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเอง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาหล่อ ?”

ทันใดนั้น ฮยอนอูก็นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ เธอหันไปมองด้วยอาการตาค้าง ละสายตาจากเขาไม่ได้เลย พลางคิดในใจ “หุ่นเขาดีขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย มีซิกแพ็กด้วย” แต่ก่อนจะคิดเตลิดไปไกล แฮอินก็ตะคอกใส่เขาด้วยคำพูดประชดประชัน “นี่คุณคิดว่าตัวเองเป็น ‘ลีโอนาร์โด้ ดิคาปริโอ’ หรือไง”

แฮอินนอนไม่หลับ เพราะเตียงเล็กและไม่คุ้นกับการมีคนนอนด้วย เธอจึงเล่าเรื่องที่เธอเคยนอนเตียงเดียวกับเขาครั้งแรก ตอนที่ไปหาเขาที่บ้าน คืนนั้น เขาและเธอนั่งดูดาวด้วยกัน ก่อนจะนอนกอดกันบนเตียงเล็กขนาด 3 ฟุต

ฮยอนอูถาม “เรานอนหลับบนเตียงเล็ก ๆ เตียงนั้นได้ยังไง ?”

“ก็เพราะเรากอดกันไงล่ะ …” แฮอินเว้นวรรคหลายวินาที ก่อนถาม “… งั้นเรามานอนกอดกันแบบตอนนั้นมั้ย ?”

คำถามของแฮอินทำให้ฮยอนอูรู้สึกอึดอัด เธอจึงบอกว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันล้อเล่น” แล้วทั้งคู่ก็นอนหันหลังต่างคนต่างนอน

ด้านอึนซองเห็นคนงานเลี้ยงสุนัข และรักมันเหมือนสมาชิกในครอบครัว เขาจึงยื่นข้อเสนอซื้อมันในราคา 100 ล้านวอน คนงานเห็นจำนวนเงินมหาศาลก็ตกลงขาย แม้ลึก ๆ เขาจะไม่อยากขายก็ตาม

รุ่งเช้า คนงานและภรรยาเอาเงินมาคืนอึนซอง เขารู้สึกเสียใจที่ขายมัน เพราะน้องหมาเคยช่วยชีวิตลูกชายของเขา แต่ไม่ว่าคนงานจะอ้อนวอนขอร้องยังไง อึนซองก็ปฏิเสธที่จะคืนให้ แล้วจู่ ๆ เขาก็คว้าปืนขึ้นเล็งไปที่น้องหมา !

“นี่ นายกำลังทำอะไร ?” เสียงฮยอนอูตวาดลั่น

“ไม่มีอะไร แค่ล้อเล่น” อึนซองหัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องตลก

ฮยอนอูจัดแจงจนคนงานได้น้องหมาคืน … สิ่งที่เห็นทำให้เขารู้ในทันทีว่า ‘อึนซองไม่ใช่คนดี’ !

หลังกลับจากล่าสัตว์ แฮอินรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เธอจึงไปปรึกษาหมอ เธอรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และรู้สึกวูบวาบกับสามี ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกเย็นชามาตลอด

หมออธิบายว่า เป็นเรื่องปกติของผู้ป่วยที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเสียชีวิต แต่ดูเหมือนแฮอินจะไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าเธอกำลังจะตายโดยไม่มีทางรักษา

พัคซองฮุน – คิมจีวอน

ค่ำวันนั้น อึนซองนัดดินเนอร์กับแฮอินเรื่องแบรนด์ที่จะเอามาลงห้างควีนส์ …

หลังคุยเรื่องงานเสร็จ อึนซองก็ชวนแฮอินคุยเรื่องชีวิตแต่งงาน คุยไปคุยมาเธอก็จับทางได้ว่า เขาพยายามพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับฮยอนอูให้เธอฟัง เธอจึงพูดขึ้นว่า …

“ความรักสำหรับฉันไม่ใช่แค่การที่คนสองคนมีความสุข แต่มันคือการที่คนสองคนทนความเจ็บปวดไปด้วยกัน ไม่ว่าปัญหาหนักหนาแค่ไหน ก็ทนอยู่ด้วยกันแทนที่จะเลิกรา แบบนี้สิถึงเรียกว่าความรัก”

ระหว่างนั้นพี่สาวของฮยอนอูส่งข้อความถึงแฮอินเรื่องการหย่า ทำให้ฮยอนอูกระวนกระวายใจ กลัวแฮอินจะเห็นข้อความ

แฮอินกลับมาถึงบ้านด้วยอาการเมามาย ฮยอนอูจึงรีบตรงเข้าไปหา พร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยดื่ม เธอบอกว่า “ฉันอยากลองใช้ชีวิต อยากทำอะไรก็ทำ … มันไม่แฟร์เลย ฉันรักษาสุขภาพมาตลอดเพื่อจะได้อายุยืน แต่ดูผลลัพธ์ที่ได้สิ ฉันกำลังจะตาย”

ณ จุดนี้ ฮยอนอูไม่ได้สนใจคำพูดของแฮอินเลยสักนิด สายตาของเขาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่กระเป๋าถือของเธอ เขาต้องการหยิบโทรศัพท์มาลบข้อความ

จังหวะนั้น แฮอินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ฮยอนอูรีบโผเข้าไปจับข้อมือเธอ ทำให้โทรศัพท์ตกลงบนพื้น สถานการณ์ในตอนนี้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้ชิดกัน ทั้งคู่มองตากัน …

“ฉันบอกคุณแล้วไง ตอนนี้ฉันอยากทำอะไรฉันก็จะทำ” พูดจบ แฮอินก็ดึงฮยอนอูเข้ามาจูบ

แฮอินโน้มตัวฮยอนจูเข้ามาจูบ รอยจูบที่เธอมอบความรู้สึกผ่านริมฝีปาก ริมฝีปากที่ส่งผ่านความรักอันหวานซึ้ง ทว่าสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ที่ริมฝีปากอันนุ่มนวลของเธอ แต่อยู่ที่โทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้น โทรศัพท์ที่ตอนนี้หน้าจอดับไปเพราะแบตหมด

ฮยอนอูเดินตามแฮอินเข้าไปในห้องของเธอ เขาอาศัยจังหวะที่เธอเข้าห้องน้ำ หยิบโทรศัพท์ที่กำลังชาร์จขึ้นมาลองกดรหัสปลดล็อกหน้าจอ วันเกิด วันครบรอบ บลา ๆ ๆ ผิดทั้งหมด เขาพยายามนึก ปรากฏว่ารหัสที่ถูกต้องคือ 1031 เขาจึงเข้าไปลบข้อความทันที

เมื่อแฮอินออกมาจากห้องน้ำ เธอมองเขาด้วยท่าทางสงสัย “คุณเข้ามาในห้องฉันทำไม ?”

“เอ่อ ผมนอนไม่หลับน่ะ”

“อ๋อ เพราะฉันใช่มั้ย คุณถึงนอนไม่หลับ” แฮอินมองชายผู้เป็นสามีด้วยสายตายั่วยวน ก่อนจะหัวเราะคิก ๆ ออกมา

“เอ่อ ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่เป็นห่วงคุณน่ะ” ฮยอนอูท่าทางเลิ่กลั่ก ก่อนจะขอตัว แล้วก็รีบเดินออกจากห้องไป

ฮยอนอูเข้ามาในห้อง ห้องที่ทำให้เขานึกถึงเลข 1031 ที่แฮอินใช้เป็นรหัสปลดล็อกหน้าจอ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นึกย้อนกลับไปถึงบาดแผลบางอย่างในอดีต

31 ตุลาคม เป็นกำหนดวันคลอดของลูก ทั้งสองดีใจมากที่ดวงใจดวงน้อยกำลังออกมาลืมตาดูโลก แฮอินจัดแจงเตรียมข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้า ส่วนฮยอนอูก็ตกแต่งห้องด้วยดาวสะท้อนแสง เขาติดมันจนเต็มห้อง แต่ตอนนี้ เมื่อเขาเงยหน้ามอง กลับเหลือเพียงดาวแค่ดวงเดียว นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ต้องเสียลูกไป นับแต่นั้นพวกเขาก็แยกห้องกันนอน แล้วความสัมพันธ์ก็เข้าสู่สภาวะแช่แข็ง

วันต่อมา แฮอินไปพบกับมิสเตอร์เฮอร์แมน เพื่อเจรจาให้แบรนด์แฟชั่นของเขามาลงที่ห้างควีนส์ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีจากความช่วยเหลือของอึนซอง

วันนี้ฮยอนอูรู้สึกตื่นเต้น ที่ได้รับข้อความจากแฮอินให้รีบกลับบ้าน เพราะเธอมีข่าวดีจะบอก … เขาคิดไปเอง ข่าวดีที่ว่าอาจจะเป็นเรื่องการแก้พินัยกรรม

เมื่อกลับถึงบ้าน แฮอินยื่นซองเอกสารให้ ใบหน้าของเธอดูสดชื่นและมีรอยยิ้ม ฮยอนอูรับเอกสารมาเปิดอ่าน เธอเห็นเขาทำท่างง ๆ จึงพูดขึ้นว่า “นี่เป็นเอกสารจากศูนย์มะเร็งที่ดีที่สุดของยุโรป ถ้ารักษาที่นั่นฉันจะมีโอกาสรอด 51 เปอร์เซ็นต์ …” แฮอินหัวเราะร่าด้วยความสุข “… บอกแล้วไงว่าพระเจ้าอยู่ข้างฉัน”

ฮยอนอูโดนช็อตฟีล ทำเอาสตั๊นไปหลายวิ ก่อนจะตั้งสติฝืนยิ้มเก็บอาการ แล้วกล่าวยินดีกับเธอ

ฮยอนอูเดินออกมานอกบ้าน เขาเริ่มออกวิ่งพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น ระบายความเครียดความอึดอัด … ถ้าหมอรักษาแฮอินได้จริง ๆ เขาคงต้องทนอยู่กับครอบครัวนี้ไปตลอดชีวิต … พอกลับเข้ามาที่ห้อง น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุด เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเจอน้ำตามันก็ไหลออกมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาคงต้องหย่าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก

ช่วงนี้ ฮยอนอูสังเกตเห็นอึนซองมาหาแฮอินบ่อย ๆ เขารู้ว่า ‘หมอนั่น’ มาคุยกับภรรยาของเขาเรื่องงาน แต่ด้วยท่าทางกวนบาทา ทำเป็นเอื้อมมือไปจับผมแฮอินบ้างล่ะ ทำเป็นพูดจาหวาน ๆ บ้างล่ะ ทำให้ฮยอนอูรู้สึกไม่โอเค เขาพยายามแอบสอดส่องสายตา ขณะทั้งคู่กำลังคุยกันสองต่อสอง … หึงนั่นแหละ ดูออก

ฮยอนอูเอาเรื่องอึนซองไปปรึกษาเพื่อนทนาย ซึ่งเขาก็ได้คำแนะนำว่า ถ้าอึนซองเป็นมือที่สามจริง ๆ ถือเป็นเรื่องดี ได้หย่าแถมยังได้เงินก้อนอีกด้วย ฮยอนอูหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท “ก็ดีอยู่หรอก ถ้ามันไม่ใช่ไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนี้”

จริง ๆ แล้วอึนซองเข้าหาแฮอินมีจุดประสงค์บางอย่างซ่อนอยู่ เขากำลังวางแผนฮุบควีนส์กรุ๊ป โดยทำให้ควีนส์กรุ๊ปนำหุ้นมาค้ำประกัน

เวลาเดียวกัน พ่อของฮยอนอูกำลังลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านต่ออีกหนึ่งสมัย แต่ดูเหมือนสถานการณ์ของพ่อตอนนี้จะเสียเปรียบคู่แข่ง พี่สาวของฮยอนอูจึงขอร้องให้แฮอินมาช่วย วันนั้นแฮอินจึงมาปรากฏตัว ณ ที่ประชุมหมู่บ้าน พร้อมรถบรรทุกของควีนส์กรุ๊ปหลายคันรถ เพื่อนำอาหารมาจัดเลี้ยงคนในหมู่บ้าน ทีนี้ ชาวบ้านก็หันมาเทคะแนนให้กับพ่อของฮยอนอูอย่างท่วมท้น

แฮอินเดินเข้าไปในห้องของฮยอนอู เธอหยิบเครื่องเล่น MP3 ในลิ้นชักขึ้นมาฟัง ระหว่างกำลังนั่งฟังอยู่นั้น จู่ ๆ อาการของเธอก็กำเริบ แล้วภาพก็ตัดไป …

แฮอินรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าขาเปื้อนโคลน หันมองรอบ ๆ มีแต่ความมืด เธอได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

คิมซูฮยอน — คิมจีวอน

ขณะที่กำลังกลัวและสับสน เสียงยางรถจักรยานบดกับถนนก็ดังขึ้น ฮยอนอู !

ฮยอนอูออกตามหาแฮอินตั้งแต่ช่วงบ่ายจนค่ำมืด เขาขี่จักรยานหาเธอไปทั่วจนเหงื่อท่วมตัว เขารีบทิ้งจักรยานแล้วเข้าไปหาเธอทันที “ทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้ รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง ?”

“ฉันมาเดินเล่น …” แฮอินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้น้ำตาคลอเบ้า “… ห่วงทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

“ขอโทษด้วยที่เป็นห่วง” ฮยอนอูหันหลังเดินกลับไปที่รถจักรยาน

จังหวะนั้นเองที่แฮอินสังเกตเห็นเหงื่อท่วมตัวฮยอนอู เธอตัดสินใจที่จะพูดความจริง “จริง ๆ แล้วฉันจำไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ตรงนี้ …” เธอพูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลออกมาจากเบ้า “… ฉันกลัวมาก ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ฮยอนอูสังเกตเห็นตามตัวของแฮอินมีแต่รอยแผล และรอยเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด เขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปโอบกอดเธอ

ฮยอนอูปั่นจักรยานพาแฮอินซ้อนท้ายฝ่าสายฝนกลับมาถึงบ้าน

คืนนี้ ทั้งสองต้องนอนห้องเดียวกันที่บ้านยงดูรี ฮยอนอูหยิบไดร์เป่าผมมาเป่าให้ เป่าผมเสร็จเขาก็ทำแผลถลอกที่เข่าและที่ข้อมือให้เธอ ด้วยความใกล้ชิด ทำให้เกิดบรรยากาศแปลก ๆ ระหว่างคนทั้งสอง เหมือนประกายไฟเล็ก ๆ ที่กำลังจุดเชื้อไฟที่มอดดับมานานหลายปีให้กลับลุกโชนขึ้นอีกครั้ง …

ฮยอนอูค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปหาแฮอิน ทั้งสองจ้องตากัน ส่งผ่านความรู้สึก ‘บางอย่าง’ ถึงกัน เมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ เธอก็หลับตาพริ้มรอให้ริมฝีปากสีชมพูของเขาเข้ามาสัมผัส แต่ …

ยังไม่ทันที่เปลวไฟจะลุกโชน ฮยอนอูก็ช็อตฟีล เขาลุกขึ้นและเปิดประตูออกไปจากห้อง ปล่อยให้แฮอินนั่งงงอยู่บนเตียงเพียงลำพัง

ฮยอนอูเดินจ้ำออกมานอกบ้าน ปากก็พูดกับตัวเองไม่หยุด “นี่แกทำอะไรลงไป แกจะให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ แกจะทำผิดพลาดอีกไม่ได้ !?”

คิมซูฮยอน

ฮยอนอูมานั่งก๊งที่บ้านพี่ชาย เขารู้สึกสับสน ความรู้สึกที่มีมันแน่นอกจนไม่อาจเรียบเรียงให้ชัดเจนได้ เขาคิดแต่เพียงว่า คืนนี้เขาจะดื่มให้เมามายเพื่อลืมความเจ็บปวดนี้ เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก

เวลาเดียวกัน แฮอินนั่งรอฮยอนอูอยู่ในห้อง ผ่านไปเป็นชั่วโมง ทำไมยังไม่กลับ ? เธอจึงส่งข้อความไปถาม “อยู่ไหน ?” … เขาตอบกลับมาสั้น ๆ “นอนไปก่อนเลย” … แฮอินหงุดหงิดงุ่นง่านกับคำตอบที่ได้รับ เปิดหน้าต่างชะโงกหน้าออกไปตะโกนด่าหมาที่เห่าไม่เลิก “เห่าหาอะไรวะ !”

แฮอินลงไปนอนแผ่บนเตียง พยายามข่มตานอนแต่ก็นอนไม่หลับ เธอได้แต่คิดว่า “เขากลัวที่ต้องนอนกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ ?”

ไม่นาน ด้วยความเมา ฮยอนอูก็เอนตัวลงนอน ดาวที่เปล่งแสงอยู่บนฟ้าทำให้เขาคิดถึง ‘ลูก’ ลูกที่เขาไม่มีโอกาสแม้แต่ได้เห็น ความเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา น้ำตาที่ไหลออกมา มันไหลออกมาไม่หยุด ไม่ต่างจากฝนที่โปรยปรายลงมาไม่หยุดเช่นกัน

เมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากเสียลูก แฮอินสั่งให้คนย้ายข้าวของในห้องลูกออกไปทั้งหมด เธอเลือกเยียวยาหัวใจด้วยการลืม เธอบอกกับตัวเองเสมอว่า เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ร้องไห้ เธอต้องเข้มแข็ง หรืออย่างน้อยก็ต้องให้คนอื่นเชื่ออย่างนั้น

ในขณะที่ฮยอนอูอยากจะเก็บทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม ทั้งคู่ล้วนเจ็บปวด แต่เลือกจัดการกับความเจ็บปวดแตกต่างกัน เกิดเป็นรอยแยกที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แตกสลาย นับแต่วันนั้น เขาก็มานอนที่ห้องลูก ทั้งสองแยกห้องกันนอนนับแต่วันนั้น

เมื่อกลับมาถึงโซล ฮยอนอูประหลาดใจที่เห็นอึนซองอยู่ที่บ้าน นั่นเป็นเพราะแม่ของแฮอินเชิญเขาให้มาพักที่นี่ อ้างว่าเพื่อความสะดวกในการคุยธุรกิจกับแฮอิน

จริง ๆ แล้วอึนซองมีแผนเตะฮยอนอูออกไปจากบ้านหลังนี้ และแผนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ซูชอล (รับบทโดย ควักดงยอน) นำโปรเจกต์ใหญ่มาเสนอคุณปู่ เป็นโครงการรีสอร์ตครบวงจร มูลค่า 1.9 ล้านล้านวอน โดยใช้เงินลงทุนจากกองทุนของอึนซอง ดูเหมือนทุกคนจะเห็นดีด้วย มีเพียงฮยอนอูที่เตือนว่าโครงการนี้เสี่ยงเกินไป

แฮอินไปเยอรมนีโดยไม่บอกใคร เพราะไม่ต้องการให้ใครมองว่าอ่อนแอ ฮยอนอูพยายามโทร. หา แต่ก็ติดต่อไม่ได้

เมื่อไปถึงศูนย์มะเร็ง แฮอินเข้ารับการตรวจร่างกายก่อนเข้ากระบวนการรักษา แต่เมื่อผลการตรวจออกมาปรากฏว่า จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว (WBC) ของเธอต่ำเกินไป จึงไม่สามารถทำการรักษาได้

แฮอินมายังสถานที่ที่เรียกว่า ‘A place of no sorrow’ เธอเดินไปพลางพูดกับตัวเอง “ห้ามเครียด” เดินลงบันไดได้ครึ่งทางก็ทรุดตัวลงนั่ง เนื่องจากรองเท้ากัด ระหว่างนั้นเสียงเรียกก็ดังขึ้น “ฮงแฮอิน”

ฮยอนอูปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับรองเท้าผ้าใบ เขาย่อตัวลงไปใส่รองเท้าให้ ขณะที่แฮอินยิงคำถามด้วยความสงสัย “รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ?”

“ตอนเรามาฮันนีมูน คุณบอกว่าชอบที่นี่มาก”

แฮอินยืนขึ้น “ฉันไม่เคยบอกว่าชอบที่นี่ ‘A place of no sorrow’ ก็แค่คำโกหกของไกด์”

“คุณก็โกหกไม่ต่างกัน คุณสัญญาจะไม่ทำให้ผมร้องไห้ บอกให้ผมเชื่อใจ แต่คุณทำให้ผมร้องไห้ตลอดเวลา รู้มั้ยทำไมผมถึงแยกห้องนอน เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าผมร้องไห้ทุกคืน”

แฮอินจ้องผู้เป็นสามี “ฉันเคยบอกคุณหรือเปล่า ฉันต้องการให้คุณอยู่เคียงข้าง …” แฮอินใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเปื้อนแก้ม ก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันยื่นออกไป “… กลับบ้านกันเถอะ ฉันเคยคิดว่ามีปาฏิหาริย์อยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่ฉันต้องการคือกลับบ้านกับคุณ”

ทั้งสองโถมตัวเข้าโอบกอดกันและกัน น้ำตาหลั่งไหลออกมา ณ สถานที่ที่ไม่มีมีความเศร้า ดังนั้น น้ำตาของทั้งคู่อาจไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า แต่เป็นน้ำตาที่เซาะทำลายกำแพงแห่งความเย็นชา น้ำตาที่เซาะกร่อนความไม่เข้าใจให้พังทลายลงไป

ภาพจากกล้องหน้ารถเผยให้เห็นคนร้ายที่ตัดรั้ว และโปรยอาหารล่อหมูป่าให้เข้าไปในเขตล่าสัตว์ ที่แท้คือ ดาฮเย ภรรยาของซูชอล และผู้ที่อยู่เบื้องหลังดาฮเย คือ อึนซอง ! แต่ดันผิดแผน แทนที่หมูป่าจะพุ่งเข้าทำร้ายประธานฮงมันแด กลับเป็นแฮอินที่รับเคราะห์แทนคุณปู่ของเธอ

คืนนั้น ดาฮเยกับอึนซองแอบเข้าไปในห้องของฮยอนอูกับแฮอิน อึนซองกำลังมองหาจุดอ่อนที่จะใช้เล่นงานฮยอนอู และก็พบภาพอัลตร้าซาวด์ ทำให้รู้ว่าทั้งคู่เคยเสียลูกไป

ต่อมา อึนซองพบว่าในตู้เซฟของฮยอนอูมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ ความลับที่ว่าก็คือ ‘หนังสือสัญญาการหย่า’ !

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน

โรงแรมหรู ณ กรุงเบอร์ลิน … ฮยอนอูเคาะประตูห้องนอนของแฮอิน “ผมขอนอนห้องคุณได้มั้ย ?”

แฮอินทำหน้านิ่งรักษาทรง แต่ขาบิดไปบิดมาด้วยความเขินอาย “คุณหมายถึงเฉพาะวันนี้หรือตลอดไป ?”

“เอ่อ ผมหมายถึงตั้งแต่วันนี้และตลอดไป”

คืนนั้น ทั้งสองนอนห้องเดียวกัน ครั้งแรกในรอบสองปีที่ทั้งสองนอนบนเตียงเดียวกัน … เพียงแค่เปิดใจคุยกัน เผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อกัน กำแพงน้ำแข็งแห่งความเย็นชาของชีวิตคู่ก็ถูกละลายลงไปอย่างง่ายดาย

บนเตียงนอน ฮยอนอูเฝ้าดูจนแฮอินหลับไป สายตาของสามีจ้องมองไปที่ภรรยาด้วยความเศร้าสร้อย ความเศร้าที่เคลือบด้วยความสงสาร หญิงสาวที่คนทั้งประเทศเฝ้ามองด้วยความอิจฉา กลับมีเวลาใช้ชีวิตเหลืออีกแค่สองเดือน เขาได้แต่เฝ้ามอง ในใจก็พลางคิดว่าทำอะไรได้อีกบ้าง ทุกอย่างที่ช่วยแฮอินได้เขาจะทำ เมื่อนึกขึ้นได้ก็ออกไปโบสถ์ใกล้ ๆ โรงแรม เขาสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้า ขอให้แฮอินหายจากโรคร้าย … หากมีสิ่งหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ พระเจ้า ผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง

รุ่งขึ้น แฮอินตื่นเต้นเมื่อได้รับอีเมลจากศูนย์มะเร็ง เธอรีบบอกข่าวดีกับฮยอนอู “ศูนย์มะเร็งแจ้งให้ฉันเข้าไป ‘ฉีดฟีลกลาสทิม’ เพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาว”

ฮยอนอูยิ้มรับข่าวดี โดยที่แฮอินไม่รู้เลยว่า เขานี่แหละที่เป็นคนไปเจรจากับหัวหน้าศูนย์มะเร็งขอให้ทำการรักษาเธอ

ฮยอนอูรู้เหลี่ยมของศูนย์มะเร็งแห่งนี้ เขารู้ว่าการที่ศูนย์มะเร็งแห่งนี้มีอัตราการรอดชีวิตมากกว่า 51 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะเลือกรับผู้ป่วยที่มีอัตราการรอดชีวิตสูง ในขณะที่ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยที่มีอัตราการรอดชีวิตต่ำ ซึ่งแฮอินถูกปฏิเสธการรักษาก็เพราะเหตุผลนี้ เขาจึงขู่ฟ้องหัวหน้าศูนย์มะเร็งในข้อหาฉ้อโกง โดยจะยื่นฟ้องที่ศาลเกาหลี และเรื่องราวฉาวโฉ่จะกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

ระหว่างอยู่ที่ศูนย์มะเร็ง แฮอินเห็นเด็กชายหน้าคล้ายพี่ชายของเธอที่เสียชีวิต เธอวิ่งตามไป ฮยอนอูก็วิ่งตามมาด้วยความเป็นห่วง

ตอนแฮอินอายุ 9 ขวบ เธอกับครอบครัวไปเที่ยวทะเล เด็กหญิงแฮอินในตอนนั้นพลัดตกทะเล พี่ชายของเธอจึงกระโดดลงไปช่วย จนเป็นเหตุให้พี่ชายของเธอเสียชีวิต นับแต่นั้น แม่ก็ไม่ให้อภัยเธอ

ที่เยอรมนีความรักความเข้าใจเริ่มเบ่งบาน แต่ที่เกาหลีความวุ่นวายได้เริ่มขึ้น เมื่อประธานฮงมันแดพบว่า ถูกแอบติดตั้งเครื่องดักฟัง โดยมีเครื่องรับสัญญาณอยู่ภายในห้องทำงานของฮยอนอู และยังพบหนังสือสัญญาการหย่าในตู้เซฟ ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนร้ายของอึนซอง

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน

ในขณะที่หัวใจกำลังชุ่มฉ่ำกับความสุข แฮอินก็ได้รับข้อความจากครอบครัว เมื่อกดอ่านก็เห็น ‘หนังสือสัญญาการหย่า’ ที่ถูกระบุว่าเป็นของฮยอนอู แฮอินอึ้งสตั๊นไปหลายวินาที เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น อาจจะนานหลายนาที หรืออาจจะนานนับสิบนาที เธอยืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฮยอนอูวิ่งมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม เขายื่นใบโคลเวอร์นำโชคที่เพิ่งเหมามาทั้งร้าน แต่แฮอินไม่สนใจสิ่งใด เธอปัดใบโคลเวอร์กระจายไปทั่วพื้น ก่อนยื่นรูปหนังสือสัญญาการหย่าในโทรศัพท์ให้เขาดู “บอกฉันมา ว่ามันไม่จริง บอกมาว่ามันไม่ใช่คุณเป็นคนทำ”

ณ จุดนี้ฮยอนอูก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน “ไม่ ผมเป็นคนทำเอง ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกคุณ”

“คุณเตรียมเอกสารหย่าตั้งแต่ตอนไหน ?” แฮอินเอ่ยปากถามทั้งน้ำตา

“วันนั้น”

“อ๋อ วันเดียวกับที่ฉันบอกคุณว่าฉันกำลังจะตายสินะ เพราะแบบนี้ใช่มั้ยคุณถึงไม่บอกฉัน เพราะยังไงฉันก็ต้องตายอยู่ดี …” แฮอินเสียใจมาก เธอรู้สึกผิดหวัง เธอคิดมาตลอดว่าเขาทำทุกอย่างเพราะเป็นห่วง แต่มันไม่ใช่เลย “… แปลว่าที่ผ่านมาคุณโกหกฉันมาตลอด”

ฮยอนอูได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น แม้แต่น้ำตาก็ยังคลออยู่ที่เบ้า ทุกอย่างหยุดนิ่ง เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยคำพูดอะไรออกมา ไม่แม้แต่ปรายตามองเธอเดินจากไป มันเป็นความผิดที่ไม่มีข้อแก้ตัวเลยจริง ๆ

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน

แฮอินเดินเข้าห้องพักที่โรงแรมเหมือนคนหมดแรง ยืนพิงประตูทั้ง ๆ ที่เสียงของฮยอนอูยังดังก้องอยู่ในหัว “ผมรักคุณ ฮงแฮอิน ๆ ๆ ๆ” คำพูดที่เขาบอกรักเธอดังซ้ำ ๆ คำพูดที่เธอรู้แล้วว่าเป็นเพียงคำโกหก

ระหว่างนั้นอาการของแฮอินก็กำเริบ เธอเดินออกจากห้องพักลงไปบนถนน เสียบีบแตรของรถที่วิ่งด้วยความเร็วคันแล้วคันเล่า บีบไล่ให้เธอออกไปให้พ้นทาง แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รู้สึกตัว ยังดีที่ฮยอนอูตามมาช่วยเธอไว้ได้ทัน

แฮอินรู้สึกตัว เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาของคนที่หัวใจแตกสลาย “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ไม่ต้องมาช่วยฉัน”

รุ่งขึ้น แฮอินไปศูนย์ตามนัดเพื่อฉีดฟีลกลาสทิม แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะไม่ตอบสนอง เซลล์เม็ดเลือดขาวยังคงอยู่ในระดับต่ำ

หัวหน้าศูนย์แจ้งกับฮยอนอู และแนะนำให้เขาพยายามทำให้เธอสู้ต่อ “อย่าให้ผู้ป่วยหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่”

แฮอินตัดสินใจกลับเกาหลีโดยไม่รักษาต่อ ฮยอนอูสังเกตเห็นสีหน้าของเธอเหมือนคนยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาจึงตัดสินใจกระตุ้นความโกรธของเธอ เขาต้องการให้ความโกรธทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น ความโกรธนี่แหละที่จะทำให้เธอสู้ เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป …

“รู้มั้ย ทำไมผมถึงไปจากคุณ ทั้งที่ผมเลือกจะมีชีวิตที่สุขสบายได้ เพราะผมเกลียดที่ต้องอยู่กับคุณยิ่งกว่าอะไรไงล่ะ … บอกอะไรให้นะ ตอนที่รู้ว่าคุณกำลังจะตาย ผมดีใจแทบบ้า”

แฮอินกำมือที่ถือกระเป๋าเอาไว้แน่น “แน่ใจนะว่ารับความโกรธของฉันไหว !”

“อยากจะทำอะไรก็ทำเลย เชิญเลย” เสียงตวาดของฮยอนอูลั่นใส่หน้าแฮอิน มีไม่กี่ครั้งที่กล้าขึ้นเสียงใส่เธอ และครั้งนี้มันทำให้เธอโกรธสุด ๆ

ที่เกาหลี อึนซองประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการรีสอร์ตครบวงจรกับควีนส์กรุ๊ป แผนของอึนซองกำลังดำเนินไปตามขั้นตอน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน โครงการนี้จะประสบปัญหา และเขาก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของควีนส์กรุ๊ปในที่สุด

ในขณะที่ฮยอนเข้าพบประธานฮงมันแด เพื่ออธิบายว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดตั้งเครื่องดักฟัง แต่ไม่ว่าพูดยังไงประธานฮงมันแดก็ไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด

แฮอินเจอกับฮยอนอูโดยบังเอิญ เธอระบายความโกรธใส่เขาด้วยคำพูดเจ็บแสบ “คุณทิ้งฉันในวันที่ฉันสิ้นหวังที่สุด อย่าคิดว่าจะเดินออกจากบ้านนี้ไปได้ง่าย ๆ ฉันจะให้ทนายกระทืบให้คุณจมดิน แล้วค่อยเตะคุณออกไป”

“โอเค แต่ผมขอให้คุณอยู่ห่าง ๆ อึนซอง เขาดูไม่น่าไว้ใจ*

“ฉันไม่ถูกใครหลอกง่าย ๆ หรอก”

“จริงเหรอ ขนาดผมยังหลอกคุยได้เลย” พูดจบ ฮยอนอูก็เดินจากไป ทิ้งให้แฮอินยืนอึ้งกับคำพูดที่โดนตอกกลับ

แฮอินตั้งใจเอาคืนฮยอนอูให้สาสม เธอบอกทุกคนในครอบครัวว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอสั่งให้คนไปตามสืบทุกอย่าง เพื่อหาหลักฐานเอาผิดฮยอนอูให้ได้ งานนี้เธอตั้งใจจะเหยียบเขาให้จบบาทาด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หลังจากให้นักสืบตามดูพฤติกรรม และให้ทีมตรวจสอบบัญชีเข้าตรวจสอบ ก็ไม่พบความผิดปกติหรือสิ่งที่ฮยอนอูทำผิดกฎหมายเลย ถึงอย่างนั้น แฮอินก็ยังไม่เลิกสงสัยในตัวเขาอยู่ดี

แล้วตัวตนของ ‘โมซึลฮี’ (เมียใหม่ของประธานฮงมันแด) ก็ถูกเปิดเผย เธอคือแม่ผู้ให้กำเนิดของอึนซอง

ค่ำวันนั้น อาการของแฮอินกำเริบ เธอนั่งยอง ๆ กางร่มกันฝนให้อาหารน้องแมวอยู่ข้างถนน ฮยอนอูขับรถผ่านมาพอดี เขารีบลงไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วถามเธอว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ?

“ฉันไม่รู้ รู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่ …” แฮอินอมยิ้ม แล้วชี้ไปที่ร่มบนพื้น “… ร่มที่คุณให้ฉันไง จำได้มั้ย”

จากนั้นเธอก็พูดประโยคซ้ำเดิม เหมือนที่เคยพูดกับเขาในห้องพักโรงแรมที่เยอรมนี เธอบอกกับเขา “ไม่ต้องเป็นห่วง” เธอมีโอกาสหายถึง 51 เปอร์เซ็นต์

ฮยอนอูนิ่งเงียบ เขามองแฮอินด้วยสีหน้าเป็นกังวล อาการของเธอแย่ลงมาก ความทรงจำของเธอค่อย ๆ เลือนหายไปทีละเล็กทีละน้อย เขาพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่

“นี่คุณร้องไห้เหรอ ไม่ต้องร้องนะ บอกแล้วไงว่าฉันไม่เป็นไร หมอบอกว่าฉันมีโอกาสรอด 51 เปอร์เซ็นต์ ดีจะตาย” แฮอินยิ้มแล้วโผเข้ากอดเขา

น้ำตายังคงไหลออกมานองหน้าฮยอนอู แม้แฮอินจะเข้าไปโอบกอดปลอบประโลมเขา “บอกแล้วไงว่าฉันไม่เป็นไร”

ในที่สุด ฮยอนอูก็เผยความรู้สึกแท้จริงออกมา เขาไม่อาจทนใช้ประโยชน์จากการที่เธอสูญเสียความทรงจำ “ผมอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ อยากให้คุณยิ้มให้ผมอย่างนี้ต่อไปโดยไม่รู้ความจริง”

แฮอินทำหน้าสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไร ? ฮยอนอูจึงบอกว่า เธอไปเยอรมนีมาแล้ว แต่ร่างกายของเธอไม่พร้อมสำหรับการรักษา ก่อนเขาจะเม้มปากแล้วพูดต่อ “จริง ๆ ผมตั้งใจหย่ากับคุณ ทำให้ตอนนี้เรามีปัญหากัน”

เหมือนฟ้าฟาดลงกลางใจอีกครั้ง แฮอินรู้สึกสับสน “นี่ฉันเสียความทรงจำไปเหรอเนี่ย !” เธอคิดและพยายามนึกถึงความทรงจำอันเลือนราง ไม่นานนัก คำพูดที่เขาพูดกับเธอก่อนกลับเกาหลีก็ย้อนกลับมา เธอจำได้แล้ว เธอจำได้ทุกคำพูดที่เขาพูดไม่ดีกับเธอ จำได้ทุกคำ “ฉันจำสิ่งที่คุณทำกับฉันได้แล้ว งั้นฉันจะหย่ากับคุณ !”

ซงจุงกิ

แล้วก็ถึงวันนัดเซ็นเอกสารการหย่า ทนายของแฮอินคือ วินเซนโซ่ (รับบทโดย ซงจุงกิ) เจ้าของฉายา ‘ทนายมาเฟีย’ ว่ากันว่าเขาไม่นิยมการเจรจาแบบทนายทั่วไป ข้อเสนอของเขาต้องแลกด้วยสิ่งเดียว นั่นคือ ‘ลูกปืน’

การหย่าดำเนินไปอย่างเรียบร้อยตามที่วินเซนโซ่และแฮอินต้องการ โดยทนายฝั่งฮยอนอูไม่มีหือไม่มีอือ

เนื่องด้วยปัญหาความการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทำให้โครงการพัฒนารีสอร์ตครบวงจรติดปัญหา ส่งผลให้กลุ่มผู้ลงทุนพากันถอนตัว ณ จุดนี้ ควีนส์กรุ๊ปกำลังเผชิญกับความเสียหายมูลค่ามหาศาล อึนซองจึงถือโอกาสยื่นมือเข้ามาช่วย โดยเขาจะเป็นคนใส่เงินลงทุนทั้งหมด 9 แสนล้านวอน โดยควีนส์กรุ๊ปต้องใช้หุ้นค้ำประกัน

ฮยอนอูพบว่าสัญญาของอึนซองทำให้ควีนส์กรุ๊ปเสียเปรียบ จึงพยายามเข้ามาขัดขวาง แต่ประธานฮงมันแดไม่สนใจคำเตือน แถมยังหาว่าฮยอนอูทำงานผิดพลาด จึงไล่เขาออกทันที

อย่างไรก็ตาม ฮยอนอูยังคงแอบตามสืบประวัติของอึนซองกับโมซึลฮี แล้วก็พบว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด

เมื่อรู้ความจริง ฮยอนอูจึงรีบโทร. แจ้งประธานฮงมันแด แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เมื่อโมซึลฮีรู้ตัวว่ากำลังจะถูกเปิดโปง เธอจึงวางยาประธานฮงมันแดจนกลายเป็นอัมพาตเฉียบพลัน

แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือ ก่อนหน้านั้น ประธานฮงมันแดได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้โมซึลฮี นั่นหมายความว่า โมซึลฮีเป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย และมีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างแทน

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ โมซึลฮีเตะทุกคนออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็น แฮอิน ซูชอล พ่อแม่ อา และควีนส์กรุ๊ปก็ตกไปอยู่ในมือของอึนซองโดยสมบูรณ์ !

เมื่อไม่มีที่ไป ฮยอนอูจึงพาครอบครัวแฮอินมาที่บ้านยงดูรี งานนี้ทำเอาพ่อแม่พี่น้องถึงกับตกตะลึงด้วยความแปลกใจ

ฮยอนอูพาครอบครัวของแฮอินมาที่บ้านยงดูรี เพื่อหลบนักข่าว และเพื่อวางแผนจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น แต่การใช้ชีวิตในชนบท ทำให้พ่อแม่และซูชอลอล น้องชายของแฮอินต้องปรับตัวอย่างมาก จากที่เคยกินอาหารออร์แกนิกก็ต้องมากินอาหารบ้าน ๆ จากที่เคยดื่มน้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์ก็ต้องมากินน้ำประปาต้ม จากที่นอนบนเตียงราชวงศ์สเปนก็ต้องมานอนกับพื้น

อีมีซุก – พัคซองฮุน

อึนซองไม่พอใจที่โมซึลฮีไล่ครอบครัวแฮอินออกจากบ้าน “ผมว่าเรามีเป้าหมายต่างกัน เหมือนตอนที่ผมยังเด็ก แม่เลือกอยู่กับครอบครัวนี้แล้วทิ้งผมไป และตอนนี้ผมก็ไม่เลือกแม่เช่นกัน”

ถ้าเป้าหมายของโมซึลฮีคือการยึดบ้านมาเป็นของตัวเอง เป้าหมายของอึนซองก็คือ ‘แฮอิน’ รักแรกที่เขาไม่เคยลืม

ที่บริษัท อึนซองเรียกฮยอนอูเข้ามาพบ “ผมไม่สบายใจที่คุณยังเป็นหัวหน้าทีมกฎหมาย”

ฮยอนอูโค้งให้อึนซองแล้วกล่าวด้วยคำพูดสุภาพนิ่มนวล “ผมอยากให้คุณช่วย ผมขอเวลาแค่เดือนเดียว ผมกำลังเรียกร้องเงินจากการหย่า อีกอย่างผมก็ถูกพักงาน ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารใด ๆ ของบริษัทอยู่แล้ว”

เมื่อฮยอนอูออกไป อึนซองนั่งหน้าเครียดเหมือนกำลังครุ่นคิดแผนการอะไรบางอย่าง

ต่อมา อึนซองรู้เรื่องอาการป่วยของแฮอิน เขารู้ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เขาตกใจมากที่รู้ความจริง จากนั้นก็รีบไปพบหมอเจ้าของไข้ เพื่อสอบถามวิธีรักษา “ผมจะทำทุกอย่างให้เธอหายเป็นปกติ” แต่หมอแจ้งว่า เขาไม่ได้เป็นญาติหรือผู้ปกครองของแฮอิน ทำให้ไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่ายกระบวนการรักษา

เมื่อรู้เช่นนั้น อึนซองจึงแอบลักพาตัวประธานฮงมันแดออกจากโรงพยาบาล

เวลาเดียวกันก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ดักทำร้ายฮยอนอู ทำให้เกิดการชกต่อยต่อสู้กัน ฮยอนอูใช้สกิลการต่อสู้ที่ฝึกฝนจากกองทัพ

ในขณะที่ อึนซองเดินทางมาหาแฮอินที่ยงดูรี …

พัคซองฮุน – คิมจีวอน

อึนซองตามแฮอินมาที่ยงดูรี เพื่อยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานกับเขา แลกกับการที่เธอจะได้ตำแหน่งซีอีโอห้างควีนส์ “ถ้าไม่อยากให้ครอบครัวและคนรอบข้างเป็นอันตราย เธอต้องกลับมาหาฉัน รีบตัดสินใจซะ เธอมีเวลาสองวัน”

เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่อึนซองต้องการ คือ แต่งงานกันแฮอินให้เร็วที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดชีวิต … แต่ ‘ข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธได้’ ของเขา กลับทำให้เธอรู้สึกหนักใจ สีหน้าของเธอแสดงความกังวลออกมาชัดเจน

คิมซูฮยอน – คิมจีวอน

ฮยอนอูใช้สกิลการต่อยมวยระดับแชมป์ จัดการกลุ่มชายฉกรรจ์ซะราบคาบ แต่ตามเนื้อตัวและใบหน้าก็มีร่องรอยบอบช้ำที่เกิดจากการต่อสู้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน แฮอินจึงต่อว่า ก่อนจะทำแผลให้ “สัญญากับฉันสิ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ให้รีบหนี”

“ผมสัญญา”

“มีแต่คนที่แต่งงานกันที่ทำแบบนี้ เราหย่ากันแล้ว อย่าทำแบบนี้อีก อย่าโดนซ้อมกลับมาแบบนี้อีก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่คุณต้องมาเจ็บตัวเพราะฉัน” พูดจบ แฮอินก็ยื่นนิ้วก้อยออกไป ก่อนที่เขาจะยื่นนิ้วก้อยออกมาเช่นกัน นิ้วก้อยของทั้งสองเกี่ยวคล้องกัน แทนคำสัญญาที่มีให้กัน

วันต่อมา ฮยอนอูโดนอึนซองไล่ออกด้วยข้อกล่าวหา ‘ประพฤติมิชอบ’ หลายกรณี ทั้งเรื่องการยักยอกเงินบริษัท และทำธุรกรรมผิดกฎหมายหลายกรรม … ฮยอนอูรู้ดีว่า กำลังถูกใส่ความ แต่เขาคิดแผนบางอย่างเพื่อรับมือเอาไว้แล้ว

ฮยอนอูใช้ข้อมูลการกระทำผิดทางกฎหมายในอดีตของ ‘เกรซ โค’ ไปแบล็กเมล์ให้เธอเปลี่ยนข้างย้ายค่ายมาร่วมมือกับเขา เพื่อช่วยเหลือตระกูลฮง … เกรซ โค ยอมตกลงโดยไม่มีทางเลือก

สิ่งแรกที่เขาให้ เกรซ โค ทำคือ ตามหาประธานฮงมันแด ซึ่งขณะนี้ถูกอึนซองนำตัวไปซ่อน

อึนซองใช้เรื่องฮยอนอูมาข่มขู่แฮอิน “ถ้าไม่เลือกฉัน ฉันจะทำให้มันเป็นนักโทษเน่าตายอยู่ในคุก”

เธอรู้ดีว่าเขาทำได้อย่างที่พูด เธอจำเป็นต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ เพื่อปกป้องครอบครัวและฮยอนอู ในที่สุด เธอก็ตกลงรับข้อเสนออย่างไม่เต็มใจ

วันนี้ที่สำนักงานใหญ่ของควีนส์กรุ๊ป นักข่าวนับร้อยชีวิตมารวมตัวกันร่วมงานแถลงข่าวใหญ่ แฮอินเดินเข้ามาในห้องประชุมใหญ่ โดยมีอึนซองเดินโอบไหล่ประคองอยู่เคียงข้าง ท่ามกลางความแปลกใจของเหล่าพนักงาน ซึ่งฮยอนอูก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ยืนดูการแถลงข่าวด้วยใจเต้นระทึก

อึนซองขึ้นพูดบนเวที ประกาศแต่งตั้งให้แฮอินกลับมาเป็นซีอีโอของห้างควีนส์ และปฏิเสธข่าวลือที่มีก่อนหน้านี้ว่า เขาใช้วิธีผิดกฎหมายในการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของควีนส์กรุ๊ป “มันเป็นเรื่องน่าตลก ที่มีข่าวลือพวกนั้นออกมา”

เสียงปรบมือดังสนั่นห้องประชุม ก่อนที่แฮอินจะขึ้นมาพูดต่อ …

“ฉันและอดีตสามีถูกข่มขู่โดยอึนซอง …” แฮอินเว้นวรรค ในขณะที่เสียงฮือฮาอื้ออึงไปทั้งห้อง “… ฉันมีคลิปเสียงที่บันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน และฉันไม่สามารถรับตำแหน่งซีอีโอห้างควีนส์ เนื่องจากฉันป่วยเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”

หนึ่งในคนที่ถูกช็อตฟีลมากที่สุดก็คือฮยอนอู เขาได้แต่นึกถึงคำพูดที่เธอบอกเขา “ฉันจะเลือกทางออกที่ฉันเลือกเอง” … นี่สินะคือทางออกที่เธอเลือก ยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องครอบครัว และเพื่อปกป้องเขา

สายตาของฮยอนอูได้แต่จ้องมองแฮอินที่ยืนอยู่บนเวที ไม่นานน้ำตาของเขาก็ค่อย ๆ ไหลออกมา

ผู้คนต่างตกใจหลังรู้ข่าวอาการป่วยของแฮอิน โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่ช็อกกับข่าวร้ายที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน และคนที่แสดงออกว่าเสียใจมากที่สุดคือ ‘แม่’

แม่นิ่งอึ้งไปนานหลายนาที จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมา ในหัวของแม่ได้แต่คิดทบทวนถึงเรื่องในอดีตที่ทำไม่ดีกับลูกสาว แม่เพิ่งเริ่มคิดได้ว่า ที่ผ่านมาทำร้ายจิตใจลูกสาวรุนแรงมากแค่ไหน

เวลานั้น ภายในห้องแถลงข่าวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แฮอินเดินลงจากเวที ทิ้งให้อึนซองยืนหน้าเสียอยู่บนเวทีเพียงลำพัง ทันใดนั้นเอง อาการของเธอก็กำเริบ เธอเห็นภาพหลอนราวกับตัวเองยืนอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ แวบเดียวร่างก็ล้มพับหมดสติไป ฮยอนอูที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็รับเข้ามาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะรีบพาเธอไปห้องฉุกเฉิน

ผ่านไปหนึ่งคืน แฮอินก็ได้สติ คนแรกที่เห็นคือฮยอนอู เธอมองหน้าเขาแล้วก็เผยความรู้สึกภายในใจ เหมือนกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก …

“ฉันขอโทษที่ทำไม่ดีกับคุณ และปล่อยให้คุณอยู่อย่างอึดอัดกับครอบครัวของฉันเพียงลำพัง คุณต้องทนทรมานมาตลอด ลึก ๆ ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าคุณอยากหย่า คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ ที่ฉันบอกคุณตอนนี้ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร”

ขณะเดียวกัน โมซึลฮีก็ตามหาประธานฮงมันแดจนเจอ แต่ตอนนี้ประธานฮงมันแดฟื้นได้สติขึ้นมาแล้ว เป็นเพียงแต่ว่า เขาจำอะไรไม่ได้เลย

จากผล MRI หมอวินิจฉัยว่า เขาความจำเสื่อม เนื่องจากเลือดออกในสมอง และการบาดเจ็บที่ศีรษะ หมอแจ้งว่าต้องรอดูอาการประมาณ 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ความทรงจำของผู้ป่วยจะกลับมาได้เอง

แต่สิ่งที่โมซึลฮีต้องการจากประธานฮงมันแดในตอนนี้ คือ เงินจำนวน 9 แสนล้านวอนในชื่อของเธอ ถูกซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหน ?

ด้านอึนซองก็ต้องการเงินที่ประธานฮงมันแดซุกซ่อนเอาไว้ผ่าน ‘กองทุนโคลน’ เช่นกัน เนื่องจากการแถลงข่าวของแฮอิน ส่งผลทำให้ราคาของควีนส์กรุ๊ปร่วงอย่างหนักจนแดงเถือก แต่ดูเหมือนเส้นเงินที่ประธานฮงมันแดทำเอาไว้จะสลับซับซ้อนจนตามได้ยาก

อย่างไรก็ตาม ฮยอนอูที่รู้เรื่องกองทุนโคลน 9 แสนล้าน ก็ใช้ความสามารถในการโน้มน้าว ไปขอข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานกับประธานฮงมันแดมายาวนานหลายสิบปี จนในที่สุด เขาก็ได้ข้อมูลเส้นทางการเงินที่ถูกโอนไปไว้ในบริษัทกระดาษ ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ … เมื่อนำข้อมูลต่าง ๆ มาประกอบกัน เขาคิดว่าเงินทั้งหมดน่าจะยังอยู่ที่เกาหลี และถูกเก็บเอาไว้เป็นเงินสด

เกรซ โค ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นนกสองหัว อยู่กับโมซึลฮีแต่คอยส่งข้อมูลให้กับฮยอนอู เกรซ โค ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ควีนส์แกลลอรี่’ ได้เช่าโกดังขนาดใหญ่เอาไว้ในแถบชานเมือง ดังนั้น ถ้ามีเงินสดมูลค่า 9 แสนล้านเก็บไว้จริง โกดังแห่งนี้แหละที่มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะใช้เก็บเงินสดมูลค่ามหาศาลเหล่านั้นได้

เมื่อฮยอนอูเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง ทั้งหมดก็เดินทางไปที่ควีนส์แกลลอรี่ทันที เพื่อสืบหาความจริง

ระหว่างกลับ แฮอินเกิดอาการกำเริบ เธอขึ้นไปบนรถของอึนซอง โดยเข้าใจว่าเป็นฮยอนอู … ฮยอนอูจึงรีบขับรถไล่ตามมาจนทัน และได้เอารถจอดขวางทาง ก่อนจะลงมาตะโกนเรียก “แฮอิน !”

แฮอินสับสน สีหน้าของเธอวิตกกังวล เธอไม่แน่ใจว่าใครกันแน่คือ ฮยอนอู ?

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน

แฮอินตกใจมากที่อาการกำเริบ จนทำให้เข้าใจผิดคิดว่าอึนซองเป็นฮยอนอู เมื่ออึนซองเห็นแฮอินรู้ตัว จึงเสนอให้เธอไปที่บ้านเพื่อเจอคุณปู่

แฮอินลงจากรถแล้วเดินไปหาฮยอนอู เธอตัดสินใจโกหกเพื่อไม่ให้เขาเป็นกังวล “ฉันไม่เป็นไร อึนซองชวนฉันไปเจอคุณปู่ที่บ้าน ไม่ต้องเป็นห่วง คุณกลับไปก่อนเลย”

หลังจากทั้งสองขับออกรถไป ฮยอนอูก็ถูกชายปริศนาทำร้ายจนหมดสติ

เมื่อได้สติ เขาก็พบว่าตัวเองถูกมัดกับพวงมาลัยรถ โดยชายปริศนากำลังจัดฉาก ให้ดูเหมือนว่า ฮยอนอูจบเสียชีวิตด้วยการรมควัน แต่ด้วยไหวพริบและความสามารถด้านวาทศิลป์ ฮยอนอูจึงยื่นข้อเสนอให้ชายปริศนา และจะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น … ท้ายที่สุด ชายปริศนาก็ตกลงปล่อยฮยอนอูไป

ฮยอนอูรีบไปหาแฮอินทันที การเจอกันของทั้งสองอยู่ในสายตาของอึนซอง ที่มองทั้งสองใกล้ชิดกันผ่านกล้องวงจรปิด … “ทำไมมันยังไม่ตาย !?” อึนซองได้แต่คิดอยู่ในใจ เพราะที่แท้ เขาคือผู้จ้างวานให้ชายปริศนาไปเก็บฮยอนอู แล้วทำไมมันยังมายืนอยู่ข้างแฮอินได้

อึนซองหัวร้อนจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาคว้าข้าวของที่อยู่ใกล้มือขว้างปาเพื่อระบายอารมณ์

โมซึลฮีเห็นอาการลูกชายหลงรักแฮอินแบบไม่ลืมหูลืมตา จึงเข้าไปเตือน “แฮอินมันหลอกใช้ลูกอยู่ รู้ตัวมั้ย ?”

“แม่ก็หลอกใช้ผมเหมือนกัน” อึนซองมองแม่ด้วยสายตาที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้

“แม่ไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูก แม่ตามดูลูกอยู่ตลอด อย่าให้มัน [แฮอิน] หลอกใช้ เพราะแม่จะไม่ยอมเด็ดขาด”

เวลาเดียวกัน ผัวเก่าของดาฮเยก็ตามมาจนเจอ มันมาเพื่อไถเงิน และขู่จะทำร้าย ‘กอนอู’ ลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง … ดาฮเยเห็นท่าไม่ดี ต้องเป็นพ่อที่เลวแค่ไหน ถึงขู่จะร้ายลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง เธอจึงจัดการวางยานอนหลับผัวเก่า แล้วตัดสินใจพาลูกชายหนี

คนเดียวที่ดาฮเยคิดว่าเป็นที่พึ่งได้ก็คือซูชอล วินาทีแรกที่เขาเห็นหน้าดาฮเยและกอนอู เขารีบโผเข้าไปกอดโดยไม่เอ่ยถามอะไร เขาเข้าใจกับสิ่งที่เธอทำลงไป สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเธอและลูก แค่นั้น เท่านั้นจริง ๆ

ดาฮเยคุกเข่าขอโทษพ่อแม่สามี พร้อมกับเอาเงินสดทั้งหมดที่เหลืออยู่มาคืน โดยมีซูชอลอยู่เคียงข้าง

คิมซูฮยอน

คืนนั้น หลังจากสืบสวนอย่างละเอียด ฮยอนอูเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูง ที่เงินสดมูลค่ามหาศาลจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในบ้าน ซึ่งตรงกับคำบอกเล่าของพ่อแฮอิน ที่บ้านนี้มีห้องนิรภัยลับ

เป้าหมายของฮยอนอูคือลิฟต์ เขาสังเกตเห็นลิฟต์เป็นแบบเข้าออกได้สองทาง ดังนั้น ลิฟต์น่าจะเป็นทางเข้าห้องนิรภัยลับ

ขณะนั้น ความทรงจำของประธานฮงมันแดเริ่มกลับมา เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ทางเดียวที่จะช่วยครอบครัวได้ก็คือ เขาต้องตายจากไป เพื่อให้อำนาจของโมซึลฮีในฐานะผู้รับมอบรับมอบอำนาจควบคุมควีนส์กรุ๊ปหมดไป …

ประธานฮงมันแดตัดสินใจหมุนล้อรถเข็นลงบันได ร่างของเขากลิ้ง ปั้ง ๆ ๆ หัวกระแทกกับขั้นบันไดอย่างแรง เมื่อร่างกลิ้งลงไปถึงชั้นล่าง ลมหายใจของเขาก็หมดลง คอหักตาย !

รุ่งขึ้น ฮยอนอูพร้อมครอบครัวของแฮอินเดินทางไปที่บ้าน ทั้งหมดต้องตกใจเมื่อพบว่าประธานฮงมันแดเสียชีวิต

จากนั้น ทุกคนก็เข้าไปในบ้าน ขณะขึ้นลิฟต์ ฮยอนอูค้นหาเจอสวิตช์เปิดประตูลิฟต์ เมื่อกดสวิตช์ประตูลิฟต์อีกด้านก็เปิดขึ้น ทุกคนมองเข้าไปด้วยความประหลาดใจ

ภายในห้องนิรภัยลับมีแต่ความว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่บ่งบอกว่า เพิ่งมีการเคลื่อนย้ายเงินออกไป บอมจาคิดว่าโมซึลฮีเป็นคนย้ายเงินทั้งหมดออกไป

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ โมซึลฮีพาอึนซองมาที่ห้องเซฟขนาดใหญ่ ที่ใช้เก็บเงินสด 9 แสนล้าน “เงินพวกนี้จะช่วยให้ลูกปลอดภัย”

คิมซูฮยอน – คิมจีวอน

หลังกลับมาที่บ้านยงดูรี ฮยอนอูได้รับโทรศัพท์สายตรงจากเยอรมนีแจ้งข่าวสำคัญ ทางศูนย์มะเร็งพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับแฮอิน แต่มีโอกาสสูงที่แฮอินจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป

ฮยอนอูตัดสินใจบอกข่าวดีเรื่องการรักษากับแฮอิน แต่เลือกที่จะไม่บอกเรื่องผลข้างเคียงที่จะทำให้สูญเสียความทรงจำ เพราะกลัวว่าเธอจะปฏิเสธการรักษา … แฮอินดีใจมากเมื่อรู้ว่าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

คิมซูฮยอน – คิมจีวอน

รุ่งขึ้น ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันอย่างมีความสุข เหมือนย้อนเวลากลับไปออกเดตกันก่อนแต่งงาน “ฉันว่ามันคือพรหมลิขิต ตอนนี้เรามีอนาคตร่วมกันแล้ว ฉันตกลงถอนหย่าตามที่คุณขอ”

จากนั้น แฮอินก็เผยว่า จริง ๆ แล้วรักแรกของเธอก็คือเขา ฮยอนอูยิ้มจนแก้มปริที่ได้รู้ความจริง เพราะเธอก็คือรักแรกของเขาเช่นกัน

แฮอินกับฮยอนอูเดินทางไปเยอรมนี แต่ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เขาตัดสินใจบอกความจริงกับเธอ “มีบางอย่างที่ผมยังไม่บอกคุณ คือมีโอกาสสูงที่คุณจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดหลังผ่าตัด แต่มันเป็นเพียงโอกาสเดียวที่คุณจะมีชีวิตอยู่ต่อ”

แฮอินถึงกับสตั๊นไปทั้งร่างกับความจริงที่ได้รู้ ก่อนจะตวาดใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ “คุณจะให้ฉันเลือกสิ่งที่เลวร้ายน้อยกว่างั้นเหรอ”

“ไม่ต้องเลือก แค่มีชีวิตอยู่ ทำตามที่ผมบอก ผมขอร้อง มีชีวิตอยู่”

คิมซูฮยอน – คิมจีวอน

“คุณให้ฉันเลือกระหว่างความตายกับความทรงจำ คุณกำลังบังคับให้ฉันเลือกระหว่างสิ่งเลวร้ายสองสิ่งอยู่นะ” แฮอินพูดทั้งน้ำตา

“ไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรทั้งนั้น แค่ทำตามที่ผมบอก มีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะนะ” ฮยอนอูพยายามเกลี้ยกล่อมให้แฮอินเปลี่ยนใจ แต่ …

ดูเหมือนแฮอินยังคงยืนยันจะไม่เข้ารับการผ่าตัด สำหรับเธอแล้วความทรงจำเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนชีวิต หากปราศจากความทรงจำก็ไม่ต่างจากคนตาย “ความทรงจำในรัก และความทรงจำของการถูกรัก ให้ฉันจากไปพรัอมกับความทรงจำเหล่านี้เถอะนะ”

น้ำตาหลั่งไหลออกมาอาบแก้มของคนทั้งสอง มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากจริง ๆ … การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความทรงจำ ก็ไม่ต่างจากตัวตนที่ตายไปแล้ว ?

เวลาเดียวกัน อึนซองเตรียมเดินทางไปเยอรมนี ทำให้โมซึลฮีรู้สึกไม่พอใจ เธอรู้สึกว่าแฮอินทำให้ลูกชายของเธอหวั่นไหวสั่นคลอน ซึ่งส่งผลต่อแผนการที่วางไว้พังทลาย โมซึลฮีจึงตัดสินใจกำจัดแฮอินซะ ด้วยการส่งมือสังหารไปเยอรมนี

ไม่นานนัก รถบรรทุกที่ขับมาด้วยความเร็วก็พุ่งเข้าชนรถของแฮอิน แต่โชคดีที่แฮอินไม่อยู่ในรถ

ด้านฮยอนอูที่คิดว่าแฮอินอยู่ในรถก็ตกใจมาก เขาร้องไห้ฟูมฟายออกมาเหมือนคนเสียสติ … แฮอินที่เห็นฮยอนอูร้องไห้เสียใจมากมายขนาดนั้น จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เธอเปลี่ยนใจเข้ารับการผ่าตัด … แฮอินไม่อาจปล่อยให้คนที่เธอรักจมอยู่กับความเศร้าเสียใจไปตลอดชีวิตแบบนี้ได้ เธอรู้แล้วว่าชีวิตของเธอมีค่ากับเขามากแค่ไหน

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน – พัคซองฮุน

เมื่อวันผ่าตัดมาถึง แฮอินเอ่ยกับฮยอนอูเป็นครั้งสุดท้าย “ถ้าฉันฟื้นขึ้นมา ดูแลฉันด้วยนะ”

ระหว่างที่ฮยอนอูรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัด จู่ ๆ ตำรวจก็เข้าจับกุมเขาในข้อหาฆาตกรรมประธานฮงมันแด ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ต้องหาหลักในคดีนี้

อึนซองที่มาด้วย เดินไปกระซิบข้าง ๆ หูฮยอนอู “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลเธอเอง”

ฮยอนอูถูกนำตัวกลับเกาหลี และมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

พัคซองฮุน – คิมจีวอน

การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แฮอินฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำทั้งหมดสูญสลายกลายเป็นศูนย์ ดูเหมือนสิ่งเดียวที่เธอจำได้คือชื่อ ‘ฮยอนอู’ เธอใช้ชีวิตอยู่ในการดูแลของอึนซอง

อึนซองบอกกับแฮอินว่า เขาเป็นสามีของเธอ แต่เธอบอกว่า เธอจำได้ว่าสามีของเธอชื่อ ‘ฮยอนอู’ … อึนซองบอกว่าฮยอนอูเป็นชื่อของอดีตสามีที่หย่ากันไปแล้ว และเขาคือสามีคนปัจจุบัน

คิมจีวอน – คิมซูฮยอน

แฮอินยืนมองดูหิมะแรกโปรยปรายร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เธอจ้องมองอยู่อย่างนั้นเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

เวลาเดียวกัน ฮยอนอูเองก็กำลังยืนมองหิมะแรกเช่นกัน เขามองด้วยความรู้สึกในใจที่เป็นกังวลและเป็นห่วงแฮอิน ความรู้สึกภายในกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ค่อย ๆ ซึมอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง

ออกอากาศ 27 เมษายน

ออกอากาศ 28 เมษายน

ดู Queen of Tears ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่