สปอยล์ซีรีส์ https://www.online-idol.com/movies-series/series-spoiler/ idol รีแคป ซีรีส์เกาหลี สรุปหนัง สปอยล์ซีรีส์ Netflix - HBO GO - Prime Video - Disney Plus Mon, 08 Jan 2024 11:32:26 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.2 https://www.online-idol.com/wp-content/uploads/2020/08/cropped-idol-ico-512-min-32x32.png สปอยล์ซีรีส์ https://www.online-idol.com/movies-series/series-spoiler/ 32 32 อธิบายตอนจบ ซีรีส์ Fool Me Once (2024) อย่าหลอกกัน https://www.online-idol.com/2024/01/08/fool-me-once-2024-ending-explained-38163/ Sun, 07 Jan 2024 22:56:38 +0000 https://www.online-idol.com/?p=38163 อธิบายตอนจบของ Fool Me Once (2024) ซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนจาก Netflix ที่สร้างจากนวนิยายของนักเขียนชื่อดัง ฮาร์ลาน โคเบน

The post อธิบายตอนจบ ซีรีส์ Fool Me Once (2024) อย่าหลอกกัน appeared first on idol.

]]>
Fool Me Once ชื่อภาษาไทยว่า ‘อย่าหลอกกัน’ เป็นซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนของ Netflix สร้างจากนวนิยายของนักเขียนชื่อดัง ฮาร์ลาน โคเบน ซึ่งมีพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และเต็มไปด้วยการหักมุม โดยเฉพาะในตอนจบ

โดยซีรีส์จะติดตามเรื่องราวของ มายา (รับบทโดย มิเชลล์ คีแกน) อดีตทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่พยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ โจ (รับบทโดย ริชาร์ด อาร์มิเทจ) สามีของเธอ ซึ่งระหว่างการหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความจริง เธอต้องเจอกับเบาะแสที่ขัดแย้งกันมากมาย

อย่างไรก็ตาม แม้ตอนจบของซีรีส์จะเคลียร์ปมส่วนใหญ่จนเกือบหมด แต่ ‘โคเบน’ ก็จงใจทิ้งตอนจบแบบปลายเปิดเอาไว้ เพื่อให้คนดูอย่างเราเอาไปคิดต่อให้ปวดหัว

มิเชลล์ คีแกน
Via Netflix

ทำไม ‘เชน’ ต้องทำตัวน่าสงสัย ?

ตลอดทั้งเรื่อง มีตัวละครหนึ่งที่น่าสงสัย จนทำให้หลายคนคิดว่า คนคนนี้แหละคือฆาตกรตัวจริง เชน (รับบทโดย Emmett J Scanlan) เพื่อนสนิทของมายา เป็นคนที่เธอมักจะทิ้งลูกสาวตัวน้อยไว้ให้ดูแลเป็นประจำ นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอเชื่อใจเขามาก อีกทั้งยังเป็นคนที่ช่วยเธอหลาย ๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคือ การช่วยเธอตรวจสอบปลอกกระสุน ซึ่งนำไปสู่ความจริงที่ว่า ‘โจฆ่าแคลร์’ พี่สาวของเธอ

นอกจากนั้น มายายังขอให้เชนไปสืบเรื่อง นักสืบซามี (รับบทโดย อะดีล อัคห์ตาร์) เนื่องจากเธอได้เบาะแสว่า นักสืบซามีรับสินบนจากแม่ของโจ (ในภายหลังเราจะรู้ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแผนการของจูดิธ ที่ต้องการปั่นหัวมายาให้กลายเป็นบ้า)

เรื่องของเรื่องคือ ตัวละครเชนเนี่ย ทำอะไรหลายอย่างที่ชวนน่าสงสัย อย่างเช่น เขาแอบติดตั้งอุปกรณ์ติดตามไว้ที่รถของมายา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไม และเขายังแอบเข้าไปในบ้านมายาตอนกลางดึก ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะลิลลี่ ลูกสาวตัวน้อยของมายา

พฤติกรรมที่น่าสงสัยของเชนไม่ได้ถูกอธิบายเอาไว้ในซีรีส์ ดังนั้น สิ่งที่จะทำได้ก็คือเดา และคำอธิบายที่น่าจะตรงมากที่สุด คือ นักเขียนต้องการใช้ตัวละครนี้เบี่ยงเบน เพื่อหลอกให้เราหลงทาง ก่อนที่สุดท้ายจะหักมุมเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดเผยว่า คนร้ายตัวจริงคือใคร

และก็เป็นไปได้ว่า พฤติกรรมแปลก ๆ ที่เชนทำ เป็นเพราะเขาเป็นห่วงมายาจริง ๆ จึงทำให้เขาจับตาดูเธอ แม้ระหว่างนั้นเราจะตั้งคำถามว่า ‘เชนแอบชอบมายาหรือเปล่า ?’ แต่ความสงสัยนี้ถูกปัดตกไป เพราะเชนไม่แสดงออกให้เห็นเลยว่า เขาความรู้สึกในเชิงชู้สาวกับเธอ

มิเชลล์ คีแกน - ริชาร์ด อาร์มิเทจ
มิเชลล์ คีแกน – ริชาร์ด อาร์มิเทจ

ใครฆ่าโจ ?

ในตอนสุดท้าย EP.8 เราได้รู้ความจริงว่า มายาเป็นคนยิงโจที่สวนสาธารณะ ซึ่งตรงกับข้อสงสัยของนักสืบซามี โดยปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนที่เธอซ่อนเอาไว้ในช่องลับ ซึ่งมีแต่เธอกับโจเท่านั้นที่รู้ที่ซ่อน และเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ลั่นไกสังหารแคลร์ พี่สาวของมายา

เหตุผลที่มายาจัดฉากฆ่าโจ เริ่มต้นจากความสงสัยว่าโจเป็นฆาตกรที่ฆ่าแคลร์ เธอจึงนำเอาปลอกกระสุนที่ยิงจากปืนกระบอกนั้นไปตรวจสอบ ผลปรากฏว่ากระสุนที่ใช้สังหารแคลร์มาจากปืนของเธอ นั่นก็หมายความว่าโจต้องเป็นคนฆ่าแคลร์

ทีนี้ เมื่อรู้แล้วว่าโจเป็นฆาตกร มายาจึงวางแผนสังหารโจที่สวนสาธารณะ แล้วจัดฉากว่าเป็นการปล้น

ด้วยความที่มายามีอาวุธปืนชนิดเดียวกันแบบเดียวกันสองกระบอก กระบอกหนึ่งไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนอีกหนึ่งกระบอกซ่อนเอาไว้ เธอจึงสับเปลี่ยนปืน ก่อนที่จะนัดโจให้มาเจอที่สวนสาธารณะ มายาใช้วิธีนี้เหมือนเป็นการลองใจโจครั้งสุดท้าย

เมื่อทั้งสองมาเจอกันที่สวนสาธารณะ มายาได้บอกกับโจว่า เธอรู้ความจริงที่เขาฆ่าแคลร์ ทำให้โจเผยธาตุแท้ของตัวเอง เขาชักปืนเล็งไปที่มายาแล้วลั่นไก ซึ่งแน่นอนว่าปืนมันใช้การไม่ได้ ทำให้มายาตัดสินใจลั่นไกยิงใส่เขาทันที โดยเธอตั้งใจยิงสองนัดแรกให้เขาบาดเจ็บ เพื่อให้เหมือนเป็นการยิงที่เกิดจากการปล้น ก่อนที่นัดสุดท้ายจะยิงปลิดชีวิตเขาที่หน้าอก ตอนนั้นเอง เธอก็เข้าไปกอดกับที่ไร้ลมหายใจของเขา เพื่อตบตาตำรวจว่าเธอเสียใจกับการจากไปของสามี

ระหว่างนั้น มายาเห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แถวนั้น จึงชี้เบาะแสกับตำรวจไปว่า เธอกับโจถูกเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นปล้น เพื่อเบี่ยงเบนให้ตำรวจสืบผิดทาง แต่ …

แต่มีคนขี่จักรยานคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาเห็นว่ามายาเป็นคนลั่นกระสุนสังหารโจ ซึ่งเธอก็รู้อยู่แล้วว่ามีพยานคนนี้อยู่ แต่ที่เธอต้องการจริง ๆ คือซื้อเวลาให้ตำรวจสืบผิดทาง เพื่อจะได้มีเวลาสืบหาเหตุผลว่า “ทำไมโจต้องฆ่าแคลร์ ?”

ริชาร์ด อาร์มิเทจ
ริชาร์ด อาร์มิเทจ

ทำไมโจต้องฆ่าแคลร์​ ?

เรื่องมันย้อนกลับสมัยที่มายายังเป็นทหาร มีนักแฉคนหนึ่งเผยเรื่องที่เธอทำสิ่งที่ผิดพลาด โดยการสังหารพลเรือนในสนามรบ ทำให้เธอถูกปลดจากกองทัพ ทีนี้ แคลร์ได้ไปเจรจากับนักแฉ ให้หยุดการแฉ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน แคลร์ต้องสืบเรื่องทุจริตของบริษัทยาที่เธอทำงานอยู่ ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวโจ

แคลร์สืบไปสืบมาจนได้พบความลับอันน่าตกตะลึง บริษัทยาของครอบครัวโจได้ทำการปลอมแปลงผลการวิจัย เพื่อทำให้ยาออกวางขายได้ เมื่อโจรู้จึงตัดสินใจสังหารแคลร์ โดยใช้ปืนของมายา แล้วจัดฉากว่าเป็นการปล้น

ต่อมา มายาได้เจอกับนักแฉ เธอจึงได้รู้ความจริง จากนั้น มายาก็เริ่มหมกมุ่นกับการวางแผนทำลายครอบครัวของโจ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่ายาเหล่านั้นทำให้คนที่กินเข้าไปเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ยิ่งทำให้มายารู้สึกขยะแขยงกับครอบครัวของโจ ที่ร่ำรวยมาจากเงินสกปรกและชีวิตของมนุษย์ (นักสืบซามีก็ได้รับผลกระทบจากยานี้เช่นกัน)

และมายายังสืบจนรู้ด้วยว่า โจเป็นคนฆ่าแอนดรูว์ พี่ชายของตัวเองโดยการผลักตกเรือยอช์ต เพราะแอนดรูว์รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ในอดีต ที่เคยร่วมกับโจและกลุ่มเพื่อนรังแกเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งจนเสียชีวิต

ณ จุดนี้ มายารู้แล้วว่าโจมีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากฆาตกรต่อเนื่อง เธอยังเชื่ออีกว่า แม่ของโจรู้เรื่องทุกอย่าง แถมยังช่วยโจปกปิดความผิด

สปอยล์ Fool Me Once (2024)
Via Netflix

Fool Me Once ตอนจบ

ในตอนจบ นักสืบซามีตามสืบจนพบกับคนขี่จักรยานที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะ เขาจึงรู้ว่า มายาคือคนที่ฆ่าโจ เขาตามไปจนจับตัวมายาได้ แต่มายาขอเวลาให้เธอได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ให้สำเร็จก่อน โดยเธอได้เล่าเรื่องการปลอมแปลงผลการวิจัยยา ซึ่งนักสืบซามีเชื่อ เพราะเขาเองก็ได้รับผลข้างเคียงที่เกิดจากยานี้เช่นกัน

แผนคือ มายาจะเข้าไปหาจูดิธ พร้อมกับน้องสาวและน้องขายของโจ โดยมีการแอบติดตั้งกล้องเพื่อใช้ถ่ายทอดสดเอาไว้ภายในห้อง มายาหยิบปืนพกออกมาแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะ ในขณะที่เธอพยายามหลอกล่อให้จูดิธเผยความจริงทั้งหมดออกมา ส่วนเธอก็สารภาพเช่นกันว่าเป็นคนฆ่าโจ

ในท้ายที่สุด เมื่อทุกคนเผยความจริงออกมาผ่านกล้องถ่ายทอดสด นีล น้องชายของโจก็หยิบปืนที่มายาวางเอาไว้ลั่นไกใส่มายาจนเสียชีวิต ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องจากคนทั่วโลกผ่านการถ่ายทอดสด … ซึ่งเป็นแผนที่มายาวางเอาไว้ตั้งแต่ต้น เธอเลือกที่จะจบแบบนี้

ทำไมมายาเห็นโจในกล้องสอดแนม ?

ความจริงคือโจตายไปแล้วด้วยมือของมายา แล้วทำไมเขายังปรากฏตัวในภาพจากกล้องสอดแนม ?

สั้น ๆ คือ ภาพของโจเป็นภาพที่สร้างขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิก (Deepfake) ซึ่งเป็นแผนของจูดิธ เพราะเธอต้องการปั่นประสาทมายาให้กลายเป็นบ้า เพราะจูดิธรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามายาเป็นคนฆ่าโจ

ดูซีรีส์ Fool Me Once ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่

The post อธิบายตอนจบ ซีรีส์ Fool Me Once (2024) อย่าหลอกกัน appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง A Nearly Normal Family (2023) ครอบครัวนี้ เกือบธรรมดา https://www.online-idol.com/2023/11/29/a-nearly-normal-family-2023-swedish-series-spoiler-37756/ Wed, 29 Nov 2023 08:00:12 +0000 https://www.online-idol.com/?p=37756 ครอบครัวธรรมดา ๆ ครอบครัวหนึ่ง ดูเหมือนจะพังทลาย เมื่อหนึ่งในสมาชิกตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมร้ายแรง …

The post สรุปเนื้อเรื่อง A Nearly Normal Family (2023) ครอบครัวนี้ เกือบธรรมดา appeared first on idol.

]]>
A Nearly Normal Family (2023) สปอยล์ : ครอบครัวธรรมดา ๆ ครอบครัวหนึ่ง ดูเหมือนจะพังทลาย เมื่อหนึ่งในสมาชิกตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมร้ายแรง …

แนว : ดราม่า อาชญากรรม ระทึกขวัญ
เรต : 16+
ความยาว : 6 ตอน 2 ชม. 33 น.
คะแนนรีวิว : 6/10
IMDb เรตติ้ง : 6.9

โปสเตอร์ซีรีส์ A Nearly Normal Family (2023) ครอบครัวนี้ เกือบธรรมดา

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่ ลุนด์ เมืองเล็ก ๆ ที่ดูเงียบสงบ ทางตอนใต้ของสวีเดน … ‘สเตลล่า’ เด็กสาววัยสิบห้า ที่อยู่ในครอบครัวที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ มีพ่อเป็นบาทหลวงที่ยึดมั่นและศรัทธาในศาสนา ได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านในชุมชน ส่วนแม่ก็เป็นทนายความ และเป็นอาจารย์ด้านกฎหมาย สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยลุนด์ ทุกอย่างดูเพอร์เฟกต์

สเตลล่ามีเพื่อนสนิทชื่อ ‘อามีนา’ วันนี้ ทั้งสองไปเข้าแคมป์ฝึกซ้อมแฮนด์บอลด้วยกัน ซึ่งสเตลล่าถือเป็นดาวเด่นตัวความหวังของทีม

Christoffer Willén and Alexandra Karlsson Tyrefors in A Nearly Normal Family (2023)
โรบิน กับ สเตลล่า ริมชายทะเล ระหว่างเข้าแคมป์ซ้อมแฮนด์บอล | Image: Netflix

ระหว่างที่อยู่ในแคมป์ สเตลล่าเกิดไปเตะตาต้องใจเข้ากับผู้ช่วยโค้ช หนุ่มหล่อที่มีชื่อว่า ‘โรบิน’ หลังจากซ้อมเสร็จ เธอจึงเข้าหาเขา และชวนเขาไปว่ายน้ำด้วยกันสองต่อสอง ว่ายน้ำเสร็จ ทั้งสองก็ทำท่าจะจูบกันที่ริมหาด แต่ดูเหมือนเธอจะกลัวใครมาเห็น จึงชวนเขาไปในบ้านริมชายหาดที่อยู่ใกล้ ๆ ทั้งสองจูบกัน แล้วเขาก็เริ่มรุกเธอหนักขึ้น ด้วยการถอดชุดว่ายน้ำแบบทูพีซของเธอ ตอนนั้นเองที่สเตลล่าพูดออกมาว่า “ฉันไม่อยากทำแบบนี้” เธอพูดซ้ำด้วยประโยคเดิม ๆ สองถึงสามครั้ง แต่เขาก็ยังไม่หยุด สุดท้ายเขาก็ล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายของเธอ ณ จุดนี้ สเตลล่าได้แต่นิ่ง และปล่อยให้เขาทำต่อไป จนกระทั่ง เจ้าของบ้านเข้ามาพบ

พ่อของสเตลล่าขับรถมารับที่แคมป์ หลังได้รับแจ้งจากโค้ชว่า เธอแอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้ช่วยโค้ช ในบ้านของคนอื่น ระหว่างทาง เธอตัดสินใจบอกความจริงกับพ่อว่า จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ต้องการให้เขาทำ

พ่อพาสเตลล่าไปตรวจภายในที่โรงพยาบาล หมอตรวจอย่างละเอียดแล้วพบร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ หรือการทำร้ายร่างกาย ซึ่งดูจะสวนทางกับสิ่งที่สเตลล่าบอกกับพ่อ !?

เมื่อกลับมาถึงบ้านพ่อปรึกษากับแม่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาต้องการแจ้งความเอาผิดกับผู้ชายคนนั้น เพราะเขามองว่ามันเป็นการขืนใจ และผู้ชายคนนั้นต้องได้ผลจากการกระทำ แม่ซึ่งเป็นทนายความจึงเข้าไปถามสเตลล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่พยายามจี้ถามสเตลล่าว่า ได้แสดงท่าทางขัดขืน จนฝ่ายชายเห็นได้ชัดเจนหรือเปล่าว่า เธอไม่ต้องการให้เขาทำ ? แต่สเตลล่าบอกว่า เธอแค่บอกให้เขาหยุด ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืน ได้แต่นอนนิ่งให้เขาทำ

แม่ตัดสินใจที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ในฐานะทนายเธอมองว่า ถึงจะแจ้งความดำเนินคดี สุดท้ายแล้วศาลจะตัดสินยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ อีกทั้งสเตลล่ายังไม่แสดงออกถึงการขัดขืนอย่างชัดเจน แม่พยายามอธิบายให้พ่อเข้าใจถึงแง่มุมกฎหมาย และถ้าพ่อยังดึงดันจะเอาดำเนินคดี เรื่องต่าง ๆ ก็จะถูกขุดขึ้นมา สเตลล่าต้องพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ต่อหน้าคนแปลกหน้า

สุดท้าย ทั้งสองก็ตัดสินใจปล่อยผ่าน และทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่า ทางเลือกนี้จะเป็นการปกป้องสเตลล่าดีที่สุด แต่ …

แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่รู้เลยว่า การตัดสินใจแบบนี้ ทำให้สเตลล่ารู้สึกผิด เธอรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเธอ ที่ปล่อยให้เขาทำโดยไม่แสดงอาการขัดขืน !

Lo Kauppi in A Nearly Normal Family 2023
อูลรีก้า (Lo Kauppi) แม่ของสเตลล่า | Image: Netflix

4 ปีผ่านไป

หลังเหตุการณ์นั้น สเตลล่าไม่ได้เรียนต่อ เธอออกจากโรงเรียน และทำงานเป็นพนักงานที่ร้านเบเกอรี่ในเมือง

ในขณะที่แม่ก็แอบไปมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับอดีตเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ ‘มีเกล’ ซึ่งดูเหมือนพ่อก็รู้มาตลอด แต่เก็บงำเอาไว้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อเก็บความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ในใจ เพื่อให้สถานะความเป็นครอบครัวยังดำรงอยู่ต่อไป และหวังว่าสักวันแม่จะสำนึกผิด

เรื่องราวดำเนินไปจนถึงคืนนั้น สเตลล่าบอกกับพ่อแม่ว่า เธอจะไปเที่ยวกับอามีนา ทุกอย่างก็ดูเหมือนเป็นปกติ กระทั่งกลางดึก สเตลล่ากลับมาบ้านด้วยร่างกายที่เปียกปอน เธอแอบเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านล่าง พ่อเห็นก็แปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

Alexandra Karlsson Tyrefors
สเตลล่า รับบทโดย Alexandra Karlsson Tyrefors | Image: Netflix

แล้ววันต่อมา สเตลล่าก็ถูกตำรวจควบคุมตัว และแจ้งข้อหาฆาตกรรม !

แม่ที่อยู่บ้านในตอนนั้น ได้รับสายด่วนจากมีเกล แจ้งข่าวเรื่องสเตลล่า และตำรวจกำลังนำหมายค้นมาที่บ้านของเธอ ด้วยสัญชาตญาณทนายความ แม่จึงเก็บเอาเสื้อผ้าที่สเตลล่าใส่เมื่อคืน และเอาโทรศัพท์มือถือของสเตลล่าไปซ่อน ซึ่งต่อมา แม่ก็เอาเสื้อผ้าไปเผา ส่วนโทรศัพท์ก็เอาไปโยนทิ้งน้ำ

แม่ขอให้มีเกลเป็นทนายความให้สเตลล่า เพราะมีเกลเป็นทนายความคดีอาญาที่เก่งที่สุดที่เธอรู้จัก

ไม่เท่านั้น แม่ยังได้ใช้เส้นสายที่รู้จักกับอัยการ เข้าไปล้วงข้อมูลหลักฐานของอัยการเจ้าของคดี จนทำให้รู้ว่า พบดีเอ็นเอของอามีนาอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของผู้ตาย ซึ่งทำให้แม่ประหลาดใจมาก

ด้านพ่อก็เข้าให้การกับตำรวจ ยืนยันว่าลูกสาวกลับบ้านตั้งแต่ 5 ทุ่ม 15 นาที ซึ่งเป็นเวลาก่อนเกิดเหตุฆาตกรรม และเขาก็ลบข้อความที่ส่งหาสเตลล่าตอนตีหนึ่ง เพื่อปกปิดหลักฐาน

ขณะที่ฝ่ายตำรวจเองก็มีหลักฐานเป็นพยานบุคคลที่ได้ยินเสียงเหตุการณ์ และยืนยันว่าสเตลล่าไปหาชายหนุ่มที่ห้องบ่อยครั้ง ส่วนหลักฐานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ก็คือรอยรองเท้า ซึ่งตรวจพบไมโครไฟเบอร์ที่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า สเตลล่าอยู่ในที่เกิดเหตุ

ส่วนแรงจูงใจที่อัยการวาดไว้ก็คือ การหึงหวง เนื่องจากพบดีเอ็นเอของอามีนาในห้องของผู้ตาย อัยการจึงตั้งข้อสันนิษฐานแรงจูงใจว่า “ผู้ตายเป็นแฟนของสเตลล่า และดูเหมือนอามีนาจะติดพันกับแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิท ทำให้สเตลล่าใช้มีดแทงเขาไม่ยั้งด้วยความหึงหวง”

หลักฐานอีกอย่างที่สำคัญคือ พบสเปรย์พริกไทยในดวงตาของผู้ตาย ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่สเตลล่าพกเป็นประจำ และตำรวจก็พบสเปรย์ขวดนั้นในวันที่เธอถูกควบคุมตัว

อย่างไรก็ตาม มีเกลซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นทนายความในคดีนี้ มองว่าหลักฐานที่ตำรวจมียังอ่อน เพราะไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ให้ปราศจากข้อสงสัยว่า สเตลล่าเป็นฆาตกร หลักฐานที่ตำรวจมีเป็นเพียงหลักฐานที่บอกว่า เธออยู่บริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ

หลักฐานที่ยังขาดไปในคดีนี้คือ มีดที่ใช้เป็นอาวุธสังหาร และเสื้อผ้าในสเตลล่าใส่ในวันเกิดเหตุ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ ซึ่งแม่ได้ทำลายหลักฐานทั้งสามชิ้นนี้ไปหมดแล้ว

Christian Fandango Sundgren and Alexandra Karlsson Tyrefors in A Nearly Normal Family 2023
A Nearly Normal Family (2023) ครอบครัวนี้ ... เกือบธรรมดา
คริส กับ สเตลล่า | Image: Netflix

ภาพความจริง

จากนั้น เรื่องก็แสดงให้เห็นความจริงที่เกิดขึ้น สเตลล่ากับอามีนานัดไปเที่ยวกับที่คลับแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นสเตลล่าก็เจอกับชายหนุ่มรถพอร์ช เธอจึงทักเขา และขอเขาติดรถไปเที่ยวต่อ จากนั้นทั้งสองก็ค่อย ๆ ทำความรู้จักกัน คบกัน มีความสัมพันธ์กัน

คริส หนุ่มอายุ 32 แก่กว่าสเตลล่าถึงสิบสามปี เขาร่ำรวยมาจากคริปโต ความสัมพันธ์ของคริสกับสเตลล่าก็ดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่ง ‘ลินดา’ แฟนเก่าของคริสมาหาสเตลล่า เพื่อเตือนให้ระวัง เพราะคริสมีเป็นคนอารมณ์ไม่ปกติ ที่สำคัญคือชอบแอบวางยาผู้หญิง

ตอนแรก สเตลล่าก็ไม่เชื่อที่ลินดาพูด แต่เมื่อคบกับคริสไประยะหนึ่ง เธอก็เริ่มเห็นอารมณ์ที่แปรปรวน อีกทั้งยังสังเกตเห็นรสนิยมทางเพศแปลก ๆ ของเขาอีกด้วย ทำให้เธอเริ่มระแวงและพยายามตีตัวออกห่างคริส

โทร. ไม่รับสาย ไม่ติดต่อ คริสจึงเข้าหาสเตลล่าที่บ้าน เขาชวนเธอไปเที่ยวกัน แต่สเตลล่าบอกว่าเธอนัดอามีนาเอาไว้แล้ว

คริสไปที่คลับเพื่อเจอกับอามีนา แล้วเขาก็แอบวางยาเธอ อามีนาเดินโซซัดโซเซเหมือนคนเมาออกมาจากคลับ ระหว่างทาง คริสก็พาเธอขึ้นรถแล้วพาไปที่อพาร์ตเมนต์ แล้วก็ทำการล่วงละเมิด ขณะที่อามีนายังอยู่ในอาการเมาจากฤทธิ์ยา

สเตลล่าไปที่คลับตามนัดแต่ไม่เจออามีนา เธอตามหาจนทั่วก็ไม่เจอ โทร. ไปก็ติดต่อไม่ได้ แถมข้อความสุดท้ายที่อามีนาพิมพ์หาก็ใช้ภาษาแปลก ๆ เหมือนไม่ใช่ตัวอามีนาเป็นคนพิมพ์ สุดท้าย สเตลล่าจึงไปหาคริสที่อพาร์ตเมนต์ เธอพยายามเคาะประตูเรียก แต่ก็ไม่มีใครเปิด เธอจึงตัดสินใจปีนเข้าไปทางระเบียง เมื่อเข้าไปเธอก็เห็นคริสกำลังล่วงละเมิดอามีนา เธอจึงใช้สเปรย์พริกไทยฉีดเข้าไปที่ตาของคริส และพาอามีนาหนี

คริสหยิบมีดและวิ่งตาม จนไปสะดุดล้มที่สวนสาธารณะ สเตลล่าเห็นคริสล้ม เธอจึงหยุดวิ่ง และเดินกลับไป หยิบมีดเล่มนั้นแทงคริสไม่ยั้งจนถึงแก่ความตาย สายตาของสเตลล่าขณะที่ตัดสินใจทำแบบนั้น เป็นสายตาเลือดเย็นที่คุกรุ่นไปด้วยความโกรธแค้น

Alexandra Karlsson Tyrefors
สเตลล่าขณะอยู่ในสถานที่คุมขัง ระหว่างรอการพิจารณาคดี | Image: Netflix

Freeze Response

ทีนี้ ขณะที่สเตลล่าถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี เธอถูกพาตัวไปพูดคุยกับนักจิตวิทยาเป็นประจำ จนในที่สุด เธอก็เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่ถูกล่วงละเมิดตอนอายุสิบห้า นักจิตวิทยารู้ในทันทีว่า เป็นปมที่ติดค้างในหัวใจของสเตลล่ามาตลอด เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเธอ นักจิตวิทยาจึงชี้ให้สเตลล่าได้เห็นว่า การที่เหยื่อนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ที่คนเราจะแสดงออกมาขณะถูกทำร้าย หรือที่เรียกว่า Freeze response ซึ่งเป็นอาการตอบสนองต่อความเครียดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะตอนนั้นสเตลล่าอายุเพียงสิบห้าเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และถือเป็นเรื่องปกติมาก ๆ

ที่สำคัญ นักจิตวิทยาชี้ให้สเตลล่าเข้าใจว่า มันไม่ใช่ความผิดของเหยื่อที่ไม่ขัดขืนขณะถูกกระทำ

นักจิตวิทยาสามารถคลายปมในใจของสเตลล่าที่ติดอยู่มานานหลายปีได้สำเร็จ เธอรู้แล้วว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ใช่ความผิดของเธอ

ครอบครัวนี้ ... เกือบธรรมดา ซีรีส์จาก Netflix
สเตลล่าขณะกำลังอยู่ในห้องพิจารณาคดีในข้อหาฆาตกรรม | Image: Netflix

คำพิพากษา

แม่ไปหาอามีนาเพื่อถามหาความจริงที่เกิดขึ้น ตอนแรกอามีนาปิดปากเงียบไม่พูด เพราะเธอคิดว่าเป็นวิธีที่จะช่วยสเตลล่าได้ แต่ท้ายที่สุด อามีนาก็ยอมเล่าความจริงทั้งหมดให้แม่รู้ แม่จึงบอกกับอามีนาให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จนถึงวันพิจารณาคดี

และอามีนาได้บอกที่ซ่อนของมีดที่ใช้เป็นอาวุธสังหาร ซึ่งต่อมาแม่ก็เอามีดเล่มนั้นไปทำลายหลักฐาน

การพิจารณาคดีเริ่มต้นขึ้น หลักฐานที่ทางอัยการมีบ่งชี้ชัดเจนว่า สเตลล่ากับอามีนาอยู่ในที่เกิดเหตุ และสเปรย์พริกไทยที่พบในตาของผู้ตายก็ยืนยันเช่นนั้น เพียงแต่อัยการไม่มีหลักฐานที่ทำให้ศาลเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่า สเตลล่าเป็นฆาตกร

พยานก็เพียงได้ยินแค่เสียง ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ ที่สำคัญคือไม่มีอาวุธสังหาร ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง โดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยพ้นความผิด

ขณะที่ศาลยกฟ้อง สเตลล่าตกใจมาก เธอไม่คิดมาก่อนว่าหลักฐานต่าง ๆ จะหายไปได้ ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย

จบบริบูรณ์

ดูซีรีส์ A Nearly Normal Family (2023) ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง A Nearly Normal Family (2023) ครอบครัวนี้ เกือบธรรมดา appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ (2023) 6ixtynin9 the Series https://www.online-idol.com/2023/09/13/6ixtynin9-the-series-2023-thai-series-spoiler-36882/ Wed, 13 Sep 2023 10:53:47 +0000 https://www.online-idol.com/?p=36882 หญิงสาวตกงานรับกล่องพัสดุปริศนาที่มาส่งถึงหน้าประตูห้อง แล้วชีวิตนับจากนั้นก็พลันซวยบัดซบราวโชคชะตาเล่นตลก …

The post สรุปเนื้อเรื่อง เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ (2023) 6ixtynin9 the Series appeared first on idol.

]]>
เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ สปอยล์ : หญิงสาวตกงานรับกล่องพัสดุปริศนาที่มาส่งถึงหน้าประตูห้อง แล้วชีวิตนับจากนั้นก็พลันซวยบัดซบราวโชคชะตาเล่นตลก …

EP.1 กล่องพัสดุปริศนาที่หน้าห้อง

ด้วยภาวะวิกฤติที่เกิดจากโรคระบาดกระทบกับเศรษฐกิจไปทั่วโลก บริษัทประกันภัยที่ ตุ้ม (รับบทโดย ใหม่ ดาวิกา) ทำงานก็ไม่ต่างไปจากบริษัทอื่น บริษัทจำเป็นต้องเลย์ออฟคนออกจำนวน 12 คน โดยใช้วิธีเขย่าเซียมซีเสี่ยงโชคทำนายชะตา ง่าย ๆ คือ ถ้าหมายเลขที่บริษัทเลือกตรงกับหมายเลขเซียมซีของใคร คนนั้นจะเป็นคนดวงซวยถูกเลิกจ้าง และหนึ่งในนั้นก็คือตุ้ม

ตุ้มเก็บข้าวของที่ออฟฟิศใส่ลังกระดาษ แล้วขับรถเก๋งห้าประตูสีแดงรุ่นบุโรทั่งกลับมาที่ห้องเช่าซอมซ่อ ตุ้มยกลังกระดาษเดินไปหน้าลิฟต์แล้วค่อย ๆ เอียงตัวไปกดปุ่ม ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้นจึงบอกกับตุ้มว่า “ถ้าจะขึ้นลิฟต์ น่าจะต้องรอนานหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มชี้ไปที่แผ่นกระดาษ A4 ที่เขียนข้อความด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงิน “ลิฟต์เสีย” ที่ตกอยู่หน้าลิฟต์

ใหม่ ดาวิกา

ชายหนุ่มจึงอาสาช่วยยกลังกระดาษขึ้นมาส่งที่ห้อง ตุ้มอยู่ห้องหมายเลข 6 แต่ความที่นอตยึดป้ายห้องหลวม ทำให้เวลาปิดประตูแรง ๆ ป้ายจะหมุนกลับมาเป็นเลข 9 เมื่อตุ้มเดินมาถึงห้องเธอจึงเอานิ้วเขี่ยป้ายให้กลับไปเป็นเลข 6 เหมือนเดิม ก่อนจะไขกุญแจเข้าห้อง

ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย “มีคนเคาะห้องผิดบ่อยมั้ยครับ ?”

“ก็มีบ้างค่ะ”

เมื่อเข้าไปในห้อง ตุ้มเอื้อมมือไปหยิบลังกระดาษจากมือชายหนุ่มแล้วกล่าวขอบคุณ ชายหนุ่มทำหน้าตาบื้อ ๆ ซื่อ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ขอนมซักแก้วได้มั้ย นมสดครับ” … ชายหนุ่มกระดกแก้วดื่มนมจนหมด ตุ้มได้แต่ยืนมองแล้วก็ฝืนยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามว่าจะเอาอีกแก้วมั้ย ? ชายหนุ่มตอบกลับอย่างไม่ลังเล “อีกแก้วก็ดีครับ”

ชายหนุ่มดื่มนมแก้วที่สองจนหมด เขากล่าวขอบคุณแล้วเดินออกจากห้องไป ตุ้มปิดประตูห้อง สักพัก ป้ายหมายเลขห้องก็หมุนจากเลข 6 มาเป็นเลข 9

เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.1 - ใหม่ ดาวิกา

กล่องกับความฝัน

ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ตุ้มจมอยู่กับจิตหดหู่ นั่งเท้าคางระหว่างรอต้มมาม่า ตุ้มใช้ชีวิตผ่านไปแต่ละวันด้วยความห่อเหี่ยว โดยไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองอยู่ตรงไหน นั่งกอดเขาเหม่อลอยปล่อยความคิดไปอย่างไร้จุดหมาย ถึงขนาดเก็บไปฝันว่าอยากจบชีวิตตัวเองไปซะให้รู้แล้วรู้รอด … ในฝัน ตุ้มหยิบปืนรีวอลเวอร์ขนาดลำกล้อง 2 นิ้วจากในลิ้นชักออกมา เธอหยิบมันขึ้นมากรอกปากแล้วค่อยใช้นิ้วเหนี่ยวไก แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ โป้ง เลือดสาดกระจายทั่วไปทั้งห้อง

แต่มันเป็นเพียงฝัน มันเป็นฝันที่บางทีตุ้มอยากให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ ? หรือมันเป็นเพียงฝันที่สะท้อนความหดหู่ที่กินลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึก ?

รุ่งขึ้น ตุ้มตื่นขึ้นด้วยเสียงปลุกจากโทรศัพท์บ้านที่ใช้ติดต่อภายในรุ่นโบราณกาล เสียงกริ๊งที่ดังสนั่นไปห้าห้องเจ็ดห้อง ทำให้ตุ้มต้องค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู เสียงจากปลายสายเป็นเสียงไอ้โรคจิตคนหนึ่งกำลังช่วยตัวเอง เสียงครางอันน่าสมเพชของมันดังลั่นเข้ามาในโสตประสาทของตุ้ม เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วถอดหายใจกับความบัดซบที่ต้องเจอ

ให้อาหารนก อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ตุ้มก็เอาขยะไปทิ้ง หน้าห้องมีกล่องพัสดุวางอยู่ ตุ้มหยิบมีดมาแกะกล่องพัสดุ เธอมองของในกล่องนั้นอยู่นาน มองมันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะตัดสินใจเอาเทปกาวติด แล้วเอามันไปวางไว้ที่หน้าห้องเหมือนเดิม

เรื่องมันก็น่าจะจบตรงนี้ ถ้าไม่มีผู้ชายเดินมาสะดุดกล่องจนล้ม ตุ้มจึงเปิดประตูออกมาดู ชายคนนั้นจึงยกกล่องให้เธอแล้วบอกว่า “พัสดุครับพี่” ตุ้มจึงเอื้อมมือไปรับกล่องพัสดุกลับเข้าห้องมาอีกครั้ง

ภาพหน้าจอซีรีส์ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์

ชายผู้ไม่ใช่คนดี

ระหว่างนั้น ตุ้มโทร. ไปถามเพื่อนสนิทว่าถ้าเจอเงินล้านอยู่ในกล่องวางอยู่หน้าห้องจะทำยังไง เพื่อนตุ้มตอบกลับมาว่า ถ้าเป็นเธอจะวางมันเอาไว้ที่เดิม … ทันทีที่วางสาย ก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่น เสียงเคาะดังต่อเนื่องไม่หยุด ตุ้มรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเจ้าของกล่องกำลังมาทวงของคืน

ตุ้มค่อย ๆ แง้มประตูออกไป โดยมีโซ่เซฟตี้คล้องอยู่ด้านใน “ประทานโทษนะครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าเห็นกล่องพัสดุที่วางไว้หน้าห้องหรือเปล่าครับ ?”

“ไม่ ไม่เห็น” ตุ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ชายที่ใครก็ดูออกว่าไม่ใช่คนดีจ้องตาตุ้มไม่กะพริบ “มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าคุณไม่ได้พูดความจริง แต่เอาเถอะครับ ไม่เห็นก็ไม่เห็น” พูดจบมันก็เดินจากไปพร้อมด้วยลูกน้องอีกคน

ตุ้มสั่นไปทั้งตัว เธอรีบปิดประตูแล้วเอาเงินแบงก์พันที่มัดด้วยหนังยางเป็นปึก ๆ จำนวนหลายสิบปึกออกจากกล่อง แล้วเอาไปใส่ในถุงพัสดุใช้แล้ว จากนั้นก็โยนมันขึ้นไปซ่อนไว้บนหลังตู้เสื้อผ้า ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้มันไม่รอให้ตุ้มเดินมาเปิด มันใช้ส้นเท้าของมันถีบประตูเข้ามา มันถีบทีเดียวประตูห้องก็เปิดออกอย่างง่ายดาย มันเดินปรี่มาหาตุ้มที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ คราวนี้มันไม่ใช้ปากพูด มันใช้ฝ่ามือพูด ฝ่ามือด้าน ๆ ของมันตบเข้าที่หน้าของตุ้มอย่างแรง ความรุนแรงระดับสิบทำเอาตุ้มทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น เลือดไหลออกปากออกจมูกไม่หยุด แต่สิ่งที่มันต้องการคือเงินที่อยู่ในกล่อง มันเพียงแค่ตบสั่งสอนที่ตุ้มโกหก

ชายฉกรรจ์ทั้งสองผู้ไม่ใช่คนดีรื้อข้าวของทั่วห้องเพื่อหาเงินของมัน มันหาทุกซอกทุกมุม คนหนึ่งหาในไมโครเวฟ ในตู้เย็น ในตู้เสื้อผ้า อีกคนหนึ่งก็ไปหาในห้องน้ำ … ตุ้มยังคงตัวสั่น เลือดยังคงกบปากกบจมูกไม่หยุด ตุ้มพยายามพยุงตัวขึ้นแล้วหันไปมองชายที่สวมเสื้อวอร์มสกรีนด้านหลัง ‘ครรชิต มวยไทย’ จังหวะที่มันกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า ถุงเงินก็ร่วงลงมา ตุ้มอาศัยจังหวะที่มันก้มลง คว้าเอาแจกันขนาดใหญ่ฟาดเข้าที่ท้ายทอยของมันอย่างแรง ทีเดียวเท่านั้น ชายฉกรรจ์อกสามศอกก็หมดสติลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น

เมื่อได้ยินเสียงแจกันแตก ชายอีกคนก็รีบเดินออกจากห้องน้ำมาดู เมื่อมันเห็นลูกน้องนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มันจึงเดินเข้าไปหาตุ้มแล้วตบอีกสองฉาดใหญ่ ก่อนจะเหวี่ยงร่างอันผอมแห้งแรงน้อยของตุ้มกระเด็นกระดอนไปอยู่บนเตียง จากนั้นมันก็ขึ้นคร่อม แล้วใช้สองมือบีบคอตุ้ม มันหวังให้หญิงสาวขาดใจตายคามือของมัน

ตุ้มที่ผอมแทบจะหนังหุ้มกระดูกไม่มีทางที่จะมีแรงสู้ชายหุ่นล่ำบึ้กได้เลย ไม่ได้เลยจริง ๆ ตุ้มกวาดมือไปมาจนไปเจอเข้ากับมีด มีดปลายแหลมที่ตุ้มหยิบมาเปิดกล่องพัสดุ มีดเล่มนี้แหละคือทางรอดทางเดียว ตุ้มหยิบมันขึ้นมาแล้วแทงเข้าไปที่สีข้างของชายผู้ไม่ใช่คนดี เพียงมีดเดียวมันก็สิ้นลมหายใจ

โทรศัพท์บ้าน ในซีรีส์ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.1

ร่างที่เขียวช้ำ เลือดที่กบปาก ตาที่แดงก่ำ ตุ้มค่อย ๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้น เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังลั่นขึ้น เสียงของมันดังจนแสบแก้วหู มันดังไม่หยุด ตุ้มค่อย ๆ พาร่างสะบักสะบอมของตัวเองเดินไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา “อ่าห์ ๆ ๆ” เสียงไอ้โรคจิตที่กำลังช่วยตัวเองก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

EP.2 ตำรวจไทย

อมรเอก มิเกลลี่ รับบท ครรชิต ใน เรื่องตลก60 เดอะซีรีส์ EP.2

กล่องเงินสดมูลค่านับล้านบาทที่วางอยู่หน้าห้องตุ้ม เป็นเงินที่ ครรชิต (รับบทโดย อมรเอก มิเกลลี่) สั่งให้ลูกน้องเอาไปวางไว้หน้าห้องหมายเลข 9 เพื่อเป็นค่าจ้างล้มมวยให้กับ ‘เสี่ยโต้ง’ มาเฟียสายดาร์ก ที่มีฉากหน้าเป็นผู้จัดการบริษัทประกันภัย หัวหน้าของตุ้ม ผู้มีทักษะในการเจรจาประนีประนอม คนเดียวกับที่เลย์ออฟพนักงานด้วยวิธีเสี่ยงเซียมซี

ผ่านไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ลูกน้องทั้งสองหายไปพร้อมเงิน ครรชิตได้แต่นอนเอามือก่ายหน้าผาก คิดยังไงก็คิดไม่ตก ทำไมลูกน้องคนสนิทที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถึงได้เชิดเงินแล้วหนีไป

ใหม่ ดาวิกา ใน เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.2

ตำรวจไทย

ที่โรงพัก ตุ้มนั่งรอแจ้งความที่หน้าห้องร้อยเวร เธอนั่งรออยู่อย่างนั้นเพียงคนเดียว เวลาผ่านไปพักใหญ่ มีตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูออกมากดน้ำดื่มที่ตู้กดน้ำ ตำรวจเห็นตุ้มนั่งอยู่จึงเอ่ยปากถามว่ามาทำอะไร ? ตุ้มจึงตอบกลับว่ามาแจ้งความ …

“แจ้งเรื่องอะไรครับ ?” ตำรวจหัวเกรียนถามต่อ ขณะมีแก้วกรวยกระดาษถืออยู่ในมือ

“ฆาตกรรมค่ะ”

“ได้คิวหรือยังครับ ?” ตำรวจยิงคำถามต่อ ตุ้มจึงยกกระดาษคิวขึ้นแทนคำตอบ ก่อนที่ตำรวจนายนั้นจะเดินกลับเข้าห้องไป … ตุ้มยังคงนั่งรออย่างนั้นต่อไป เธอก้มหน้ามองดูบัตรคิว ก่อนจะถอดหายใจออกมาเฮือกใหญ่ … ตำรวจไทย

สักพัก ผู้ชายด่ากันก็ดังออกจากด้านในห้อง ก่อนที่ตำรวจจะเดินกอดคอหนึ่งผู้ชายคนหนึ่งออกมา ตุ้มเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกมาจากโรงพักทันที

ใหม่ ดาวิกา

ตุ้มรีบกลับมาที่ห้อง เธอค่อย ๆ ดึงมีดออกจากร่างของชายผู้ไม่ใช่คนดี แล้วนำมันไปล้างคราบเลือดที่ซิงค์ล้างจาน จากนั้นก็ลากศพสองศพมาไว้ที่กลางห้อง แล้วนำผ้าปูที่นอนมาคลุม จังหวะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ที่อยู่กับศพก็ดังขึ้น ตุ้มยืนมองเหมือนกับกำลังใช้ความคิดเพื่อตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

ใช่ ตุ้มเปลี่ยนใจ เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทร. หมายเลข 191 เจ้าหน้าที่ปลายสายรับโทรศัพท์ของตุ้ม แต่ตุ้มก็เกิดเปลี่ยนใจอีกครั้ง เธอรีบวางสายทันที

ตุ้มลากร่างชายไร้วิญญาณไปไว้ในตู้เสียผ้า ก่อนจะอำพรางโดยการเอาผ้ามาปิดคลุมเอาไว้ ร่างของชายอีกคนตุ้มลากเอาไปยัดไว้ในหีบเหล็ก หลังทำความสะอาดคราบเลือดจนหมด ตุ้มก็เอาเงินสดมานับ เธอแบ่งเงินสดส่วนหนึ่งประมาณ 1 แสนบาทใส่ซองเอกสารสีน้ำตาล พร้อมกับเขียนจดหมายด้วยลายมือส่งไปให้แม่ ส่วนเงินที่เหลือ ตุ้มใส่ห่อพัสดุแล้วพันด้วยเทปกาวเอาไปซ่อนไว้ในถังชักโครก

ตุ้มเปิดดูวิดีโอรีวิวการไปเมืองนอกโดยการใช้พาสปอร์ตปลอม เมื่อได้ข้อมูล ตุ้มจึงอาบน้ำแต่งตัวออกไปติดต่อขอทำพาสปอร์ตปลอมทันที

EP.3 คนจะซวยช่วยไม่ได้

ใหม่ ดาวิกา - อมรเอก มิเกลลี่

ตุ้มไปที่ค่ายมวยของครรชิต เพื่อติดต่อขอทำพาสปอร์ตปลอม ตามคำแนะนำจากคลิปรีวิวในอินเทอร์เน็ต โดยมีราคาค่าพาสปอร์ตกับวีซ่าไปฟินแลนด์รวมหนึ่งแสนบาท ตุ้มตกลงและจ่ายค่ามัดจำไป 5 หมื่น ครรชิตนัดให้มารับของตอน 4 ทุ่ม

จากนั้น ตุ้มก็ไปซื้อลังหวายขนาดใหญ่เท่ากับร่างของผู้ชายสูง 179

ช่วงเวลาเดียวกัน ไอ้สำอางกับไอ้ใบ้ ลูกน้องสองคนของครรชิตก็ไปตามหาเงินที่หายไป เมื่อไปถึงมันเห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ ทั้งสองจึงขึ้นไปที่ห้องหมายเลข 9 ห้องที่เป็นจุดส่งมอบเงิน ทีนี้มันได้ข้อมูลจากคนบนตึกว่า เห็นชายสองคนสวมชุดสีเขียว สกรีนข้อความด้านหลังเสื้อ ‘ครรชิต มวยไทย’ ยืนคุยอยู่กับผู้หญิงที่ห้องหมายเลข 6

ไอ้สำอางกับไอ้ใบ้จึงไปยืนสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าห้องของตุ้ม สักพัก ป้ายหมายเลขห้องก็หมุนกลับจากเลข 6 เป็นเลข 9 ไอ้สำอางจึงสะเดาะกุญแจเข้าไป ทั้งสองเข้าไปค้นหาเงินในห้อง แล้วมันก็ถึงกับผงะ เมื่อพบศพที่หนึ่งอยู่ในหีบเหล็ก อีกศพอยู่ในตู้เสื้อผ้า … ไอ้สำอางรีบโทร. ไปหาครรชิตทันที ครรชิตครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วสั่งไอ้สำอางให้เก็บทุกอย่างเข้าที่เหมือนเดิม ณ จุดนี้ ครรชิตได้กลิ่นความฉิบหายลอยมา โดนไอ้เสี่ยโต้งหักหลังซะแล้ว !?

ทีนี้ เสี่ยโต้งก็ส่งลูกน้องให้มาตามสืบเช่นกัน ลูกน้องเสี่ยโต้งสังเกตเห็นไอ้สำอางกับไอ้ใบ้ใส่ชุดวอร์มสีเขียนสกรีนด้านหลัง ‘ครรชิต มวยไทย’ มันก็รู้ในทันทีว่าเป็นคนของครรชิต มันจึงรีบโทร. แจ้งเสี่ยโต้งทันที

หลังไอ้สำอางไอ้ใบ้ออกมาจากห้องของตุ้ม ลูกน้องเสี่ยโต้งก็สะเดาะกุญแจเข้าไป มันนั่งสูบบุหรี่หันไปมองรอบ ๆ เพื่อต่อจิ๊กซอว์ประมวลเหตุการณ์ ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งก้นบุหรี่ในชักโครก แต่พอจะกดน้ำดันไม่มีน้ำออกมาซะอย่างนั้น จังหวะนั้นเอง ตุ้มก็กลับเข้าห้องมาพอดี พร้อมกับลังหวายขนาดใหญ่ ลูกน้องเสี่ยโต้งจึงรีบพาตัวออกจากห้องน้ำแล้วเข้าไปซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า

ตุ้มใช้ร่างอันผอมแห้งของเธอลากศพในตู้เสื้อผ้ามาใส่ไว้ในลังหวาย แต่ศพเริ่มแข็งแล้ว ขาข้างขวามันแข็งจนงอเก็บเข้าลังหวายไม่ได้ ตุ้มจึงเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือที่เปื้อนเลือด ตอนนี้เองที่ตุ้มเหลือบไปเห็นก้นบุหรี่ในชักโครก ตุ้มคว้ามีดปลายแหลมเล่มเดิมมองไปรอบ ๆ ก้มลงมองใต้เตียง ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ก้าวทีละก้าวอย่างช้า ๆ ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ใหม่ ดาวิกา ใน เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.3

ซวยบัดซบ

เสียงเคาะประตูทำเอาหัวใจตุ้มแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตุ้มนิ่งอึ้งหลายวินาทีก่อนจะเดินไปเปิดประตู เสียงจากชายหน้าตาหล่อเหลาสวมชุดตำรวจครึ่งท่อนอยู่ที่อีกฟากของประตู “ขอเข้าไปคุยข้างในได้มั้ยครับ ?”

ชายในชุดตำรวจครึ่งท่อนไม่รอให้ตุ้มอนุญาต เขาถือวิสาสะผลักประตูห้องเข้าไป ตุ้มสะดุ้งเล็ก ๆ ด้วยความตกใจ เมื่อชายหนุ่มเข้ามาในห้อง เขาก็แนะนำตัวกับตุ้มด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลว่าเป็นตำรวจสืบราชการลับ กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจับนักร้องแร็ปเปอร์ชื่อดังที่กำลังมั่วสุมปาร์ตี้ยากันที่ห้องข้าง ๆ เขาจึงจะขออนุญาตตุ้มปีนระเบียง

ระหว่างนั้นสายตาของตำรวจหนุ่มก็สอดส่ายไปในห้อง จนไปพบเข้ากับขามนุษย์ที่ชี้โด่ชี้เด่ออกมาจากลังหวาย ตำรวจหนุ่มชักปืนออกจากซองปืนเล็งไปที่หญิงสาวร่างผอมแห้งที่ยืนอยู่เบื้องหน้า “คุกเข่าลงกับพื้นเดี๋ยวนี้ เอามือไว้บนหัว” ตุ้มตกใจทำมีดในมือหล่น แล้วทำตามคำสั่งทันที สีหน้าและจังหวะการหายใจบอกได้ว่า ตุ้มตกใจช็อกสุดขีด

ตำรวจหนุ่มเดินไปดูรอบ ๆ ห้อง ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ปืนในมือเล็งไปที่ตู้เสื้อผ้า ลูกน้องเสี่ยโต้งก็ถือปืนในมือเช่นกัน เมื่อประตูเปิดออก เสียงปืนก็ดังรัว ๆ แปดนัด ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ … หลังเสืยงปืนสงบ ตุ้มที่ตอนนี้คุกเข่าหมอบอยู่กับพื้นมืออุดหูก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็พบว่าห้องนี้มีศพเพิ่มขึ้นอีกสองศพ !!

คำถามคือ เสียงปืนแปดนัดไม่มีใครได้ยินเลยเหรอ ? คำตอบคือ ข้างห้องมั่วสุมปาร์ตี้ยา กำลังเล่นเกมยิงซอมบี้ คนในห้องจึงคิดว่าเป็นเสียงจากในเกม

แล้วคนอื่น ๆ ในตึกล่ะ ไม่ได้ยินเสียงปืนเลยเหรอ ? คำตอบคือแทบทุกห้องในตึกออกไปทำงานกันหมด

ตุ้มกำลังช็อกกับเหตุการณ์ซวยบัดซบที่เกิดขึ้น จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตุ้มเปิดประตูห้องก็เจอกับหญิงสาวหน้าตายิ้มแย้มแนะนำตัวเองว่าชื่อ ‘จิ๋ม’ … จิ๋มอยู่ห้องหมายเลข 6 เหมือนกันแต่อยู่ชั้นล่างถัดไป ต้องการมาขอน้ำปลาเอาไปตำส้มตำกินกับเพื่อน ๆ ที่เพิ่งมาต่างจังหวัด จิ๋มบอกว่าเธอไล่เคาะประตูทุกห้องแต่ไม่มีใครอยู่เลย ตุ้มจึงบอกว่าจะเอาลงไปให้เอง

ภาพหน้าจอ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.3

ตุ้มลากศพสองศพไปไว้ในห้องน้ำ ก่อนจะออกไปซื้อลังหวายเพิ่ม แต่ก่อนจะออกไปตุ้มแวะเอาน้ำปลาไปให้จิ๋ม จิ๋มก็เฟรนด์ลี่ดึงมือตุ้มเข้ามากินส้มตำด้วยกัน ตุ้มจึงเออออเดินไปร่วมโต๊ะด้วย คุยไปคุยมาตุ้มก็ได้เห็นรูปแฟนของจิ๋ม แฟนของจิ๋มคือตำรวจหนุ่มที่ตอนนี้กลายเป็นศพอยู่ในห้องของเธอ ตุ้มสตั๊นไปหลายวิ

ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

ผู้บริหารบริษัทประกันภัยตัดสินใจจะไม่จ่ายเงินชดเชย 10 เดือนตามกฎหมาย เนื่องจากบริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนัก แต่จะให้เงินเป็นค่าสินน้ำใจ 5 หมื่นบาท และจะได้แค่ 6 คนจากทั้งหมด 12 คน เสี่ยโต้งที่มีหน้าฉากเป็นผู้จัดการบริษัทประกันภัย จึงได้รับมอบหมายให้ไปเจรจา

คุณสุวัฒน์คือฉากหน้าของเสี่ยโต้งที่ตุ้มรู้จัก ระหว่างทางที่ตุ้มออกไปซื้อลังหวาย คุณสุวัฒน์ก็โทร. มานัดให้ตุ้มไปเจอกันที่ร้านกาแฟข้างออฟฟิศ … ตุ้มไปถึงก่อน เธอสั่งอเมริกาโน่ร้อนใส่น้ำตาลสิบช้อน

เมื่อคุณสุวัฒน์มาถึงก็อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตุ้มฟัง “ถ้าบริษัทปิดและประกาศล้มละลาย ตุ้มก็จะไม่ได้เงินชดเชยตามกฎหมาย บริษัทจึงอยากให้พนักงานบางคนเท่าที่ให้ได้” จากนั้น เขาก็หยิบซองที่ใส่เงินสดห้าหมื่นบาทยื่นให้ ตุ้มมองไปที่ซองสีขาวพักหนึ่งแล้วหยิบซองนั้นขึ้นมาแล้วส่งคืนให้คุณสุวัฒน์ ตุ้มขอสละสิทธิ์ “เอาไปให้คนอื่นดีกว่าค่ะ”

“คุณตุ้มถูกหวยมาเหรอครับ ?”

“ค่ะ รางวัลที่หนึ่งเลยค่ะ” พูดจบ ใบหน้าของตุ้มก็ปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ ออกมา

EP.4 ทุกสิ่งล้วนเกิดจากความเข้าใจผิด

ลูกน้องอีกคนของเสี่ยโต้งตามเข้ามาในห้องของตุ้ม มันเดินสำรวจภายในห้อง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำ มันเห็นศพอยู่ในอ่างอาบน้ำ มันเหลือบไปเห็นตำรวจสวมชุดครึ่งท่อนอยู่หลังประตูห้องน้ำ มันหยิบปืนออกมาลั่นไกใส่ตำรวจนายนั้น ตำรวจที่มันเข้าใจว่ายังมีชีวิตอยู่ ก่อนมันจะโทร. ไปแจ้งเสี่ยโต้งโดยใช้จิตมโนของมันว่า ครรชิตหักหลัง “ผมว่าไอ้ครรชิตมันเล่นไม่ซื่อ ตอนนี้มันเอาตำรวจเข้ามาวุ่นวายด้วยแล้ว” … เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยโต้งจึงสั่งให้ลูกน้องรีบออกมาทันที

ณ จุดนี้ ลูกน้องของครรชิตก็บอกกับนายของมันว่า “เสี่ยโต้งหักหลัง” ส่วนลูกน้องของเสี่ยโต้งก็บอกนายของมันว่า “ครรชิตเล่นไม่ซื่อ”

ใหม่ ดาวิกา

ลังหวายสองลังมาส่งที่คอนโด ตุ้มกำลังขึ้นลิฟต์เดินไปที่ห้อง จังหวะนั้นก็เจอกับจิ๋มโดยบังเอิญ ด้วยความเฟรนด์ลี่ จิ๋มจึงอาสาช่วยตุ้มยกลังหวายไปที่ห้อง แม้ว่าตุ้มจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่จิ๋มก็คะยั้นคะยอจะช่วย จิ๋มเข้ามาในห้องก็ทำตัวสนิทสนมพูดนู่นคุยนี้ไม่หยุด คุยไปคุยมาจิ๋มก็ขอตุ้มเข้าห้องน้ำ แต่ตุ้มเดินไปขวางเอาไว้ ก่อนจะอ้างว่าแฟนเธออยู่ข้างใน จิ๋มจึงทำท่ายิ้ม ๆ แบบเข้าใจ แล้วกระซิบข้าง ๆ หูตุ้ม “แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก งั้นหนูไปก่อนนะพี่” จิ๋มยิ้มให้ตุ้มก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป

ภาพหน้าจอ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.4

ทีนี้ ด้วยความทะลึ่งทะเล้นของจิ๋ม จึงชวนเพื่อนอีกสองคนมาแอบส่องดูว่าตุ้มทำอะไรกับแฟนในห้อง ทั้งสามสาวสลับกันปีนดูไปมาผ่านช่องพัดลมดูดอากาศ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตุ้มกำลังลากศพของนายตำรวจหนุ่มออกมาจากห้องน้ำด้วยความทุลักทุเล แต่กลายเป็นว่าภาพที่ทั้งสามสาวเห็น เป็นภาพที่ตุ้มกำลังใช้ปากให้กับผู้ชายซะอย่างนั้น จิ๋มจึงขอปีนขึ้นไปดูบ้าง ภาพที่เธอเห็นคือ ผู้ชายคนนั้นคือแฟนหนุ่มของเธอ

จิ๋มเสียใจมากเพราะคิดว่าแฟนของเธอนอกใจ เสียใจคนเดียวไม่พอ ยังมีเพื่อนคอยเสี้ยมอีก “มันกล้าฉิบหาย มันเอากันบนหัวมึง” ก่อนเพื่อนจอมเสี้ยมจะแนะนำวิธีชำระแค้น คือ ตัด ‘ตัวเดียวอันเดียว’ ของมันทิ้งซะ …

“แค่จู๋อันเดียว เดี๋ยวมึงก็หาใหม่ได้ มันเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองนะ” เมื่อเสี้ยมจนจิ๋มเชื่อ เพื่อนก็บอกแผนการให้จิ๋มทำทีเป็นไม่รู้ไม่เห็น จากนั้นก็ยั่วผู้ชายขึ้นเตียง แล้วหาจังหวะมัดมือมัดขา ตอนนี้แหละหยิบมีดออกมาตัดไอ้นั่นซะ ยังไม่สาแก่ใจ ไอ้นั่นที่ตัดออกมาก็เอาไปปั่น แล้วเอาไปทำลาบให้ตุ้มกิน

จิ๋มฟังแผนการทั้งหมดจนมาถึงตอนสุดท้าย ที่เอาจู๋ปั่นไปทำลาบให้ตุ้มกิน ก็ยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ

สปอยล์ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.4

ตัดภาพไปที่อีกมิติหนึ่ง นายตำรวจหนุ่มที่โดนยิงตายกำลังนั่งให้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่จำแนกคนไปสวรรค์นรก เขาอ้อนวอนขอกลับไปใช้ชีวิตอีกแค่วันเดียว แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม แล้วอยู่ดี ๆ ตำรวจหนุ่มก็คว้าปืนขึ้นมาขู่ แล้วก็จับเจ้าหน้าที่ใส่กุญแจมือ มัดเท้า ปิดปาก จากนั้นก็พาตัวเองกลับมายังโลกมนุษย์ใหม่อีกครั้ง

เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.4

ที่ห้องหมายเลข 6 ตุ้มกำลังโทร. ไปหาเพื่อนสนิทเพื่อขอยืมรถกระบะ เธออ้างว่าจะขนหนังสือไปบริจาค แล้วตุ้มก็ออกไปข้างนอก เอาเงินบาทไปแลกเป็นเงินยูโร … เมื่อตุ้มออกจากห้องไป นายตำรวจก็ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ลุกขึ้นมาจากลังหวาย !?

EP.5 ความตายเป็นเรื่องประหลาด

ตุ้มไปเอารถกระบะที่บ้านของ ฝน เมื่อไปถึงตุ้มกลับเจอฝนนอนน้ำลายฟูมปากอยู่กับพื้น มีกระปุกยาวางอยู่ข้างตัว ตุ้มลากเพื่อนสนิทขึ้นรถแล้วรีบพาไปส่งโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ เวลาผ่านไปจนค่ำ หมอช่วยชีวิตฝนฟื้นจากความตายสำเร็จ

หลังฟื้น ฝนรู้สึกตัวเองเปราะบางเกินกว่าจะอยู่เพียงลำพัง การถูกแฟนทอมทิ้งไปหาผู้หญิงอื่นทำให้ฝนแทบหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ ฝนคะยั้นคะยอจะไปกับตุ้ม “แกไม่คิดว่าฉันอยู่คนเดียวแล้วจะฆ่าตัวตายอีกเหรอ” ในเมื่ออยากไปนัก ตุ้มจึงพาฝนไปด้วย

รีแคป เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.5 : ความตายเป็นเรื่องประหลาด

ตุ้มขับรถกระบะอีซูซุสีเขียวโดยมีฝนนั่งข้างคนขับ ทั้งสองช่วยกันยกลังหวายสามกับหีบเหล็กอีกหนึ่งจากห้องขึ้นท้ายรถกระบะ ก่อนตุ้มจะขับรถไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่เปลี่ยวไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่แสงไฟ ตุ้มปิดไฟรถแล้วขับช้า ๆ จนไปถึงแหล่งน้ำแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ลากลังทิ้งลงน้ำ ฝนแปลกใจที่ตุ้มขับรถมาที่นี่ ไหนบอกว่าจะเอาหนังสือไปบริจาค “ในนั้นมันไม่ใช่หนังสือใช่ปะ แกเป็นบ้าอะไรอะ มันไม่ใช่หนังสือใช่ปะ ?”

เมื่อเพื่อนสงสัยมาก ตุ้มจึงเปิดลังให้ฝนดูสิ่งที่อยู่ด้านใน ฝนถึงกับผงะ พูดอะไรไม่ออกอีกเลยหลังจากได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในลัง มันเป็นศพมนุษย์ !

ภาพหน้าจอ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.5

เวลานี้เป็นเวลา 4 ทุ่ม ตุ้มขับรถกระบะอีซูซุคันเดิมไปที่ค่ายมวยไทยครรชิต เพื่อเอาพาสปอร์ตและวีซ่าตามนัด เมื่อไปถึงไฟถูกปิดมืดเหมือนไม่มีคนอยู่ ตุ้มพยายามเรียก “มีใครอยู่มั้ยคะ ?” จังหวะนั้น วิโรจน์ หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของครรชิตก็ปรากฏตัว ยืนจังก้าพร้อมกับอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติลำกล้องสั้นขนาด .380 ในมือ ปากกระบอกปืนเล็งไปที่ตุ้ม …

“เจ้านายของผมเชิญคุณไปพบหน่อย” สิ้นเสียงของวิโรจน์ ฝนก็เดินเข้ามา วิโรจน์จึงหันปากกระบอกปืนไปที่ฝนแล้วลั่นไกส่งกระสุนออกไปหนึ่งนัด ฝนล้มลงไปนอนแน่นิ่งในทันที ก่อนที่มันจะเดินไปซ้ำนัดที่สองเพื่อให้แน่ใจ

ใหม่ ดาวิกา

เวลานี้เป็นเวลาสี่ทุ่มสี่สิบห้า ตุ้มขับรถกระบะอีซูซุสีเขียว วิโรจน์นั่งด้านคนขับถือปืนเล็งไปที่ตุ้ม ตุ้มยังคงขับรถไปเรื่อย ๆ วิโรจน์มันคงเบื่อมันจึงดันคาสเซ็ตเทปเข้าไปในเครื่องเล่น เสียงเพลงก็ดังขึ้น …

“ดินเจ้าเอ่ยข้าเคยอยู่ใกล้มาก่อน ดินอุ่นร้อนและเย็นก็เป็นเพื่อนฉัน ยามเมื่อเขาร้างไปไกล ใจก็ยังนึกหวั่น ๆ นี่อีกสักกี่วันถึงมา … ดินอ้างว้างระทมขื่นขมตรมเศร้า ดินก็เหมือนเช่นเรารักเขาหนักหนา เขาเป็นเหมือนเจ้าดวงใจ ดินเรียกเขาคืนมา บอกเขาเถิดดินจ๋าข้าคอย”

วิโรจน์เมื่อได้ฟังเพลงนี้ของ ผ่องศรี วรนุช ก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป มันมีท่าทางที่เศร้าไม่เหลือเค้ามือปืนนักฆ่าผู้โหดเหี้ยมเหลืออยู่เลย แล้วมันก็บอกให้ตุ้มจอดรถใต้สะพาน ตุ้มหันไปมองหน้ามันสักพักก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เป็นไรอะ ?”

“ผมคิดถึงแม่ คืนที่แม่ตาย แม่ขอให้ผมร้องเพลงนี้ให้ฟัง แต่ผมร้องยังไม่ทันจบแม่ก็ตายไปซะก่อน” วิโรจน์ตอบ ขณะที่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

ตุ้มหันไปถามต่อ แม่ของเขาเป็นอะไรตาย ? วิโรจน์จึงเล่าด้วยน้ำเสียงสะอื้น “แม่ผมชอบทำเล็บ เชื้อราขึ้นสมอง ตะไบที่ใช้ทำเล็บคงสกปรก” ตุ้มฟังคำตอบแล้วถึงคิ้วขมวดด้วยความสงสัย อิหยังวะ เธอจึงเอ่ยปากถามไปว่า แม่เขาทำเล็บที่ร้านไหน

คำถามนี้วิโรจน์ไม่ตอบ แต่มันกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม ตุ้มอาศัยจังหวะนั้นแย่งปืนจากมือวิโรจน์ จนเกิดยื้อแย่งปืนกัน ปัง ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นสองนัด

สปอยล์ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์

แล้วเรื่องบ้าบอก็เกิดขึ้นอีกครั้ง สมพันธ์ ลูกน้องของเสี่ยโต้งที่ตายอยู่ในลังหวายกลับฟื้นขึ้นมาจากความตาย สมพันธ์พาตัวออกมาจากลังหวาย ก่อนจะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วเดินกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

EP.6 สิ่งใดในโลกล้วนถูกกำหนด (ตอนจบ)

อมรเอก มิเกลลี่

เสี่ยโต้งกับครรชิตเดินทางมาที่เซฟเฮ้าส์ตามที่นัดหมาย เซฟเฮ้าส์ที่ว่าคือห้องหมายเลข 9 ชั้น 16 ชั้นเดียวกับห้องของตุ้ม … ครรชิตโยนรูปถ่ายที่เสี่ยโต้งนัดเจอกับตุ้มที่ร้านกาแฟข้างออฟฟิศลงบนโต๊ะ เสี่ยโต้งหยิบรูปขึ้นมาดูแล้วอธิบายว่า ตุ้มเป็นพนักงานที่บริษัทของเขาที่เพิ่งถูกเลิกจ้าง ที่นัดเจอกันก็เพราะจะเอาเงินชดเชยไปให้

ครรชิตฟังคำอธิบายของเสี่ยโต้งแล้วก็ยิ้มออกมา ยิ้มขบขันกับคำแก้ตัวของเสี่ยโต้ง คำแก้ตัวซึ่งเขาไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว ครรชิตจึงให้เสี่ยโต้งไปที่ห้องของตุ้ม

รีแคป เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.6 ตอนจบ

สถานการณ์ติดล็อก

ที่ห้องหมายเลข 6 ห้องของตุ้ม ครรชิตกับเสี่ยโต้งยืนประจันหน้ากัน ทันใดนั้น สำอางกับไอ้ใบ้ก็ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ทั้งคู่เข้าไปล็อกตัวเสี่ยโต้ง ในมือถือปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. จ่ออยู่ที่หัวของเสี่ยโต้ง อีกคนจ่อไปที่ลำตัว ตอนนี้เอง ครรชิตบอกเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องสังหารเสี่ยโต้ง เพื่อเป็นการล้างแค้นให้กับลูกน้องของเขาที่ถูกฆ่า แต่ …

แต่ครรชิตยังพูดไม่ทันจบ ลูกน้องของเสี่ยโต้งอีกสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องก็ออกมาล็อกคอครรชิตเอาไว้เช่นกัน ในมือก็ถือปืนจ่อไปที่หัวและที่ลำตัวของครรชิต ณ จุดนี้ ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในสถานการณ์ติดล็อก ต่างฝ่ายต่างมีปืนจออยู่ที่กบาลของเจ้านายตัวเอง (หนึ่งในลูกน้องของเสี่ยโต้งก็คือ สมพันธ์ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย)

ภาพหน้าจอ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.6 ตอนจบ

เวลาเดียวกัน ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดได้เบาะแส คืนนี้จะมีการส่งยากันที่ข้างห้องของตุ้ม จึงนำกำลังตำรวจสิบกว่านายไปบุกจับกุม เมื่อกำลังตำรวจไปถึงจึงเข้าไปเคาะห้องของตุ้ม เพื่อจะปีนเข้าไปห้องข้าง ๆ

ไอ้ใบ้เดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าเป็นตำรวจ ทุกคนจึงเก็บปืนแล้วทำตัวเป็นปกติ สารวัตรชุดปราบปรามจึงเข้ามาขออนุญาตครรชิตใช้ระเบียงเป็นทางผ่านให้เจ้าหน้าที่ปีนไปห้องข้าง ๆ ครรชิตตอบอนุญาตด้วยสีหน้างง ๆ

ต่อเมื่อตำรวจออกจากห้องไปหมดแล้ว ทุกคนในห้องก็กลับมาเล็งปืนเข้าหากันเหมือนเดิม เสี่ยโต้งโดนปืนจ่อกบาล ครรชิตก็โดนปืนจ่อกบาลเช่นกัน

รองโฆษกตำรวจ รับบทเป็นพ่อค้ายา ซอนนี่

ทีนี้ ในห้องข้าง ๆ ห้องตุ้ม ณ เวลานี้ ซอนนี่ พ่อค้ายารายใหญ่มาส่งยาให้กับแร็ปเปอร์ดัง ทัด ไททานิค ทันใดนั้น ตำรวจสิบกว่านายพร้อมอาวุธในมือก็บุกเข้ามาในห้อง ไอ้ซอนนี่มันไม่ยอมให้จับง่าย ๆ ลูกน้องของมันก็เช่นกัน ปืนในมือของพวกมันก็เล็งไปที่ตำรวจเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างยืนถือปืนเล็งเข้าหากัน จึงเกิดเป็นสถานการณ์ติดล็อกเช่นกัน ถ้ามีกระสุนนัดแรกดังขึ้นเมื่อไร สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ตายหมู่ของทุกคนอย่างแน่นอน

ตัวเดียวอันเดียว

ช่วงเวลาเดียวกัน ที่ห้องหมายเลข 6 ชั้น 15 จิ๋มเริ่มยั่วยวนแฟนตำรวจหนุ่มตามที่เพื่อนวางแผนเอาไว้ให้เป๊ะ ๆ เธอยั่วยวนจนตำรวจหนุ่มดึ๋งดั๋งแข็งปัง จากนั้นก็พากันขึ้นไปบนเตียง ตำรวจหนุ่มตัวเกร็งไปทั้งด้วยความเสียวกระสันที่เกิดจากการเล้าโลม จิ๋มหยิบกุญแจมือล็อกแขนแฟนหนุ่มไว้กับหัวเตียง ขาก็มัดด้วยเชือก ตรึงตำรวจหนุ่มไว้ทั้งสี่ด้านเป็นรูปกากบาท

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน จิ๋มหยิบมีดขึ้นมา ก่อนจะใช้มีดเล่มนั้นตัดตัวเดียวอันเดียว เลือดสาดกระจายไปทั่วห้อง เวลาไม่นานนัก ตำรวจหนุ่มก็สิ้นใจอย่างน่าอเนจอนาถ ตายไปทั้งที่ร่างกายไม่ครบสามสิบสาม

จิ๋มหยิบเอาตัวเดียวอันเดียวของแฟนหนุ่มมาใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ก่อนจะกดปุ่ม เสียงเครื่องปั่นทำงานดังลั่น เลือดก็กระจายไปทั่ว ทั้งร่างอันเปลือยเปล่าของจิ๋มเต็มไปด้วยเลือด เธอนั่งมองเครื่องปั่นด้วยอาการช็อกกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป

สปอยล์ เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.6 ตอนจบ

เสียงกริ่งโทรศัพท์

ตัดกลับมาที่ห้องหมายเลข 6 ห้องของตุ้ม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ปืนยังจ่ออยู่ที่หัวของครรชิตและเสี่ยโต้ง … ในขณะที่ห้องข้าง ๆ ก็เช่นเดียวกัน ตำรวจกับซอนนี่ยังยืนประจันหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครกล้าลั่นไกก่อน

แล้วทันใดนั้น เสียงกริ่งโทรศัพท์บ้านในห้องตุ้มก็ดังขึ้น เสียงกริ่งของโทรศัพท์รุ่นโบราณ เสียงอันดังลั่นของมันไปกระตุ้นให้หนึ่งในนั้นตกใจ ความตกใจทำให้นิ้วชี้กดแรงเหนี่ยวไกลั่นกระสุนออกจากลำกล้อง ปัง ! กระสุนนัดแรกถูกยิงออกไป เสียงปืนอีกหลายสิบนัดก็ตามมา

ไม่ถึงนาทีเสียงปืนก็สงบลง … ศพแรกผ่านไป ศพสองศพสามค่อย ๆ ผ่านไป เสี่ยโต้ง ครรชิต และลูกน้อง ตำรวจนับสิบ ซอนนี่ และลูกน้อง ทุกคนนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่กับพื้น

ใหม่ ดาวิกา

เวลาเดียวกัน ตุ้มกลับมาถึงคอนโด หลังจากนำศพฝนกลับไปที่บ้าน แล้วจัดฉากว่าฝนใช้ปืนจบชีวิตตัวเอง

ตุ้มมาถึงห้องก็หันมองไปรอบ ๆ กับสภาพที่เละเทะ ศพกลาดเกลื่อนไปทั่วทั้งห้อง เสียงกริ่งโทรศัพท์ยังคงดังไม่หยุด ตุ้มแสดงสีหน้าละห้อยออกมาอย่างชัดเจนกับโชคชะตาที่ได้รับ ตุ้มค่อย ๆ เดินไปที่โทรศัพท์แล้วค่อย ๆ ยกหูขึ้น “อ่าห์ ๆ” เสียงไอ้โรคจิตคนเดิมกำลังช่วยตัวเองดังกรอกหูตุ้ม

โทรศัพท์จากไอ้โรคจิตคนนี้น่ะเหรอที่เป็นจุดทริกเกอร์ของการตายหมู่ที่เกิดขึ้น !

ชาติที่มีความสุขที่สุดในโลก ?

ตุ้มค่อย ๆ วางหูโทรศัพท์ ก่อนจะไปเปิดถังชักโครกหยิบเงินสดที่ซ่อนเอาไว้ใส่กระเป๋า พร้อมด้วยเสื้อผ้าไม่กี่ชุดที่เตรียมเอาไว้ ตุ้มถือกระเป๋าเดินออกมาจากห้อง เธอได้แต่หวังว่าความซวยบัดซบทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นอดีต เมื่อเธอขึ้นเครื่องไปฟินแลนด์ไฟลท์ตีสองที่สุวรรณภูมิ ระหว่างทางที่ขับรถไป ข่าวด่วนก็รายงานเหตุยิงปะทะจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่ายี่สิบคน และบุคคลต้องสงสัยที่ตำรวจกำลังตามล่าคือ ตุ้ม !

ใหม่ ดาวิกา ใน เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.6 ตอนจบ

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ตุ้มจอดรถเสร็จก็รีบจ้ำเข้าไปในเทอร์มินอล แต่ตุ้มถึงกับชะงักเมื่อเห็นตำรวจหลายนายยืนดักรออยู่ด้านหน้า ตุ้มเปลี่ยนใจทันที เธอกลับมาที่รถแล้วรีบขับออกไป

ตุ้มไปเช่าห้องพักข้างทางแห่งหนึ่งซุกหัวนอนคืนนี้ บนเตียงของห้องเช่าราคาถูกแห่งนี้ ตุ้มนอนหลั่งน้ำตาออกมาแล้วก็ฟุบหลับไป

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ตุ้มก็ตื่นขึ้นมา เธอเปิดกระเป๋าแล้วหยิบรูปพ่อแม่ขึ้นมาดู ในหัวก็นึกภาพของตัวเองในวัยเด็กที่มีชีวิตที่มีความสุขกับพ่อแม่ ตุ้มนั่งชันเข่ามองรูปอยู่อย่างนั้น … พ่อแม่ของตุ้มเป็นคนใต้ ครอบครัวเป็นมุสลิม วิถีชีวิตแบบชาวบ้านเมื่อเธอยังเป็นเด็กมันชั่งอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความสุข

ใหม่ ดาวิกา ใน เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ EP.6 ตอนจบ

ตุ้มตัดสินใจอีกครั้ง เธอขับรถออกมาจากห้องเช่า ไปยังสถานที่เปลี่ยวห่างไกลผู้คน ที่นั่น ตุ้มหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่บรรจุเงินทิ้งลงไปในแหล่งน้ำ เผาพาสปอร์ต ก่อนที่ตุ้มจะเดินหายไปในความมืด ทิ้งรถเก๋งห้าประตูสีแดงรุ่นบุโรทั่งเอาไว้ที่นั่น

สรุปประเด็นตอนท้าย

  • รุ่งขึ้นชายหาปลาเจอกระเป๋าเสื้อผ้าของตุ้ม มีเงินสกุลยูโรยูในนั้นจำนวนมาก
  • แม่ได้รับจดหมายตุ้ม พร้อมเงินสดประมาณสองแสนบาท
  • ทุกคนตายหมด ยกเว้นสมพันธ์ที่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากพรที่เขาเคยขอเอาไว้กับป้าเจ้าหน้าที่จำแนกคนขึ้นสวรรค์ลงนรก จากการที่เขาช่วยป้าแกที่ถูกตำรวจหนุ่มมัดมือมัดเท้า สมพันธ์จึงขอกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง “จนกว่าบอลไทยจะได้ไปบอลโลก” ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ที่อายุยืนที่สุดในโลก โดยมีอายุมากถึง 326 ปี
  • ไอ้โรคจิตที่โทร. หาตุ้มคือชายที่ช่วยตุ้มยกลังกระดาษในวันที่ลิฟต์เสีย และขอดื่มนมสดสองแก้ว สุดท้ายไอ้โรคจิตก็ถูกตำรวจจับ ตำรวจพบรูปภาพแอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิงในคอมพิวเตอร์ของมันเป็นจำนวนมาก

จบบริบูรณ์

Images : Netflix
ดู เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ ที่ Netflix : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง เรื่องตลก69 เดอะซีรีส์ (2023) 6ixtynin9 the Series appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต (2023) https://www.online-idol.com/2023/08/28/one-night-stand-2023-thai-series-spoiler-36566/ Mon, 28 Aug 2023 09:52:55 +0000 https://www.online-idol.com/?p=36566 เพื่อนซี้สาวสามคนในคืนปาร์ตี้ สู่เช้าวันใหม่ของคดีฆาตกรรม คำลวงทำให้มิตรภาพไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป …

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต (2023) appeared first on idol.

]]>
One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต สปอยล์ : เพื่อนซี้สาวแซ่บสามคนในคืนปาร์ตี้ สู่เช้าวันใหม่ของคดีฆาตกรรม คำลวงทำให้มิตรภาพไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป …

EP.1 ปาร์ตี้แห่งการโกหก

ควีน (รับบทโดย พิม พิมประภา) เป็นดาวเด่นในมหาวิทยาลัย เด่นขนาดไหน ? ก็เด่นขนาดที่ว่า เดิน ๆ อยู่ก็มีรุ่นน้องมาขอเซลฟี่

ควีนมีเพื่อนซี้สองคนสองสไตล์ หนึ่งคือ เกล (รับบทโดย เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) สาวสไตล์คุณหนู เป็นดาราระดับไฮโซ อีกหนึ่งคือ พะแพง (รับบทโดย ปันปัน สุทัตตา) สาวแซ่บ เจ้าของฉายาเจ้าแม่วันไนต์สแตนด์ เพราะว่ากันว่าเธอได้กับผู้ชายทั้งมหาวิทยาลัยแล้ว

ทั้งสามสาวเพื่อนซี้นัดกันไปปาร์ตี้ April Fool’s ที่ผับ One Night Stand ทองหล่อ … ระหว่างค่ำคืนแห่งความสนุก ควีนสังเกตเห็นเกลดูไม่ค่อยอินกับปาร์ตี้ เอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ เธอจึงตั้งภารกิจขึ้น “กูคิดภารกิจของกูได้ละ กูจะต้องเอาเอเธนส์เป็นแฟนให้ได้คืนนี้” ส่วนภารกิจของพะแพงคือ คืนนี้จะไม่เมาภาพตัด และจะไม่เอาผู้ชาย คนสุดท้าย เกล คืนนี้จะต้องวันไนต์สแตนด์กับใครสักคน

เกลปฏิเสธ หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่มีวันจะวันไนต์สแตนด์กับใครเด็ดขาด ควีนมองเพื่อนสาวด้วยรอยยิ้มแบบมีเลศนัย

พิม พิมประภา - โก้ วศิน ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.1

ระหว่างนั้น ควีนเห็น เอเธนส์ (รับบทโดย โก้ วศิน) เดินมาพอดี เธอจึงรีบเดินเข้าไปหาพร้อมกับเลี้ยงค็อกเทลไฟลุกกับเอเธนส์ ตอนแรกเอเธนส์ทำท่าปฏิเสธเพราะฤทธิ์มันแรงจัด แต่ควีนก็ทำหน้าตาออดอ้อน “เราไม่เคยสนุกด้วยกันเลยนะ คืนนี้ปล่อยใจจอย ๆ กับเราสักคืนนึงนะ” เมื่อโดนลูกอ้อนแบบนี้ เอเธนส์จึงยอมดื่มค็อกเทลไฟลุกจนหมดแก้ว … ก่อนที่ควีนจะชวนเอเธนส์ไปหาที่เงียบ ๆ ซัมติงกัน

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา - ซี พฤกษ์ ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.1

ด้านเกลก็ทะเลาะกับ ทอย (รับบทโดย ซี พฤกษ์) แฟนหนุ่ม เขาด่าทอว่าเธอด้วยความโกรธที่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วทิ้งให้เขาอยู่บ้านคนเดียว เมื่อโดนด่าแรง ๆ เกลก็เลยของขึ้นเช่นกัน เธอกดตัดสายโทรศัพท์ แล้วกลับเข้าไปในผับกระดกแชมเปญแก้วต่อแก้ว เกลที่ไม่ใช่สายแอล ดื่มเข้าไปไม่กี่แก้วหน้าก็เริ่มแดง เริ่มออกอาการเก็บทรงไม่อยู่

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เกลได้รับข้อความว่าแคสต์บทไม่ผ่าน เนื่องจากผู้กำกับฯ เลือกให้ควีนเล่นแทน ช็อก ! เกลช็อกที่โดนเพื่อนหักหลัง ไปแคสต์งานเดียวกับเธอโดยที่ไม่บอก ทั้งโกรธทั้งแค้น เกลคว้าแชมเปญมากระดกจนหมด

จากเกลที่ดูเป็นคุณหนูเรียบร้อย เมื่อโดนแอลกอฮอล์เข้าไปมากมายขนาดนั้น เธอจึงลุกออกมาเต้นกลางฟลอร์ด้วยท่าทางเซ็กซี่สุดฤทธิ์ ระหว่างนั้นก็มีชายสวมฮูดชุดดำค่อย ๆ เข้ามาประกบติดร่างของเธอ สายตาของเกลดูเหมือนจะวอนต์อะไรบางอย่าง เธอไม่ปฏิเสธชายคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ปันปัน สุทัตตา

รุ่งเช้าอีกวัน …

พะแพงตื่นขึ้นมาบนกองขยะด้านหลังหอพัก ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือ ดื่มเตกิลาเข้าไปหลายช็อตก่อนที่ภาพจะตัดไป

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา - ซี พฤกษ์

ในขณะที่เกลตื่นขึ้นมาบนเตียงของทอย เธอจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่เธอพอจะจำได้คือ ชายที่เข้ามาคลอเคลียแล้วมีซัมติงกับเธอเป็นชายปริศนาสวมเสื้อฮูดสีดำ ไม่ใช่ทอย แล้วทำไมเธอถึงมาตื่นบนเตียงเขาได้ล่ะ ?

“ก็ทอยรับเกลกลับมาจากผับไง … เกลจำไม่ได้จริง ๆ เหรอว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้าง ?” คำตอบจากทอยยิ่งทำให้เกลสับสน

พิม พิมประภา

แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ควีนถูกพบเป็นศพอยู่ที่สวนสาธารณะ การตายของควีนเป็นที่สนใจของนักข่าว เพราะเธอเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่มีผู้ติดตามนับล้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายว่า เป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม

เกลเดินทางไปยืนยันศพที่สถาบันนิติเวช เธอร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตาที่เห็นเพื่อนรักนอนแน่นิ่งไร้วิญญาณอยู่เบื้องหน้า

EP.2 แฮปปี้เอพริวฟูลส์เดย์

ตำรวจยังสรุปสาเหตุการตายของควีนไม่ได้ ร่างควีนเสียชีวิตจากการตกลงมาจากสะพาน สภาพนอนหงาย มีรอยช้ำตามร่างกาย และมีรองเท้าส้นสูงสวมอยู่เพียงข้างเดียว ทำให้ชุดสืบสวนสงสัยว่า อาจมีคนนำร่างควีนมาไว้ตรงจุดที่พบศพ เพื่อจัดฉากให้ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย ที่แปลกคือ ญาติของควีนเร่งรัดขอตำรวจนำศพมาทำพิธี และไม่ติดใจเรื่องที่ควีนฆ่าตัวตาย แถมยังไม่ต้องการให้ตำรวจชันสูตรพลิกศพอีกด้วย

พะแพงให้การกับตำรวจว่าคืนนั้นเธอเมาจนภาพตัด ก่อนจะพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาบนกองขยะตอนประมาณแปดโมงเช้า

ส่วนเกลก็ให้การกับตำรวจตามที่ทอยแนะนำว่า เธออยู่กับเขาที่คอนโดตลอดทั้งคืน อย่างไรก็ตาม ลึก ๆ แล้วเกลไม่เชื่อว่าทอยไปรับเธอที่ผับ เพราะความทรงจำอันเลือนลาง เธอจำได้ว่าคืนนั้นเธออยู่กับชายสวมเสื้อฮูดและกำลังมีซัมติงกัน

ในขณะที่ทุกอย่างดูคลุมเครือ จู่ ๆ คลิปที่เผยให้เห็นว่า ในคืนนั้นควีนกับพะแพงทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นตบตีก็ถูกปล่อยออกสู่โลกอินเทอร์เน็ต … ควีนไม่พอใจที่เอเธนส์ปฏิเสธไม่ยอมมีอะไรกับเธอ เขาสารภาพว่าจริง ๆ แล้วเขาชอบพะแพง ควีนโกรธจัดจึงเรียกให้เกลกับพะแพงมาเจอที่ลานจอดรถ ควีนโวยวายสั่งให้เกลถ่ายคลิปเอาไว้ ก่อนจะตบหน้าพะแพงไปหนึ่งฉาด แล้วตวาดด่าใส่ด้วยความโกรธ “กูบอกมึงแล้วไงว่าผู้ชายคนนั้น [เอเธนส์] กูจริงจัง กูขอ แล้ว มึงก็แอบไปยุ่งกับเขา อีเพื่อนทรยศ คือยังไงคือมันคันมากนักหรือไง”

ถึงอย่างนั้น พะแพงก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ยุ่งกับเอเธนส์ แต่คำปฏิเสธของพะแพงไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว ควีนปักใจเชื่อไปแล้วว่าผู้หญิงฟรีเซ็กส์อย่างพะแพงกินไม่เลือก แม้แต่ผู้ชายของเพื่อนสนิท

ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ

ที่มหาวิทยาลัย พะแพงมาเรียนตามปกติ เมื่อได้เห็นคลิปก็หัวเสียเดินปรี่ไปหาเกล “มึงปล่อยคลิปบ้านั่นทำไมวะ” เกลรีบแก้ตัวว่าควีนเป็นคนบังคับให้ลงคลิป แต่คำอธิบายกลับทำให้พะแพงโกรธมากขึ้น “เกล อีตอแหล” ดีที่ทอยเข้ามาห้ามเอาไว้

ณ จุดนี้ ทอยสารภาพต่อหน้าพะแพงว่าชอบเธอ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปจูบ ทว่า พะแพงไม่ได้คิดแบบนั้น พะแพงผงะตัวออกแล้วรีบเดินจากไป

ระหว่างนั้น ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสะพาน ไม่พบควีนมาที่สะพาน ทำให้เชื่อได้ว่าควีนไม่ได้ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดสะพาน แต่มีคนนำร่างควีนจากที่อื่นมาจัดฉากว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.2

ณ งานศพของควีนที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย พะแพงและเกลก็มาร่วมงานพร้อมกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ ควีนก็อัปรูปลงไอจี โดยมีแคปชั่นว่า “แฮปปี้เอพริวฟูลส์เดย์ วันนี้โกหกได้ไม่เป็นไร แต่พ้นวันนี้เมื่อไรใครพูดโกหกเอาไว้ขอให้พูดความจริงออกมา แม้ฉันจะตายไปแล้วแต่ใช่ว่าฉันจะหายไป ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ”

ควีนตาย แล้วใครล่ะที่เป็นคนอัปไอจี ?

EP.3 ช่วงเวลาที่หายไป

ภายในงานศพของควีน ชายปริศนาสวมเสื้อฮูดสีดำในคืนนั้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเกล เขายืนยันว่าคืนนั้น เกลนอนอยู่ที่คอนโดเขาถึงตีสี่ แม้เกลจะปากแข็งยืนยันว่าแฟนเธอรับกลับมานอนที่คอนโดตั้งแต่ตีหนึ่ง แต่ลึก ๆ แล้วเกลก็ยังสับสนว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

หลังกลับจากงานศพ พะแพงไปถามป้าขายก๋วยเตี๋ยวที่ขายอยู่ใกล้ ๆ กับกองขยะที่เธอถูกทิ้งในคืนนั้น ป้าบอกว่ามีรถสีดำคันเล็ก ๆ วิ่งมาจอดตรงกองขยะตอนตีสี่ หลังจากนั้น ป้าก็เห็นร่างพะแพงนอนอยู่ … พะแพงสงสัยว่าช่วงเวลาตีหนึ่งถึงตีสี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ?

ในขณะที่ชุดสืบสวนเริ่มออกเก็บหลักฐานบนรถและห้องพักของควีน ที่น่าแปลกคือภาพจากกล้องวงจรปิดของห้องพักถูกลบไปตั้งแต่เมื่อคืน ชุดสืบสวนพบอุปกรณ์การเสพยาในห้องของควีน ซึ่งตรงกับผลตรวจเลือดที่แสดงให้เห็นว่าควีนติดยาเสพติดมานานแล้ว

พะแพงกับเกลถูกตำรวจเรียกสอบอีกครั้งเรื่องควีนเสพยา แต่ทั้งสองพูดเป็นเสียงกันว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าควีนเสพยา และพวกเธอทั้งสองก็ไม่เสพยาเช่นกัน ทีนี้ พะแพงเห็นสายตาตำรวจดูไม่เชื่อว่าเธอไม่เสพยา พะแพงจึงรำคาญ หยิบขวดน้ำไปฉี่ใส่ขวดมาให้เลยจ้า แถมดึงเส้นผมให้ไปตรวจดีเอ็นเออีก “หนูดื่มแต่ไม่เสพ ไม่ใช่ว่าคนชอบเที่ยวจะต้องเสพทุกคนนะคะ” พูดจบก็สะบัดก้นเดินจากไป

ปันปัน สุทัตตา ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.3

ระหว่างนั้น ก็มีคนไปเขียนข้อความบนกระจกห้องน้ำในมหาวิทยาลัยด้วยข้อความว่า “พะแพงฆ่าควีน” โดยรูปภาพนั้นอัปขึ้นในไอจีของควีน … พะแพงเห็นรูปนั้นก็ตกใจแทบช็อก !

นี่มันเรื่องบ้าเรื่องบออะไรกันวะเนี่ย พะแพงเครียดจัดกับเรื่องต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ตั้งแต่ถูกควีนหาว่าแย่งผู้ชาย มาจนถึงตอนนี้ที่ถูกทุกคนมองว่าเธอเป็นฆาตกร

EP.4 ความจริงซ้อนความจริง

พะแพงได้รับแจ้งจากตำรวจว่า ตรวจพบสารเสพติดในตัวอย่างฉี่ของเธอ พะแพงยืนยันต่อหน้าตำรวจว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวหรือเสพยามาก่อนเลยในชีวิต … หรือว่าคืนนั้น มีใครแอบใส่ยาในเครื่องดื่ม !?

เจ้าหน้าที่เชื่อว่าพะแพงไม่ใช่ฆาตกร จึงปล่อยตัวพะแพงไป เพียงแต่ขอให้พะแพงเล่าทุกอย่างที่รู้มาให้หมด

ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไป เผยให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเอเธนส์เจอกับพะแพงในเกมออนไลน์ ก่อนที่ทั้งคู่จะนัดเจอกัน เอเธนส์ชอบพะแพงตั้งแต่ตอนนั้น พะแพงเองก็ชอบเขาเช่นกัน … ไม่กี่วันต่อมา ควีนก็เกิดไปถูกใจเอเธนส์ จึงประกาศกับเพื่อน ๆ ว่าห้ามยุ่ง เพราะเธอคิดจะจริงจังกับผู้ชายคนนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าพะแพงกับเอเธนส์ชอบพอกันก่อนหน้านั้นแล้ว ทีนี้ เมื่อควีนประกาศออกมาอย่างนั้น พะแพงจึงตีตัวออกห่างเอเธนส์ จนในที่สุด เอเธนส์ก็สารภาพกับควีนว่าชอบพะแพง จึงทำให้ควีนเข้าใจผิดคิดว่าพะแพงแย่งผู้ชาย เรื่องราวจึงบานปลายกลายเป็นเหตุตบหน้ากันที่ผับคืนนั้น

ความจริงของเกล

ด้านเกลก็ยังคงสงสัยว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะนับตั้งแต่คืนนั้น ทอยก็มีท่าทีต่อเธอที่เปลี่ยนไป เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง เพื่อคลายความสงสัย เกลจึงนัดเจอกับ ชีวาส (รับบทโดย แบงค์ อาทิตย์) ชายหนุ่มปริศนาสวมเสื้อฮูดที่เธอเจอในคืนนั้น …

“คุณเป็นใคร ?” คำถามแรกของเกลทำเอาชีวาสหัวเราะออกมา เพราะเขาเคยบอกเธอตั้งแต่คืนนั้นแล้วว่า ควีนคือผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

“ผมบอกคุณตั้งแต่คืนนั้นแล้วนี่ ว่าผมเป็นผู้ชายของควีน … คุณรู้สึกแย่หรือไงที่วันไนท์สแตนด์กับผู้ชายของเพื่อน” ชีวาสสารภาพ เขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคืนนั้นจะเลยเถิดไปไกลถึงขั้นมีอะไรกับเกล

รีแคปซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.4 : ซี พฤกษ์ - เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา - แบงค์ อาทิตย์

จากนั้น ชีวาสก็ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เกลฟัง ทอยมารับเกลที่ผับจริง ๆ แต่ทั้งคู่ทะเลาะกัน เพราะทอยเห็นคาตาว่าเกลกำลังนัวเนียอยู่กับชีวาส ทอยลากเกลออกจากผับมาที่รถ ก่อนจะตวาดใส่หน้าเกลด้วยคำพูดที่รุนแรง “มีกูเป็นผัวคนเดียวไม่พอหรือไง ถึงได้ร่านขนาดนี้ !”

เกลโกรธที่โดนด่า เธอง้างมือตบทอยเต็มแรงจนหน้าหัน ทอยตบเกลคืน ก่อนจะจิกหัวขึ้นมาด่าซ้ำ จังหวะนั้น ชีวาสก็เข้ามาห้ามทอย แล้วก็พาเกลขึ้นรถของเขา ตอนแรกเขาตั้งใจจะพาเกลไปส่งบ้าน แต่เกลเป็นคนขอร้องเองว่าอยากไปคอนโดของชีวาส … ที่คอนโด เกลดื่มไม่หยุดจนเมามาย แล้วทั้งสองก็ลงเอยกันบนเตียง

ว่าที่จริง เกลไม่อยากเชื่อสิ่งที่ชีวาสเล่าเลยสักนิด สิ่งที่เธอยากเชื่อคือกลับไปพร้อมกับทอย ชีวาสหยิบโทรศัพท์เปิดคลิปจากกล้องวงจรปิดที่คอนโดให้เกลดู เพื่อยืนยันว่าเธอเดินตุปัดตุเป๋ออกจากคอนโดตอนตีหนึ่ง แล้วเขาก็บีบให้เธอไปสารภาพความจริงกับตำรวจ ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้เอง

ณ จุดนี้ พะแพง เกล ชีวาส และตำรวจ ต่างมีจุดร่วมที่ตรงกัน ทุกคนต้องการรู้ความจริงว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ … พะแพงจำไม่ได้ เกลจำไม่ได้ ส่วนชีวาสก็พุ่งเป้าไปที่เกล เพราะเกลโกหกตำรวจ ส่วนตำรวจก็ยังคงมีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กเช่นกัน

หรือว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดจะเป็นทอย !??

EP.5 เรื่องจริงหรือโกหก ?

เพื่อคลายความสงสัยว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พะแพงจึงนัดเจอกับอาร์เจเพื่อถามหาความจริง แม้จะไม่ชอบขี้หน้าเขาเลยสักนิด

อาร์เจเล่าว่าคืนนั้นพะแพงดื่มหนักมาก ช็อตต่อช็อต ก่อนจะเอ่ยปากขอให้หายา จากนั้นก็ไปต่อกันที่คอนโดของอาร์เจ พร้อมกับเพื่อน ๆ ในชมรมว่ายน้ำ เรื่องราวเลยเถิดไปไกลถึงขั้นมั่วกันสุดเหวี่ยง แล้วอาร์เจก็เรียกรถให้พะแพงกลับบ้าน ส่วนเรื่องหลังจากนั้น อาร์เจอ้างว่าไม่รู้

พะแพงฟังเรื่องเล่าจากปากอาร์เจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ พะแพงไม่เชื่อว่าจะเป็นคนเอ่ยปากขอยาจากอาร์เจ และไม่เชื่อว่าตัวเองจะไปสวิงกิ้งมั่วเซ็กส์บ้า ๆ แบบนั้น

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา - ซี พฤกษ์ ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.5

ด้านเกลก็เริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นทอยไปสุงสิงทำธุรกิจกับเปปเปอร์ ซึ่งเปปเปอร์เป็นผู้ชายที่ควีนแนะนำให้เธอกับทอยรู้จัก และเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

กลางดึกคืนนั้น เกลตื่นขึ้นมาแอบหยิบโทรศัพท์ของทอยโทร. ไปหาอาร์เจ เสียงปลายสายพูดขึ้นมา “มึงจะโทร. มาทำไมบ่อย ๆ กูจัดการอีพะแพงไปแล้ว มันจำไม่ได้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น กูบอกอะไรมันก็เชื่อหมดแหละ มึงจัดการส่วนของมึงให้ดีก็แล้วกัน”

เกลอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากอาร์เจวางสายไป เกลก็ค่อย ๆ ย่องเอาโทรศัพท์มาวางไว้ที่เดิม แล้วก็กลับมานอนบนเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่า ทุกการกระทำของเกลเมื่อกี้อยู่ในสายตาของทอยทั้งหมด ทอยลืมตาขึ้นเบี่ยงหน้ามองไปที่เกลที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่น่ากลัว เป็นสายตาที่น่ากลัวจริง ๆ

นั่นหมายความว่า สิ่งที่อาร์เจเล่าให้พะแพงฟัง เป็นเรื่องโกหก !

EP.6 ความจริงเริ่มเปิดเผย

เกลนัดเจอกับชีวาสที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อค้นหาความจริง ชีวาสเล่าว่าควีนเปลี่ยนจากหญิงสาวธรรมดาเป็นเน็ตไอดอล ที่ใช้ชีวิตอู้ฟู่หรูหราตั้งแต่รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อเปปเปอร์ ชีวาสรู้ดีว่าควีนไม่มีทางหาเงินมาได้ด้วยวิธีปกติ แต่ควีนได้เงินเหล่านั้นจากการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจค้ายา ซึ่งมีทอยเป็นหุ้นส่วน คอยทำหน้าที่ฟอกเงินสกปรกให้เปปเปอร์

ชีวาสเล่าต่อว่า คืนนั้นควีนโทร. มาหาเขา “ถ้าเกิดเราตายขึ้นมา แสดงว่ามีคนฆ่าเรานะ” ควีนบอกกับชีวาสว่า เธอมีหลักฐานสำคัญที่เอาไปแบล็กเมลใครบางคน และคนคนนั้นส่งข้อความมาขู่ฆ่าเธอ

ชีวาสสงสัยว่าทอยคือคนคนนั้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ทอยให้เกลโกหกตำรวจว่าอยู่ที่คอนโดกับเขาหลังจากกลับจากผับตั้งแต่ตีหนึ่ง ก็เพื่อยืนยันแหล่งที่อยู่เพื่อให้ตัวเองพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย

ความจริงที่ออกจากปากชีวาส เป็นความจริงที่เกลไม่อยากเชื่อ แต่ยังไงมันก็เป็นความจริงที่เกลไม่อาจปฏิเสธได้

ซี พฤกษ์ - เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

เมื่อเกลกลับมาถึงบ้าน ทอยก็รออยู่ที่บ้านแล้ว เกลตวาดลั่นใส่หน้าทอย “คืนนั้นเราไม่ได้อยู่กับทอย ทอยโกหก เพราะคืนนั้นเราอยู่กับเค้า [ชีวาส] ไง …” เกลจ้องไปที่หน้าแฟนหนุ่มที่หน้าเริ่มแดงจากความโกรธ “… ทอยโกหกอะ ทอยทำอะไรควีนงั้นเหรอ ?”

ทอยควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ ทอยง้างมือขวาตบเข้าไปที่หน้าเกลจนทรุดลงไปกองกับพื้น ตามด้วยง้างเท้าซัดเข้าไปที่ท้องของเกลอีกสองถึงสามครั้ง เกลตัวงอเป็นกุ้งด้วยความเจ็บปวด

สักพัก ทอยก็เข้าไปขอโทษ จากนั้นก็แก้ตัวโดยให้เหตุผลที่ต้องทำร้ายร่างกาย เป็นเพราะเกลไปยุ่งไปชีวาส “เห็นมั้ยว่าทอยรักเกลขนาดไหน แม้ว่าทอยจะโกรธแค่ไหน ทอยก็ไม่ทำให้เกลเลือดออกเลยซักหยด”

จังหวะนั้น พะแพงมาหาเกลที่บ้านพอดี พะแพงเห็นเกลโดนทำร้ายก็โวยวายไม่หยุด ทอยจึงตบสั่งสอนพะแพงไปอีกหลายฉาด เกลเห็นพะแพงโดนทำร้าย จึงคว้าเอาขวดเบียร์ตีเข้าไปที่หัวของทอยจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย พะแพงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาตำรวจ ทำให้ทอยยอมกลับออกไป

ยาวันไนท์สแตนด์

ข่าวทีวีก็รายงานเกี่ยวกับยาตัวใหม่ เป็นของเหลว ไร้กลิ่น ผู้ที่เสพจะมีอาการเคลิ้มลอย ไม่มีสติ และจะทำให้จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทำให้ยาชนิดนี้ถูกเรียกว่ายาวันไนท์สแตนด์

เอเธนส์ไปเค้นความจริงจากพีนัท จึงได้รู้ว่า คืนนั้นอาร์เจแอบวางยาพะแพง เมื่อพะแพงน็อกยา อาร์เจก็สั่งให้พีนัทและเพื่อนอีกคนหิ้วปีกพะแพงออกไปทางหลังร้าน เพราะทางนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด จากนั้น อาร์เจก็สั่งให้พีนัทขับรถไปโรงแรม

ที่สำคัญคือ เป็นโรงแรมเดียวกับที่ควีนอยู่ก่อนตาย และควีนก็เกี่ยวข้องกับแผนการนี้ด้วย !?

EP.7 ความจริงที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

หลังจากพีนัทเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้เอเธนส์ฟัง คืนนั้นพีนัทก็ถูกรถชนจนต้องนอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล

พะแพงได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากเอเธนส์ แต่สำหรับพะแพงแล้วควีนคือเพื่อนรัก พะแพงไม่เชื่อว่าควีนจะเป็นคนที่ให้อาร์เจวางยาและพาเธอไปรุมโทรม แถมยังสั่งให้อาร์เจถ่ายคลิปอุบาทว์เอาไว้ด้วย แต่ความจริงคือความจริง ความจริงที่พะแพงไม่อาจปฏิเสธได้

รีแคปซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.7 : ความจริงในคืนนั้น - ซี พฤกษ์ และ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

ความจริงในคืนนั้น เกลไปที่คอนโดของชีวาส แต่ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์วันไนท์สแตนด์กัน ช่วงเวลาเดียวกันควีนโทร. ไปร้องไห้กับเกล และขอให้เกลมาหา แต่เมื่อเกลมาถึงก็เห็นร่างของควีนร่วงมาจากระเบียงนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่กับพื้น เกลรีบวิ่งไปหาทอยที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี เกลร้องกรี๊ดด้วยความตกใจก่อนที่จะหมดสติไป

ทอยจัดการศพของควีนโดยไม่แจ้งตำรวจ เพราะกลัวว่าตัวเองจะซวยเรื่องยาเสพติด … ทอยจัดการเอาศพควีนไปจัดฉาก ส่วนอาร์เจก็เอาพะแพงไปทิ้งไว้ที่กองขยะ เพราะไม่ต้องการให้ภาพตัวเองไปติดอยู่ในกล้องวงจรปิด

รีแคปซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.7 : ความจริงในคืนนั้น - ซี พฤกษ์ และ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

ด้านเกลก็ถูกทอยฉีด ‘ยาวันไนท์สแตนด์’ เข้าที่ต้นคอ เพื่อทำให้เกลจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

เปปเปอร์รู้เรื่องนี้ทีหลัง เปปเปอร์ไม่พอใจที่ทอยเคลื่อนย้ายศพ เพราะมันทำให้เรื่องบานปลาย “ถ้ามึงไม่เคลื่อนย้ายศพ ป่านนี้ตำรวจก็ปิดคดีไปแล้วว่าควีนฆ่าตัวตาย”

แต่ควีนจะเมายาแล้วกระโดดตึกลงมาด้วยตัวเองหรือไม่ หรือมีคนผลักเธอ ? ยังคงเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ เพราะร่างของควีนขณะนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ที่แขนมีรอยจ้ำ ประกอบกับผลการชันสูตรของตำรวจก็แสดงให้เห็นว่าควีนถูกทำร้าย !?

EP.8 พยานที่หายไป

พะแพงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า หลังเมื่อคืนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเอเธนส์ที่คอนโด

จากนั้นพะแพงก็ได้รับแจ้งข่าวว่า พีนัทถูกย้ายโรงพยาบาล และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าย้ายไปอยู่ที่ไหน ทำให้ไม่สามารถแจ้งความเอาผิดกับอาร์เจ เรื่องที่วางยาและรุมโทรมเธอได้

พะแพงเจอเกลที่มหาวิทยาลัย พะแพงพยายามขอร้องให้เกลเลิกกับทอย เพราะไม่อยากให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ระหว่างนั้นเกลก็ได้รับข้อความว่า เธอถูกยกเลิกงานทั้งหมด เกลรู้ได้ในทันทีว่าเป็นฝีมือของทอย เพราะทอยเป็นถึงหลานอธิบดีตำรวจ และพ่อก็เป็นถึงปลัด

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา และ ซี พฤกษ์ ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.8

ทอยเห็นเกลลบรูปคู่ในไอจีออกทั้งหมด ก็รีบมาหาที่มหาวิทยาลัย เกลพยายามบอกให้ทอยเลิกยุ่งกับเธอ แต่เขาไม่ยอมเลิกง่าย ๆ และยังขู่เกลด้วยว่า “ถ้าพังก็ต้องพังไปด้วยกัน”

ด้านเอเธนส์เอาเรื่องที่อาร์เจยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และมีส่วนในการตายของควีนไปเล่าให้โค้ชฟัง เพื่อขอให้โค้ชไล่อาร์เจออกจากชมรมว่ายน้ำ แต่โค้ชกลับมองว่าที่เอเธนส์เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้เพราะพะแพง “พี่คิดว่าเธอจะดีกว่านี้ แต่เธอกลับใช้ ‘ไอ้นั่น’ มากกว่าสมอง”

เอเธนส์โดนโคัชต่อว่าอย่างรุนแรง เขาจึงขอออกจากชมรม “ถ้าโค้ชมีทัศนคติแบบนี้ ผมว่าผมคงไม่ควรอยู่ที่นี่”

เมื่อพะแพงรู้ว่าเอเธนส์ออกจากชมรมว่ายน้ำจนเสียอนาคต พะแพงจึงบอกให้เอเธนส์เลิกยุ่งกับเธอ และเรื่องที่มีอะไรกันเมื่อคืนก็เป็นเพียงแค่วันไนท์สแตนด์ เธอตวาดไล่ให้เขากลับไป เอเธนส์จึงเดินคอตกกลับไปด้วยความผิดหวัง

ซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.8

จริง ๆ แล้วพะแพงทำตามคำสั่งที่มีคนส่งข้อความมาหาเธอผ่านทางไอจีของควีน ว่า ให้เลิกยุ่งกับเอเธนส์ โดยแลกกับคลิปหลักฐานที่ใช้เอาผิดพวกอาร์เจ … พะแพงยอมทำตาม ทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังคุยกับใคร แม้จะแปลกใจว่าทำไมถึงใช้แอคไอจีควีนได้

ข่าวทีวีรายงานข่าวตำรวจบุกยึดยาเสพติดจำนวนมากได้ที่บ้านพักของเปปเปอร์ แต่เปปเปอร์ไหวตัวทันหนีไปได้

EP.9 คลิปแบล็กเมล์

เกลมาถ่ายรูปฟิตติ้งซีรีส์เรื่องใหม่ เธอได้เป็นนางเอกซีรีส์เรื่องนี้ด้วยเส้นสายของทอย เพราะตอนนี้เกลกลับมาคืนดีกลับทอยแล้ว

ระหว่างที่ทีมงานนำชุดนักเรียนมาให้ เกลจึงนึกย้อนอดีตกลับไป สมัยที่เธอเรียนอยู่ ม.ปลาย

พิม พิมประภา และ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.9

เกลเป็นเด็กเรียนดี จนเป็นที่ชื่นชมของอาจารย์ ทางกลับกันก็เป็นที่น่าหมั่นไส้ของกลุ่มหัวโจก

วันหนึ่ง เกลถูกกลุ่มหัวโจกเอาถุงพลาสติกคลุมหัว แล้วสาดน้ำในห้องน้ำใส่ ควีนเข้ามาช่วยเกล ควีนขอเกลเป็นเพื่อน จากนั้น ควีนก็ช่วยเกลแก้แค้นเด็กหัวโจกพวกนั้น

พะแพงนัดเจอกับอาร์เจเพื่อถามหาความจริง อาร์เจบอกว่าทุกอย่างเป็นแผนของควีน ยาที่ใช้มอมพะแพงก็เป็นยาของควีน เขาต้องทำตามเพราะควีนจะขู่จะแฉความลับ

พะแพงรู้ทันทีว่า ‘ความลับ’ ของอาร์เจคือเรื่องที่เขาแอ๊บแมน เพราะจริง ๆ แล้วที่อาร์เจตามจีบเธอ และปล่อยข่าวว่ามีอะไรกับเธอ ก็เพื่อปกปิดรสนิยมทางเพศที่แท้จริงของตัวเอง

ที่มหาลัย ทอยมารับเกลกลับบ้าน พะแพงงงเป็นไก่ตาแตก วันก่อนยังโดนทอยทำร้ายร่างกายจนเลือดกบปาก ทำไมถึงยอมกลับไปดีกันง่าย ๆ แบบนี้

อย่างไรก็ตาม เกลยืนยันกับพะแพงว่า เธอเต็มใจกลับไปคบกับทอย เพราะทอยเป็นคนเดียวที่ให้ทุกอย่างที่เธอต้องการได้

One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.9

ชีวาสแอบเข้าไปในบ้านควีน รื้อค้นลิ้นชักข้างเตียง จนเจอกับหลักฐานสำคัญ

จากนั้น ชีวาสก็นัดพะแพงกับเอเธนส์มาที่คอนโด เพื่อมาดูหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นแฟลชไดรฟ์ที่ควีนบันทึกคลิปลับของทุกคนเอาไว้ แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่มีคลิปของเกลกับทอย

ชีวาสสันนิษฐานว่า ทอยเป็นคนเอาคลิปของตัวเองกับเกลไป และใช้คลิปไปขู่เกล เพื่อบังคับให้เกลคืนดี

ซี พฤกษ์ และ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

คืนนั้น ที่คอนโด ทอยรินไวน์ให้เกลเพื่อเป็นการขอโทษที่เขาเคยทำร้ายเธอ จากนี้ไปเขาสัญญาว่าจะทำตัวให้ดี และจะเลิกยุ่งกับเปปเปอร์

เกลจิบไวน์ แล้วหันไปพูดกับทอย “เราจะอยู่กับทอยไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าชีวิตของทอยจะฉิบหาย !”

ตอนท้าย ภาพแสดงให้เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้น ขณะควีนกำลังเมายาหลอนอยู่ริมระเบียง ทันใดนั้น เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น … คำถามคือ ใคร ?

EP.10 ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หลังทอยได้ยินประโยคที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากเกล เขาจึงลุกขึ้น “ถึงเวลามึงจะเข้าใจ ว่ามึงกับกูขาดกันไม่ได้”

เกลลุกขึ้นตบหน้าทอยด้วยความโกรธ ทอยที่โดนตบจนหน้าหัน ก็จับตัวเกลเหวี่ยงจนล้มไปโดนแก้วไวน์แตก

ทันใดนั้น เกลจึงคว้าแก้วไวน์ที่แตกเป็นปากฉลาม ตวัดไปบาดคอทอย “ต่อนี้ไป กูจะไม่ยอมให้มึงทำร้ายกูฝ่ายเดียว”

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา และ ซี พฤกษ์ ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลียนชีวิต EP.10

จากนั้น เกลวางยาทอย และจับทอยมัดมือมัดเท้า เอาตัวไปไว้ในอ่างอาบน้ำ ก่อนที่เธอจะพยายามไปเปิดตู้เซฟ เพื่อเอาแฟลชไดรฟ์ แต่เปิดไม่ได้เพราะไม่รู้รหัส

ทีนี้ พอทอยได้สติก็ตกใจ ที่พบว่าตัวเองถูกมัดเอาไว้ในอ่างอาบน้ำ เกลค่อย ๆ เดินมายิ้มเยาะ “กูบอกแล้วไง ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว” แล้วเธอก็เปิดน้ำในอ่าง เพื่อบีบให้ทอยรหัสเปิดเซฟ

ทอยที่ถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ก็กลัวว่า จะจมน้ำในอ่างน้ำตาย จึงยอมบอกรหัส หลังจากเกลได้แฟลชไดรฟ์ไปแล้ว เธอก็ปล่อยทอยเอาไว้อย่างนั้นด้วยความสะใจ … ต่อจากนี้ ทอยก็ไม่มีอะไรที่ใช้ข่มขู่เธอได้อีกต่อไป

เวลาเดียวกัน เอเธนส์กับพะแพงก็ปรับความเข้าใจกันได้ เมื่อพะแพงเลิกสนใจคำขู่ ที่ถูกส่งมาจากข้อความในไอจีของควีน เพราะพะแพงได้เห็นคลิปที่อยู่ในแฟลชไดรฟ์แล้ว ซึ่งเป็นเพียงภาพเธอไปเที่ยวจนเมา ก็แค่นั้น

พะแพงบอกความจริงกับเอเธนส์ จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ชอบมั่วผู้ชายอย่างที่คนอื่น ๆ เขาลือกันหรอก เพียงแต่เธอขี้เกียจไปแก้ตัว ส่วนเรื่องเธอกับอาร์เจยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะอาร์เจไม่ได้ชอบผู้หญิง … เมื่อรู้ความจริง ทั้งสองจึงโผเข้ากอดกัน

ภาพหน้าจอจากซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.10

ในตอนท้าย ภาพก็แฟลชแบ็กกลับไปให้เห็นเหตุการณ์ในคืนวันนั้น คนที่เข้าไปหาควีนที่ระเบียงก็คือ โค้ชชมรมว่ายน้ำ

เพราะจริง ๆ แล้ว โค้ชชอบเอเธนส์เช่นเดียวกัน โค้ชจึงขู่ว่าจะแฉที่ควีนมาเปิดโรงแรมมั่วยา ทำให้ทั้งสองเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง

นั่นหมายความว่า โค้ชคือคนที่อยู่กับควีนเป็นคนสุดท้ายก่อนควีนตกตึก และโค้ชก็คือคนที่ใช้ไอจีควีน ส่งข้อความไปขู่พะแพงให้เลิกยุ่งกับเอเธนส์ ???

EP.11 ทิ้งความลับลงชักโครก

หมวดออย ตำรวจผู้ทำคดีการเสียชีวิตของควีน รายงานความคืบหน้าการสืบสวนคดีต่อผู้บังคับบัญชา จากการชันสูตรพลิกศพ ควีนมีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนเสียชีวิตจากการตกจากที่สูง

จากการสืบสวนยังพบอีกว่า ห้องที่ควีนไปปาร์ตี้ยา ถูกเช่าในชื่อ ‘ทอย’ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายารายใหญ่ แต่เนื่องจากทอยเป็นถึงหลานของรองอธิบดีฯ ทำให้ตำรวจต้องสืบสวนเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซง

หมวดออยรายงานอีกว่า พีนัทกับกายอยู่ในการดูแลของตำรวจ ซึ่งทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับควีนในคืนนั้น เนื่องจากทั้งสองเมายาจนหลับไป ดังนั้น คนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับควีนก็คือ ‘อาร์เจ’

ในขณะที่ พะแพงบอกกับเอเธนส์ว่า โค้ชกวางเป็นคนที่ใช้ไอจีของควีน จริง ๆ เธอสงสัยโค้ชกวางตั้งแต่แรก จึงแกล้งถ่ายรูปคู่กับเอเธนส์ลงไอจีสตอรี่ แล้วตั้งค่าให้โค้ชกวางเห็นคนเดียว ดังนั้น คนที่ใช้ไอจีควีนส่งข้อความให้เธอเลิกยุ่งกับเอเธนส์ก็คือ ‘โค้ชกวาง’ นั่นเอง

เวลาเดียวกัน อาร์เจถูกกดดันอย่างหนัก จึงคิดหนี เขาจึงไปขอเงินกับทอย 1 ล้านบาท แต่เมื่อถึงเวลานัด ทอยกลับติดต่อไม่ได้ เนื่องจากทอยถูกเกลมัดมือมัดเท้าเอาไว้ในอ่างอาบน้ำ

ทีนี้ เมื่ออาร์เจไม่ได้เงินจากทอย เขาจึงเบนเข็มไปไถเงิน 2 ล้านจากโค้ชกวาง ซึ่งพะแพงกับเอเธนส์แอบได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน จึงรู้ว่าโค้ชกวางอยู่ในห้องในคืนที่ควีนตาย พะแพงจึงรีบโทร. ไปบอกหมวดออยทันที ส่วนอาร์เจก็รีบวิ่งหนีไป

พะแพงเริ่มต่อจิ๊กวอว์ปะติดปะต่อเรื่องราว ทำให้รู้ว่า แรงจูงใจที่โค้ชกวางต้องการให้ควีนตาย นอกจากเป็นหนามหัวใจแล้ว ควีนยังขู่ว่าจะแฉเรื่องที่โค้ชกวางเรียกเงินจากผู้ปกครอง

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.11

ส่วนเกลที่ตอนนี้อยู่บ้านชีวาส ก็หยิบเอาแฟลชไดรฟ์มาเปิดดูคลิป ปรากฏว่าเป็นคลิปที่เผยให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ‘อาจารย์พัฒน์’ อาจารย์ที่เคยสอนเธอตอนปีหนึ่ง เกลตกใจมากที่ควีนมีคลิปนี้เก็บไว้

อาจารย์พัฒน์ตอนนี้เป็นนักการเมืองดาวรุ่ง ที่มีฐานเสียงเป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นตัวเต็งที่จะได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ในการปรับ ครม. ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ภาพหน้าจอจากซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ep.11

เกลรู้ดีว่า ถ้าคลิปนี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้นที่จะหมดอนาคตในฐานะนักแสดง แต่อาจารย์พัฒน์ก็จะหมดอนาคตทางการเมืองเช่นกัน เกลจึงเอาแฟลชไดรฟ์ไปทิ้งลงโถชักโครก แล้วกดน้ำทิ้งไปซะ

EP.12 อดีตที่หลอกหลอน

ในขณะที่คดีการเสียชีวิตของควีนเริ่มคลี่คลาย แต่เกลยังคงเป็นกังวลกับเรื่องในอดีต ที่เธอเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอาจารย์พัฒน์ ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง

เกลจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับพะแพง ซึ่งพะแพงเองรู้แค่ว่า ตอนนั้นเกลถูกอาจารย์พัฒน์หลอกฟัน แต่จริง ๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น เกลจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องในอดีตให้พะแพงฟัง …

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ในซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.12

ตลอด 6 เดือนที่คบกันแบบลับ ๆ เป็นช่วงเวลาที่เกลมีความสุขอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน แล้ววันหนึ่ง อาจารย์พัฒน์ก็ขอถ่ายคลิปตอนมีอะไรกับเธอ โดยอ้างว่าการถ่ายคลิปทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้น และสัญญาว่าจะลบคลิปทันทีหลังจากมีอะไรกันเสร็จ

ในตอนนั้นเกลหลงรักอาจารย์พัฒน์แบบสุดหัวใจ เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อาจารย์พัฒน์พอใจ

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา - พิม พิมประภา

ต่อมา เกลเอาเรื่องที่มีแฟนไปเล่าให้ควีนฟัง แต่ควีนเตือนว่า เกลกำลังโดนหลอก จากนั้นควีนก็เปิดคลิปลับให้เกลดู แล้วบอกว่าอาจารย์พัฒน์เป็นคนส่งให้ ไม่เท่านั้น ควีนยังบอกด้วยว่าอาจารย์พัฒน์เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง มีอะไรกันยังไง ทำอะไรกันตอนไหน

“แกอย่าบอกจะว่าแกรักไอ้คนน่ารังเกียจแบบนั้น” เกลได้ยินคำพูดจากปากควีน ทำให้เธอเริ่มคิดได้

ทั้งสองจึงไปหาอาจารย์พัฒน์ เกลโกรธมาก คว้าเอาแจกันเซรามิกตีหัวของอาจารย์พัฒน์ ก่อนจะยื่นคำขาดให้เขาไปลาออก เพื่อจบเรื่องทั้งหมด

ในขณะที่อาจารย์พัฒน์ก็พยายามบอกเกลว่า ทั้งหมดเป็นแผนของควีน ที่ขู่ให้เขาถ่ายคลิปอุบาทว์ แลกกับการที่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกอธิการบดี

เมื่อฟังเรื่องทั้งหมด พะแพงแนะนำให้เกลปล่อยวาง อย่าให้เรื่องในอดีตมาทำร้ายตัวเราในปัจจุบัน

ภาพหน้าจอจากซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.12

ใครที่อยู่ในห้องนั้น ?

ต่อมา หมวดออยนัดเจอพะแพงกับ เพื่อเล่าสิ่งที่ได้จากการสอบปากคำโค้ชกวาง โดยโค้ชกวางยอมรับว่าเป็นคนใช้ไอจีควีนส่งข้อความไปหาพะแพง แต่ที่ทำไปก็เพื่อไม่ต้องการให้พะแพงยุงกับเอเธนส์เท่านั้น

จากนั้น โค้ชกวางก็เล่าเหตุการณ์ในคืนนั้น เธอตั้งใจไปตามเอเธนส์ เมื่อตามไปบนห้องก็เจออาร์เจ และขอเข้าไปดูในห้อง เมื่อเข้าไปเจอควีน จึงเกิดมีปากเสียงกันที่ระเบียง โค้ชกวางบีบคอควีนแล้วพยายามผลักให้ตกระเบียง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า

ทันใดนั้น อาร์เจก็โผล่มาแล้วตะบันหมัดเข้าใส่ควีน หมัดเดียวควีนก็สลบไม่ได้สติ จากนั้น อาร์เจก็อุ้มควีนไปที่ห้องด้านล่าง โดยบอกกับโค้ชกวางว่ามีคนสั่งให้มอมเหล้าควีน

เมื่ออาร์เจเดินออกมาจากห้องนั้น เขาก็บอกกับโค้ชกวางว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่งั้นจะซวยกันทั้งคู่

แล้วใครที่รอควีนอยู่ในห้องนั้น ?

EP.13 ใครโกหกเก่งสุด (ตอนจบ)

หลังโค้ชกวางออกมาจากคอนโด โค้ชกวางก็ใช้ไอจีควีนไลน์บอกเลขห้องกับเกล หมวดออยจึงขอร้องพะแพงให้ไปถามความจริงกับเกล

พะแพงมาถามถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น แต่เกลนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ คือ สิ่งที่โค้ชกวางพูดเป็นความจริง เพราะเมื่อไปดูแบ็กอัปข้อความ ก็เจอข้อความที่โค้ชกวางส่งมาหาเกลจริง ๆ

แต่ถึงแม้จะจำเหตุการณ์ในคืนนั้นไม่ได้ แต่เกลมีคนที่สงสัยอยู่คนหนึ่ง นั่นก็คือ ‘อาจารย์พัฒน์’

พิม พิมประภา

ฆาตกรตัวจริง

แล้วภาพก็เผยความจริงออกมา ควีนใช้คลิปลับไปแบล็กเมล์อาจารย์พัฒน์ จนวันหนึ่งจำนวนเงินมันก็มากเกินกว่าจะรับไหว

เมื่อต่างฝ่ายต่างตกเป็นเหยื่อแบล็กเมล์ของควีน อาจารย์พัฒน์กับอาร์เจจึงร่วมมือกันกำจัดควีนซะ

One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.13 ตอนจบ

ในคืนนั้น อาจารย์พัฒน์ได้ฉีดยาวันไนท์สแตนด์เข้าร่างควีน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เกลมาที่ห้องพอดี เธอจึงคว้าเอาวัตถุของแข็งตีเข้าที่หัวอาจารย์พัฒน์จนสลบ เกลพยายามขอร้องควีนให้ลบคลิปลับนั่นซะ แต่ควีนไม่ยอมลบ จนเกิดการโต้เถียงกัน และเกลก็ผลักควีนตกลงระเบียงไป

ภาพหน้าจอซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต EP.13 ตอนจบ

รับกรรมที่ไม่ได้ก่อ

เวลาเดียวกัน อาจารย์พัฒน์นัดเจอกับอาร์เจ เพื่อจะให้เงินอาร์เจเอาไว้หนี แต่เมื่อได้เงินแล้ว อาร์เจเกิดสติแตกกลัวอาจารย์พัฒน์จะฆ่าปิดปาก เลยวิ่งหนีไป อาจารย์พัฒน์หยิบปืนที่เก๊ะหน้ารถออกมาวิ่งไล่ตาม จนในที่สุด ทั้งสองก็เกิดแย่งปืนกัน และปืนก็ลั่นใส่อาจารย์พัฒน์ ตาย !

อาร์เจไม่รู้จะทำยังไง จึงโทร. ให้พะแพงมาช่วย เมื่อพะแพงมาถึง อาร์เจก็เอาแต่บอกว่า อาจารย์พัฒน์เป็นคนฆ่าควีน และจะมาฆ่าปิดปากเขา

ในขณะที่ทอยแอบดักรอเจอเกล เขาใช้ยาฉีดเข้าที่ต้นคอของเธอ แต่โชคดีที่ชีวาสเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน ทอยจึงถูกตำรวจจับไปอย่างง่ายดาย

โก้ วศิน - ปันปัน สุทัตตา - เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา - แบงค์ อาทิตย์

ฉันเป็นคนฆ่าควีน

หลังจากเรื่องราวจบลง … เปปเปอร์ถูกทลายแก๊งค้ายาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทอยถูกจับ อาจารย์พัฒน์ตาย อาร์เจก็รับโทษที่กระทำ … เอเธนส์ พะแพง เกล และชีวาส ก็มานั่งสังสรรค์กัน

พะแพงเสนอให้ทุกคนพูดเรื่องโกหกขึ้นมาคนละเรื่อง พอมาถึงคิวเกล เธอบอกกับทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ฉันเป็นคนฆ่าควีน”

แล้วเรื่องราวก็จบลงไปแบบนี้

Images : TrueID
ดู One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต ที่ TrueID : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต (2023) appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Alice in Borderland ซีซั่น 2 (2022) อลิสในแดนมรณะ https://www.online-idol.com/2023/01/05/alice-in-borderland-season-2-2022-japanese-series-spoiler-34008/ Wed, 04 Jan 2023 17:50:02 +0000 https://www.online-idol.com/?p=34008 ชอะริสุกับเพื่อนร่วมชะตากรรมต้องร่วมกันเล่นเกมอันตรายที่คาดเดาไม่ได้ต่อไป ระหว่างนั้น ความลับของโลกแห่งนี้ก็ค่อย ๆ เผยออกมา …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Alice in Borderland ซีซั่น 2 (2022) อลิสในแดนมรณะ appeared first on idol.

]]>
Alice in Borderland ซีซั่น 2 : อะริสุกับเพื่อนร่วมชะตากรรมต้องร่วมกันเล่นเกมอันตรายที่คาดเดาไม่ได้ต่อไป ระหว่างนั้น ความลับของโลกแห่งนี้ก็ค่อย ๆ เผยออกมา …

EP.1 นี่มันเกมสังหารหมู่ชัด ๆ

กลางแยกชิบูย่า … อะริสุ อุซางิ ชายสวมฮูด และสาวทูพีซสุดเซ็กซี่ ทั้งสี่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น พวกเขายืนรออยู่ตรงนั้นนานนับชั่วโมงตั้งแต่ป้ายบอกสัญญาณเริ่มเกม แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ไม่มีการลงทะเบียนเล่นเกม ไม่มีการแจ้งกฎ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

สาวทูพีซ (รับบทโดย อายะ อะซาฮินะ) ยืนจนเมื่อยจึงนั่งลงไปกับพื้นถนน ส่วนชายสวมฮูดหรือชิชิยะ (รับบทโดย นิจิโระ มุราคามิ) ก็เอ่ยติดตลกออกมา “หรือว่าเกมมาสเตอร์จะลืมกดปุ่มสตาร์ทกันนะ” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงรถยนต์เครื่องคาบูเรเตอร์หลายคันก็ดังขึ้น รถทั้งแปดคันจอดและพวกเขาลงมาทักทายอะริสุ (รับบทโดย เคนโตะ ยามาซากิ) ที่แท้เป็นพวกที่เคยอยู่ที่บีช

ทั้งหมดกล่าวทักทายกันได้ไม่กี่คำ เสียงปืนต่อต้านรถถังก็ดังกึกก้องจนทำเอาทุกคนช็อก ร่างของหญิงชายคู่หนึ่งกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อปลิวว่อนในอากาศ “เกมคงเริ่มแล้วสินะ” ทุกคนเริ่มวิ่งหนีเข้าหาที่กำบัง แต่ดูเหมือนที่กำบังจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเมื่อเจอกับปืนไรเฟิลที่ยิงมาจากระยะไกล ผู้คนถูกยิงตายราวใบไม้ร่วง นี่มันเกมสังหารหมู่ชัด ๆ

เรือเหาะคิงโพดำลอยอยู่เหนือหัวคนทั้งสี่ที่กำลังหลบอยู่ข้างรถ จากนั้นบอสของคิงโพดำก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดคลุมปกปิดใบหน้า มันมาพร้อมกับห่ากระสุนที่ยิงออกมารัว ๆ ไม่มียั้ง ผู้คนตายกันเกลื่อนถนน “อยู่ที่นี่ต่อไปไม่รอดแน่” จังหวะนั้นก็มีรถมาจอดรับพวกเขาหนี อะริสุ อุซางิ และสาวทูพีซหนีขึ้นรถไป ส่วนชายสวมฮูดไม่สามารถขึ้นรถได้เพราะโดนระเบิดขวางทางไว้

จากนั้น ก็เป็นการขับรถหนีการไล่ล่าของคิงโพดำ หลังผ่านไปนานนับสิบนาที อะริสุ อุซางิ สาวทูพีซ และหนุ่มบื้อ คนจากบีชที่ขับรถมาช่วย ก็หลบเข้ามาอยู่ในอาคารหลังจากเสียงปืนเงียบสงบลง คืนนั้น พวกเขาออกไปหาเสบียงในร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ แถวนั้น แล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป

รุ่งขึ้น อะริสุออกไปยืนบนดาดฟ้า เขาเห็นเรือเหาะที่มีสัญลักษณ์ไพ่หน้าคน (K Q J) ลอยอยู่ทั่วเมือง อะริสุจึงรู้ในทันทีว่า “เมืองทั้งเมืองเป็นพื้นที่เล่นเกม” ดังนั้น ทางเดียวที่จะรอดจากการโจมตีของคิงโพดำก็คือการเข้าร่วมเกมอื่น และเกมที่อะริสุเลือกเล่นคือเกมคิงดอกจิก เนื่องจากเป็นเกมที่อาศัยทีมเวิร์ก ทำให้มีโอกาสชนะได้ไม่ยากนัก เมื่อตกลงกันได้ทั้งสี่จึงขับรถเปิดประทุนรุ่นคลาสสิกสีแดงสดมุ่งหน้าไปหาเรือเหาะคิงดอกจิกทันที

พื้นที่เล่นเกมคิงดอกจิกมีตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงกันเป็นแนวกำแพง วางต่อกันสูงสามตู้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เมื่อมองจากทางด้านบนลงไป จะเห็นเป็นพื้นที่เล่นเกมถูกจัดวางเป็นรูปแบบคล้ายเขาวงกต ด้านนอกประตูทางเข้ามีกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์วางอยู่บนโต๊ะ มีข้อความเขียนระบุชัดเจนว่าเกมนี้ต้องการผู้เล่น 5 คน ผู้ที่ต้องการเล่นให้สวมกำไลแล้วรอจนกว่าคนจะครบ แต่เอ๊ะ ทำไมเหลือกำไลอยู่แค่ 4 อัน ?

“แหม่ รออยู่ตั้งนาน นึกว่าจะไม่ครบห้าคนซะแล้ว” เสียงนี้ทำให้ทั้งสี่ต้องตกตะลึง เพราะมันคือเสียงของ นิรากิ (รับบทโดย โดริ ซะกุระดะ) กุ๊ยขยะสังคมที่เคยพยายามล่วงละเมิดอุซางิ มันยังไม่ตายหรือนี่ ? แต่ถึงมันจะยังไม่ตายแต่สภาพมันก็ไม่ต่างไปจากครึ่งคนครึ่งผี เนื่องจากใบหน้าของมันแถบหนึ่งมีรอยบาดแผลจากการโดนไฟไหม้

ในขณะที่สาวทูพีซกับหนุ่มบื้อไม่อยากลงเล่นเกมร่วมกับนิรากิ แต่สาวปีนเขาสาว อุซางิ (รับบทโดย ทาโอะ ทสึจิยะ) ไม่สนใจ เธอเดินไปที่โต๊ะและหยิบกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาใส่ แล้วก็หันไปพูดกับทุกคนว่า “ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะเล่นกับใคร ฉันรู้แต่เพียงว่า ถ้าเราไม่เล่นเกมนี้สักวันเราก็ต้องตายอยู่ดี” อะริสุเป็นคนต่อมาที่หยิบกำไลมาใส่ที่ข้อมือ ทำให้สาวทูพีซกับหนุ่มบื้อไม่มีทางเลือก ต้องยอมร่วมเล่นเกมนี้ด้วย

เมื่อทั้งห้าเดินเข้าไปในพื้นที่เล่นเกม ต่างก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เผชิญหน้ากับคิงดอกจิก ทึ่ตะลึงไม่ใช่ตะลึงเพราะความน่ากลัว แต่ตะลึงเพราะคิงดอกจิกเป็นมนุษย์ที่เชื่อในเรื่องความเป็นธรรมชาติ เขาจึงไม่ใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว !

คิงดอกจิกหรือคิวมะ (รับบทโดย ยามะพี) กล่าวทักทายผู้เล่นทั้งห้าที่ยืนพะอืดพะอมที่ได้เห็นของสงวนของเขา จากนั้น เขาก็สาธยายความเชื่อแปลก ๆ ของตัวเอง “การเปลือยกายเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เสื้อผ้าต่างหากเป็นสิ่งปลอมแปลงที่สังคมกำหนดขึ้นมา ทางชีววิทยาถือว่าเสื้อผ้าเป็นสิ่งไม่จำเป็น นี่แหละคือรูปลักษณ์ของมนุษย์อย่างแท้จริง”

“นี่มันคิงดอกจิกจริงหรือวะเนี่ย !?” มีใครบางคนบ่นเป็นเสียงพึมพำออกมา

EP.2 ความกลัวคือสิ่งที่เหนี่ยวรั้งเราไว้

ภาพแฟลชแบ็กสั้น ๆ เผยให้เห็นว่า คิงดอกจิกและเพื่อน ๆ ทำวงดนตรีร็อคเล่นคอนเสิร์ตตามคลับด้วยกัน ด้วยความผูกพันร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา พวกเขาพร้อมและเต็มใจที่จะตายเพื่อกันและกัน สิ่งนี้จึงเป็นจุดเด่นของทีมคิงดอกจิก นั่นคือ ทีมเวิร์ก

เกมนับแต้ม คิงดอกจิก ♣

คิงดอกจิกอธิบายกติกาการเล่นเกมนับแต้มให้ทุกคนเข้าใจ อธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ (ซึ่งจริง ๆ มันเป็นเกมที่โคตรจะซับซ้อนเลย) คือ การเล่นจะแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมละ 5 คน (ทีมคิงดอกจิก VS ทีมผู้เล่น) แต่ละทีมจะมีแต้มทีมละ 10,000 แต้ม มีเวลาเล่นเกม 2 ชั่วโมง ทีมไหนแต้มมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ทีมแพ้ก็แบบเก่า คือ โดนแสงเลเซอร์จากฟ้ายิงใส่กบาล

เมื่อเกมเริ่มขึ้น อะริสุให้ความเทพในการเล่นเกมช่วยให้ทีมได้เปรียบในตอนแรก แต่อย่างที่บอกว่าทีมคิกดอกจิกเป็นทีมที่ทุกคนต่างเป็นเพื่อนรักกัน หนึ่งในนั้นจึงยอมสละชีวิตทำให้ทีมพลิกขึ้นมาได้เปรียบทีมของอะริสุ

Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.2

ระหว่างนั้น ทุกคนในทีมอะริสุกำลังนั่งรอเวลาให้หมดลงไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครกล้าออกไปสู้ ต่างคนต่างก็กลัวตาย คิงดอกจิกจึงพูดสะกิดต่อมบางอย่างของอะริสุเข้า “เวลาคนเราเล่นเกมก็มักจะแสดงสันดานที่แท้จริงของตัวเองออกมา เกมนี้เป็นเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต นายลองแสดงออกมาให้ฉันเห็นสิว่า ชีวิตของนายเป็นยังไง”

คำพูดนี้เองทำให้อะริสุคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาบอกกับทุกคนว่า “พวกเรามาร่วมกันพังกำแพงแห่งความกลัวตายกันสักครั้งเถอะ สิ่งที่พวกเราต่างจากพวกนั้นคือ ‘ความกลัวที่คอยเหนี่ยวรั้งเราเอาไว้’ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสลัดความกลัวทิ้งไปซะ” แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดของอะริสุเลยสักนิด ต่างคนต่างก็ไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งกับแผนโง่ ๆ แบบนั้น

แต่คนแรกที่ตกลงร่วมมือกับอะริสุก็คือ นิรากิ … นิรากิ ไอ้กุ๊ยสถุลข้างถนนที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากยุ่งด้วย กลับเป็นคนแรกที่ตกลงร่วมมือกับแผนของอะริสุ “ฉันน่ะ ไม่สนใจเรื่องความตายอะไรนั่นหรอก ฉันทิ้งความกลัวตายไปนานแล้ว” เมื่อสมาชิกในทีมที่สถุลที่สุดกลับยืดอกขึ้นต่อสู้ ทุกคนจึงตกลงไปสู้ตายกับอะริสุ

ทั้งหมดยกเว้นหนุ่มบื้อ ร่วมมือกันไปบุกฐานคิงดอกจิกเพื่อแย่งแต้มกลับคืนมา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถทำแต้มขึ้นนำได้อยู่ดี เมื่อกลับมาที่ฐาน นิรากิจึงต่อว่าหนุ่มบื้อว่าเป็นตัวถ่วงของทีม ที่ไม่ช่วยทีมทำอะไรเลย ได้แต่นั่งบื้ออยู่เฉย ๆ ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังเสี่ยงชีวิต

EP.3 อย่าใช้ชีวิตใต้ร่มเงาคนอื่น

ภาพแฟลชแบ็กสั้น ๆ เผยให้เห็นว่า หนุ่มบื้อทัตตะเคยเป็นช่างซ่อมรถที่อู่แห่งหนึ่ง แต่ด้วยความไม่เอาไหน ทำให้รุ่นพี่ที่ทำงานต้องพิการเพราะความสะเพร่าของเขา

เหลือเวลาอีกหกนาที ทีมคิงดอกจิกนำอยู่ 500 แต้ม … แต่ละวินาทีนับถอยหลังใกล้ถึงเวลาตายของทีมอะริสุ

คิงดอกจิกยืนสูดอากาศมองดูน้ำทะเล รับลม และแสงแดด เขายืนรออะริสุอยู่ตรงนั้น แล้วอะริสุก็มาจริง ๆ อะริสุยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณที่ทำให้เขาเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของคนเป็นผู้นำ จากนั้น อะริสุก็ขอทำสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนตาย “ฉันขอจับมือกับนายได้มั้ย ?”

คิงดอกจิกยื่นมือไปจับกับอะริสุด้วยมิตรภาพ มันเป็นมิตรภาพที่ทั้งสองมีต่อกันระหว่างเล่นเกม แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทีมอะริสุกลับขึ้นมานำ 500 แต้ม !

มันเป็นไปได้ยังไงที่อะริสุจะมีแต้มมากกว่า คิงดอกจิกถึงกับทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ?

ที่แท้ก่อนหน้านี้ หนุ่มบื้อเอาประตูตู้คอนเทนเนอร์กระแทกมือตัวเอง เขาพยายามตัดมือตัวเองเพื่อเอากำไลข้อมือที่มีแต้ม 10,100 แต้มให้กับอะริสุ ทำให้แต้มของอะริสุเพิ่มขึ้นจนสามารถเอาชนะคิงดอกจิกได้ และสุดท้ายหนุ่มบื้อก็เสื้อเลือดจนตาย อย่างน้อยก่อนตายเขาก็ได้ทำให้ตัวเองมีค่า มีค่าพอที่จะทำให้เพื่อน ๆ ในทีมรอด

คิงดอกจิกยังคงนิ่งอยู่แม้รู้ว่าตัวเองแพ้ เขานิ่งมาก ไม่เกรงกลัวความตายเลยแม้แต่นิดเดียว เขาพูดกับอะริสุเป็นประโยคสุดท้าย “ขอให้นายเจอเหตุผลในการมีชีวิต ที่ไม่ได้อยู่ใต้ร่มเงาคนอื่น” จากนั้นเขาก็ไปยืนเงยหน้ามองฟ้า รอรับแสงเลเซอร์โดยไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แสดงออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่อะริสุก็ได้แต่ยืนมองเพื่อนที่เขานับถืออีกคนจากไป ด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นเป็นสองเบ้า

ส่วนเพื่อน ๆ ทีมคิงดอกจิกที่รู้ว่าแพ้ก็ยิ้มรับความตาย พวกเขาไม่โทษคิงดอกจิกที่ประมาทไปจับมือกับอะริสุ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน จริง ๆ แล้วถ้าไม่มีคิงดอกจิกพวกเขาก็คงไม่มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ ทุกคนยิ้มรับความตาย ความตายที่หยิบยื่นจากแสงเลเซอร์สีแดงที่ยิงจากบนฟ้าลงกลางกบาลพวกเขาทีละคน ๆ

เกมขังเดี่ยว แจ็คโพแดง ♥

ณ เรือนจำแห่งหนึ่ง … เกมอีกเกมได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีชายสวมฮูดเป็นหนึ่งในผู้เล่นทั้งหมด 20 คน เกมนี้มีชื่อว่าเกมขังเดี่ยว ระดับความยากแจ็คโพแดง ♥ โดยผู้เล่นทุกคนจะสวมปลอกคอ ที่ด้านหลังจะมีจอเล็ก ๆ แสดงสัญลักษณ์ ♣♦♥♠ ซึ่งผู้ที่สวมปลอกคอจะมองไม่เห็นสัญลักษณ์ของตัวเอง

กติกาคือ ให้ผู้เล่นบอกสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนปลอกคอ โดยในแต่ละรอบจะมีเวลาการเล่นหนึ่งชั่วโมง ห้านาทีสุดท้าย ผู้เล่นจะต้องเข้าห้องขังเดี่ยวเพื่อบอกว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของตัวเองคืออะไร ถ้าตอบผิด ปลอกคอจะระเบิดหัวของผู้เล่นคนนั้นทันที

สัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังปลอกคอจะเปลี่ยนไปทุกรอบ ที่สำคัญหนึ่งในผู้เล่นมีแจ็คโพแดงแฝงตัวอยู่ เงื่อนไขการเคลียร์เกม คือต้องฆ่าแจ็คโพแดงที่แฝงตัวอยู่ให้ได้ ข้อห้ามคือห้ามใช้วัสดุสะท้านแสงดูสัญลักษณ์บนปลอกคอตัวเอง และห้ามฆ่าผู้อื่น โดยเกมนี้ไม่จำกัดเวลาในการเล่น มีอาหารเตรียมไว้ให้มากมาย

ชายสวมฮูดตั้งใจฟังกติกาจนจบก็สรุปออกมาสั้น ๆ ว่า “นั่นเท่ากับว่า เราต้องหลอกแจ็คโพแดงเพื่อเคลียร์เกมนี้สินะ และถ้าทุกคนไม่โกหกกันเลย ก็จะไม่มีใครออกจากเกมนี้ได้”

Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.3

มันเป็นเกมทดสอบความไว้ใจอย่างแท้จริง ชายสวมฮูดจับคู่กับชายคนหนึ่ง แต่มีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายอลิซ (in Wonderland) พยายามรวมกลุ่มคนเกือบสิบคนให้มาช่วยเหลือกัน ในรอบแรกทุกคนตอบถูกกันหมด

ผ่านไปไม่กี่รอบ หญิงสาวแต่งตัวคล้ายอลิซก็พยายามปั่นคนในกลุ่ม ให้โกหกหญิงคนหนึ่งที่เธอสงสัยว่าเป็นแจ็คโพแดง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามันกลายเป็นการบ่มเพาะความไม่ไว้ใจ จนในที่สุดต่างคนต่างก็ไม่ไว้ใจกัน แล้วสุดท้ายหญิงคล้ายอลิซก็โดนคนอื่นโกหก เธอโดนระเบิดหัวในห้องขังเดี่ยว เศษสมองและเลือดกระจายไปทั่วห้อง น่าสยดสยองยิ่งนัก

การแข่งขันรอบนี้เหลือผู้เล่น 6 คน คู่หูของชายสวมฮูดเริ่มออกอาการสติแตก ซึ่งชายสวมฮูดต้องพยายามพูดให้กำลังใจ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล คู่หูของชายสวมฮูดเข้าห้องขังเดี่ยวโดยที่ไม่ตอบสัญลักษณ์ของตัวเอง เพราะเขาทนแรงกดดันในการเล่นเกมนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงตัดสินใจตายไปซะตอนนี้เลย

ชายสวมฮูดเดินมาหยุดที่ห้องขังเดี่ยวของคู่หู เขามองรอดช่องประตูเล็ก ๆ เข้าไปมองศพอันเละเทะนอนนิ่งอยู่ในนั้น แล้วก็พึมพำขึ้นมาว่า “นายบอบบางเกินกว่าที่จะเล่นเกมนี้นะ”

EP.4 ความไว้ใจอยู่บนความเท่าเทียม

รีแคปซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.4 : ความไว้ใจอยู่บนความเท่าเทียม

Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.4 : เหลือผู้เล่นอีกเพียงไม่กี่คน ชายสวมฮูดเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่คู่ รอบต่อไปในการแข่งขันอาจเป็นตาสุดท้ายของเกมนี้ !?

ตอนนี้ ชายสวมฮูดไม่มีคู่หูที่คอยบอกสัญลักษณ์ด้านหลังปลอกคอแล้ว เขาจึงมานั่งรอที่ชั้นวางอาหารเพื่อรอถามกับผู้เล่นที่ยังเหลืออีก 4 คน 2 คู่ … ชายสวมฮูดพยายามใช้จิตวิทยาหาว่าใครคือแจ็คโพแดง แล้วก็ต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของตัวเองคืออะไร ?

ชายสวมฮูดถามกับชายที่ชื่อมัทสึชิตะว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของเขาคืออะไร มัตสึชิตะตอบแต่เขาเลือกที่จะโกหก … ต่อมา หญิงสาวขี้อายก็มาหยิบอาหารบนชั้นวาง ชายสวมฮูดก็พยายามคุยตีสนิทกับเธอ และถามว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของเขาคืออะไร แต่หญิงสาวไม่ตอบและรีบเดินหนีไป

ใกล้หมดเวลาของรอบนี้แล้ว หญิงสาวท่าทางขี้อายบอกสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังปลอกคอกับคู่ของเธอ ส่วนมัทสึชิตะก็เช่นกัน แต่คนทั้งคู่ต่างโกหกคู่ของตัวเอง … ชายสวมฮูดเข้าห้องขังเดี่ยว เขาบ่นพึมพำออกมาคนเดียว “มัทสึชิตะมันต้องโกหกแน่ ๆ สุดท้ายก็คงต้องพึ่งเซ้นส์ตัวเองสินะ” ชายสวมฮูดต้องเดา โดยมีโอกาสตอบถูก 50/50

แล้วประตูห้องขังของผู้รอดชีวิตก็เปิดขึ้น มัทสึชิตะก้าวเท้าออกมาเป็นคนแรก เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว แต่ยังไม่ทันที่จะหายดีใจ ประตูห้องขังอีกสามห้องก็เปิดออก ชายสวมฮูดก้าวเท้าออกมา พร้อมกับชายอีกสองคน … นั่นหมายความว่าหญิงสาวขี้อายสมองระเบิดไปแล้ว !

รีแคป Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.4 : ความไว้ใจอยู่บนความเท่าเทียม

ชายสวมฮูดเผยความจริงว่า รู้อยู่แล้วว่ามัทสึชิตะกับหญิงสาวแอบร่วมมือกันอย่างลับ ๆ และสุดท้ายก็หักหลังเธอ และชายสวมฮูดก็ฟันธงว่า มัทสึชิตะก็คือแจ็คโพแดง

สุดท้ายแจ็คโพแดงก็ตาย เรือเหาะแจ็คโพแดงที่ลอยอยู่เหนือเรือนจำก็ระเบิดพังพินาศในที่สุด ชายสวมฮูด และชายอีกสองคนรอดจากเกมนี้ไปได้

ความคลาดเคลื่อนของเวลา

ตัดภาพมาที่กลุ่มอะริสุ … ตอนนี้อะริสุอยู่กับอุซางิเพียงสองคน โดยสาวทูพีซขอเดินทางออกไปตามหาตัวชายสวมฮูดและคนอื่น ๆ เพื่อรวมกำลังกันโค่นคิงโพดำ ที่เชื่อกันว่าเป็นลาสต์บอส

อะริสุกับอุซางิออกไปล่าสัตว์เพื่อมาทำอาหารกินกัน ทั้งสองพยายามวิ่งจับกระต่ายตัวหนึ่ง ทำให้หลงเข้ามาในพื้นที่หนึ่ง พื้นที่ที่มีศพคนตายเกลื่อนอย่างน่าสยดสยอง ทั้งสองเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าสถานที่นี้เหมือนเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ผู้คนจำนวนหนึ่งมาอยู่รวมกัน บ้างก็อยู่บนรถบ้าน บ้างก็อยู่ตามเต็นท์ มีที่อยู่อาศัยคล้ายเพิงที่ทำขึ้นง่าย ๆ แต่ตอนนี้พวกเขาตายกันหมดแล้ว จังหวะนั้น อะริสุเหลือบตาไปเห็นชายคนหนึ่งนั่งพิงรถบ้านขยับตัวไปมา เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปดู ชายที่มีเลือดเปรอะเต็มร่างกายพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “ฟิล์ม …” คำเดียวที่ออกจากปากแล้วชายคนนั้นก็สิ้นใจ

อะริสุกับอุซางิจึงขึ้นไปบนรถบ้าน บนรถมีฟิล์ม 8 มม. พร้อมกับเครื่องฉายแบบมือหมุนวางอยู่ อะริสุจึงเปิดม้วนฟิล์มดู เป็นวิดีโอที่ถ่ายโดยชายที่พิงรถบ้าน เขาแนะนำตัวเองในวิดีโอว่าชื่อไคโตะ โดยบอกว่าเขาต้องการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เพื่อหาความจริงให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

ช่วงกลางวิดีโอมีภาพของ อัน (รับบทโดย อายากะ มิโยชิ) ตำรวจหญิง แผนกนิติเวช อดีตหนึ่งสมาชิกระดับสูงของบีช เธอบอกว่าพบพวกพืชมีอัตราการเติบโตเร็วผิดปกติในพื้นที่นอกเมือง หรือบางอย่างก็เน่าเปื่อยเร็วขึ้น อันตั้งสมมติฐานว่าอาจมีการคลาดเคลื่อนของเวลาระหว่างที่แต่ละคนมายังโลกนี้ ในตอนท้าย อันพูดกับกล้องว่า “ฉันจะไปไปนอกโตเกียว ฉันต้องการรู้ว่าโลกนี้มันคืออะไรกันแน่”

ในตอนท้าย คิงโพดำก็ปรากฏตัวขึ้น ปรากฏตัวขึ้นด้วยกระสุน ปัง ๆ ๆ ๆ การกราดยิง การสังหารหมู่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง และมันฆ่าคนที่อยู่ในชุมชนตายทั้งหมด !

อะริสุกับอุซางิดูวิดีโอจนจบ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เรือเหาะคิงโพดำลอยมาเหนือรถบ้าน ไม่นานนัก เสียงปืนก็ดังกึกก้อง ทั้งสองรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเข้าไปในป่า ด้วยความมืดในป่าที่รกทึบ ทั้งสองก็หลงกันไปคนละทิศคนละทาง ก่อนที่จะเจอฟาดเข้าที่หัวจนสลบไป

เมื่อเขาตื่นขึ้น อะริสุได้พบหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารัก ขาข้างหนึ่งของเธอสวมด้วยเหล็ก และอีกคนที่เขาได้เจอก็คืออดีตเบอร์สองของบีช อะงุนิ !

EP.5 จะมีชีวิตอยู่ไม่ต้องมีเหตุผลหรอก

อะริสุคุยกับอะงุนิ ซึ่งรอดตายจากโศกนาฏกรรมที่บีช อะงุนิเผยความตั้งใจของเขาว่า ต้องการฆ่าคิงโพดำจะได้จบ ๆ เกมนี้ไปซะ แม้ดูเป็นความพยายามรนหาที่ตายก็เถอะ

ทีนี้ ภาพก็แฟลชแบ็กตัดกลับไปเล่าเรื่องของหญิงสาวขาเหล็ก เธอมีชื่อว่า อาคาเนะ (รับบทโดย ยูริ ทสึเนะมัตสึ) เป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ระหว่างที่กำลังเที่ยวเล่นอยู่กับเพื่อน ๆ นักเรียน จู่ ๆ ก็เกิดมีเสียงคล้ายพลุดังขึ้น เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เธอก็วาร์ปมาที่การสนามฟุตบอลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นเกมแรกและเป็นเกมสุดท้ายของเธอ

เกมต้มทั้งเป็น ระดับความยาก 7 โพดำ ♠ กติกาคือ ถ้าผู้เล่นหนีออกจากพื้นที่ได้ก่อนสนามถล่มจะถือเป็นผู้ชนะ ระหว่างที่ผู้ร่วมเล่นเกมคนอื่น ๆ กำลังทำท่างง ๆ กันอยู่นั้น อาคาเนะรีบวิ่งออกจากสนามด้วยความกลัว ทันใดนั้น สนามก็พังทลายและพื้นก็ระเบิดขึ้น ร่างของหญิงสาวโดนระเบิดจนกระเด็น หน้าแข้งของเธอโดนเหล็กแหลมแทง หญิงสาวฟื้นขึ้นหลังจากหมดสติไปสักพัก เธอมองไปรอบ ๆ ตัวเห็นเพียงซากปรักหักพัง ไม่มีใครมีชีวิตเหลืออยู่แล้ว อุณหภูมิในตอนนี้ก็สูงขึ้นมากเข้าใกล้จุดเดือดเต็มที อาคาเนะดึงขาตัวเองออกจากเหล็กแหลมที่ปักคาอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ คลานออกมาทีละนิด ๆ ผ่านช่องระบายอากาศจนรอดชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม แม้จะรอดจากเกม แต่แผลที่ขาของอาคาเนะกลับติดเชื้อ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดขาตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอขี้เมาที่ผ่านมาเจอพอดี

จริง ๆ หมอก็ไม่ได้ช่วยเพราะจรรยาบรรณแพทย์อะไรนั่นหรอก เพียงแต่เขาต้องการระบายอารมณ์บางอย่างกับเด็กสาวเป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งอาคาเนะก็จำใจแบะขาให้หมอขี้เมาแลกกับการมีชีวิตรอด

ตัดกลับมาปัจจุบัน อะงุนิส่งปืนให้กับอะริสุ จากนั้นทั้งสามก็พากันมาตั้งเต็นท์ที่บริเวณหน้าผา ซึ่งอะงุนิวางกับดักและเลือกชัยภูมิโดยใช้ทักษะทางการทหารเพื่อให้ได้เปรียบเหนือคิงโพดำ

คืนนี้ คิงโพดำมันมาจริง ๆ มันมาพร้อมกับ Night Vision อะงุนิที่ดักรออยู่สาดกระสุนเข้าใส่คิงโพดำไปชุดใหญ่ แต่มันไม่เป็นอะไร “มันคงใส่เสื้อเกราะกันกระสุนอยู่สินะ” … จากนั้น การต่อสู้อย่างดุเดือดก็ได้เริ่มต้นขึ้น อะริสุกระโดดลงแม่น้ำจากหน้าผาเพื่อหลบระเบิดมือ อย่างไรก็ตาม หลังต่อสู้กันพักใหญ่ เสียงปืนก็เงียบลงโดยไม่มีใครตาย

เคนโตะ ยามาซากิ

อะริสุถูกน้ำซัดมาที่เมืองร้าง เมืองที่ตอนนี้ถูกปกคลุมโดยต้นไม้และพืชนานาชนิด เขาเดินไปเรื่อย ๆ จนเห็นเรือเหาะลำหนึ่งกำลังไฟลุกไหม้ เสียงผู้คนโห่ร้องด้วยความดีใจที่ชนะเกมได้ อะริสุพยายามมองหาว่ามีอุซางิอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นหรือไม่ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง

เกมหมากรุก ระดับความยาก ควีนโพดำ ♠

อะริสุคิดว่าอุซางิต้องเข้าร่วมเล่นเกมโพดำอย่างแน่นอน เพราะเป็นเกมใช้กำลังที่เธอถนัดที่สุด และตอนนี้ก็เหลือแค่ควีนโพดำเท่านั้น อะริสุมั่นใจว่าต้องได้เจออุซางิที่สถานที่เล่นเกมแห่งนั้นแน่นอน

แล้วก็เป็นตามที่คิด อะริสุเจออุซางิที่นั่น หลังจากกอดกันให้หายคิดถึงเกมก็เริ่มต้นขึ้น เกมนี้มีชื่อเกมว่า ‘เกมหมากรุก’ มีระดับความยากอยู่ที่ควีนโพดำ ♠ กติกาการเล่นแสดงบนหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ …

ผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมควีนโพดำ (4 คน) VS ทีมผู้เล่น (16 คน) โดยทุกคนต้องใส่ปลอกคอที่มีไฟสีแสดงสัญลักษณ์ ทีมควีนสีแดง ทีมผู้เล่นสีฟ้า โดยด้านหลังปลอกคอจะมีปุ่มให้กดหนึ่งปุ่ม … การเล่นจะแบ่งออกเป็น 16 รอบ โดยผลัดกันเป็นฝ่ายวิ่งไล่จับเพื่อกดปุ่มผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นที่ถูกกดปุ่มสีปลอกคอก็จะเปลี่ยน และกลายเป็นผู้เล่นของฝ่ายที่กดปุ่มได้

อธิบายง่าย ๆ แบบไม่งงก็คือ มันคือเกมวิ่งไล่จับ เมื่อครบ 16 รอบ ทีมไหนมีคนมากกว่าก็ชนะ ทีมแพ้ก็โดนเลเซอร์ยิงกบาลแบบเก่า ทั้งนี้จะมีกฎอยู่หนึ่งข้อก็คือ แต่ละทีมจะมีหนึ่งคนที่ถูกเลือกให้เป็นคิง ซึ่งคิงจะไม่สามารถเปลี่ยนฝังได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ คนที่เป็นคิงจะต้องตายสถานเดียวถ้าทีมแพ้ ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ถ้าย้ายไปอยู่ฝั่งทีมผู้ชนะก็รอด

แล้วคิงของทีมผู้เล่นก็คือเด็กน้อยโคตะ วัยไม่ถึงสิบขวบ เด็กชายที่อุซางิพามาเล่นเกมนี้ด้วย เพราะวีซ่าของเด็กน้อยเหลือวันนี้เป็นวันสุดท้าย …

มันคือเกมที่ต้องเลือกว่า จะฆ่าเด็กหรือช่วยเด็กนั่นเอง !

ตัดช่วงการต่อสู้วิ่งไล่ล่าออกไป ด้วยสกิลการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาของหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า “ควีนโพดำ” ทำให้ตอนนี้ทีมควีนนำทีมผู้เล่นอยู่ 17 ต่อ 3 … ทีมผู้เล่นเหลือแค่อะริสุ อุซางิ แล้วก็เด็กน้อยโคตะ ทุกคนต้องการที่จะอยู่ทีมควีนโดยไม่สนใจเด็กน้อยโคตะเลยแม้แต่นิดเดียว

ในขณะที่ทีมชนะใส ๆ ควีนโพดำก็กล่าวกับทุกคนว่า เธอต้องการเก็บอะริสุไว้ เพราะเป็นผู้ชายในสเปคของเธอ

EP.6 ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง

อุซางิดวลหมัดต่อหมัดกับควีนโพดำ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเด็กน้อยโคตะ ซึ่งตรงกันข้ามกับคิงโพดำ “เด็กนั่นก็น่าสงสารอยู่นะ แต่คนเราก็มักจะมองว่าชีวิตตัวเองสำคัญกว่าชีวิตคนอื่น มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละนะ” … การดวลกันครั้งนี้อุซางิเจอควีนโพดำอัดซะหมอบลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ก่อนที่ควีนโพดำจะปล่อยอุซางิให้นอนอยู่ยังนั้นด้วยสายตาสมเพช

อุซางิคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ เธอต้องทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ เชื่อว่ามีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการชนะเกมนี้ เธอจึงพยายามดึงให้ทุกคนดราม่ากับการได้กลับไปใช้ชีวิตในโลกเดิม “ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การชนะเกมนี้นะ แต่การกลับไปโลกเดิมต่างหาก ถ้าคิดจะชนะเกมนี้อย่างเดียวก็ทำตามคำสั่งควีนไปเถอะ” … อะริสุพูดเสริมว่าเราอาจจะได้กลับไปยังโลกเดิมถ้าเคลียร์เกมจนหมด ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่เกมเท่านั้น

การแข่งขันดำเนินไปจนเหลือเพียงตาสุดท้าย ทุกอย่างกลับพลิกกลับตาลปัตรอย่างไม่น่าเชื่อ ทีมผู้เล่นกลับมาชนะด้วยคะแนน 1-19

อะริสุพยายามเค้นหาคำตอบจากควีนโพดำว่า เมื่อเล่นเกมจบทุกเกมแล้วจะได้อะไร ควีนโพดำตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “นายจะรู้คำตอบได้ก็ต่อเมื่อเคลียร์เกมสุดท้ายแล้วเท่านั้น” แล้วเธอก็กระโดดลงมาจากความสูงหลายสิบชั้น เธอกางแขนออกราวกับนกที่โบยบิน แล้วเลเซอร์สีแดงก็ยิงลงมาจากฟ้าเข้ากลางกบาลก่อนที่เธอจะตกลงสู่พื้น มันเป็นการตายที่เย่อหยิ่งยิ่งนัก

หลังจัดการกับควีนโพดำได้แล้ว อุซางิกับอะริสุก็ออกเดินทางต่อ เดินไปเดินมาก็ไปเจอเข้ากับซากปรักหักพังของสนามกีฬาที่อาคาเนะเคยเล่นใน ‘เกมต้มทั้งเป็น’ ด้านในมีบ่อน้ำพุร้อน ทั้งสองจึงชวนกันลงไปออนเซ็น “ไม่ได้อาบน้ำมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

รีแคปซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.6

ทีนี้ ระหว่างที่แช่น้ำกันอย่างมีความสุข ทั้งสองก็ตกใจอึ้งไปยี่สิบแปดตลบ เมื่อจู่ ๆ ช้างโผล่มาเล่นน้ำหลายตัว เป็นความอึ้งอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที และเมื่อสุดท้ายทั้งสองพบว่าช้างไม่มีทีท่าทำอันตราย ความโรแมนซ์ก็เกิดขึ้น ทั้งสองค่อย ๆ ประกบฝีปากเข้าหากันเพื่อแสดงความรัก แต่ความโรแมนซ์ก็ถูกกระชากอารมณ์ทันที เมื่อพวกเขาเหลือบตาไปเห็นศพที่เรียงรายอยู่ใต้ซากปรักหักพัง !

เกมตาชั่ง คิงข้าวหลามตัด ♦

ณ อาคารศาลฎีกา … เกมนี้มีผู้เล่นทั้งหมด 5 คน ชายสวมฮูดนั่งอยู่พร้อมกับผู้เข้าแข่งขันอีก 3 คน บวกกับคิงข้าวหลามตัด ทั้งหมดนั่งล้อมกันรอบโต๊ะกลมขนาดใหญ่ ที่เอวมีเข็มขัดขนาดใหญ่ล็อกทุกคนเอาไว้กับเก้าอี้ เหนือหัวของแต่ละคนจะมีภาชนะเอาไว้ใส่น้ำกรด ซึ่งจะไหลออกมาจากก๊อกเมื่อผู้เล่นจนนั้นแพ้ทีละนิด ๆ เมื่อผู้เล่นคนใดแพ้ น้ำกรดก็จะถูกเทลงมา ร่างจะสูญสลายไปด้วยฤทธิ์ของน้ำกรดเพียงไม่กี่วินาที

ด้านหน้าของผู้เล่นแต่ละคนจะมีอุปกรณ์คล้าย iPad วางอยู่ หน้าจอถูกล็อกเอาไว้แสดงตัวเลข 1-100

ส่วนวิธีการเล่นก็เหมือนจะง่ายแสนง่ายแต่ซับซ้อนชวนปวดหัวยิ่งนัก ในแต่ละรอบมีเวลา 3 นาทีในการเลือกตัวเลข 0-100 จากนั้น ระบบจะเอาตัวเลขที่ทั้งห้าคนเลือกมาหาค่าเฉลี่ย แล้วค่าเฉลี่ยที่ได้นี้แหละก็จะเอามาคูณกับ 0.8 ผู้ชนะคือคนที่เลือกตัวเลขที่ใกล้ผลลัพธ์มากที่สุดนั่นเอง เล่นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ผู้แพ้จะถูก -1 แต้ม ใครก็ตามที่มีแต้ม -10 ก็จะโดนน้ำกรดราดตัว ตายไปอย่างน่าอนาถ

การเล่นรอบแรก ๆ ผู้เล่นยังคงงงงวยกับเกม พอผ่านไปไม่กี่รอบแต่ละคนก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น มีผู้เล่นคนหนึ่งเหมือนสวมจิตวิญญาณของพิธากอรัส คิดคำนวณออกมาเป็นฉาก ๆ สูตรคำนวณในหัววิ่งอย่างกับฝัง RTX 4900 เอาไว้ในหัว อีกคนเป็นโบรกเกอร์ค้าหลักทรัพย์ ตรรกะที่เขาคิดคือ วิธีจะเอาชนะจะต้องคาดการณ์ตัวเลขที่คนหมู่มากเลือกให้ได้ ส่วนเจ๊ผู้หญิงอีกคน ตอนแรกก็ออกจะงง ๆ แต่เล่นไปเล่นมากลับคิดนู่นนี่นั่นจนซับซ้อนหัวจะปวดไปหมด

ทุกคนต่างกับชายสวมฮูดโดยสิ้นเชิง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่คิดนอกกรอบ เมื่อทุกคนต่างใช้ตรรกะในการหาตัวเลขที่ดีที่สุด โดยตั้งสมมติฐานว่าทุกคนต้องใช้ตรรกะเดียวกัน ชายสวมฮูดมาเหนือโดยการทำลายตรรกะเหล่านั้น เกมตานั้นเขาจึงเลือกเลข 100 เลขที่ผู้เลือกมีโอกาสชนะเท่ากับศูนย์ … ผลก็คือ ชายนักคณิตศาสตร์กับชายมาร์เก็ตติ้งตลาดหุ้นตายไปก่อนเลยสองคนแรก

ระหว่างนั้น ภาพแฟลชแบ็กเผยว่า คิงข้าวหลามตัดเป็นอดีตทนายความที่ต้องการทำให้โลกดำรงความยุติธรรม แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ใกล้เคียงอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เขาต้องเจ็บปวดกับคำพูดที่ว่า กฎหมายสร้างอุดมคติลวงที่เรียกว่า “ความยุติธรรม” ขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนยึดถือมัน ทั้ง ๆ ที่ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง !

จากนั้น ภาพก็แฟลชแบ็กกลับไปในอดีตของชายสวมฮูด เขาเป็นหมอ … เขายังจำได้ดีว่าเขาต้องเลือกผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะให้ผู้ให้อุปการะโรงพยาบาล และต้องปล่อยให้เด็กชายคนหนึ่งต้องตาย เขาเจ็บปวดที่ต้องเลือกให้ใครตาย แต่เขาก็ยอมรับมัน เพราะชายสวมฮูดรู้ดีว่าความยุติธรรมมันไม่มีจริง !?

ตัดกลับมาที่เกม … เจ๊ผู้หญิงมีคะแนน -10 ต้องตายไป ตอนนี้เหลือเพียงคิงข้าวหลามตัด (คะแนน -7) กับชายสวมฮูด (คะแนน -9) สถานการณ์ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า ชายสวมฮูดรอดยาก

ด้วยความที่คิงข้าวหลามตัดเป็นผู้ที่ยึดติดกับอุดมคติเรื่องความยุติธรรม เมื่อมาสร้างเกมของตัวเอง เขาก็พยายามจะทำทุกอย่างให้ยุติธรรมมากที่สุด โดยการตั้งกฎเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ “หากมีผู้เล่นเลือกเลข 0 ผู้เล่นอีกคนที่เลือกเลข 100 จะเป็นฝ่ายชนะ”

ชายสวมฮูดพูดเปรยออกไปด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ “นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่นา ว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมหรือความเท่าเทียม”

“ก็เพราะมันไม่มียังไงล่ะ เราถึงต้องดิ้นรนต่อสู้” คิงข้าวหลามตัดตวาดกลับไป

ชายสวมฮูดตัดสินใจเลือกเลข 100 “เชิญนายตัดสินได้เลยว่าชีวิตของฉันมีค่าพอที่ควรจะได้อยู่ต่อหรือเปล่า” นั่นหมายความว่าถ้าคิงข้าวหลามตัดเลือก 0 ชายสวมฮูดก็จะสิ้นชื่อ แต่ที่เขาเลือกทำแบบนี้เพราะต้องการหยิบยื่น “ความยุติธรรม” ให้คิงข้าวหลามตัดเป็นผู้ตัดสิน และคิงข้าวหลามตัดก็เลือกกดศูนย์เพื่อให้ตัวเองแพ้ จนแต้มมาเสมอกันที่ -9

มาถึงตาสุดท้าย ชายสวมฮูดก็เลือกเลข 100 เช่นเดิม คิงข้าวหลามตัดต้องเลือกแล้วว่า กด 0 เพื่อฆ่าตัวเอง หรือว่ากด 1 เพื่อฆ่าชายสวมฮูด

“ฉันไม่เคยเข้าใจคุณค่าของชีวิต ฉันไม่สามารถตัดสินคุณค่าของมันได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันตัดสินได้ …” คิงข้าวหลามตัดพูดไม่จบประโยคมือเขาก็เอื้อมไปกดเลข 0 ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนตัวเองบรรลุสัจธรรมของชีวิตอะไรแบบนั้น “… อย่างน้อยเกมที่ฉันเป็นคนกำหนดกติกา ฉันก็ทำให้มันยุติธรรม”

EP.7 คิงโพดำนี่มันคนหรือปีศาจ

อะริสุบังเอิญเจอกับชายสวมฮูดที่กลางแยกชิบุยะ ที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างไปจากป่าคอนกรีต ทั้งสองกล่าวทักทายกันได้ไม่กี่คำ ไอ้บ้านิรากิก็ปรากฏตัวขึ้น และประกาศให้ทั้งสองร่วมเล่นเกมบ้าบอคอแตกของมัน เกมที่ต้องใช้ปืนไล่ยิงกันให้ตาย

ในมือของนิรากิถือปืนลูกโม่ลำกล้อง 5 นิ้วหนึ่งกระบอก มันโยนอีกกระบอกให้ชายสวมฮูด ส่วนอะริสุก็พกปืนลูกซองในมืออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นนิราก็เริ่มฉากยิงต่อสู้กัน มันนึกว่าตัวเองเป็นคาวบอยมาจากเท็กซัสหรือไง ระหว่างนั้น อุซางิมาหาอะริสุพอดี นิรากิจึงหันปากกระบอกปืนไปที่เธอและเหนี่ยวไก ทันใดนั้นได้เกิดเสียงกระสุนลั่นพร้อมกันจากปืนสองกระบอก … กระสุนนัดหนึ่งออกจากปืนลูกซองในมือของอะริสุ ด้วยความแรงทำให้ร่างของนิรากิกระเด็นไปไกล … อีกนัดออกจากปืนในมือของนิรากิ เล็งเป้าไปที่อุซางิ แต่ชายสวมฮูดกลับมาขวางทางกระสุน เขายอมตายโดยยอมเป็นโล่กำบังให้อุซางิ !!!

นิรากิกับชายสวมฮูดลงไปบนกองกับพื้น หายใจพะงาบ ๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ห่างก็เป็นร่างชายสวมฮูดที่นอนรอความตายอยู่เช่นกัน

แต่อุซางิกับอะริสุไม่มีเวลาให้กับความตื่นเต้นตกใจ เพราะขณะนี้เรือเหาะของคิงโพดำได้มาลอยอยู่เหนือหัวพวกเขาแล้ว ทั้งสองจึงรีบวิ่งเพื่อหาที่กำบัง ระหว่างนั้นก็ได้เจอกับสาวทูพีซและอัน ทั้งสี่จึงตกลงจะร่วมมือกันจัดการกับคิงโพดำให้สิ้นซาก การต่อสู้อย่างดุเดือดบ้าคลั่งจึงเริ่มขึ้น โดยมีผู้เล่นคนอื่น ๆ ร่วมด้วย

คิงโพดำที่ปกปิดใบหน้าและร่างกายด้วยชุดคลุมสาดกระสุนยิงใส่ผู้คนไม่ยั้ง ทันใดนั้น มีผู้เล่นคนหนึ่งขับรถพุ่งเข้าชนคิงโพดำ แล้วรถก็เกิดระเบิดขึ้น ไฟลุกท่วมท่ามกลางความดีใจของคนขับรถคันนั้น “ฉันจัดการไอ้คิงโพดำได้แล้วโว้ย” ไม่ทันสิ้นเสียงดีใจ คิงโพดำโผล่ออกมาจากกองเพลิง มันโยนชุดคลุมทิ้งเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของมัน นี่มันคือคนหรือปีศาจกันเนี่ย ! คิงโพดำสาดกระสุนไปที่ชายคนนั้นที่กำลังดีใจ แล้วการไล่ล่าก็ดำเนินต่อไป

ยูริ ทสึเนะมัตสึ

ตอนนี้ มีสาวขาเดียวนักแม่นธนูอาคาเนะกับอะงุนิมาสมทบด้วย รวมกันเป็นหกคน พวกเขาจึงวางแผนโดยจะให้อะริสุพกระเบิดเพลิงเข้าไปในร้านขายยา ซึ่งในร้านขายยามีแก๊สบางอย่างที่สามารถเพิ่มแรงระเบิดได้ ส่วนคนที่เหลือก็จะล่อคิงโพดำให้เข้าไปในซอกตึก เพื่อที่เรือเหาะจะไม่สามารถส่งกระสุนเติมให้มันได้

ทั้งหมดยกเว้นอะริสุเข้ารุมคิงโพดำ แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ มันโดนทั้งหมัดทั้งมีดทั้งลูกธนู แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มคว่ำลงไปนอนกองกับพื้นเลยแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายก็กลายเป็นโศกนาฏกรรม … อันโดนยิงเข้าท้องไปหลายนัด นอนนิ่งจมกองเลือด … สาวทูพีซโดยแทงนับครั้งไม่ถ้วนเข้าที่ชายโครง นอนกะพริบตาปริบ ๆ แม้ยังไม่ตายแต่ก็หมดสภาพ … อุซางิโดนเข้าที่ขา จนเดินไม่ได้ … สาวนักแม่นธนูอาคาเนะก็โดนเหวี่ยงกระเด็นไปนอนกองอยู่กับพื้น แล้วก็โดนลูกปืนไปอีกหลายนัด

อะงุนิเป็นคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับคิงโพดำได้อย่างสูสี ยิ่งเมื่อเห็นอาคาเนะ หญิงสาวที่ตัวเองรักโดนทำร้าย ยิ่งทำให้อะงุนิยิ่งได้รับบัฟพลังความโกรธเข้าไปอีก แต่ก็นั่นแหละ ยังไงก็ยังสู้คิงโพดำไม่ได้อยู่ดี

ทีนี้ ก็มาถึงเวลาที่อะริสุต้องออกโรงตามแผน เขาล่อคิงโพดำให้ไปที่ร้านขายยา ซึ่งในขณะนี้ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยแก๊สกระป๋องที่เตรียมเอาไว้ แล้วจังหวะนั้นอะงุนิก็พุ่งเข้าใส่ร่างของคิงโพดำให้ลงไปนอนกับพื้น ก่อนที่จะตะโกนบอกอะริสุให้จุดระเบิดเพลิง ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อะงุนิดึงร่างของอะริสุพุ่งออกไปทางกระจก แรงเบิดทำเอาทั้งสามกระเด็นไปไกล ไฟลุกขึ้นท่วมปกคลุมไปทั้งตึกร้านขายยา

แต่น่าเหลือเชื่อ ทุกคนยังไม่ตาย คิงโพตายนั่งพิงซากรถหายใจพะงาบ ๆ อะงุนิเดินเข้าไปหาคิงโพดำ ทั้งสองมองตากัน ในโลกเดิมทั้งสองเคยเป็นทหารร่วมรบกันอย่างนั้นเหรอ !? จากนั้น คิงโพดำก็ค่อย ๆ ใช้แรงทั้งหมดที่ยังเหลือยกปืนให้กับอะงุนิ เป็นสัญญาณให้ยิงกบาลเขาเพื่อจบเกมนี้ซะ พร้อมกับพูดออกมาว่าทั้งหมดที่ทำลงไปเขาทำไปด้วยความจำเป็น … เรือเหาะคิงโพดำระเบิดและร่วงลงสู่พื้น เกมเคลียร์

อายากะ มิโยชิ ในซีรีส์ Alice in Borderland

ภาพตัดมาที่อัน เธอตายไปแล้วหรือยังนะ !? สาวทูพีซที่เจียนตายเช่นกันมองไปที่ร่างของอัน แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ส่วนคนอื่น ๆ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ชายสวมฮูด ไอ้บ้านิรากิ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาจะอยู่รอดถึงเกมสุดท้ายหรือเปล่านะ

อะริสุค่อย ๆ ประคองอุซางิไปที่เรือเหาะควีนโพแดง เกมสุดท้าย สถานที่เล่นเกมเป็นดาดฟ้าของตึกสูง อะริสุกับอุซางิลงทะเบียนเล่นเกม ทั้งสองค่อย ๆ เดินไปยังสถานที่เล่นเกมที่ทำได้อย่างสวยงาม ตรงกลางมีสนามหญ้าที่ทำไว้สำหรับเล่นโครเกต์โดยเฉพาะ แล้วควีนโพแดงก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดเดรสเกาะอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ขอต้อนรับเข้าสู่เกมสุดท้าย”

EP.8 แดนมรณะมันคืออะไรนะ ?

ควีนโพแดงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับอธิบายเกมที่อะริสุกับอุซางิจะต้องเล่น มันเป็นเกมที่ชื่อว่า “โครเกต์” เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 19 อะริสุทำท่างง มันคือเกมอะไร เล่นยังไง ? ว่าที่จริงคงมีคนจำนวนมากที่เพิ่งเคยได้ยินชื่อเกมนี้เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ แต่ควีนโพแดงก็ตอบอะริสุ “คือว่า จริง ๆ กติกาการเคลียร์เกมนี้คือเล่นให้จบสามเซต ก็ถือว่าเคลียร์เกมนี้ได้แล้ว” นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ขอแค่เล่นให้จบเท่านั้น … ทำไมมันง่ายขนาดนั้น ? อะริสุทำท่างงงวยกับกติกาที่ดูจะง่ายเกินไป

ริอิสะ นากะ

อย่างไรก็ตาม ควีนโพแดงชนะในเซตแรก ส่วนในเซตที่สองอะริสุเป็นผู้ชนะ แต่ก่อนจะเริ่มเซตที่สาม ควีนโพแดงได้บอกว่าเป็นช่วงพักดื่มชา ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ดีอังกฤษ อะริสุประคองอุซางิมาที่โต๊ะชาที่ถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดี

อะริสุมานั่งที่โต๊ะชา แต่สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ไม่ใช่ชาร้อน ๆ รสชาติดี ๆ สิ่งที่เขาต้องการคือคำตอบ “พอเล่นเกมนี้จบแล้วเราจะได้กลับโลกเดิมหรือเปล่า ?” ทีนี้ ควีนโพแดงก็ร่ายยาว เล่าว่าโลกพันปีหลังจากที่อะริสุและเพื่อน ๆ จากมานั้น มีเทคโนโลยีและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามาก ๆๆๆ จนทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ยืนยาว และโลกนี้คือเกมเสมือนจริงที่อะริสุกำลังเล่นอยู่

อะริสุงงล่ะสิ ทั้งหมดนี่คือเกมจริง ๆ เหรอ ? จังหวะนั้น อะริสุมองเห็นกล้องตัวเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ ทำให้เขาเริ่มเคลิ้มว่า นี่คงเป็นเกมที่เขากำลังเล่นอยู่จริง ๆ สินะ แต่ขณะที่อะริสุกำลังเชื่อ ควีนโพแดงก็หัวเราะร่าออกมา แล้วบอกว่า “ล้อเล่น”

อะริสุโดนควีนโพแดงปั่นประสาทไปหนึ่งยก ทำให้เขาเริ่มแสดงอาการโมโห จากนั้น ควีนโพแดงจึงบอกว่าเธอจะยอมพูดความจริง แล้วก็เล่าว่าโลกที่กำลังอยู่นี้เป็นเพียงเกมที่ถูกสร้างขึ้น และทุก ๆ คนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงหุ่นแอนดรอยด์ที่ใส่โปรแกรมความทรงจำเข้าไป ส่วนตัวเธอก็เป็นผู้ควบคุมเกม … สักพัก ควีนโพแดงก็หัวเราะขึ้นมาอีกรอบ แล้วก็พูดเหมือนเดิม “นี่เชื่อจริงหรือเนี่ย ไม่ไหว ๆ”

สุดท้าย ควีนโพแดงตกลงว่าจะบอกความจริง จริง ๆ แล้วเธอเป็นจิตแพทย์ที่ดูแลอาการป่วยของอะริสุ ที่ได้รับความบอบช้ำจากการสูญเสียเพื่อนไนเหตุการณ์รถชนที่แยกชิบุยะ ส่วนอุซางิก็เป็นคนไข้ที่รักษากับเธอเช่นกัน และการที่เขาได้มาเล่นเกมในโลกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา มันเป็นโลกที่ไม่มีอยู่จริง จากนั้นควีนโพแดงก็บอกให้อะริสุกินยาแคปซูลเพื่อจะได้ผ่อนคลาย

คราวนี้ อะริสุเชื่อจริง ๆ เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้ป่วยของควีนโพแดงจริง ๆ เขากำลังจะเอื้อมมือไปหยิบยามากิน ทันใดนั้น อุซางิก็เข้ามาปัดมือของเขาจนยาตกลงบนพื้น แล้วเธอก็พยายามทวงสัญญาที่เขาเคยบอกกับเธอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะปกป้องเธอ แล้วอะริสุก็ไม่ทำตามที่ควีนโพแดงต้องการ เขาจะเล่นเกมนี้ให้จบเพื่อเคลียร์เกมนี้

ริอิสะ นากะ ในซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 2 ตอนจบ

สุดท้าย อะริสุก็กลับมาเล่นโครเกต์จนจบเซตที่สาม จากนั้น ควีนโพแดงก็โดนเลเซอร์ยิงกบาลตาย เรือเหาะควีนโพแดงก็พังพินาศลง พลุดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นดังสนั่นสว่างไสวไปทั่วเมือง พร้อมกับเสียงที่ประกาศว่าเกมถูกเคลียร์ทั้งหมดแล้ว และผู้เล่นที่รอดชีวิตสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือว่าจะกลับไปยังโลกเดิม … ทุกคน (ที่เป็นตัวละครหลัก) ขอกลับไปโลกเดิม

กลับสู่โลกจริง

ภาพตัดกลับไปที่โลกจริง ไม่กี่นาทีก่อนที่อะริสุและคนอื่น ๆ จะได้มายัง Borderland แดนมรณะแห่งนี้ ตอนนั้นทุกคนอยู่ที่ย่านชิบุยะ จังหวะที่เกิดเสียงคล้ายดอกไม้ไฟดังที่ทุกคนหันขึ้นไปมองบนฟ้า แท้จริงแล้วมันเป็นอุกกาบาตจากนอกโลกพุ่งเข้าใส่โตเกียว มีผู้คนล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

อะริสุฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล เขาได้เจอพยาบาลที่บอกว่า เขาอยู่ในภาวะโคม่านานหนึ่งนาที (ก็คือช่วงเวลาที่เขาไปเล่นเกมในแดนมรณะ ซึ่งเทียบเท่ากับเวลาในโลกจริงหนึ่งนาที)

แล้วภาพก็ทยอยเผยให้เห็นชายสวมฮูดนอนเตียงผู้ป่วยใกล้ ๆ กับนิรากิ ทั้งสองคุยกันเหมือนคนไม่รู้จักกัน อาคาเนะ สาวทูพีซ อุซางิ อะงุนิ ทุกคนรอดชีวิต ส่วนอันที่นึกว่าตายไปแล้ว หมอก็พยายามช่วยกันจนพาเธอกลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจนได้

ทั้งหมดได้กลับมาโลกจริงอย่างที่ต้องการ แต่ทุกคนกลับจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแดนมรณะไม่ได้ อะริสุเห็นหน้าอุซางิก็คุ้น ๆ แต่เมื่อเข้าไปทัก อุซางิก็บอกว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน

ในตอนท้าย ภาพตัดไปให้เห็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็ตัดจบไป

เคนโตะ ยามาซากิ ในซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 2 ตอนจบ

อธิบายตอนจบ Alice in Borderland

เริ่มจากชื่อซีรีส์ก่อน “Alice in Borderland” อลิสภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า “อะริสุ” ส่วน Borderland ในซีรีส์จะหมายถึงดินแดนที่อยู่ระหว่างโลกจริงกับยมโลก ดังนั้น เกมทั้งหมดที่อะริสุและคนอื่น ๆ ร่วมเล่นนั้นเป็นโลกที่ยมทูต (ไพ่โจ๊กเกอร์) เป็นผู้สร้างขึ้น เพื่อให้คนเหล่านั้นได้พิสูจน์ว่า อยากกลับไปใช้ชีวิตมั้ยหรือว่าจะยอมตาย

และหนึ่งนาทีที่อะริสุมีอาการโคม่าในโลกจริง ก็คือเวลาทั้งหมดที่เล่นเกมอยู่ในแดนมรณะ

ไพ่โจ๊กเกอร์หมายถึงอะไร ?

ในซีรีส์ไม่ได้อธิบายเอาไว้ แต่ในมังงะ ไพ่โจ๊กเกอร์เป็นไพ่ตัวแทนของยมทูต และคือผู้สร้างแดนมรณะนี้ขึ้นมา อีกนัยหนึ่งก็คือเกมมาสเตอร์ เพื่อให้คนที่อยู่ในภาวะความเป็นความตาย (อย่างเช่น อะริสุอยู่ในอาการโคม่า) ได้เลือกว่าจะสู้เพื่อกลับไปโลกจริงหรือจะยอมตาย ถ้าไม่กลับไปโลกเดิมก็จะได้เป็นผู้คุมเกมต่อไป

อุซางิจำอะริสุได้มั้ย ?

จำไม่ได้ ไม่มีใครจำเรื่องราวระหว่างการเล่นเกมได้เลย แต่ประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับตอนที่อยู่ในแดนมรณะส่งผลกลับมาในโลกจริง เช่น เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากตัวละครทุกตัวที่กลับมาโลกจริงมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น

ดูซีรีส์เรื่องนี้ที่เน็ตฟลิกซ์ : คลิกที่นี่​
Source: Netflix

The post สรุปเนื้อเรื่อง Alice in Borderland ซีซั่น 2 (2022) อลิสในแดนมรณะ appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Recruit (2022) ทนายซีไอเอ https://www.online-idol.com/2022/12/24/the-recruit-2022-tv-series-spoiler-33913/ Fri, 23 Dec 2022 22:29:00 +0000 https://www.online-idol.com/?p=33913 ทนายมือใหม่ที่ทำงานให้ซีไอเอ กำลังถลำลึกเข้าสู่วงการจารกรรมข้ามชาติที่เต็มไปด้วยอันตราย เมื่ออดีตเจ้าหน้าที่กำลังจะเปิดโปงความลับบางอย่างของหน่วยงาน …

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Recruit (2022) ทนายซีไอเอ appeared first on idol.

]]>
ซีรีส์ The Recruit สปอยล์ : ทนายมือใหม่ที่ทำงานให้ซีไอเอ กำลังถลำลึกเข้าสู่วงการจารกรรมข้ามชาติที่เต็มไปด้วยอันตราย เมื่ออดีตเจ้าหน้าที่กำลังจะเปิดโปงความลับบางอย่างของหน่วยงาน …

EP.1 ผมเป็นทนาย ไม่ได้เป็นสายลับ

โอเว่น เฮ็นดริกซ์ (รับบทโดย โนอาห์ เซนตินีโอ) เพิ่งจบคอร์สซีไอเอพื้นฐาน และทำงานที่ซีไอเอได้สองวัน เขาประจำอยู่สำนักงานที่ปรึกษาทั่วไป ซึ่งต้องดูแลด้านกฎหมายทั้งหมดขององค์กร

จริง ๆ แล้วโอเว่นมีแววตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา มีสำนักงานกฎหมายหลายแห่งทาบทามเขาด้วยรายได้ก้อนโต แต่เขาก็ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ว่าเขาเป็นคนชอบความตื่นเต้นและท้าทาย นั่นอาจจะเป็นเพราะพ่อของเขาถูกระเบิดที่อัฟกานิสถาน

เนื่องจากเป็นน้องใหม่ โอเว่นจึงโดนรุ่นพี่รับน้องโดยมอบหมายงานชั้นต่ำที่สุดให้ทำ นั่นคือการนั่งอ่านจดหมายที่คนเขียนมาขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลลับของซีไอเอ ซึ่งเขาจะต้องอ่านทีละฉบับ และตรวจสอบว่าผู้ส่งมีหลักฐานจริงตามที่ขู่หรือไม่ โอเว่นนั่งอ่านทีละฉบับอย่างจริงจัง แต่ก็พบว่าส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดเป็นการอ้างลอย ๆ จนมาถึงจดหมายฉบับหนึ่งที่ทำให้เขาสะดุด​ ข้อความระบุชื่อรหัสบางอย่าง “ฉันชื่อ แม็กซ์ เมลาดเซ่ (รับบทโดย ลอร่า แฮดด็อก) ตอนนี้อยู่ในเรือนจำที่ฟีนิกซ์ ช่วยฉันออกไปจากที่นี้ ไม่งั้นฉันจะแฉเรื่อง เชลบี้ ชอว์, พีดับเบิลยู บุตเชอร์ และคนอื่น ๆ พวกคุณติดค้างฉันอยู่”

โอเว่นนำเอาข้อมูลที่มีไปสืบเบื้องต้น จึงได้รู้ว่า พีดับเบิลยู บุตเชอร์ เป็นรหัสของปฏิบัติการในเบลารุสปี 2009 ส่วน เชลบี้ ชอว์ เป็นนามแฝงของเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ออกปฏิบัติงานตอนนั้น มีชื่อจริงว่าเจ้าหน้าที่หญิง กิลเบน (รับบทโดย เอนเจิล พาร์กเกอร์) ปฏิบัติงานอยู่ที่ฐานลับที่เยเมน ที่สำคัญคือไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนนอกองค์กรจะรู้รหัสของปฏิบัติการและนามแฝงของเจ้าหน้าที่ นั่นหมายความว่าจดหมายฉบับนี้มีมูลให้สืบต่อ

ด้วยความน้องใหม่ไฟแรง เมื่อได้ข้อมูลสำคัญโอเว่นจึงรีบเอามันไปแจ้งหัวหน้า ไนแลนด์ (รับบทโดย วอนดี้ เคอร์ติส-ฮอลล์) ทันที ซึ่งเขาได้รับคำสั่งให้สืบสวนต่อไป

โนอาห์ เซนตินีโอ

ฐานลับเยเมน

คืนนั้น โอเว่นเตรียมเก็บเสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปฐานปฏิบัติการลับที่เยเมน อดีตแฟนและรูมเมทของเขาตื่นเต้นเป็นการใหญ่ แต่โอเว่นก็บอกว่าเขาเป็นทนายไม่ได้เป็นสายลับ เพราะฉะนั้นการเดินทางของเขาจากคำแนะนำจากสองรุ่นพี่ที่ทำงานก็คือ ให้นั่งเครื่องบินชั้นประหยัดและเก็บใบเสร็จเอาไว้มาเบิกเงิน ไม่ได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาสพักโรงแรมห้าดาวอย่างที่เห็นในหนังสายลับอะไรแบบนั้น

โอเว่นไปถึงฐานลับที่เยเมน เขาสวมสูทใหม่เอี่ยมเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมองค์กรที่ยืนรออยู่หน้าฐาน แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคำทักทายคือหมัดที่ตุ๊ยเข้าไปที่ท้อง น้องใหม่โอเว่นถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้น ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ เขาก็ถูกลากเข้าไปที่ห้องสืบสวน และโดนทรมานโดยการดึงเล็บไปหนึ่งนิ้วเบาะ ๆ วินาทีนั้นเขากลัวจนฉี่ราดกางเกง ในที่สุด กิลเบนก็สั่งลูกน้องให้แก้มัดและปล่อยตัวโอเว่น หลังแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นเพียงน้องใหม่ไฟแรงที่โดนรุ่นพี่ที่สำนักงานเหม็นขี้หน้า จึงปล่อยให้เขามาฐานลับโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

จากนั้น เจ้าหน้าที่หญิงกิลเบนก็กล่าวขอโทษเบา ๆ กับการสอบสวนที่เข้มข้นเมื่อกี๊ … ส่วนเรื่องแม็กซ์นั้น เธอให้ข้อมูลไม่ได้มากนัก เพราะเป็นปฏิบัติการที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่จำได้ราง ๆ ว่าแม็กซ์เป็นสายข่าวคนสำคัญ เป็นตัวการระดับสูงในแก๊งมาเฟียรัสเซียในเบลารุส และมีเส้นสายในหน่วยข่าวกรองรัสเซีย

ก่อนจาก กิลเบนได้สอนการทำงานในซีไอเอให้กับโอเว่น “การทำงานที่ซีไอเอก็เหมือนกับการเล่นเก้าอี้ดนตรีที่ไม่มีวันจบ ทุกคนวางแผนเพื่อจะได้นั่งเมื่อเพลงหยุด วิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำได้ก็คือการเตะตัดขาคนข้าง ๆ ถ้านายยังไม่มีแผนสำหรับตัวเอง นายเดือดร้อนแน่” แล้วเธอก็บอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเล็บ เพราะเล็บมันงอกใหม่ได้

ลอร่า แฮดด็อก ในซีรีส์ The Recruit (2022) ทนายซีไอเอ

น็อตบ็อบ

วันที่สี่ในการทำงานที่ซีไอเอ … เช้ารุ่งขึ้นหลังกลับจากเยเมน หัวหน้าไนแลนด์เรียกตัวโอเว่นให้เข้าพบเป็นการด่วน เมื่อโอเว่นแจ้งว่าแม็กซ์เคยเป็นสายลับให้ซีไอเอจริง ไนแลนด์จึงสั่งให้เขาไปที่เรือนจำฟินิกซ์ทันที

แม็กซ์เป็นผู้ต้องขังรอการพิจารณาคดีฆาตกรรม สิ่งที่เธอต้องการคือทำให้คดียกฟ้อง … เธอเห็นโอเว่นแวบแรกก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าเขาเป็นมือใหม่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม็กซ์มีทางเลือกไม่มาก เพราะเขาเป็นคนเดียวที่สนใจจดหมายที่เธอส่งไป สุดท้ายทั้งสองตกลงที่จะร่วมมือกัน แม็กซ์ให้ข้อมูลว่าคนที่เธอทำงานให้คือ “น็อตบ็อบ”

ที่แลงลีย์ … โอเว่นเอาเรื่องน็อตบ็อบไปถามคนรู้จักที่สำนักงาน ทำให้ได้รู้ว่าน็อตบ็อบคือตำนานของซีไอเอ คุมปฏิบัติการที่อันตรายที่สุด ที่เรียกว่าน็อตบ็อบเพราะเขาไม่ใช้นามแฝงว่าบ็อบหรือโรเบิร์ต แต่คำพูดจากเพื่อนร่วมงานที่ทำให้โอเว่นถึงกับอึ้งก็คือ “สายข่าวจะไม่รู้ชื่อจริงของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลตัวเอง และไม่มีทางรู้นามแฝงที่เรียกกันเฉพาะภายในสำนักงาน” คำถามคือ แม็กซ์รู้ได้ยังไง !?

และที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ปัจจุบัน น็อตบ็อบคือหัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

EP.2 ความซวยจากการรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้

ที่เบลารุสเมื่อ 5 ปีก่อน … แม็กซ์ถูกตั้งค่าหัวเนื่องจากไปทับเส้นผู้มีอำนาจเข้า เธอหนีหัวซุกหัวซุนเอาตัวรอดมาได้จากความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ซีไอเอคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็มากบดานอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ในฟินิกซ์ สหรัฐอเมริกา แต่การกบดานอยู่ในอพาร์ตเมนต์แคบ ๆ เป็นเดือน ๆ เริ่มทำให้แม็กซ์สติแตก

ปัจจุบัน … โอเว่นโดนคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาเรียกไต่สวน จากการไปปากแจ๋วใส่วุฒิสมาชิกที่ต้องการจะเปิดเผยเอกสารลับด้านความมั่นคง แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่โอเว่นควรกังวล แต่เขาดูไม่ค่อยกังวลเท่าไรนักเพราะมีเรื่องอื่นที่น่ากังวลยิ่งกว่า

การประชุมครั้งแรก

แลงลีย์ … วันนี้เป็นวันที่โอเว่นต้องเข้าประชุมครั้งแรก บรรยากาศภายในห้องประชุมไม่ต่างไปจากโรงเย็น ระหว่างนั้นโอเว่นก็ต้องงงกับบทสนทนาที่ไนแลนด์ใช้คุยกับลูกน้องในที่ประชุม ทุกคนคุยกันโดยใช้รหัสแทนสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่ เช่น “เพื่อนเราบอกว่าทะเลคลื่นแรงแต่ไม่มีพายุ” เช่น “มีปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้ามั้ย ?” และเช่น “เรื่องท้องเสียในประเทศอูฐเป็นยังไงบ้าง ?”

ทีนี้ถึงตอนที่ไนแลนด์ยิงคำถามใส่โอเว่นบ้าง “คุณได้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับล้อที่ดังเอี๊ยดอ๊าดนั่นมั้ย ?”

งงสิ อะไรวะล้อเอี๊ยดอ๊าด ผ่านไปหลายวินาทีโอเว่นก็นึกขึ้นได้จึงตอบไปตรง ๆ โดยไม่ได้ใช้รหัสเหมือนที่คนอื่น ๆ ทำ “เราได้คุยกับอดีตสายข่าวคนนั้นแล้ว …” พูดยังไม่ทันจบประโยคแรก เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องประชุมพากันร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ โอเว่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็พูดต่อ “… ผมกำลังทำความเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกมาเฟียรัสเซียยังไง” พูดถึงประโยคนี้เท่านั้นแหละ ทุกคนลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุมทันที

โอเว่นหน้าเอ๋อรับประทานอยู่อย่างนั้น เขาพูดอะไรผิดวะเนี่ย !? เมื่อไนแลนด์เห็นเด็กใหม่โอเว่นทำหน้าเอ๋อ เขาจึงพูดขึ้นว่า “พวกนั้นไม่อยากให้สิ่งปฏิกูลของคุณเปื้อนรองเท้าพวกเขา”

บทเรียนที่เขาได้รับในวันนี้คือ ทุกอย่างที่ทำมีโอกาสที่จะโดนลากไปยืนต่อหน้าคณะกรรมาธิการ ดังนั้น มารยาทพื้นฐานของการเข้าประชุมที่นี่คือการไม่บอกข้อมูลมากเกินไป ไม่มีใครอยากรู้เรื่องที่ไม่จำเป็น เพราะเรื่องทุกเรื่องที่รู้อาจนำความซวยเข้าตัว

ทนายซีไอเอ ตอนที่ 2

ระหว่างนั้น แม็กซ์โดนคู่อริส่งคนเข้ามาสังหารถึงในคุก แต่ด้วยสกิลการต่อสู้ระดับเทพทำให้เธอเอาตัวรอดมาได้ แม้จะโดนแทงเข้าท้องไปหนึ่งทีก็ตาม แต่ที่เหลือเธอก็แทงใส่คืนไม่ยั้งจนมือสังหารปางตาย

เมื่อโอเว่นรู้ข่าวจึงรีบบินมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลในเรือนจำ เขาช่วยเอากระเป๋าเงินไปคืนให้กับพวกมาเฟียรัสเซียที่เป็นอริกับแม็กซ์เพื่อสงบศึก จากนั้น เขาก็เดินเรื่องขอโอนคดีของแม็กซ์มาที่รัฐบาลกลาง เพื่อดำเนินการถอนฟ้องต่อไป

โอลิมปิกของเหล่าสายลับ

วันเดียวกันนั้น โอเว่นก็ได้ความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม็กซ์ มีเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนหนึ่งในเวียนนาเกี่ยวข้องกับเธอที่เบลารุสปี 2014

ไนแลนด์อนุมัติให้โอเว่นไปเวียนนาทันที แต่ก่อนไปโอเว่นได้รับคำเตือนว่าจากหัวหน้าว่า “เวียนนาคือเวทีโอลิมปิกของเหล่าสายลับ หน่วยข่าวกรองต่างชาติทุกแห่งส่งมือดีไป ฉะนั้นอย่างทำเป็นเล่น”

กรุงเวียนนา ออสเตรีย … สิ่งที่โอเว่นต้องการจากภารกิจครั้งนี้คือ ข้อมูลมากพอที่ทำให้เขารู้ว่า “ความลับ” ที่แม็กซ์รู้อยู่ในระดับที่อันตรายแค่ไหน และที่แน่ ๆ การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนการไปเยเมนที่ไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย การเดินทางครั้งนี้มีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เซ็นอนุมัติ และเขามีหนังสือเดินทางทางการทูตเล่มสีดำ ที่อย่างน้อยเขาก็ไม่โดนรัฐบาลท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เป่าหัวเมื่อถูกจับได้

ที่ห้องประชุมลับในสถานทูต โอเว่นได้ข้อมูลจากปากเจ้าหน้าที่คนนั้นที่ชื่อ แซนเดอร์ (รับบทโดย ไบรอน แมนน์) แม็กซ์เป็นคนจัดหาสิ่งที่พวกนักการเมืองรัสเซียและเบลารุสต้องการ แต่ความสามารถของเธอก็ไปเข้าตากับพวกแก๊งมาเฟียคู่อริ แล้วเจ้าหน้าที่คนนั้นก็กล่าวกับโอเว่นว่า “เธอตั้งเครือข่ายสายข่าวของตัวเอง” นั่นหมายความว่า เธอรู้ตัวตนของสายข่าวส่วนใหญ่หรืออาจจะทั้งหมดของซีไอเอในเบลารุสและรัสเซีย !!!

เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการโอเว่นจึงเดินทางกลับ โดยตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเวียนนาจนถึงตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่ามีสายลับนักฆ่าจากสหประชาชาติ (หลายชาติ) แอบสะกดรอยเขาอยู่

โอเว่นนั่งแท็กซี่จากโรงแรมไปสนามบิน ระหว่างนั้นเขาก็โทร. หาแม็กซ์ ระหว่างนั้น เขาเหลือบไปเห็นใบอนุญาตขับรถกับหน้าคนขับไม่เหมือนกัน แม็กซ์รู้ได้ในทันทีว่าคนขับรถแท็กซี่เป็นนักฆ่า เธอจึงบอกให้โอเว่นฆ่าคนขับรถซะ ก็อย่างว่าอะนะ โอเว่นเป็นทนายไม่ใช่สายลับ เขาจึงไม่ทำตามที่แม็กซ์บอก แต่ใช้วิธีพูดให้คนขับจอด ตอนนั้นเองที่นักฆ่าคว้าปืนหมายสังหารโอเว่น แม็กซ์ที่อยู่ปลายสายก็ช่วยบอกว่าต้องทำยังไง ใช้เข็มขัดนิรภัยรัดคอบ้างล่ะ ใช้ปากกาแทงเบ้าตาแทงคอบ้างล่ะ สุดท้ายเขาก็เปิดประตูออกจากรถระหว่างที่รถติดและวิ่งหนีไปได้ เขาวิ่งมาถึงสะพาน แม็กซ์ตะโกนผ่านทางโทรศัพท์ให้เขากระโดดลงไปในน้ำถ้ายังไม่อยากตาย

อะไรวะเนี่ย ทนายนะเว้ยไม่ใช่สายลับ ถึงอย่างนั้นก็เถอะเมื่อสถานการณ์บีบ โอเว่นไม่มีทางเลือกจึงต้องกระโดดสะพานที่โคตรสูง เพื่อหนีเอาชีวิตรอดจากคมกระสุนของนักฆ่า

EP.3 เมืองที่ไม่มีอูฐ

โอเว่นขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเล สภาพไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ เมื่อขึ้นมาก็เจอกับสายลับสารพัดชาติชายหญิงยืนรอเขาอยู่ คุยได้ไม่กี่ประโยคโอเว่นก็แสดงให้เห็นว่า ตัวเขาไม่มีสกิลของการเป็นสายลับเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อพวกสายลับเหล่านั้นรู้ว่าโอเว่นเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ห่วย ๆ คนหนึ่ง จึงบ่นออกมาอย่างหัวเสียที่เขาทำให้เสียเวลา

ที่แลงลีย์ … โอเว่นรายการไนแลนด์ว่า แม็กซ์รู้ความลับที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับปฏิบัติการในรัสเซียและเบลารุส หรืออาจจะมากกว่านั้น ไนแลนด์จึงสั่งให้เขาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและย้ำว่าห้ามผิดพลาดเด็ดขาด

โอเว่นไปที่ศาลเพื่อฟังการไต่สวนขอย้ายคดีฆาตกรรมของแม็กซ์ ให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลกลาง … ที่นั่น เขาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง คนเดียวกับที่เคยพบและคุยด้วยตอนเขาพักอยู่ที่โรงแรมในฟีนิกซ์ โอเว่นเข้าไปทักทายจึงรู้ว่าเธอมาฟังการไต่สวนฉุกเฉินคดีฆาตกรรมพ่อของเธอ ซึ่งจำเลยก็คือแม็กซ์ … โอเว่นเห็นแววตาของหญิงสาวที่รู้สึกว่าความยุติธรรมกำลังหลุดลอยไป เขารู้สึกผิดต่อหญิงสาว แต่เขาเก็บความรู้สึกนั้นไว้

Amanda Schull เล่นเป็น คอร่า ในซีรีส์ The Recruit (2022) ทนายซีไอเอ

แม็กซ์ถูกพาตัวไปที่เรือนจำกลาง ที่นั่นเธอได้พบกับนักโทษหญิงคนหนึ่งชื่อ คอร่า ทั้งสองทักทายเหมือนรู้จักกันเป็นอย่างดี แม้ต่างฝ่ายจะบอกว่าไม่ใช่เพื่อนกัน จากนั้นภาพก็แฟลชแบ็กกลับไป …

ตอนนั้น แม็กซ์เปิดเซฟเฮาส์ผิดกฎหมายเพื่อให้อาชญากรเช่า คอร่าเป็นหนึ่งในผู้เช่าของเธอ ระหว่างนั้นคอร่าพยายามผูกมิตรสัมพันธ์กับแม็กซ์ จนวันหนึ่งคอร่าทำผิดกฎ เธอพาผู้ชายเข้ามาอยู่ที่เซฟเฮาส์ ต่อมาผู้ชายคนนั้นก็ซ้อมเธอจนแทบปางตายก่อนจะหนีไป แม็กซ์เข้ามาเห็นจึงโทร. 911 เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้คอร่าโดนตำรวจจับ

ต่อมา แม็กซ์จึงไปดักรอชายคนนั้นอยู่ที่จุดพักคนขับรถบรรทุก เธอใช้ท่อนเหล็กฟาดเขาจนตายคาที และเอากระเป๋าที่บรรจุเงินของแก๊งอาชญากรรมไปด้วย (กระเป๋าเดียวกับที่โอเว่นเอาไปคืนแก๊งมาเฟียรัสเซีย) โดยชายคนนั้นเป็นพวกเดียวกับแก๊งมาเฟียที่ขับรถบรรทุกบังหน้า

เมืองที่ไม่มีอูฐ

กลางดึกคืนเดียวกัน โอเว่นได้รับคำสั่งด่วนจากไนแลนด์ให้เดินทางไปเบรุตทันที ภารกิจด่วนสุดพิเศษนี้ เขาต้องไปเจรจาให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามของซีไอเอคนหนึ่งที่ชื่อเดฟ เซ็นยินยอมหักเงินเดือนเป็นค่าเลี้ยงดูบุตร เพื่อที่เมียเก่าจะได้ไม่แฉความลับของสำนักงาน เมื่อรู้ภารกิจที่ตัวเองต้องไปทำ โอเว่นถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า เป็นงานง่ายงานแรกตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่

ภารกิจที่เบรุต โอเว่นต้องไปกับ เลสเตอร์ (รับบทโดย โคลตัน ดันน์) หนึ่งในสองรุ่นพี่ที่แกล้งรับน้องแรง ๆ กับเขาตั้งแต่ตอนที่เข้ามาทำงานวันแรก เลสเตอร์เคยเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่เบรุต เมืองที่เลสเตอร์บอกว่าเป็นเมืองในดินแดนตะวันออกกลางที่ไม่มีอูฐ !?

เบรุต เลบานอน … เมื่อไปถึงโรงแรม โอเว่นกับเลสเตอร์ก็โดนเดฟและลูกน้องสองคนเซอร์ไพรส์ พวกเขานั่งรออยู่ในห้อง โอเว่นไม่รอช้ายื่นเอกสารยินยอมให้หักเงินเดือนในซองสีน้ำตาลให้ พร้อมกับบอกว่าเรื่องนี้จะจบลงง่าย ๆ เพียงปักปากกาเซ็นชื่อลงในกระดาษ เดฟขอเวลาอ่านเอกสารหนึ่งคืน

วันรุ่งขึ้นก็เป็นตามคาด เดฟเบี้ยวไม่เซ็นเอกสาร โอเว่นกับเลสเตอร์จึงต้องนั่งรถไปหาเดฟที่ฐานลับ ตอนแรกเดฟยืนกระต่ายขาเดียวว่าจะไม่เซ็น แต่โอเว่นก็ใช้สกิลปาก งัดกฎหมายและเรื่องแย่ ๆ ที่จะตามมาถ้าเขากลับไปแลงลีย์โดยไม่ได้ลายเซ็นบนเอกสาร สุดท้ายแล้วเดฟก็ยอมเซ็น

EP.4 โอเว่นมันเป็นใครวะ ?

โอเว่นอารมณ์ดีสุด ๆ ที่ภารกิจเบรุตลุล่วงไปได้ด้วยดี ระหว่างนั้นก็มีชายวัยกลางคนสวมแว่นท่าทางเนิร์ด ๆ ยัดเอกสารบางอย่างใส่ในมือเขาแล้วบอกว่า เป็นเอกสารเกี่ยวกับอุปกรณ์บางอย่างที่ใช้ AI ในการรวบรวมข่าวกรองของ OTS หรือสำนักงานบริหารด้านเทคนิคของซีไอเอ พูดจบชายคนนั้นก็รีบเดินจากไป แล้วบอกให้โอเว่นอ่านรายละเอียดเอาเอง

โอเว่นเปิดอ่านเอกสารคร่าว ๆ ก็พบว่ามันเกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวกับ “หุ่นยนต์ทรมาน” เขาจึงคิดว่าจะเสนอไนแลนด์มอบหมายเคสนี้ให้หนึ่งในรุ่นพี่ตัวแสบ ไวโอเล็ต (รับบทโดย อาร์ที แมนน์) เป็นคนดูแล เพราะเขาเห็นเธอบ่น ๆ ว่าต้องการความท้าทายในการทำงาน

โอเว่นไปที่ห้องทำงานของไนแลนด์ ซึ่งกำลังคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ดอว์นจากเยเมน คนเดียวกับที่เคยถอดเล็บเขานั่นแหละ โอเว่นแปลกใจที่ดอว์นมาที่นี่ และต้องแปลกใจมากไปกว่าเดิมเมื่อรู้ว่า ดอว์นต้องการส่งแม็กซ์กลับไปเป็นสายลับ เนื่องจากเธอใกล้ชิดกับนายพลคนหนึ่งที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นเบอร์สองของ FSB หน่วยงานด้านความมั่นคงรัสเซีย การได้เธอกลับมาจะทำให้เข้าถึงหน่วยข่าวกรองรัสเซียได้โดยตรง ดังนั้น โอเว่นจะต้องหาวิธีเอาแม็กซ์ออกจากคุกโดยเหมือนไม่มีใครช่วยเธอ นั่นหมายความว่าแผนเดิมที่เขาจะขอให้อัยการยกฟ้องใช้ไม่ได้

จากนั้น โอเว่นก็บินไปหาแม็กซ์ที่เรือนจำกลางฟินิกซ์ เขาบอกกับเธอว่าเรื่องมันเริ่มซับซ้อนมากขึ้น และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ พวกนั้นถึงต้องการเธอกลับไปเป็นสายลับ แม็กซ์รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความคิดของแซนเดอร์ (เจ้าหน้าที่ที่โอเว่นไปพบที่เวียนนา) อย่างแน่นอน

ที่ว่าซับซ้อนนั้น นอกจากจะใช้อัยการมาช่วยทำให้คดีหายไปไม่ได้แล้ว ยังมีพยานเห็นแม็กซ์ฆ่าชายขับรถบรรทุกคนนั้นด้วย โอเว่นเตือนแม็กซ์ว่าห้ามสั่งฆ่าพยานคนนั้นเด็ดขาด

แต่ก็นั่นแหละ ห้ามได้ซะที่ไหนล่ะคนนี้ แม็กซ์ใช้เส้นสายตำรวจของคอร่าหาชื่อพยานในคดี และส่งนักฆ่าไปสังหารพยานโดยไม่สนใจคำเตือนของโอเว่นเลยแม้แต่นิดเดียว

หุ่นยนต์ทรมาน

ระหว่างนั้นที่สำนักงานบริหารด้านเทคนิคของซีไอเอ (OTS) เซาท์คาโรไลนา … ไวโอเล็ตไปตรวจสอบโครงการหุ่นยนต์ AI ที่ใช้ในการสอบสวน หุ่นตัวนี้มีชื่อเรียกว่าทิม สามารถพูดได้ร้อยภาษา และสามารถปรับเปลี่ยนโทนเสียงได้พันระดับ ตั้งแต่โทนนุ่มไปจนถึงเสียงน่ากลัว … ไวโอเล็ตเห็นห้องทดลองก็ถึงกับตกตะลึง เจ้าหุ่นทิมยืนนิ่งโดยมีฉากหลังเป็นเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วห้องทดลองที่ทาด้วยสีขาว เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหุ่นทิมได้ฉีกแขนเจ้าหน้าที่ระหว่างการทดลอง

ไวโอเล็ตกลับมาที่แลงลีย์พร้อมกับโจทย์สำคัญที่คิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง เธอระบายเรื่องที่กำลังเผชิญให้เลสเตอร์ฟัง “แทนที่คนพวกนั้นจะศึกษาก่อน ว่าการทำหุ่นยนต์เอไอเพื่อใช้ในการสอบสวนเป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่า พวกเขากลับลงมือสร้างหุ่นเหล็กมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นมาเฉยเลย …” เลสเตอร์ไม่เห็นว่าจะเป็นความผิดของไวโอเล็ตตรงไหน เธอจึงกล่าวต่อ “… มันผิดตรงที่มีชื่อฉันอยู่ในบันทึกทางกฎหมาย พอเรื่องนี้ถูกเปิดเผยจนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวระดับโลก ฉันจะกลายเป็นคนแรกที่ตกเป็นแพะรับบาป”

จากนั้น เลสเตอร์จึงช่วยไวโอเล็ตหาช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อจบเรื่องนี้แบบเนียน ๆ จนเธอไปพบเข้ากับกฎบัตรข้อหนึ่งที่ระบุว่า OTS ไม่จำเป็นต้องส่งรายงานจนกว่าการทดลองจะจบ ซึ่งในทางเทคนิคการทดลองยังไม่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ จนกว่าเจ้าหุ่นทิมจะถูกปิดสวิตช์

เมื่อปิ๊งไอเดียขึ้นมา ไวโอเล็ตจึงโทร. ไปสั่งเจ้าหน้าที่ที่ทำการทดลองทันที “สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ขังเจ้าหุ่นทิมเอาไว้ในตู้จนกว่าฉันจะเกษียณ” เจ้าหน้าที่ที่ห้องทดลองได้ยินก็ได้แต่ทำหน้างง ๆ

โปรแกรมคุ้มครองพยาน

โอเว่นกลับมาที่ห้องพัก ฮันนาห์ (รับบทโดย ไฟเวิล สตวร์ท) แฟนเก่าและรูมเมตกำลังเตรียมตัวไปงานระดมทุนเพื่อการกุศล เขาจึงขอไปกับเธอด้วย ในงานมี ส.ว.คนที่ส่งหนังสือเรียกเขาไปไต่สวนต่อหน้าคณะกรรมาธิการ โอเว่นกับฮันนาห์จึงคิดวางแผนบางอย่างขึ้นมา โดยฮันนาห์จะใช้ความที่พ่อแม่เป็นกรรมการสมาคม พาโอเว่นแนะนำให้เขาพูดคุยกับแขกวีไอพี เพื่อให้ ส.ว.คนนั้นสงสัยว่า “โอเว่นมันเป็นใครวะ ?” (แบบเดียวกับ “โน้สเพื่อนตุ้ม” นั่นแหละ 😂) … มันได้ผลจริง ๆ ส.ว.สั่งให้เลขาฯ เลื่อนการไต่สวนของโอเว่นออกไปก่อน ระหว่างที่สืบว่าเจ้าหนุ่มโอเว่นคือใครกันแน่ ใหญ่มาจากไหนถึงได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่มากมายขนาดนี้

หลังจากงานเลี้ยง โอเว่นก็ไปต่อที่บ้านของกิ๊กรุ่นพี่ที่ซีไอเอ คืนนั้น เขาก็ได้รู้ว่าซีไอเอมีโครงการให้ถิ่นที่อยู่กับสายลับที่ปลดเกษียณ ซึ่งคล้ายกับโปรแกรมคุ้มครองพยาน โอเว่นจึงเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมาทันที เขาจะเอาพยานในคดีของแม็กซ์เข้าโปรแกรมย้ายถิ่นที่อยู่ โดยทำเนียนระบุในเอกสารว่าเป็นสายลับ

โนอาห์ เซ็นตินีโอ ในซีรีส์ The Recruit ทนายซีไอเอ

รุ่งขึ้น โอเว่นรีบไปหาพยานคนนั้นทันที โดยอ้างว่าจะพาเข้าโปรแกรมคุ้มครองพยาน ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่จู่ ๆ ชายร่างยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอาวุธครบมือ ขายคนนี้เป็นนักฆ่าที่แม็กซ์จ้างมาปิดปากพยาน เวลานั้นเอง โอเว่นที่ต้องหนีเอาตัวเองให้รอด แถมยังต้องพาพยานหนีคมกระสุนอย่างทุลักทุเล โดยการทะลวงโพรงโถชักโครกแล้วรอดออกไป ก่อนจะพากันขึ้นรถขับหนีออกไปได้

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ศาลยกฟ้อง แม็กซ์จะถูกปล่อยตัวคืนนี้ … หลังการพิจารณาคดี โอเว่นลงไปหาแม็กซ์ที่ใต้ถุนศาล เขาด่าเธอที่ไม่ไว้ใจเขาที่ส่งนักฆ่าไปสังหารพยานจนทำเขาเกือบตาย แม็กซ์กล่าวขอโทษโอเว่นจากใจจริง แต่โอเว่นโกรธจัดไม่ยอมรับคำขอโทษ เขาตวาดกลับไป “พอเถอะ ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีกแล้ว จากนี้ไปชีวิตคุณจะขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติการภาคสนาม พวกนั้นจะไปรับตอนคุณปล่อยตัว”

ที่จริงแล้ว โอเว่นรู้สึกผิดกับผู้หญิงที่เป็นลูกสาวของเหยื่อที่แม็กซ์ฆ่า เขาเห็นหญิงสาวคนนั้นวิ่งร้องไห้ออกไปจากศาลหลังจากแม็กซ์พ้นผิด มันทำให้เขารู้สึกผิด รู้สึกผิดที่พรากความยุติธรรมไปจากคนที่สมควรจะได้รับ เขาคิดเช่นนั้น … ระหว่างขับรถกลับ เขาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขาจึงโทร. หาฮันนาห์ เวลาที่เขาไม่สบายใจเขามักจะโทร. หาฮันนาห์เสมอ เพราะฮันนาห์จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

ลอร่า แฮดด็อก

แม็กซ์เปลี่ยนชุดเตรียมตัวออกจากเรือนจำ วินาทีแรกที่ประตูเรือนจำเปิดออก แม็กซ์หลับตาและสูดกลิ่นของอิสรภาพเข้าเต็มปอด

EP.5 คุณเป็นคนเดียวที่ฉันพึ่งพาได้

เจ้าหน้าที่สองนายรอรับตัวแม็กซ์หลังออกจากเรือนจำ พวกเขาพาเธอกลับมาที่บ้าน บ้านที่ข้าวของภายในถูกรื้อค้นกระจัดกระจายเละเทะ แม็กซ์รู้สึกไม่โอเคจึงขอเข้าไปนอนในห้อง เมื่อปิดประตู เธอก็เอนหลังพิงประตูและทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ในขณะที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด แต่แม็กซ์เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากพอที่จะไม่ให้ความเศร้าครอบงำนานเกินไป ไม่ถึงนาทีเธอก็ลุกขึ้นไปเปิดช่องลับที่ซ่อนหลังตู้เสื้อผ้า เธอใช้มีดคัตเตอร์กรีดวอลล์เปเปอร์และค่อย ๆ เปิดออก ด้านในเป็นโพรงเล็ก ๆ มีกระเป๋าเก็บเงิน ปืนกึ่งอัตโนมัติ และรูปลูกสาวของเธออยู่ในนั้น ในโพรงลับมีช่องลับใต้ดินที่เชื่อมต่อกับโรงรถของบ้านที่อยู่ถัดออกไปสองสามหลัง โรงรถมีรถที่แม็กซ์เตรียมเอาไว้สำหรับหลบหนีจอดอยู่ แม็กซ์หนีไปได้อย่างชิล ๆ สมแล้วกับสายลับระดับแนวหน้าของซีไอเอ !

หลังผ่านเรื่องแย่ ๆ โอเว่นกลับมาวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วยความอ่อนล้า แต่ก่อนที่เขาจะออกไปทำงาน เจ้าหน้าที่ลับก็มาเชิญตัวเขาไปพบกับหัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดี หรือ “น็อตบ๊อบ” มันเป็นการนัดพบอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อที่จะบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนดูแลแม็กซ์ แต่มีคนบางคนเอาฉายาที่เรียกกันภายในสำนักงานของเขาไปบอกเธอ ซึ่งเขาขอให้โอเว่นตามหาว่า “คนคนนั้น” คือใคร ? โอเว่นปฏิเสธทันที โดยอ้างว่าเขาถอนตัวจากเรื่องนี้แล้ว แต่ก็นั่นแหละ คำปฏิเสธไม่ใช่สิ่งที่น็อตบ็อบคาดหวังที่จะได้ยิน โอเว่นจึงจำใจตกลง

จากนั้น แม็กซ์ก็ไปเสนอขายเซฟเฮาส์กับคู่อริมาเฟียรัสเซียเป็นเงิน 6 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกลับเข้าแก๊งที่เบลารุสได้อย่างปลอดภัย แต่พวกมันกลับหักหลังและคิดจะจับเธอ จึงทำให้เกิดการต่อสู้กัน อย่างไรก็ตาม ด้วยปืนที่อยู่ในมือทำให้แม็กซ์หนีไปได้

เมื่อแผนขายเซฟเฮาส์ไม่ได้ผล แม็กซ์จึงติดต่อกลับไปที่ซีไอเอโดยยืนกรานว่าจะดีลกับโอเว่น ทนายคนดีคนเดิมเท่านั้น ณ จุดนี้ โอเว่นไม่มีทางเลี่ยง ไนแลนด์สั่งให้เขาบินไปฟินิกซ์เพื่อเคลียร์เรื่องทั้งหมดทันที

ใคร ๆ ก็อยากเป็นน็อตบ็อบ

ที่โรงแรมฟินิกซ์ออโรร่า … แม็กซ์ในชุดเดรสเปิดหลังสีแดงสดนั่งจิบค็อกเทลรออยู่ที่บาร์ เธอยืนยันจะให้โอเว่นเปิดห้องสวีตของโรงแรมนี้ แต่พ่อทนายโอเว่นของเราก็ประหยัดเกิ๊น จะไปเปิดโรงแรมจิ้งหรีดราคาถูกที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แม็กซ์ก็ดื้อสุดฤทธิ์ เธออ้างว่าพรุ่งนี้เช้ามีเรื่องบางอย่างต้องทำที่นี่ โอเว่นจึงจำใจกัดฟันเปิดห้องสวีตราคา 1,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 6 หมื่นบาท) แต่บัตรเครดิตวงเงินเต็ม เขาจึงต้องโทร. ไปยืมใช้บัตรเครดิตของฮันนาห์

เมื่อมาถึงห้อง แม็กซ์ก็ปลดชุดเดรสสีแดงแล้วชวนโอเว่นให้อาบน้ำด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธเพราะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แม็กซ์จึงตะโกนออกมาจากห้องน้ำด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงคนยุโรปตะวันออก “คิดว่าการไม่มาอาบน้ำกับฉันจะทำให้คุณดูเป็นคนดีหรือไง”

“เปล่า คุณไม่ใช่สเปกผม” โอเว่นตอบ

“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณพูดโกหกฉันสินะ ทำไมต้องเป็นกังวลเรื่องเซ็กส์ เราโต ๆ กันแล้วนะ เราก็แค่สนุกด้วยกัน” แม็กซ์พูดขณะที่นอนอยู่ในอ่างน้ำที่ตีฟองจนท่วม

แม็กซ์อาบน้ำเสร็จแล้วก็กินอาหารที่รูมเซอร์วิสเอามาเสิร์ฟ เธอพยายามเรียนรู้โอเว่นมากขึ้น ทั้งสองผลัดกันถามเรื่องที่ตัวเองอยากรู้ จนโอเว่นยิงคำถามว่าเธอเรียกให้เขามาทำไม คำตอบที่จริงจังก็ออกจากปากของเธอ “เพราะคุณเป็นคนเดียวที่ฉันพึ่งพาได้”

รุ่งเช้า ในทีวีมีภาพข่าวการประชุมคณะทำงานประธานาธิบดี โอเว่นจึงถามแม็กซ์ว่าคนไหนคือน็อตบ็อบ ซึ่งเธอตอบไม่ได้ จากนั้นก็สารภาพว่าเธอได้ยินชื่อ “น็อตบ็อบ” มาจากแซนเดอร์ตอนเมา “ไม่มีใครในองค์กรของคุณไม่รู้จักน็อตบ็อบ แซนเดอร์ต้องการเป็นน็อตบ็อบ แต่เขาไม่ใช่”

EP.6 ไว้ใจใครได้บ้าง

แม็กซ์ขอร้องให้โอเว่นเข้าไปเจรจาขายเซฟเฮาส์กับหัวหน้าแก๊งมาเฟียสุดโหด แม้จะสุ่มเสี่ยงกับการเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งได้ง่าย ๆ แต่โอเว่นก็ยอมทำตามคำขอ เขาใช้ความเป็นทนายปากแจ๋ว และอ้างถึงผลประโยชน์ทางอ้อมที่หัวหน้าแก๊งมาเฟียจะได้รับ ถ้าแม็กซ์กลับเข้าแก๊งมาเฟียรัสเซียที่เบลารุส สุดท้ายโอเว่นเจรจาจนขายเซฟเฮาส์ได้เงิน 7 ล้าน

หลังจบเรื่องขายเซฟเฮาส์ โอเว่นก็พาแม็กซ์นั่งเครื่องบินทหารมาที่เวอร์จิเนีย ที่นั่น ดอว์นมารอรับแม็กซ์เข้าบรรจุเป็นสายลับใหม่ด้วยตัวเอง … ดอว์นพาแม็กซ์ขึ้นรถขับไปแลงลีย์ ทิ้งให้โอเว่นหาทางกลับเองซะอย่างนั้น

ขณะที่แม็กซ์กับดอว์นอยู่บนรถ ทั้งสองก็คุยกันเหมือนกับคนที่รู้จักกันมานาน ที่แท้ดอว์นก็คือ “ผู้ดูแล” ของแม็กซ์ที่เบลารุส !

เมื่อกลับมาที่วอชิงตัน ดี.ซี. โอเว่นก็ถูก “น็อตบ็อบ” เรียกตัวไปพบแบบลับ ๆ โอเว่นแจ้งไปว่า แซนเดอร์เป็นคนเอาชื่อน็อตบ็อบไปบอกกับสายข่าว จากนั้นน็อตบ็อบก็ขอให้เขาเป็นสายใน OGC ให้ แต่โอเว่นปฏิเสธ

ณ สำนักงาน OGC แลงลีย์ … โอเว่นเข้าพบไนแลนด์แจ้งเรื่องที่เขาพบกับน็อตบ็อบ และถูกทาบทามให้สอดแนมภายในสำนักงาน ซึ่งไนแลนด์บอกว่ารู้เรื่องนี้แล้ว เพราะน็อตบ็อบเป็นคนโทร. มาบอกเขาเองว่าเป็นการทดสอบ และโอเว่นก็ผ่านการทดสอบ … โอเว่นรู้สึกสับสนมาก กับการทำงานท่ามกลางความไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรโกหก แต่นี่แหละคือซีไอเอ

อย่างไรตาม แม็กซ์ก็ผ่านการทดสอบการวัดผลด้านจิตวิทยาและการเข้าเครื่องจับเท็จไปได้ แม็กซ์ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังไปหลายขวดและอั้นฉี่ เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจแกว่ง จนสุดท้ายก็ผ่านเครื่องจับเท็จได้

ระหว่างนั้น โอเว่นสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง เขาเชื่อว่าดอว์นกับแม็กซ์มีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ไนแลนด์ส่งโอเว่นไปปฏิบัติภารกิจส่งแม็กซ์กลับเข้าแก๊งมาเฟียรัสเซียด้วย เขาต้องการให้โอเว่นจับตาดูดอว์นเอาไว้ และกำชับให้เขาหาหลักฐานเอาผิดถ้าดอว์นทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อองค์กร

ทนายซีไอเอ ตอนที่ 6

บนเครื่องบินทหาร … ดอว์นแจ้งแผนอีกครั้ง แม็กซ์กับโอเว่นจะถูกส่งไปที่อิตาลี ที่นั่นทั้งสองจะเดินทางด้วยรถยนต์ไปถึงเจนีวา เพื่อไปเบิกเงินสดออกจากบัญชีที่อยู่ในชื่อของแม็กซ์ จากนั้นทีมของดอว์นจะถือกระเป๋าเงินสดนั้นแล้วมุ่งหน้าไปเยอรมนี และจะเริ่มวางแผนภารกิจให้แม็กซ์กลับไปที่เบลารุส

และที่ซับซ้อนมากขึ้นไปอีกก็คือ ไนแลนด์ส่งเลสเตอร์กับไวโอเล็ตไปช่วยโอเว่นอย่างลับ ๆ โดยไนแลนด์ย้ำสิ่งที่สำคัญที่สุดของภารกิจในกรณีที่เกิดปัญหาก็คือปกป้ององค์กร และถ้าในกรณีที่ไม่สามารถช่วยโอเว่นได้ก็ไม่เป็นไร เพราะทนายใหม่มีอีกเยอะแยะ !

EP.7 อย่าเปิดโอกาสให้ใครทรยศเรา

เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ … แม็กซ์กับโอเว่นมาถึงห้องพัก โดยมีแซนเดอร์นั่งรออยู่ ทั้งสามตกลงกันที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จโดยจะไม่ก่อปัญหา จากนั้น โอเว่นก็ไปสถานกงสุลเพื่อทำธุระบางอย่าง

ค่ำวันเดียวกัน แม็กซ์กับโอเว่นไปดินเนอร์ด้วยกัน เธอได้มอบนาฬิกาเป็นของขวัญให้เขา โดยไม่ได้บอกว่าเป็นนาฬิกาที่ติดตั้งจีพีเอสซ่อนอยู่ และคืนนั้นทั้งสองก็มีความสัมพันธ์กัน

ลอร่า แฮดด็อก และ โนอาห์ เซนตินีโอ ในซีรีส์ The recruit ทนายซีไอเอ

รุ่งขึ้น ที่ธนาคารเจนีวา … โอเว่นกับแม็กซ์ไปเบิกเงินจากบัญชีตามแผน แต่พนักงานกลับแจ้งว่า “บัญชีถูกอายัดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ” !

งานงอกล่ะสิ ระหว่างที่โอเว่นกำลังคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง แม็กซ์ก็คิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ เธอดึงตัวโอเว่นกลับเข้าไปในธนาคารอีกครั้ง และขอเปิดตู้นิรภัยที่เธอเช่าเอาไว้ ในนั้นมีหนังสือเดินทางหลายเล่ม ปืนกึ่งอัตโนมัติ ซองสีน้ำตาล ซึ่งแม็กซ์บอกว่าเป็นซองที่กุมความลับมูลค่า 2 ล้านยูโร ในนั้นยังมีรูปแม็กซ์อุ้มลูกสาว และสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง ซึ่งโอเว่นแอบหยิบใส่กระเป๋าตอนที่แม็กซ์เผลอ

แม็กซ์โทร. นัดเจอมาเฟียใหญ่ที่ชื่อ คิริลล์ จากนั้น เธอบอกให้โอเว่นเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และจะแอบออกไปทางประตูหลังโดยไม่ให้ใครรู้ เธอโน้มน้าวให้เขาอย่าบอกอะไรกับใครในเรื่องที่ไม่จำเป็น “คุณคิดจริง ๆ หรือว่าเพื่อนร่วมงานจะไม่หักหลังคุณ อย่าเปิดโอกาสให้ใครทรยศเรา ไว้รอดแล้วค่อยมาขอโทษ ยังดีกว่าต้องตายเพราะเชื่อใจคนผิด”

แม็กซ์เจอกับศิริลล์ เธอเผยความลับที่เขาอยากรู้มานาน ความลับที่ว่า “ใครเป็นชู้กับเมียของเขา” แม็กซ์ยื่นซองสีน้ำตาลให้มาเฟียใหญ่ แลกเงินค่าหัวที่เขาตั้งเอาไว้ 2 ล้านยูโร … เมื่อศิริลล์เปิดซองสีน้ำตาลนั้นก็ถึงกับร้องลั่นออกมาด้วยความโกรธ ชายชู้คนนั้นคือแซนเดอร์ !

ในคืนนั้น แซนเดอร์กำลังเปิดเข้าห้องพักของโอเว่นกับแม็กซ์ เขาโดนแทงที่ท้องและถูกผลักตกลงมาจากระเบียง ร่างของแซนเดอร์ร่วงลงกระแทกกระโปรงหน้ารถคันที่จอดอยู่

EP.8 ครั้งแรกสำหรับคุณเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

แม็กซ์กับโอเว่นเดินกลับมาใกล้ถึงโรงแรม ตำรวจและคนมุงดูศพของแซนเดอร์ที่เสียชีวิตอยู่บนหน้ากระโปรงรถ แม็กซ์จึงดึงมือโอเว่นให้รีบออกไปจากที่นั่น ในขณะที่เลสเตอร์กับไวโอเล็ตเตรียมทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อปกป้ององค์กร นั่นก็คือทำลายหลักฐานภายในห้องพักโรงแรมไม่ให้เชื่อมโยงมาถึงซีไอเอ

แต่สิ่งที่วุ่นวายซับซ้อนขึ้นมาอีกหนึ่ง ฮันนาห์นั่งเฟิร์สคลาสบินตรงมาที่เจนีวา เพราะเธอเป็นห่วงโอเว่น และเมื่อมาถึงที่หน้าโรงแรมฮันนาห์ก็พบกับศพอยู่หน้าโรงแรม มันยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงโอเว่นมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แต่ปัญหาก็คือเธอติดต่อโอเว่นไม่ได้นี่สิ

บนรถบัสโดยสารประจำทางสายยูโรปามุ่งหน้าไปเยอรมนี โอเว่นเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อแม็กซ์เห็นเธอจึงคว้าโทรศัพท์ของเขาโยนทิ้งออกไปนอกรถทันที จากนั้นเธอก็บอกสิ่งที่เธอเป็นกังวล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องหนีอยู่ในตอนนี้ นั่นก็คือ คนที่ฆ่าแซนเดอร์ไม่ใช่ศิริลล์ และเป้าหมายที่แท้จริงของมือสังหารก็ไม่ใช่แซนเดอร์ “เป็นไปได้ว่าแซนเดอร์ไม่ใช่เป้าหมาย มือสังหารอาจจะตั้งใจฆ่าฉันหรือเรา เขาซวยเองที่ไปที่นั่นตอนนั้น”

ระหว่างนั้นมีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กันอย่างเคร่งเครียดที่แลงลีย์ … การตายของแซนเดอร์และปฏิบัติการที่ดูเหมือนจะล้มเหลวทำให้ผู้อำนวยการซีไอเอไม่พอใจ แต่ดอว์นยังเชื่อว่าสายข่าว (แม็กซ์) ยังคงทำงานอยู่ และการตายของแซนเดอร์เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ “เราต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาปฏิบัติการนี้ไว้ สายข่าวคนนี้เข้าถึงตัวนายพลที่เป็นเบอร์สองของหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ถ้าสายข่าวกลับเข้าไปได้สำเร็จ จะกลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีต่อหน่วยข่าวกรองรัสเซีย” ดอว์นขอเวลา 24 ชั่วโมงในการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

The Recruit ตอนจบ

กลับบ้าน

แม็กซ์กับโอเว่นมาถึงฐานลับที่เยอรมนี ณ จุดนี้ ดอว์นกับลูกน้องเตรียมพร้อมกับปฏิบัติการส่งแม็กซ์กลับบ้าน มีโดรน RQ-4 Global Hawk คอยสอดแนม มีรถบรรทุกปฏิบัติการเคลื่อนที่ และกองกำลังอาวุธครบมือที่เฝ้าระวังและคุ้มกันให้ทางภาคพื้นดิน ทั้งหมดเตรียมการไว้เพื่อให้แม็กซ์ไปพบมาเฟียระดับสูงชื่อเล็ฟ ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก

ทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน บนถนนมีการโรยเกลือเพื่อไม่ให้หิมะปกคลุมถนน ดอว์นสั่งให้ลูกน้องเข้าประจำจุดดูแลความปลอดภัยให้แม็กซ์จากระยะไกล ส่วนทนายโอเว่นก็อยู่เฝ้ารถปฏิบัติการเคลื่อนที่ … แม็กซ์ขับรถ BMW มุ่งหน้าไปพบเล็ฟที่สถานที่นัดหมาย

แต่สิ่งที่แปลกสำหรับครั้งนี้ก็คือ เป็นครั้งแรกที่แม็กซ์บอกกับโอเว่นว่าเธอกลัว เธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้าน เพราะเป็นไปได้สูงที่เล็ฟจะฆ่าเธอทิ้งหลังได้เงิน แต่มันก็เป็นทางเดียวที่เธอจะได้กลับบ้าน

ผิดคาด เงิน 2 ล้านยูโรก่อนหน้านี้ที่แม็กซ์ส่งให้เล็ฟ รวมกับเงินสดในกระเป๋าอีก 7 ล้านดอลลาร์ทำให้เล็ฟดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้เขาจะบอกกับเธอว่า ยังมีคนที่ไม่ว่าให้เงินเท่าไรก็ไม่ยอมให้แม็กซ์กลับไปอยู่ดี แต่แม็กซ์ยืนยันว่านั่นเป็นปัญหาที่เธอต้องจัดการต่อไป

การเจรจาดำเนินไปเหมือนจะจบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่จู่ ๆ กองกำลังจากไหนไม่มีใครรู้ นั่งรถ SUV มาเต็มคันรถทั้งหมดสามคัน มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่แม็กซ์กำลังเจรจากับเล็ฟ เมื่อมาถึงก็สาดกระสุนเข้าใส่ทันที ทีนี้เล็ฟก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าแม็กซ์ทรยศ ก็เลยกลายเป็นว่าแม็กซ์ต้องเจอศึกสองหน้า

ด้านโอเว่นที่อยู่ในรถปฏิบัติการเมื่อเห็นความผิดปกติ เขาจึงรีบวิ่งไปช่วยแม็กซ์ทันที ณ จุดนี้ ถึงจะเป็นแค่ทนายที่ไม่มีสกิลการต่อสู้ใด ๆ แต่เขาก็อยากจะช่วยแม็กซ์ เขาคว้าท่อนเหล็กฟาดเข้าที่ด้านหลังของหนึ่งในกองกำลัง แล้วก็หยิบเอาปืนกลมาไว้ในมือ

โอเว่นเข้าไปข้างในเพื่อช่วยแม็กซ์ โดยได้รับการคุ้มกันจากดอว์นและลูกน้อง ภายในห้องเจรจา ชายสองคนกำลังถือปืนไปหาแม็กซ์ที่โดนยิงจนได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ เธอกำลังเข้าตาจนซะแล้ว จังหวะนั้น โอเว่นที่ท่าทางจับปืนงก ๆ เงิ่น ๆ ก็ตัดสินใจสาดกระสุนเข้าใส่ชายคนนั้น ปืนในมือสะบัดยิงออกไปรัว ๆ ทันใดนั้นเอง กระสุนเข้าไประเบิดสมองหนึ่งในสอง ชายอีกคนก็พุ่งเข้ามาจะทำร้ายโอเว่น แม็กซ์ก็ตามมาซัลโวลูกปืนเข้าสมองคนชายคนนั้น เนื้อสมองและเลือดกระจายไปทั่วตัวโอเว่น สุดท้าย แม็กซ์ก็เดินไปหาเล็ฟที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ก่อนยิงเธอบอกกับเล็ฟว่าเธอไม่ได้หักหลังเขา เล็ฟกลายเป็นศพ

ความคิด เหตุผล และความรู้สึก

จากนั้น แม็กซ์ก็ลากโอเว่นขึ้นมาบนรถ BMW ก่อนจะบึ่งหนีไป แต่อาการแพนิกของเขากำเริบ เขาพยายามควบคุมมัน ผ่านไปนานนับชั่วโมงเขาก็คุมมันไม่อยู่ เขาเปิดประตูกระโดดลงจากรถขณะที่รถยังวิ่งอยู่ด้วยความเร็ว โอเว่นสติแตกไปแล้ว !!!

แม็กซ์รีบจอดรถแล้วลงไปหาโอเว่นทันที เธอพยายามพูดปลอบประโลมเขาว่า “เป็นครั้งแรกของคุณ ฉันรู้ว่ามันน่าเศร้า”

แต่โอเว่นสติแตกเกินกว่าจะปลอมประโลมได้ด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว เขาลั่นออกมาด้วยสายตาของคนสติแตกอย่างแท้จริง “ผมเหนี่ยวไกใส่หัวคน หัวคนที่ระเบิดเศษสมองกระจายออกมาเป็นชิ้น ๆ ภาพนั้นยังติดอยู่ในหัวผมอยู่เลย” เขาเดินหนีไปพร้อมกับบอกว่าจะเลิกยุ่งกับเรื่องทั้งหมด และตะโกนว่าจะเลิกทำงานให้กับซีไอเอด้วย

แม็กซ์ตะโกนให้โอเว่นกลับขึ้นรถ เธอควักปืนออกมาเล็งไปที่เขา ในขณะเดียวกับที่น้ำตาของเธอก็เอ่อล้น ภายในหัวของเธอกำลังต่อสู้กับความคิดเหตุผลและความรู้สึก จริง ๆ เธอควรลั่นไกใส่เขาไปเรื่องจะได้จบ ๆ แต่เธอทำไม่ได้ เพราะความรู้สึกบางอย่างเข้าครอบงำ เธอปล่อยให้โอเว่นเดินจากไป

แม็กซ์โทร. หาดอว์นแจ้งว่าโอเว่นคือตัวปัญหา และบอกว่าสามารถติดตามตัวเขาได้จากนาฬิกาจีพีเอส … น้ำตายังคงเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าของแม็กซ์ มันเอ่อล้นอยู่อย่างนั้น

โอเว่นหาตู้โทรศัพท์สาธารณะโทร. หาฮันนาห์ ไม่น่าเชื่อว่าฮันนาห์อยู่ที่ปราก เธอได้รับข้อมูลจากกิ๊กของโอเว่นที่ซีไอเอ (อมีเลีย) ว่าเขาอยู่ที่ปราก เธอเป็นห่วงจึงมาหาเขาที่นี่ ทั้งสองจึงนัดเจอกัน

ฮันนาห์นั่งรอโอเว่นอยู่ที่จุดนัดหมาย โอเว่นกำลังเดินมาถึงเธออีกเพียงไม่กี่สิบก้าว แล้วรถ SUV สีดำคันหนึ่งก็มาจอดตัดหน้าแล้วมีคนพาตัวเขาขึ้นรถไป … ฮันนาห์ได้แต่ยืนงงงันอยู่อย่างนั้น

ภาพตัดมายังสถานที่หนึ่ง แม็กซ์กับโอเว่นถูกจับมัดเอาไว้กับเก้าอี้ สักพักหญิงสาววัยรุ่นผมทองก็เดินเข้ามา แม็กซ์ตกใจอุทานออกไปว่า “คาโรลิน่า …” แล้วก็พูดภาษารัสเซียนออกมาหนึ่งประโยค แต่สายตาของคาโรลิน่าเย็นชายิ่งนัก เธอยกปืนในมือขึ้นมา ก่อนจะลั่นกระสุนเข้ากลางอกแม็กซ์ แม็กซ์หน้าฟุบลงไปทันที

โอเว่นที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ส่วนคาโรลิน่าก็ยกแขนขึ้นมาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาก่อนที่จะเดินมาหาโอเว่น เธอย่อตัวลงเพื่อจ้องตาของโอเว่นแล้วพูดขึ้นว่า …

“แกเป็นใคร แล้วมายุ่งวุ่นวายบ้าบออะไรกับแม่ฉัน !?”

จบซีซั่น 1

ดูซีรีส์เรื่องนี้ที่ Netflix : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Recruit (2022) ทนายซีไอเอ appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 1 (2020) อลิสในแดนมรณะ https://www.online-idol.com/2022/12/14/alice-in-borderland-season-1-2020-japanese-series-spoiler-33805/ Tue, 13 Dec 2022 18:12:43 +0000 https://www.online-idol.com/?p=33805 เด็กติดเกมผู้ไร้เป้าหมายชีวิตและเพื่อน 2 คนได้หลุดเข้าไปในโลกคู่ขนานของโตเกียว ซึ่งบีบให้พวกเขาต้องเล่นเกมเสี่ยงตายเพื่อเอาชีวิตรอด …

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 1 (2020) อลิสในแดนมรณะ appeared first on idol.

]]>
Alice in Borderland ซีซั่น 1 สปอยล์ : เด็กติดเกมผู้ไร้เป้าหมายชีวิตและเพื่อน 2 คนได้หลุดเข้าไปในโลกคู่ขนานของโตเกียว ซึ่งบีบให้พวกเขาต้องเล่นเกมเสี่ยงตายเพื่อเอาชีวิตรอด …

EP.1 ชีวิตจริงมันรีเซตเหมือนเกมไม่ได้

อะริสุ (รับบทโดย เคนโตะ ยามาซากิ) เด็กติดเกมที่ไร้เป้าหมายในชีวิต เหลวแหลกไม่ทำงานทำการเป็นตัวถ่วงของครอบครัว ถ้าการเล่นเกมถือเป็นความสามารถ นั่นก็อาจเป็นความสามารถเดียวของเขา

วันนี้อะริสุเซ็งสุด ๆ ที่โดนพ่อกับน้องชายต่อว่าที่ไม่ไปสัมภาษณ์งาน เพราะมัวแต่นั่งก้นจ้ำเบ้าเล่นเกมไม่เลิก เขาจึงเดินออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกเบื่อโลก และนัดเพื่อนซี้อีก 2 คนมาเจอกันที่ชิบุยะ … คารุเบะ เป็นนักเลงหัวไม้ย้อมผมสีทองที่สำมะเลเทเมาไปวัน ๆ และนิยมความรุนแรง ส่วน โจตะ ก็เป็นพนักงานออฟฟิศทรงติ๋ม ที่มีแม่เป็นพวกคลั่งลัทธิ

ทั้งสามนัดเจอกันที่ชิบุยะ ก่อนที่จะเล่นพิเรนทร์จนคนแตกตื่น เมื่อเห็นตำรวจมา พวกเขาจึงวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ สักพักก็มีเสียงดังตึงตังและไฟก็ดับลง ทั้งสามจึงตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อน สิ่งที่เห็นกลับเป็นกรุงโตเกียวที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน … ทั้งสามหลุดเข้ามาในโลกคู่ขนานของโตเกียว !

ทั้งสามแยกย้ายกันออกไปตามหาคน ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่เจอใครเลยแม้แต่คนเดียว มือถือก็เปิดไม่ติดใช้งานไม่ได้ แล้วทั้งสามก็มานั่งสุมหัวคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะต่อไปนี้จะไม่ต้องทำงาน ไม่มีคนมาด่า อิสระสุด ๆ ทันใดนั้น จอแอลอีดีขนาดใหญ่บนตึกก็ติดขึ้นพร้อมด้วยข้อความ “ยินดีต้องรับผู้เล่นทุกท่าน อีกไม่นานเกมจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

Alice in Borderland ซีซั่น 1 EP.1

เกมอยู่หรือตาย ระดับความยาก 3 ดอกจิก ♣

ทั้งสามมาที่ตึกหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นสถานที่ที่ใช้เล่นเกม พวกเขาเดินไปตามป้ายบอกทาง จนไปเจอกับเคาน์เตอร์ที่มีโทรศัพท์วางเรียงรายนับสิบเครื่อง ตรงเคาท์เตอร์มีข้อความพิมพ์ด้วยกระดาษขนาด A4 ระบุว่า “หนึ่งคนต่อหนึ่งเครื่อง” ขณะที่ทั้งสามกำลังงงอยู่นั้น สาวออฟฟิศสุดเซ็กซี่ชื่อ ชิบุกิ (รับบทโดย อายาเมะ มิซากิ) ก็ปรากฏตัวขึ้นเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นเกม และตามมาด้วยเด็กนักเรียนหญิงมัธยมปลายอีกหนึ่งคน

ทั้ง 5 คนอยู่ในเกมที่มีชื่อว่า “อยู่หรือตาย” จากนั้นก็มีข้อความขึ้นที่โทรศัพท์ระบุกติกาการเล่นเกม “เลือกประตูที่ถูกต้อง เพื่อออกไปภายนอกตึกได้ภายในเวลาที่กำหนด”

เกมนี้จะให้ผู้เล่นทุกคนเข้าไปในห้อง ในห้องนั้นจะมีประตูให้เลือกสองบาน บานหนึ่งชื่อ “อยู่” อีกบานหนึ่งชื่อ “ตาย” ผู้เล่นต้องเลือกว่าจะเปิดประตูไหนถึงจะรอด ถ้าเลือกประตูผิด ผู้ที่เปิดประตูจะโดนเลเซอร์ยิงตาย โดยแต่ละห้องจะมีเวลาประมาณ 2 นาที ก่อนที่ห้องนั้นจะถูกรมแก๊สและเผาไฟ

ระหว่างที่ทั้งห้ายังเลือกไม่ถูกว่าจะเปิดประตูไหน แก๊สก็ปล่อยออกมาจากพื้นห้อง พร้อมกับเสียงเตือนว่าเหลือเวลาอีก 20 วินาที เด็กหญิงมัธยมปลายเกิดสติแตกขึ้นมา รีบวิ่งไปเปิดประตู “อยู่” แต่เธอก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเลเซอร์ก็ยิงทะลุสมอง ตายคาที่

ทีนี้พอทุกคนรู้ว่าเกมที่เล่นผู้แพ้ต้องตายจริง ก็สติแตกยิ่งไปกว่าเดิม ห้องต่อมาจึงไม่มีใครยอมเสียสละเป็นคนไปเปิดประตูก่อน เพราะผู้ที่เปิดประตูก่อนและเลือกผิดต้องตาย แต่ยังไงก็ต้องมีคนเปิด คารุเบะจึงยอมเสียสละเลือกเปิดประตู “อยู่” รอด !

ห้องต่อมา อะริสุเริ่มตั้งสติได้ เขาเริ่มใช้สกิลการเล่นเกมเข้ามาคิดอย่างมีเหตุผลแทนการสุ่มวัดดวงอย่างที่ผ่านมา เขาคาดคะเนพื้นที่ของและวัดพื้นที่ของห้อง เมื่อรู้แผนผังของห้องการเลือกประตูที่ถูกเพื่อออกไปจากตึกให้ทันตามเวลาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งหมดสามารถผ่านเกมนี้ได้ แต่โจตะได้รับบาดเจ็บไฟไหม้ที่บริเวณขา

ไพ่ 3 ดอกจิก ♣ วางอยู่บนโตีะ เหมือนเป็นรางวัลให้สำหรับผู้ชนะ ขณะที่พวกเขาหยิบไพ่ใบนั้นขึ้นมาก็มีข้อความส่งมาที่มือถือ “ต่ออายุวีซ่าออกไปอีก 3 วัน” พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จนเมื่อชายคนหนึ่งเดินมาหาพวกเขาและพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าพวกนายจะเล่นชนะกี่ครั้ง มันก็จะไม่มีวันจบ” ทันใดนั้น แสงเลเซอร์สีแดงที่มาจากเบื้องบนก็พุ่งเข้าไปที่ร่างของชายคนนั้น เขาตายในทันที … ทั้งหมดเข้าใจในทันทีว่า วีซ่าและเวลาที่นับถอยหลังบนโทรศัพท์คือเวลาที่พวกเขาเหลืออยู่ ทางเดียวที่พวกเขาจะรอดคือต้องเล่นเกมบ้า ๆ นี้ไปเรื่อย ๆ

EP.2 ถ้าไม่อยากเล่นเกมก็ตายไปซะ

วันที่สองในโลกคู่ขนาน … โจตะพบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไอซีชิปล้วนแล้วแต่ใช้งานไม่ได้ แต่วิทยุทรานซิสเตอร์แบบใส่ถ่านที่ไม่ใช้ไอซีชิปกลับยังใช้งานได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามเพื่อนซี้กับอีกหนึ่งสาวได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิตอยู่ที่นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “วีซ่า” และการต่ออายุวีซ่านั้นมีวิธีเดียว นั่นคือการเข้าร่วมเล่นเกมให้ชนะ โดยเกมจะมีให้เล่นทุกคืน ในหลายพื้นที่ แต่ละเกมจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป สิ่งเดียวที่ทุกเกมเหมือนกันก็คือ ความพ่ายแพ้เท่ากับความตาย

Alice in Borderland ซีซั่น 1 EP.2

เกมวิ่งไล่จับ ระดับความยาก 5 โพดำ ♠

คืนนี้ อะริสุกับคารุเบะออกไปเล่นเกมด้วยกันสองคน โดยให้โจตะที่บาดเจ็บขาอยู่กับชิบุกิ เกมที่ทั้งสองเข้าร่วมเล่นถูกจัดขึ้นที่อพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่นับร้อยห้อง โดยมีผู้เข้าร่วมเกมสิบกว่าคน … มีสาวนักปีนเขาขั้นเทพกับชายหนุ่มสวมฮูดท่าทางลึกลับอยู่ด้วย

ระหว่างนั้น อะริสุกับคารุเบะก็ได้รู้ความหมายเกี่ยวกับหน้าไพ่ ตัวเลขบนไพ่หมายถึงระดับความยาก ส่วนสัญลักษณ์ของไพ่หมายถึงประเภทของเกม ♣ ดอกจิก คือเกมที่ต้องร่วมมือกัน ♦ ข้าวหลามตัด คือเกมที่ต้องใช้ความคิด ♠ โพดำ คือเกมที่ต้องใช้กำลัง ♥ โพแดง เกมจิตวิทยาที่เล่นกับจิตใจคน

เกมนี้มีชื่อว่าเกมวิ่งไล่จับ โดยจะต้องหนีการไล่ล่าจาก “ยักษ์” และค้นหาห้องเซฟโซนซึ่งมีอยู่เพียงห้องเดียวจากห้องทั้งหมดนับร้อยห้อง มีเวลาเพียง 20 นาที ก่อนที่ระเบิดเวลาจะระเบิดทุกอย่างกลายเป็นจุณ

เกมที่ดูเหมือนไม่ซับซ้อน ก็แค่หาห้องที่ไม่ได้ล็อกให้เจอ ความคิดนี้เปลี่ยนไปเมื่อสิ่งที่เรียกว่า “ยักษ์” ปรากฏตัวขึ้น ยักษ์ก็คือคนที่ใส่หน้ากากหัวม้า พร้อมปืนกลในมือที่ยิงใส่ผู้เล่นที่พวกมันเห็นอยู่ตรงหน้า คมกระสุนวิ่งทะลุร่างผู้เล่นคนแล้วคนเล่า เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ส่วนอะริสุกับคารุเบะไหวตัวทัน สามารถหาที่ซ่อนตัวจากยักษ์ได้ ด้านหญิงสาวนักปีนเขาก็ใช้สกิลปีนเขาขั้นเทพหนียักษ์ไปได้อย่างเหลือเชื่อ ส่วนหนุ่มสวมฮูดก็ยืนอยู่ในที่ที่เขาคิดว่าปลอดภัยที่สุดเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างใจเย็น

เคนโตะ ยามาซากิ

เวลาใกล้หมดแล้ว เหลือไม่ถึงสิบนาที คารุเบะวางแผนว่าจะออกไปจัดการกับยักษ์ โดยอาศัยช่วงที่ยักษ์โหลดกระสุนเข้าโจมตี เพื่อให้อะริสุมีเวลาหาห้องเซฟโซนให้เจอ … คารุเบะต่อสู้กับยักษ์อย่างดุเดือด ในที่สุดก็จัดการยักษ์ลงไปกองอยู่กับพื้นสำเร็จ

ด้านอะริสุก็หาห้องเซฟโซนจนเจอ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป ยักษ์อีกตัวที่หลบอยู่ในห้องสาดกระสุนเข้าใส่อะริสุไม่ยั้ง ยังดีที่เขาหลบคมกระสุนและวิ่งเข้ามาหลบอีกห้องหนึ่งได้สำเร็จ และมันคือห้องเซฟโซน แต่ปุ่มกดเคลียร์เกมดันมีอยู่สองปุ่ม แต่ละปุ่มติดเอาไว้อยู่คนละฝั่งของห้อง มีข้อความระบุชัดว่าการเคลียร์เกมต้องกดปุ่มสองปุ่มพร้อมกัน นั่นหมายความว่าต้องใช้สองคนในการกดปุ่มเคลียร์เกม อะริสุตะโกนลั่น ร้องเรียกให้ใครก็ได้เข้ามาในห้อง

มันไม่ง่ายอย่างนั้นที่จะมีใครเข้าไปห้องเซฟโซนได้ เพราะมียักษ์ถือปืนกลอยู่ในมือขวางอยู่ สาวนักปีนเขาได้ยินเสียงตะโกนของอะริสุ ก็ใช้สกิลการขั้นเทพปีนเข้าไปที่ห้องเซฟโซนทางระเบียงตามเสียงอาริสุ แล้วเกมก็เคลียร์ได้ก่อนระเบิดเวลาจะทำงานเพียงแค่ 1 วินาที

ยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้าอะริสุถอดหน้ากากม้าออก ภายใต้หน้ากากเป็นเพียงหญิงวัยกลางคนที่แววตามีแต่ความกลัว หญิงสาวที่เป็นเพียงผู้เล่นเกมเหมือนกับเขา แต่สำหรับเธอคือผู้แพ้ ทันใดนั้นเอง ปลอกคอทสีดำที่ติดอยู่กับคอหญิงวัยกลางคนก็ระเบิดขึ้น เลือดกระจายไปทั่วห้อง โทรศัพท์ในมือกระเด็นตกลงบนพื้น พร้อมขึ้นข้อความ GAME OVER … ที่แท้ยักษ์ก็ดูโหดเหี้ยมก็เป็นผู้เล่นเช่นเดียวกัน ผู้เล่นที่ทำไปเพื่อเอาตัวรอด

อะริสุรู้สึกผิด เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนฆ่าหญิงวัยกลางคนคนนั้น ผิดกับสาวนักปีนคิดต่างออกไป “ทุกคนถูกบังคับ ถ้าไม่อยากเล่นเกมก็ตายไปซะ จะได้จบ”

EP.3 ความเจ็บปวดที่ไร้คำบรรยาย

ระหว่างที่อะริสุกับคารุเบะออกไปเล่นเกม … ชิบุกิรู้ดีว่าไม่ง่ายที่จะรอดชีวิตหากต้องเล่นเกมเพียงลำพัง ชิบุกิจึงยั่วโจตะ และยอมเป็นอาจารย์ขึ้นครูเปิดซิงให้กับเขา

เวลาผ่านไป จนมาถึงวันที่วีซ่าของชิบุกิกับโจตะหมดอายุ ทั้งสี่จึงตกลงจะไปเล่นเกมกันในคืนนี้

ณ สวนพฤกษศาสตร์ชินจูกุ … สถานที่ที่ทั้งสี่เดินทางมาเพื่อเล่นเกม เกมนี้มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น ไม่มีใครอื่นเลย นอกจากโทรศัพท์แล้ว อุปกรณ์อื่น ๆ ที่วางอยู่ล้วนแปลกตาออกไป มีเลื่อย มีด ขวาน กรรไกร บลา ๆ ๆ วางเรียงรายอยู่มากมายให้เลือกได้ตามใจ ใกล้ ๆ กันก็มีอุปกรณ์รูปทรงแปลกประหลาดที่คล้ายปลอกคอที่มีแว่นอัจฉริยะพร้อมหูฟัง ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมเล่นเกมต้องใส่เจ้าอุปกรณ์นี้ทุกคน เมื่อใส่เข้าไป อุปกรณ์ทำการล็อกเข้ากับคอของพวกเขา เลนส์ของแว่นสามารถแสดงผลบางอย่างได้

Alice in Borderland ซีซั่น 1 ตอนที่ 3

เกมซ่อนหา ระดับความยาก 7 โพแดง ♥

เกมนี้ชื่อว่าเกมซ่อนหา กติกาคือให้คนหนึ่งเป็นหมาป่า อีกสามคนจะเป็นลูกแกะ คนที่ถูกหมาป่าเจอตัวจะต้องเป็นหมาป่าคนต่อไป เงื่อนไขของผู้ชนะก็คือ คนสุดท้ายที่เป็นหมาป่าจะเป็นผู้ชนะ มีเวลา 15 นาที หลังหมดเวลาปลอกคอที่สวมคอลูกแกะจะระเบิด โดยสถานะของหมาป่าสามารถส่งต่อกันได้ผ่านการสบตากัน

ขณะที่ทุกคนกำลังงงว่าเกมนี้เล่นยังไง อะริสุก็นึกถึงสิ่งที่เขารู้มา โพแดงเป็นเกมที่ยากที่สุด เป็นเกมจิตวิทยาที่เล่นกับจิตใจ แต่เกมนี้มันคืออะไรกันแน่ ทั้งสามเพื่อนซี้มองตากันด้วยความงงงวย “เกมนี้มันเล่นยังไงกันนะ ?” จังหวะนั้นเอง ชิบุกิที่รู้เป็นคนแรกว่าเกมนี้เล่นยังไงก็เรียกทุกคน ทำให้อะริสุสบตากับเธอ เมื่อเธอได้เป็นหมาป่า สิ่งที่เธอทำคือวิ่งหนี เพราะผู้ที่เป็นหมาป่าเป็นเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอด นั่นหมายความว่าเกมนี้จะมีผู้ชนะเพียงคนเดียว !

ทั้งสามเพื่อนซี้รู้ทันทีว่า แท้จริงแล้วหมาป่าต่างหากเป็นผู้ที่ต้องซ่อนตัวเพื่อรอดชีวิต คารุเบะคว้ามีดวิ่งตามล่าชิบุกิจนเจอตัว ตอนนี้สถานะหมาป่ามาอยู่กับคารุเบะ ในหัวของเขาตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าเขาต้องรอด คารุเบะคิดเพียงว่าเขาจะต้องรอด รอดเพื่อไปขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน อย่างไรก็ตาม สุดท้ายหมาป่าก็ไปตกอยู่กับอะริสุ

อะริสุไม่ต้องการให้เพื่อน ๆ ต้องมาแตกคอกันเพราะเกมบ้า ๆ นี่ เขาพยายามให้สมองหาทางให้ทุกคนรอด เขาไปหลบซ่อนตัวและใช้ไขควงแกะปลอกคอออก แต่มันก็ไร้ผล ปลอกคอเหล็กนั่นมันไม่สามารถถอดออกได้ ในตอนนี้ภาพของหญิงวัยกลางคนที่โดนปลอกคอระเบิดจนเลือดสาดตายอย่างน่าอนาถผุดเข้ามาในหัว อะริสุสติแตกนั่งคุดคู้กอดเข่าเหมือนเด็กขี้แพ้คนหนึ่ง น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุด นี่หรือที่เรียกว่าเกมโพแดง

หรือนี่จะเป็นอีกไม่กี่นาทีสุดท้ายของชีวิตพวกเขา ภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวของเพื่อนซี้ทั้งสาม เพื่อนซี้ที่คอยปลอบโยนกันและกันตั้งแต่เด็ก เพื่อนที่มองความข้ามความไม่เอาไหน เพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างในวันแย่ ๆ “อะริสุ คารุเบะ โจะตะ” อะริสุพยายามคิดใช้เหตุผล ทั้งชีวิตก็มีเพื่อนเพียงสองคนนี่แหละที่ทำให้เขายังมีความหมายที่จะมีชีวิตต่อไป ดังนั้น เขาจึงรวบรวมความกล้าเดินออกจากที่ซ่อนเพื่อไปหาเพื่อน ๆ คนที่สมควรรอดมากกว่าเขา

ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว อีก 2 นาทีปลอกคอก็จะระเบิด จากตอนแรกที่ทุกคนแย่งกันเป็นหมาป่าเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนี้ทุกคนกลับหลบซ่อน หลบซ่อนเพื่อให้อะริสุได้เป็นหมาป่าและรอดชีวิต เพราะมิตรภาพมันสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เวลานี้ไม่มีใครต้องการรอด ไม่มีเลยจริง ๆ พวกเขารู้ดีว่า ชีวิตที่ขาดเพื่อนเคียงข้างนั้นมันโหดร้ายเพียงใด เปลี่ยวเหงาเพียงใด

อะริสุเริ่มรู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เพื่อน ๆ ยอมตายเพื่อให้เขารอด โจตะกับคารุเบะเห็นตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายที่จะให้อะริสุเป็นผู้รอดชีวิตในเกมอันโหดร้ายเกมนี้ เพื่อนแท้มันเป็นสิ่งวิเศษแค่ไหน บางคนอาจไม่เคยสัมผัสว่ามันลึกซึ้งเพียงใด ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน แม้แต่ชิบุกิ หญิงสาวที่เห็นแก่ตัวมาทั้งชีวิตก็ยังเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เธอร้องไห้โผเข้ากอดโจตะ

ทุกอย่างดำเนินมาถึงช่วงสิบวินาทีสุดท้าย อะริสุก็ยังพยายามตามหาเพื่อนของเขา เขาไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้ ตอนนั้นเอง คารุเบะได้ปรากฏตัวต่อหน้าอะริสุ แต่คารุเบะไม่ได้หันไปมองอะริสุเลย เขามาเพื่อเอ่ยคำลาเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อจะรอดชีวิตจากไอ้เกมบ้า ๆ เกมนี้ … ทันใดนั้น เสียงระเบิดที่ปลอกคอของคารุเบะก็ดังขึ้น เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ เลือดของคารุเบะสาดเข้าหน้าเข้าตาเข้าปากของอะริสุ !!!

ทุกสิ่งบนโลกนี้เหมือนเงียบสงบลง เสียงร้องอันโหยหวนของอะริสุดังกึกก้อง เสียงของคนคนเดียวที่กลบทุกเสียงที่อยู่บนโลกนี้ เสียงของความเจ็บปวดที่ใครก็ไม่อาจบรรยายออกมาได้

เคนโตะ ยามาซากิ ในซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 1 ตอนที่ 3

EP.4 ชัยชนะที่ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง

เพื่อนสนิทตายไปหมดแล้ว โจตะ คารุเบะ ตายไปต่อหน้าต่อตา อะริสุในเวลานี้จึงกลายเป็นคนที่หมดสิ้นทุกอย่าง หมดสิ้นแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นยืน ร่างของอะริสุนอนนิ่งบนพื้นถนนอยู่อย่างนั้น เขาต้องการจะนอนให้ตัวเองตายไปซะตรงนั้นเลย

สาวปีนเขาเดินผ่านมาเห็นอะริสุนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หนึ่งวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว สามวันก็แล้ว จนเธอตัดสินใจช่วยเขา โดยพาเขามาอยู่ที่ที่พักของเธอ จัดหาข้าวปลาอาหารให้กิน

สาวนักปีนเขาแนะนำตัวเอง เธอชื่อ อุซางิ (รับบทโดย ทาโอะ ทสึจิยะ) แม้ภายนอกเธอจะดูเข้มแข็ง แต่ภายในใจลึก ๆ ของเธอนั้นก็เจ็บปวดไม่ต่างจากอะริสุ เธอต้องสูญเสียคนที่รักไป เกมที่เล่นก็ต้องเอาตัวรอดบนความตายของผู้เล่นคนอื่น เขากับเธอไม่ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่คำที่สะกิดใจให้อะริสุมีแรงลุกขึ้นสู้ ถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองตายไปทั้งอย่างนี้ ความตายของเพื่อน ๆ ทั้งสองของเขาก็จะไร้ความหมาย “นายต้องมีชีวิตต่อไปนะ อะริสุ” เสียงของโจตะดังก้องในหัวของเขา

ทาโอะ ทสึจิยะ ในซีรีส์ Alice in Borderland Ep.4

เกมดิสแทนซ์ ระดับความยาก 4 ดอกจิก ♣

เมื่ออะริสุเริ่มมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง คืนนั้น เขาและอุซางิจึงเข้าร่วมเล่นเกมด้วยกัน

ที่ทางด่วนใต้ดินกรุงโตเกียว … ทั้งสองเดินมาเจอกับรถบัสรุ่นเก่าบุโรทั่งที่จอดขวางถนน ภายในมีชายอีก 3 คนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว อะริสุกับอุซางิจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อลงทะเบียนเล่นเกม

เกมนี้มีชื่อว่าเกมดิสแทนซ์ กติกาคือไปถึงเส้นชัยภายในเวลาที่กำหนด โดยมีเวลา 120 นาที … ชายสามคนที่อยู่บนรถ หนึ่งในนั้นมีอาการบาดเจ็บที่ขา ทำให้ไม่สามารถวิ่งไปกับคนอื่น ๆ ได้ ชายขาเจ็บจึงให้ทุกคนวิ่งไป ส่วนเขาจะหาทางเคลียร์เกมนี้ด้วยตัวเอง

ทั้งสี่คนวิ่งไปด้วยกันหลายกิโลฯ จนอะริสุเจอเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิกคันหนึ่งที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เขาจึงฉุกคิดสิ่งที่โจตะเคยบอกว่าอุปกรณ์แอนะล็อกยังสามารถใช้งานได้ รถบัสก็ใช้งานได้เช่นกัน เพราะเป็นรถรุ่นเก่าที่ผลิตตั้งแต่ปี 1970 เพียงแค่ต้องเติมน้ำมัน และน้ำมันจากมอเตอร์ไซค์คันนี้แหละสามารถทำให้รถบัสนั้นวิ่งได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงบอกให้อุซางิไปก่อน ส่วนเขาจะเอาน้ำมันไปเติมรถบัสเพื่อช่วยชายขาเจ็บ “ฉันจะไม่ยอมทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกแล้ว”

เคนโตะ ยามาซากิ ในซีรีส์ Alice in Borderland Ep.4

อะริสุกลับไปที่รถบัส ส่วนอุซางิก็วิ่งไปจนสุดทาง ซึ่งมีป้ายเขียนว่าทางตัน อุซางิจึงนั่งรออยู่ตรงนั้นเพราะเธอคิดว่าเป็นเส้นชัย แต่ผิดคาด เมื่อเวลาผ่านไปใกล้หมดเวลา ทันใดนั้น เสียงมวลน้ำขนาดใหญ่ก็พุ่งมาทางที่เธอนั่งอยู่ อุซางิรีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต จนไปเจอเข้ากับอะริสุที่ขับรถบัสคันนั้นมารับเธอขึ้นรถทันเวลาพอดี แล้วรถบัสก็โดนน้ำไหลซัดจนพลิกตะแคง

ทุกอย่างสงบลง อะริสุ อุซางิ และชายขาเจ็บช่วยกันปีนออกมาจากรถ ตอนนั้นเองทั้งสามจึงได้เห็นข้อความที่เขียนเอาไว้ข้างรถบัสว่า GOAL ที่แท้แล้ว รถบัสต่างหากคือเส้นชัย ทั้งสามจึงผ่านเกมนี้ไปได้อีกครั้ง ส่วนชายอีกสองคนไม่รอด

EP.5 บีชแดนสวรรค์ในฝัน

อะริสุก้บอุซางิตกลงว่าจะออกไปตามหา “บีช” ด้วยกัน ทั้งสองไม่รู้หรอกว่าบีชคืออะไร แต่พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นทางเดียวที่จะจบเกมบ้า ๆ นี้

หลังจากใช้เวลาตามหามาหลายวัน พวกเขาก็เจอกับสถานที่แห่งนี้ที่ไฟสว่างไสวท่ามกลางความมืดมิด บีชมันต้องเป็นที่นี่อย่างแน่นอน ทันใดนั้น ทั้งสองก็โดนกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้าทำร้ายจากทางด้านหลังจนสลบไป

คนขายหมวก Alice in Borderland

ทั้งสองฟื้นขึ้นมาก็ได้เข้ามาอยู่ใน “บีช” เป็นที่เรียบร้อย เบื้องหน้ามีชายร่างผอมสวมแว่นตาดำอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำลายแปลกประหลาด ท่าทางวางมาดใหญ่โต ดูแวบเดียวก็รู้ว่าคือนายใหญ่ของที่นี่ ทุกคนเรียกชายคนนี้ว่า “คนขายหมวก” จากนั้นเขาก็เล่าถึงสถานที่นี้ว่ามันเป็นสถานที่ที่รวบรวมผู้คนที่มีจุดหมายเดียวกัน นั่นก็คือ เอาชนะเกมนี้ให้ได้ ในทุก ๆ คืนสมาชิกของบีชจะร่วมมือกันเล่นเกม โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการกลับไปใช้ชีวิตในโลกเดิม ซึ่งจะต้องรวบรวมไพ่ให้ครบ 52 ใบ

การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มีกฎเหล็กอยู่สามข้อ หนึ่ง ทุกคนต้องสวมชุดว่ายน้ำไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการพกพาอาวุธ และที่นี่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุดเหวี่ยง จะปาร์ตี้หรือจะมั่วกันแค่ไหนก็ได้ตามที่ตัวเองพอใจ แต่กุญแจประตูทุกห้องของที่นี่จะถูกอัดกาวไว้ ไม่สามารถล็อกห้องได้ เพื่อไม่ให้มีเรื่องที่ปิดบังกัน … กฎข้อสอง ไพ่ทุกใบที่หามาได้ถือเป็นสมบัติของบีช คนที่หาไพ่ได้เยอะจะได้เลื่อนขั้นเป็นอันดับที่สูงขึ้น … และกฎข้อสุดท้าย ใครที่ทรยศจะต้องตาย !

บีชตั้งอยู่ที่รีสอร์ตหรูขนาดใหญ่ ที่นี่จะมีปาร์ตี้ทั้งวันทั้งคืน ทุกคนสามารถสนุกสุดเหวี่ยงได้ตามใจอยาก จะยา จะเมา จะมั่ว หรือจะอะไรก็ได้ทั้งนั้นตามใจชอบ มันช่างเป็นดินแดนสวรรค์อย่างแท้จริง นี่น่ะเหรอคือการปกครองที่ใช้ความสุขมอมเมาให้ผู้คนหลุดจากความจริง ความจริงที่มีความตายรออยู่เบื้องหน้า

Alice in Borderland ซีซั่น 1 EP.5

เกมหลอดไฟ ระดับความยาก 4 ข้าวหลามตัด ♦

คืนนั้น อะริสุต้องเข้าร่วมเล่นเกม เพื่อทดสอบความสามารถในการขึ้นเป็นสมาชิกระดับสูงของบีช เกมนี้มีชื่อว่าเกมหลอดไฟ มีระดับความยากอยู่ที่ 4 ข้าวหลามตัด ♦

สถานที่เล่นเกมเป็นห้องปิดทึบ ห้องหนึ่งมีหลอดไฟแบบเก่าชนิดหลอดไส้ 40 แรงเทียน อีกห้องหนึ่งมีสวิตช์อยู่สามอัน แต่ละสวิตช์มีตัวอักษร A B C ติดเอาไว้ จะมีเพียงหนึ่งสวิตช์เท่านั้นที่ใช้เปิดหลอดไฟ โดยทั้งสองห้องจะมีประตูเหล็กแบบบานเลื่อนที่สามารถเปิดปิดได้กั้นเอาไว้ คำถามก็ง่าย ๆ แค่ต้องทายให้ถูกว่าสวิตช์อันไหนที่ใช้เปิดหลอดไฟ ?

เกมนี้จะมีกฎอยู่สามข้อ หนึ่ง ถ้าเปิดประตูค้างไว้จะสามารถสับสวิตช์ได้ครั้งเดียวเท่านั้น สอง ถ้าปิดประตูไว้จะสามารถสับสวิตช์กี่ครั้งก็ได้ สาม ถ้ามีคนอยู่ในห้องที่มีหลอดไฟระหว่างที่มีการสับสวิตช์ ประตูจะถูกล็อกและไม่สามารถเปิดได้ โดยจะมีโอกาสตอบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เมื่อฟังกฎของการเล่นเกมจนจบ ผู้เล่นเกมคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันสติแตก งงงวยกับคำถามที่ดูเหมือนง่าย ถ้าปิดประตูแล้วสับสวิตช์กี่ครั้งก็ได้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังไงก็มองไม่เห็นอยู่ดี จะให้ใครเข้าไปอยู่ในห้องหลอดไฟก็ไม่ได้ ผู้เล่นเลเวลต่ำจึงรีบบอกให้อะริสุสุ่มเลือกสับสวิตช์หนึ่งสวิตช์ ถ้าโชคดีก็อาจจะถูก แต่ถ้าโชคร้ายก็ยังมีโอกาสตอบอีกครั้ง ถ้าใช้วิธีนี้โอกาสชนะเกมนี้ก็จะอยู่ที่ 66.66%

อะริสุไม่คิดเช่นนั้น นี่มันเกมข้าวหลามตัด เกมที่ต้องใช้สมองถึงจะมีโอกาสชนะเกม 100% ไม่ใช่เกมที่ต้องมาวัดดวง ทันใดนั้นในหัวของอะริสุก็ผุดคำตอบขึ้นมา เขารีบตะโกนสั่งให้ผู้เล่นคนอื่นปิดประตูนั้นทันที จากนั้น เขาก็สับสวิตช์ A ทิ้งเอาไว้นานนับนาที แล้วเขาก็สับสวิตช์ A กลับมาที่เดิม ก่อนจะตะโกนสั่งให้เปิดประตู คราวนี้เขาสับสวิตช์ B ขึ้น หลอดไฟยังคงมืดสนิท นั่นหมายความว่าตอนนี้เหลือแค่ตัวเลือก A กับ C จากนั้น อะริสุก็ตะโกนสั่งให้หนึ่งในผู้เล่นเข้าไปจับหลอดไฟ ปรากฏว่าผู้ที่เข้าไปแตะหลอดไฟถึงกับสะดุ้งโหยงออกมาเพราะความร้อน แล้วเขาก็พบคำตอบที่ถูกต้อง สวิตช์ A … เกมเคลียร์

อะริสุอธิบายให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ยังงงว่ารู้คำตอบนี้ได้อย่างไร เขาอธิบายว่า หลอดไฟที่ใช้เป็นหลอดไส้รุ่นเก่า ซึ่งจะสะสมความร้อนไว้มากแม้เปิดแค่แป๊บเดียว นั่นหมายความว่าตอนที่ประตูปิดอยู่ก็สามารถรู้ได้ว่าหลอดไฟนั้นถูกเปิดอยู่หรือไม่ ส่วนตอนประตูเปิดอยู่ก็สับอีกหนึ่งสวิตช์ ซึ่งก็เท่ากับว่าคำตอบที่ได้จะถูกต้อง 100% นั่นเอง

เมื่อกลับมาที่บีช อะริสุได้เลื่อนให้เป็นสมาชิกระดับสูงของบีช ได้สิทธิ์เข้าร่วมประชุมและเสนอความเห็นต่าง ๆ ได้

EP.6 การปกครองโดยคนโง่

ในทุก ๆ ที่ที่มีมนุษย์อยู่รวมกันมากกว่าสองคน มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า “การเมือง” เกิดขึ้นเสมอ และที่ “บีช” ก็เช่นกัน …

คนขายหมวกปกครองด้วยการให้อิสรเสรีแบบสุดโต่งกับทุกคน ส่วนอีกฝั่งเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่นำโดยเบอร์สองของบีช อะงุนิ อดีตทหารร่างกายกำยำ ที่มีลูกสมุนคนสนิทเป็นมือดาบซามูไรสุดโรคจิตรอยสักเต็มหน้าชื่อ “ลาสต์บอส” และ นิรากิ กุ๊ยขยะสังคมอีกหนึ่ง

คืนนี้ คนขายหมวกจะต้องออกไปเล่นเกมเพื่อต่อวีซ่า ช่วงกลางวันเขาจึงดื่มกินหาความสำราญอย่างเต็มคราบโดยมีอะริสุนั่งคุยเป็นเพื่อน คนขายหมวกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาว่าในโลกเดิมเขาเคยมีบาร์โฮสต์อันดับหนึ่งที่คาบูกิโจชื่อบีช เป็นอดีตยากูซ่า และเคยรับช่วงต่อร้านขายหมวกจากพ่อ ซึ่งเป็นที่มาของฉายาคนขายหมวก

ตกเย็น สมาชิกบีชจำนวนหลายร้อยก็ออกมาส่งคนขายหมวกออกไปเล่นเกม แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของคนขายหมวก

รุ่งขึ้น ร่างไร้วิญญาณของคนขายหมวกถูกนำกลับมาที่บีช ร่องรอยกระสุนที่บริเวณหน้าอก ทำให้สมาชิกระดับสูงหลายคนสงสัยว่า คนขายหมวกอาจถูกพวกเดียวกันลอบสังหาร แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา

เมื่อเบอร์หนึ่งตาย ก็ไม่มีสมาชิกระดับสูงหน้าไหนกล้าต่อต้านกองกำลังติดอาวุธ ทุกคนต่างยอมศิโรราบให้อะงุนิขึ้นเป็นผู้นำบีชด้วยคะแนนเสียงแบบเป็นเอกฉันท์ … ประชาธิปไตยจากปลายกระบอกปืนมันเป็นแบบนี้เองสินะ

รีแคป Alice in Borderland ซีซั่น 1 EP. 6

ระหว่างนั้น ชายลึกลับสวมฮูดก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาวิเคราะห์สถานการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าคนขายหมวกจะต้องถูกโค่นล้ม และเมื่อบีชถูกปกครองด้วยผู้ปกครองโง่ ๆ บีชก็จะเปลี่ยนจากแดนสวรรค์กลายเป็นแดนนรก ชายลึกลับสวมฮูดชวนอะริสุให้เข้าร่วมพลิกเกมนี้ ด้วยการวางแผนขโมยไพ่ทั้งหมดที่อยู่ในตู้เซฟแล้วหนีออกจากบีชไปด้วยกัน … ตอนนี้ทั้งสี่คนได้ตกลงร่วมมือกัน ชายสวมฮูด สาวทูพีซ อะริสุ และอุซางิ

ในขณะที่ทุกคนไปรวมตัวกันเพื่อฟังประกาศตัวผู้นำคนใหญ่ที่ล็อบบี้ เวลานี้แหละที่อะริสุจะเข้าไปที่ห้องที่เก็บตู้เซฟ เขาเปิดตู้เสื้อผ้าเข้าไปก็เจอตู้เซฟตู้เล็ก ๆ วางอยู่ โดยชายสวมฮูดจะเป็นคนบอกรหัสผ่านให้ แต่ปรากฏว่ารหัสไม่ถูกต้อง แล้วทันใดนั้น อะงุนิและลูกน้องก็มายืนต่อหน้าอะริสุ งานนี้เขาถูกจับได้ซะแล้ว !

อะริสุถูกจับเอาเทปพันหน้าพันปากแล้วจับมัดไว้กับเก้าอี้ เขาถูกขังไว้ในห้องเพียงลำพัง พวกมันขังอะริสุเอาไว้แบบนั้น เพื่อปล่อยให้วีซ่าหมดแล้วเขาก็จะโดนเลเซอร์ยิงตายไปเอง มันเป็นความตายที่น่ากลัวยิ่งนัก ความตายที่น่ากลัวกว่าความตายคือความตายที่รออยู่เบื้องหน้าแต่ไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไร !

ตกดึกคืนนั้น ชายสวมฮูดจึงแอบเข้าไปที่ตู้เซฟนั้นอีกครั้ง ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาว่า “อะริสุนี่มันโง่หรือมันฉลาดกันแน่นะ ของสำคัญแบบนั้นใครมันจะเก็บเอาไว้ในตู้เซฟที่ใส่อยู่ในตู้เสื้อผ้า” ที่แท้แล้ว ตู้เซฟที่เก็บไพ่ถูกซ่อนเอาไว้หลังรูปภาพกวางที่ฝังเอาไว้ที่ผนังห้อง

ชายสวมฮูดได้ไพ่ทั้งหมดแล้ว แต่สาวทูพีซก็ทักว่า เราจะหนีไปแบบนี้โดยที่ทิ้งให้อะริสุกับอุซางิรับชะตากรรมอย่างนั้นน่ะเหรอ ? แต่ก็นั่นแหละ ชายสวมฮูดไม่ได้สนใจคนทั้งสองเลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่ได้สนใจเลยว่าเวลานี้อุซางิกำลังถูกได้เดนนรกขยะสังคมรุมโทรมข่มขืนอยู่ แต่ทันใดนั้น แสงเลเซอร์ก็พุ่งลงมาจากบนฟ้าล้อมทั้งรีสอร์ตเอาไว้ ณ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถออกไปจากที่นี่ได้ทั้งนั้น หรือว่าในคืนนี้ “บีช” จะถูกใช้เป็นสถานที่เล่นเกม !?

เกมล่าแม่มด ความยากระดับ 10 โพแดง ♥

ใช่ เกมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ทุกคนถูกเรียกตัวให้ไปรวมตัวกันที่ล็อบบี้ อุซางิรอดจากพวกเดนนรกไปได้อย่างหวุดหวิด ที่ล็อบบี้มีศพของหญิงสาวคนหนึ่งโดนมีดปักอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายนอนอยู่บนพื้น เกมนี้มีชื่อว่าเกมล่าแม่มด เป็นเกมที่มีระดับความยากที่ไม่มีใครเคยเล่นมาก่อน ระดับความยาก 10 โพแดง ♥

แล้วข้อความก็ขึ้นในโทรศัพท์ของทุกคน “แม่มดที่พรากชีวิตของสาวน้อยอยู่ในกลุ่มพวกคุณ แม่มดไม่จำกัดอยู่เฉพาะเพศหญิง ต้องหาแม่มดให้เจอแล้วนำร่างไปเผาในกองไฟ ถือว่าเกมเคลียร์ มีเวลาเล่นเกม 2 ชั่วโมง”

EP.7 บีชแดนนรกเดนตาย

รีแคป Alice in Borderland ซีซั่น 1 EP.7 : บีชแดนนรกเดนตาย

Alice in Borderland ซีซั่น 1 EP.7 : เวลานี้ “บีช” ที่เคยเป็นแดนสวรรค์อันปลอดภัย กลับกลายเป็นแดนสังหารอันน่าสยดสยอง การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งนำไปสู่การปะทะอันดุเดือด …

เงื่อนไขในการเล่นเกมนั้นง่ายมาก แค่หาตัวแม่มดให้เจอ แต่วิธีการที่จะหาตัว “แม่มด” น่ะสิ จะหายังไง ? สมาชิกของบีชมีจำนวนหลายร้อยแต่ต้องหาคนเพียงคนเดียวโดยมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง มันไม่ง่ายเลย นี่น่ะเหรอ เกม 10 โพแดง ♥ ที่ไม่มีใครเคยเล่น

แต่ละคนต่างเถียงกันไปมาว่าคนนั้นเป็นผู้ต้องสงสัย คนนี้เป็นแม่มด จนลาสต์บอสทนรำคาญไม่ไหว จึงคว้าดาบซามูไรกะซวกแทงสาวชอบจ้อคนนั้นตายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน สมาชิกบีชแดนสวรรค์ในฝันที่ตอนนี้กลายเป็นแดนนรกเดนตายนั้นเงียบกริบ ก่อนที่เสียงของอะงุนิ ผู้ปกครองคนใหม่จะประกาศก้องออกมาว่า “ต้องมีใครสักคนในนี้เป็นแม่มด ยกเว้นพวกของฉัน งั้นคงต้องฆ่าให้หมด” … สมงสมองไม่ต้องใช้ ฆ่าไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอแม่มด

ไม่มีสมาชิกบีชคนไหนเห็นด้วยกับวิธีการอันโง่เง่าเช่นนี้ แต่เวลานี้การเอาตัวรอดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เสียงปืนกลดังขึ้นรัว ๆ ทุกคนแตกฮือหนีกันไปคนละทิศคนละทาง ในขณะที่กองกำลังติดอาวุธของอะงุนิ ออกไล่ฆ่าทีละคน ๆ มือเปล่ากับปืน ไม่มีทางที่จะสู้กันได้เลย ศพนับสิบนับร้อยเริ่มทยอยถูกขนเอาไปที่กองไฟด้านนอก ผ่านไปศพแล้วศพเล่าแต่ก็ยังไม่เจอแม่มด

อายะ อาซาฮินะ ในซีรีส์ Alice in Borderland อลิสในแดนมรณะ ซีซั่น 1

ระหว่างนั้น อัน อดีตตำรวจหญิง แผนกนิติเวช ก็แอบเอามีดที่ปักอกหญิงสาวไปทำการตรวจสอบลายนิ้วมือของแม่มด แต่ลาสต์บอสเข้ามาขวาง สาวทูพีซจึงอาสาเข้ามาสู้กับลาสต์บอส เอ๊ะ สาวทูพีซร่างบอบบางที่มีเพียงมือเปล่าจะต่อสู้กับลาสต์บอสมือดาบซามูไรอย่างนั้นน่ะเหรอ !?

ผิดคาด สาวทูพีซสามารถระดมทั้งหมัดทั้งตีนกระหน่ำเข้าใส่ลาสต์บอสไม่ยั้ง หญิงสาวสุดเซ็กซี่คนนี้เป็นใครกันนะ ? แท้ที่จริงแล้ว สาวทูพีซมีอดีตเป็นชายนักยูโดสายดำฝีมือระดับเทพ ใช่ ! สาวทูพีซคือหญิงข้ามเพศที่ถูกพ่อไล่ออกจากบ้านเพราะรับไม่ได้ที่ลูกชายมีใจเป็นหญิง แม้ต่อมาจะใช้การทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงตัวเองจนเป็นสาวสุดเซ็กซี่ แต่ฝีมือด้านการต่อสู้ยังระดับเทพเหมือนเดิม แตกต่างกับลาสต์บอสอย่างสิ้นเชิง ที่เมื่อก่อนเป็นเพียงชายขี้แพ้ที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง … ในที่สุด การต่อสู้ก็จบลงที่ความพ่ายแพ้ของลาสต์บอส

อีกด้านหนึ่ง นิรากิ กุ๊ยสุดสถุลก็โดนขายสวมฮูดจัดการใช้ปืนไฟยิงใส่จนตกจากตึกตายอนาถไปอย่างง่ายดาย สมกับความสถุลของตัวมันเองที่ตายไปแบบไม่มีใครจดจำ

ด้านอุซางิก็ออกตามหาอะริสุจนเจอ เธอช่วยเขาออกมาได้ จากนั้นเธอก็เล่าเงื่อนไขของการเล่นเกมให้เขาฟัง อะริสุใช้ความคิดอย่างเต็มที่ในการไขปริศนานี้ให้ได้ “ใครคือแม่มด ?” ในเมื่อมันเป็นเกมโพแดงที่เล่นกับจิตใจของผู้เล่น เขาเคยผ่านมาแล้ว เขารู้ดีว่าเกมนี้ต้องมีอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่าการหาแม่มด ฉะนั้นการคิดแบบผู้เล่นไม่สามารถเอาชนะเกมนี้ได้ หากแต่ต้องคิดแบบเกมมาสเตอร์ (ผู้สร้างเกม) เท่านั้น

อะริสุใช้เวลาพักใหญ่คิดวิเคราะห์เรื่องราว จนเขาสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นพร้อมกันโดยบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ คนขายหมวกตาย มีการเปลี่ยนผู้นำเป็นผู้นำที่โง่เง่าเบาปัญญา จึงทำให้เรื่องราวเลยเถิดกว่าที่ควรจะเป็น

แล้วในที่สุด อะริสุก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันรู้แล้วว่าใครคือแม่มด”

EP.8 เพียงแค่จุดเริ่มต้น

อะริสุกับอุซางิออกไปเผชิญหน้ากับอะงุนิที่ล็อบบี้ อะริสุขอร้องให้ทุกคนร่วมมือจบเกมนี้ไปด้วยกัน เพราะยังไงเขาก็ไม่ใช่แม่มด เนื่องจากเขาถูกขังอยู่ในห้อง แต่ผู้นำโง่เง่าอย่างอะงุนิไม่สนใจคำพูดของอะริสุ เขาพุ่งเข้าไประดมทั้งหมัดทั้งเท้าเข้าใส่ไม่ยั้ง จนทำให้ทุกคนคิดว่าแม่มดคืออะงุนิ และตัวเขาเองก็ยอมรับกับทุกคนว่าเขาคือแม่มด !!?

“อะงุนิไม่ใช่แม่มด” อะริสุเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่คิดว่าอะงุนิเป็นแม่มด เขาเคยผ่านเกมโพแดงมาแล้ว เขารู้ดีว่าเกมนี้จะเล่นตลกกับจิตใจคน การฆ่าอะงุนิเพื่อจบเกมมันง่ายเกินไป จากนั้นอะริสุก็เฉลยความจริงที่เขารู้ออกมา …

แท้จริงแล้ว คนขายหมวกกับอะงุนิเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่โลกเดิม ทั้งคู่ตั้งใจสร้างภาพลักษณ์ให้ดูขัดแย้งกันขึ้นมาเพื่อปกครองบีชแห่งนี้ และใช้ความหวังเป็นจุดขายให้ทุกคนรวมใจกันเป็นหนึ่ง โดยการสร้างสตอรี่การรวมไพ่ให้ครบเพื่อจะได้กลับไปโลกเดิมขึ้นมา ใช่ การรวมไพ่ครบแล้วจะได้กลับไปโลกเดิมนั้นเป็นเรื่องโกหก

เริ่มแรก การสร้างบีชขึ้นมาก็เพื่อให้ผู้คนมีความหวังในชีวิต และคนขายหมวกก็ทำมันได้สำเร็จ ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาที่นี่ด้วยความหวัง แต่เมื่อจำนวนคนยิ่งเยอะ ปัญหาที่ไม่คาดคิดก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวร้ายอย่างนิรากิและลาสต์บอสเข้ามา ทำให้อะงุนิต้องตั้งตัวเป็นหัวเรือใหญ่ตั้งกองกำลังติดอาวุธขึ้นมา และแสร้งทำเป็นปฏิปักษ์กับคนขายหมวก เพื่อควบคุมพวกสถุลเดนนรกเหล่านั้นเอาไว้

ผ่านไปไม่นาน อำนาจเริ่มทำให้คนขายหมวกเปลี่ยนไป ยิ่งนานวันคนขายหมวกยิ่งหมกมุ่นอยู่กับการรวบรวมไพ่ การรวบรวมไพ่ที่เขาเป็นคนสร้างสตอรี่ขึ้นมา การรวบรวมไพ่ที่ไม่มีจริง !

วันหนึ่ง คนขายหมวกสังหารสมาชิกหลายคนที่แอบซ่อนไพ่เอาไว้อย่างคลุ้มคลั่ง พร้อมกับตั้งกฏเหล็กข้อใหม่ขึ้นมา ใครทรยศคนนั้นต้องตาย อะงุนิที่เห็นเพื่อนรักเปลี่ยนไปขนาดนี้ก็ถึงกับหวั่นใจ อำนาจได้กลืนกินเพื่อนรักคนเดิมของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว

จนกระทั่งถึงคืนนั้น คืนที่คนขายหมวกออกไปเล่นเกม อะงุนิได้พบกับคนขายหมวกเป็นการส่วนตัว เขาสารภาพว่าทนสภาพที่เป็นอยู่ไม่ไหวแล้ว เขาอยากออกจากบีช แล้วอยู่ดี ๆ คนขายหมวกก็พูดขึ้นว่า “คนทรยศจะต้องตาย” จากนั้นคนขายหมวกก็ควักปืนกึ่งอัติโนมัติขึ้นมาเล็งไปที่อะงุนิ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลั่นไก อะงุนิที่มีสกิลการใช้อาวุธที่มากกว่าก็คว้าปืนที่เอวของตัวเองยิงใส่คนขายหมวก กระสุนทะลุหน้าอก คนขายหมวกขาดใจตายทันที แต่เรื่องตลกร้ายก็คือ ปืนในมือของคนขายหมวก ไม่มีกระสุน !

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางกบาลของอะงุนิ ความจริงทุกอย่างได้แล่นเข้าในหัวของเขา เขาไม่เคยรับรู้เลยว่าเพื่อนรักของเขาต้องแบกรับความหวังของคนนับร้อยนับพันไว้มากขนาดไหน ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง และความจริงที่อะงุนิปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ ไม่ว่ายังไงคนขายหมวกก็คือเพื่อนรักของเขาอยู่เสมอ และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

อะงุนิโดนเกมมาสเตอร์ใช้จุดนี้เข้าเล่นงานอย่างจัง เกม 10 โพแดงเกมนี้ ถูกสร้างมาเพื่อเล่นตลกกับจิตใจของอะงุนิอย่างแท้จริง มันทำเขาสติแตก อะงุนิโทษทุกคนในบีช เขาโทษทุกคนที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเปลี่ยนไป เกมล่าแม่มดสำหรับอะงุนิคือเกมที่เขาจะทำให้ทุกคนตายไปทั้งหมด รวมถึงตัวเขาเองด้วยที่จะต้องตายไปด้วย

สุดท้าย อะริสุจึงพูดขึ้นมาว่า การตบตาที่แยบยลที่สุดคือการทำให้ฆาตกรและเหยื่อเป็นคนเดียวกัน นั่นหมายความว่า แม่มดก็คือสาวน้อยที่เป็นเหยื่อนั่นเอง การพิสูจน์ไม่ยากเลย ก็แค่เอาศพของสาวน้อยไปเผาไฟ … เกมเคลียร์

เกมเคลียร์พร้อมกับไฟที่เผาไหม้รีสอร์ตจนราบเป็นหน้ากลอง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะไหม้เป็นเถ้าถ่าน ชายสวมฮูดได้เข้าไปหยิบไพ่ 10 โพแดง ตอนนี้เขามีไพ่ครบแล้ว ยกเว้นไพ่ที่มีใบหน้าคน (J Q K) หรือว่าการรวบรวมไพ่มันจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่นะ ?

ทุกอย่างแค่เริ่มต้น

เมื่อไม่มีบีชแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง แต่อะริสุกลับมีเป้าหมายที่แตกต่างจากคนอื่น เขาไม่ต้องการออกไปจากโลกบ้า ๆ นี่ สิ่งที่เขาต้องการคือล้างแค้นคนที่สร้างเกมเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเพื่อน ๆ ที่จากไปของเขา

ตอนนี้เขาได้เบาะแสใหม่แล้ว เป็นคลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ เผยให้เห็นสถานที่หนึ่งที่เป็นสถานที่ที่ใช้ควบคุมเกม ในคลิปแสดงให้เห็นภาพของคนจำนวนมากแสดงความดีใจเมื่อเกมของพวกเขาสามารถฆ่าคนตายได้เป็นจำนวนมาก

Alice in Borderland ซีซั่น 1 ตอนจบ

อะริสุกับอุซางิตามไปที่สถานที่ลับแห่งนี้ ที่นั่นทั้งสองได้เจอกับชายสวมฮูดกับสาวทูพีซ สถานที่นั้นไม่มีผู้คนที่มีชีวิตอยู่แม้แต่คนเดียว แต่จู่ ๆ ห้องอันมืดมิดก็สว่างขึ้นมา จอทุกจอที่อยู่ในห้องนั้นติดขึ้น แล้วภาพของเบอร์เจ็ดที่บีชก็ปรากฏขึ้นบนจอ เธอคือ มิระ ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเกมมาสเตอร์หรือเปล่า แต่เธอได้เอ่ยขึ้นมาว่า เที่ยงวันพรุ่งนี้จะเป็นเกมไพ่หน้าคน “ผู้เล่นทุก ๆ คนมาสนุกด้วยกันเถอะ”

เมื่อถึงเที่ยงวันถัดไป สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้ได้รู้ว่า ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น การต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะมาถึง และคำตอบที่แท้จริงกำลังรอพวกเขาอยู่ (จบซีซั่น 1)

พบกันใหม่ใน Alice in Borderland ซีซั่น 2 ดูได้ที่ Netflix วันที่ 22 ธันวาคม 2022

ดูซีรีส์เรื่องนี้ได้ที่ Netflix : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 1 (2020) อลิสในแดนมรณะ appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ 1899 (2022) https://www.online-idol.com/2022/11/19/1899-2022-tv-series-spoiler-33555/ Sat, 19 Nov 2022 11:34:26 +0000 https://www.online-idol.com/?p=33555 ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว เหล่าผู้โดยสารบนเรือเคอร์เบอรอสจะไขปริศนาที่อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้กลายเป็นฝันร้ายได้หรือไม่ ?

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ 1899 (2022) appeared first on idol.

]]>
1899 สปอยล์ : ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว เหล่าผู้โดยสารบนเรือเคอร์เบอรอสจะไขปริศนาที่อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้กลายเป็นฝันร้ายได้หรือไม่ ?

เรต : 16+ คะแนน IMDb : 8.2/10 คะแนนรีวิว : 8/10
แนว : ดราม่าย้อนยุค ลึกลับ
ประเทศผู้ผลิต : เยอรมัน

EP.1 The Ship เรือลำนั้น

เปิดเรื่องด้วยการเสียงหญิงสาวที่อ่านบทกวี ในขณะที่ภาพที่วิ่งให้เห็นสภาพท้องฟ้าผืนดิน และจบที่ผืนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่หมุนวนจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่

หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนพูดกับพ่อ เธอพยายามเรียกหาพี่ พี่ที่เธอเชื่อว่าขึ้นเรือโพรมีเธียสมาด้วย “หนูรุ้ว่าหนูเห็นอะไร หนูไม่ได้บ้า พี่ชายหนูอยู่ไหน พี่ขึ้นเรือโพรมีเธียส พี่รู้ว่าพ่อทำอะไรบนเรือ แต่ทำไมหนูจำไม่ได้ พ่อทำอะไรกับความทรงจำหนู หนูไม่ได้บ้า” เวลาเดียวกันนั้นเธอก็โดนลากตัวเข้าไปในสถานบำบัดถูกมัดมือทั้งสองข้างและฉีดยาระงับประสาท

Emily Beecham -เอมิลี่ บีแชม

ตัดมาอีกช่วงเวลาหนึ่ง … มอร่า (รับบทโดย เอมิลี่ บีแชม) ตื่นขึ้นมา ข้อมือทั้งสองข้างมีรอยคล้ายถูกเชือกมัดเอาไว้เป็นเวลานาน เธอต้องใช้เสื้อแขนยาวปกปิดรอยนั้นเอาไว้ตลอดเวลา ที่ข้างเตียงมีข่าวที่ตัดจากหนังสือพิมพ์เซาแธมป์ตันโพสต์พาดหัวว่า “เรือจักรไอน้ำสาบสูญกลางทะเล สี่เดือนต่อมายังไม่พบโพรมีเธียส : ผู้โดยสารกว่า 1,400 คนและลูกเรือราว 500 คนหายสาบสูญ” จากนั้น เธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบจดหมายที่ระบุชื่อผู้รับว่า “เฮนรี่” ขึ้นมาอ่าน ข้อความสั้น ๆ ระบุว่า “พี่รู้แล้วว่าพ่อเราทำอะไรลงไป เจอกันที่นิวยอร์ก อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น จากพี่ชาย”

หญิงสาวเริ่มแนะนำตัวเองให้เรารู้จัก “ฉันคือมอร่า แฟรงคลิน เกิดที่มอร์ฟิลด์ วันนี้เป็นวันที่ 19 ตุลาคม 1899” และเธอย้ำอีกครั้งว่าเธอไม่ได้บ้า

มอร่าเปิดประตูออกจากหัอง 1011 ทำให้ได้รู้ว่าเธอกำลังอยู่บนเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่ชื่อ “เคอร์เบอรอส”

สิ่งที่หายสาบสูญจะถูกค้นพบ

ผู้คนบนเรือเคอร์เบอรอส ตั้งแต่คนงานไปจนถึงผู้โดยสารชั้นหนึ่งต่างพูดถึงแต่เรื่องการหายสาบสูญไปของเรือโพรมีเธียส … มอร่าเดินมาที่ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ไม่นานนักก็มีหญิงสาวอีกคนมานั่งคุยด้วย มอร่าเล่าว่าเธอเป็นนักเรียนแพทย์ที่ศึกษาสมองมนุษย์ แต่เธอไม่ได้เป็นหมอ “ผู้หญิงอังกฤษสามารถเรียนหมอได้แต่เป็นหมอไม่ได้” คู่สนทนาของมอร่าไม่เข้าใจว่าสมองมันมีอะไรน่าสนใจ มอร่าจึงบอกว่าสมองขับเคลื่อนความคิดและการกระทำ และมีความลับของจักรวาลอยู่ในนั้น จังหวะนั้นก็มีชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายผู้โดยสารชั้นสาม เดินเข้ามาแล้วตะโกนหาคนเป็นหมอไปช่วยน้องสาวของเขาที่ตอนนี้อาการน่าเป็นห่วง แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองนายลากตัวเขาออกไป มอร่าจึงรีบเดินตามออกไปอย่างร้อนใจ

มอร่าลงไปชั้นล่างของเรือซึ่งเป็นที่สำหรับผู้โดยสารชั้นสาม หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดกำลังร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ไม่นานนักมอร่าก็ช่วยหญิงสาวท้องแก่ให้หายเจ็บปวดได้ … เมื่อรักษาเสร็จก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเอามือสัมผัสที่ท้องของมอร่า ถามว่าเธอมีลูกหรือไม่ ? มอร่าตอบกลับไปว่าเธอมีลูกไม่ได้

กัปตันเรือ (รับบทโดย อังเดรส์ พิตช์แมนน์) เห็นมอร่าเพิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาจึงแจ้งกับเธอว่าบนเรือมีกฎห้ามผู้โดยสารชั้นหนึ่งลงไปด้านล่าง ระหว่างนั้นลูกเรือก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งข่าวกับกัปตันว่า ได้รับข้อความโทรเลขที่เชื่อได้ว่ามาจากเรือโพรมีเธียส !

กัปตันกลับมาที่ห้องควบคุม กางแผนที่ดูพิกัดต่าง ๆ แล้วออกคำสั่งให้หันหัวเรือกลับทันที จากนั้น กัปตันก็กลับมาที่ห้องนอนส่วนตัว เขาเปิดลิ้นชักหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาดู ด้านหลังซองมีข้อความเขียนเหมือนกับจดหมายพี่ชายของมอร่า ข้อความนั้นคือ “สิ่งที่หายสาบสูญจะถูกค้นพบ”

1899 ep1

เรือโพรมีเธียส

ที่ห้องอาหาร … กัปตันมายืนต่อหน้าผู้โดยสารชั้นหนึ่งจำนวนหลายร้อยคนที่รอฟังคำชี้แจง “หกชั่วโมงก่อนเราได้รับข้อความที่เชื่อได้ว่ามาจากเรือโพรมีเธียส ซึ่งพิกัดอยู่ห่างออกไปเจ็ดชั่วโมง”

เรือโพรธีมัสมีผู้โดยสาร 1,423 คน ที่หายไปนานกว่าสี่เดือน ทำให้มีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อว่าข้อความที่กัปตันอ้างจะมาจากเรือโพรมีเธียส พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีคนรอดอยู่กลางทะเลได้นานถึงสี่เดือน

ในคืนนั้น ต้นเรือแจ้งว่าพบเรือโพรมีเธียสไร้แสงไฟลอยอยู่ไม่ห่าง กัปตันตัดสินใจนั่งเรือเล็กไปสำรวจ โดยมีลูกเรือไปด้วยไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือมอร่า ทั้งหมดขึ้นมาบนเรือโพรมีเธียส สิ่งที่เห็นไม่ต่างไปจากเรือร้าง สภาพภายในเละเทะสุดจะบรรยายว่าสิ่งใดทำให้เป็นสภาพนี้ได้ และเมื่อไปถึงห้องควบคุมก็พบเครื่องส่งโทรเลขอยู่ในสภาพพังยับเยิน คำถามที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ “ใครเป็นคนส่งข้อความพวกนั้น ?”

ทั้งหมดเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ กระทั่งไปเจอผู้รอดชีวิตเป็นเด็กชายที่ซ่อนอยู่ภายในตู้ เด็กชายไม่มีท่าทีตกใจหรือตื่นกลัวแต่อย่างใด เด็กชายที่ไม่ปริปากพูดออกมาแม้สักคำ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำในกระเป๋าแล้วยื่นให้มอร่า

EP.2 The Boy เด็กชาย

ต้นเรือแจ้งกัปตันว่า เข็มทิศทั้งหมดบนเรือทำงานผิดปกติ และมันเกิดขึ้นนับตั้งแต่พา “เด็กชาย” คนนั้นขึ้นเรือ !?

เด็กชายเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่คนงานบนเรือ พวกเขาลือกันว่าเด็กชายคนอาจเป็นหมาป่า หรือเป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตรายที่ฆ่าคนนับพันบนเรือโพมีเธียสได้ด้วยตัวคนเดียว

1899 EP.2 : The Boy เด็กชาย

มอร่าพาเด็กชายมาพักที่ห้องของเธอ เมื่อเด็กน้อยตื่นเธอจึงพยายามถามเรื่องวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำว่ามันคืออะไร ? เด็กน้อยเงียบเช่นเคย … มอร่าเล่าเรื่องราวพี่ชายของเธอให้เด็กชายฟัง เมื่อสี่เดือนก่อนพี่ชายเธอขึ้นเรือโพรมีเธียส ระหว่างนั้นเขาก็ส่งจดหมายมาหาเธอ จดหมายที่มีสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมทรงพีระมิดแบบเดียวกัน เธอต้องการรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ? เด็กชายยังคงนิ่งเงียบเช่นเดิม

เรือและครอบครัวที่จากไป

ตัดภาพมาที่กัปตัน ตอนนี้เขาเห็นภาพหลอนภรรยาและลูกสาวทั้งสามที่จากไป ภรรยาที่จุดไฟเผาตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกสาวทั้งสามคน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำใจให้ลืมได้ กัปตันหลงเข้าไปอยู่กับภาพหลอนชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาก็พบว่าภาพที่เห็นไม่ใช่ความจริง

กัปตันพยายามตั้งสติอีกครั้ง ก่อนจะเปิดอ่านข้อความคำสั่งจากบริษัทให้จมเรือโพรมีเธียสที่มีน้ำหนัก 54,000 ตันลงมหาสมุทร กัปตันเชื่อว่าคำสั่งนี้ผิดปกติ บริษัทต้องการปกปิดสิ่งผิดปกติบางอย่างบนเรือโพรมีเธียส จากนั้น กัปตันก็เรียกผู้โดยสารชั้นหนึ่งให้มารวมตัวกันที่ห้องอาหาร ก่อนที่เขาจะประกาศออกไปว่า …

“ผมตัดสินใจหันเรือกลับ และจะลากเรือโพรมีเธียสกลับยุโรป …” เสียงผู้โดยสารร้องดังอื้อดังกับคำประกาศของกัปตัน “… เรือเคอร์เบอรอสมีถ่านหินไม่พอที่จะลากเรือโพรมีเธียสไปถึงนนิวยอร์ก เราจึงต้องกลับยุโรปเพราะระยะทางสั้นกว่า” ดูเหมือนจะไม่มีใครใน 1,612 คนบนเรือเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้นอกจากตัวกัปตันเอง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยืนยันสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว

มอร่าเดินไปคุยกับกัปตันเป็นการส่วนตัวบนดาดฟ้า กัปตันยื่นจดหมายฉบับนั้นให้มอร่า จดหมายที่มีข่าวตัดจากหนังสือพิมพ์เซาแธมป์ตันโพสต์ เนื้อข่าวเรือโพรมีเธียสหายสาบสูญ แบบเดียวกับที่มอร่าได้รับจากพี่ชาย “ผมได้รับจดหมายฉบับนี้โดยมีรูปครอบครัวผมแนบมาด้วย ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือลำนั้น” กัปตันเชื่อว่าเรือโพรมีเธียสเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา … สุดท้าย มอร่าก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้กัปตันเปลี่ยนใจได้

EP.3 The Fog ม่านหมอก

ลูกเรือพบสาวน้อยเอด้านอนกลายเป็นศพอยู่กับพื้นอย่างเป็นปริศนา กัปตันจึงเรียกให้หมอบนเรือมาดูอาการ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือความผิดปกติอะไรเลย หมอคนนั้นจึงลงความเห็นว่าเป็นเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน ที่ผู้อ่อนแอจะถูกกำจัดทิ้ง จากนั้นหมอก็ขอตัวไปกินอาหารเช้าต่อ มอร่าที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับส่ายหัว เพราะเธอเพิ่งเจอกับสาวน้อยเอด้าเมื่อวันก่อน และก็ยังดูแข็งแรงเป็นปกติดี

ซีรีส์ 1899 EP.3

ช่วงเช้าของวันเดียวกัน เรือเคอร์เบอรอสที่กำลังลากเรือโพรมีเธียสกลับยุโรปก็ต้องเจอกับม่านหมอกหนา ทำให้ลูกเรือมองไม่เห็นอะไรเลย ม่านหมอกที่เหมือนจงใจไม่ให้พวกเขาไปต่อ อีกทั้งเข็มทิศก็ไม่สามารถหาเส้นทางได้ กัปตันจึงสั่งให้หยุดรอให้หมอกจางไปเอง … ลูกเรือต่างมองตากัน พวกเขาคิดตรงกันว่ากัปตันของพวกเขาตัดสินผิดตั้งแต่ต้น บางคนถึงกับพูดขึ้นมาว่ากัปตันเสียสติไปเสียแล้ว บางคนก็พูดลับหลังว่ากัปตันเป็นแค่ “ไอ้ขี้เมา”

สำรวจโพรมีเธียส

ที่ห้องส่วนตัวของกัปตัน … กัปตันได้ยื่นริบบิ้นที่เขาเก็บได้บนเรือโพรมีเธียสให้มอร่า มันเป็นของลูกสาวเขาที่ตายไปแล้ว หนึ่งในลูกสาวทั้งสามและภรรยาของเขาที่โดนไฟคลอกตายไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว เขามองหน้ามอร่าและถามคำถามแปลกออกไป “เราเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงแล้วเชื่อว่ามันมีจริงได้ไหม ?”

มอร่าตอบกลับไปแทบจะทันที คำตอบที่ออกจากปากมอร่าเป็นคำตอบที่เธอได้ร่ำเรียนมาจากตำรา “สมองของเราเชื่อถือไม่ได้เสมอไป มันล้วนเป็นผลมาจากกระแสไฟฟ้าในประสาท และบางครั้งมันก็ตีความผิด นี่แหละที่ทำให้คนเรากลายเป็นบ้า” มอร่ายื่นริบบิ้นคืนกลับไปให้กัปตัน กัปตันที่น้ำตาเอ่อเบ้า กัปตันที่เสียครอบครัวไปในโศกนาฏกรรมที่เขาไม่มีวันลืม

เมื่อกัปตันคว้าริบบิ้นใส่เข้ากระเป๋า เขาก็รีบตรงปรี่ไปอีกมุมหนึ่งของห้องแล้วชี้ให้มอร่าดูว่า ตรงนี้มีประตูลับที่อยู่ดี ๆ มันก็มีขึ้นมา “ผมรู้ทุกซอกทุกมุมของเรือลำนี้ มันไม่เคยมีประตูนี้มาก่อน แล้วทำไมริบบิ้นของลูกผมถึงไปอยู่บนเรือนั่น ? ผมจะกลับขึ้นไปหาหลักฐานบนเรือโพรมีเธียส เราจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ตอนแรกมอร่าทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมพีระมิด เธอก็สนใจขึ้นมาทันที และขอไปกับเขาด้วย

กัปตันกับมอร่าลงเรือเล็กไปยังเรือโพรมีเธียสสองคน เมื่อไปถึงกัปตันได้เล่าว่า ไม่กี่เดือนก่อน มีเรือเยอรมันสามลำถูกขายให้กับนักลงทุนชาวอังกฤษชื่อ “เฮนรี่ ซิงเกิลตัน” เรือถูกนำขึ้นบกมาซ่อมอยู่สามเดือน เปลี่ยนระบบการสื่อสารรุ่นใหม่และปรับปรุงทุกอย่าง “สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมนี้เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทเดินเรือ”

กัปตันพามอร่าเดินสำรวจต่อไปจนไปเจออุปกรณ์บางอย่างที่กัปตันเรียกว่าเครื่องวัดแรงดันไอน้ำ แต่กัปตันพบว่ามันไม่ได้มีไว้วัดแรงดันไอน้ำ มอร่าสันนิษฐานว่ามันอาจเอาไว้ใช้เผาศพมนุษย์ที่อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียสก็เป็นได้ เธอจึงเปิดเตาเพื่อหาเศษกระดูกและฟันในนั้น แต่ก็ไม่พบอะไร

ส่วนกัปตันเจอรายชื่อผู้โดยสารบนเรือโพรมีเธียส เมื่อเขาดูก็พบชื่อ “มอร่า” เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร !!?

ยึดอำนาจควบคุมเรือ

ระหว่างนั้น มีศพคนนอนตายอยู่บนเรือเพิ่มขึ้นนับสิบศพ ทุกศพเหมือนกันคือไม่มีเลือดหรือร่องรอยการถูกทำร้าย แบบเดียวกับหนูน้อยเอด้า หนึ่งในลูกเรือเห็นว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ทุกคนบนเรือจะตายกันหมด และเชื่อว่ามีบางสิ่งที่อันตรายอยู่บนเรือโพรมีเธียส บริษัทจึงมีคำสั่งให้จมเรือ เขาไม่เชื่อในตัวกัปตันอีกต่อไป

อย่างที่บอก บนเรือลำนี้มีคนทั้งหมด 1,612 คน แต่มี 1,611 คนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของกัปตัน การปลุกระดมให้ยึดอำนาจจากกัปตันจึงไม่ใช่เรื่องยาก พวกผู้โดยสารชั้นสามเอาด้วย แต่ละคนคว้าเอาสิ่งที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ติดมือ รวมถึงปืนหลายกระบอกแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องกัปตัน

EP.4 The Fight การต่อสู้

ลูกเรือบางส่วนและผู้โดยสารชั้นสามกลุ่มหนึ่งร่วมมือกันยึดอำนาจจากกัปตันได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ทว่า พวกเขากลับต้องพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด เรือโพรมีเธียสที่กำลังลากอยู่เกิดหายไป และตำแหน่งปัจจุบันของเรือเคอร์เบอรอสกลับเป็นตำแหน่งเมื่อสามวันก่อน !!?

ในขณะที่บนดาดฟ้าเรือ มีศพนับสิบยี่สิบถูกนำมากองทับกันไปมา พวกนั้นสั่งให้คนงานโยนศพเหล่านั้นทิ้งออกไปนอกเรือ … คนงานคุยกันว่าบางทีคนบนเรือโพรมีเธียสอาจจะตายแบบนี้ก็เป็นได้

พวกผู้โดยสารชั้นสามโดนหญิงวัยกลางคนปั่นหัว เธอพูดให้ทุกคนเชื่อว่าเด็กชายที่รอดชีวิตจากเรือโพรมีเธียส เป็นซาตานที่ปลอมตัวมา จากนั้นก็ตะโกนสั่งให้ทุกคนค้นหาเด็กชายคนนั้นให้เจอ

อำนาจเมื่ออยู่ในมือของคนที่ไม่สมควร ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งปืนพร้อมลูกกระสุนในรังเพลิงให้เด็กน้อย ตอนนี้ผู้โดยสารชั้นสามอาวุธครบมือกำลังตามล่าเด็กชายคนนั้น พวกเขาไล่หาทุกซอกทุกมุมในทุกห้อง เด็กชายที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นซาตาน เด็กชายที่เขาเชื่อว่าเป็นต้นเหตุความหายนะของเรือโพรมีเธียส พวกเขาเชื่อว่าต้องหาเด็กชายให้เจอก่อนที่ทุกคนบนเรือลำนี้จะตายกันหมด พวกเขาเชื่อแบบนั้นจริง ๆ

ซีรีส์ 1899 EP.4

แมลงตัวนั้น

ระหว่างนั้น เด็กชายที่หลบอยู่ในห้องของมอร่าก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอาแมลงตัวหนึ่งออกมา แมลงหน้าตาประหลาด ๆ ขนาดครึ่งหนึ่งของแมลงสาบ มอร่ามองดูด้วยความสงสัย แมลงตัวนั้นรอดออกไปทางช่องประตูแล้วไปปลดล็อกลูกบิดด้านนอก เด็กชายจูงมือมอร่าให้เดินตามแมลงตัวนั้นไป

อีกด้านหนึ่ง จากที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่ามีคนบนเรือ 1,611 คนไม่เห็นด้วยกับกัปตัน ผิด … ไม่ใช่ทั้งหมดจะไม่เห็นด้วยกับกัปตัน แม้จะเป็นคนจำนวนน้อยแต่คนพวกนี้ก็อยู่ฝ่ายเดียวกับกัปตัน พวกเขาร่วมมือกันช่วยกัปตันออกมา กัปตันเตรียมจะพายเรือชูชีพหนีไปที่เรือโพรมีเธียส จังหวะนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แมลงนำทางเด็กชายกับมอร่ามาพบกับกัปตัน

แต่พวกผู้โดยสารชั้นสามที่กำลังตามล่าตัวเด็กชายก็ตามมาจนเจอเช่นกัน “เราต้องการตัวเด็กนั่น แค่นั้น” มอร่าทำท่าจะเอาตัวเข้าขวาง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไร เด็กชายก็เดินไปหาคนพวกนั้นอย่างเต็มใจ … ชายผิวดำชื่อเจอโรมเห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปดึงตัวเด็กชาย ทำให้เขาถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าใส่เต็มหน้าอก เจอโรมลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

ตะลุมบอน

พวกนั้นพาเด็กชายขึ้นมาบนดาดฟ้า ผู้โดยสารชั้นสามจำนวนนับร้อยอาวุธครบมือยืนออกันแน่น โดยมีหญิงวัยกลางคนพูดปลุกใจเรื่องซาตานให้เชื่อมโยงกับเด็กชาย “มันจะเอาวิญญาณของเราไปเหมือนกับที่ทำกับเรืออีกลำ มันจะทำลายเราไม่ได้ โยนเด็กออกไปจากเรือ !!!”

หญิงวัยกลางคนบอกให้ทุกคนโยนเด็กชายออกไปจากเรือ ทุกคนร้องเฮพร้อมกับซูมือขึ้นด้วยความสะใจ ทันใดนั้น มอร่าก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับตะโกนลั่นว่า “เด็กคนนั้นไม่ใช่สาเหตุที่พวกเราต้องตาย” เท่านั้นแหละ เสียงปืนก็ดังขึ้นสองนัด แล้วทุกคนที่อยู่บนนั้นก็ตะลุมบอนกันไม่รู้ใครเป็นใคร

หญิงวัยกลางคนรีบวิ่งมาที่เด็กชาย เด็กชายที่ยืนนิ่งแต่สายตามองไปที่มอร่า สายตาของเด็กชายไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใด ๆ แม้แต่นิดเดียว แล้วหญิงวัยกลางคนก็จับเด็กชายโดนลงมหาสมุทรไป เด็กชายคนนั้นไม่แม้แต่จะขัดขืน

ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจากการต่อสู้ตะลุมบอน แต่ชายผิวดำเจอโรมกลับรอดชีวิตจากกระสุนปืนลูกซองมาได้ รอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ

ไม่เพียงเท่านั้น มอร่าที่กำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กชายคนนั้นไม่แม้แต่จะขัดขืน ทันใดนั้นเองแสงสว่างวูบหนึ่งก็วาบขึ้นมาภายในตู้เก็บของ แล้วเด็กชายที่ในมือถือวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำก็เปิดตู้แล้วเดินออกมากอดเอวมอร่า ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ด้วยความมึนงง !?

EP.5 The Calling เสียงเพรียก

เด็กชายถูกจับขังในตู้ มอร่าพยายามบอกให้กัปตันปล่อยตัวเด็กออกมาแต่กัปตันปฏิเสธ “เด็กนั่นถูกจับโยนออกนอกเรือไปแล้ว” กัปตันและคนอื่น ๆ เชื่อว่าเด็กชายที่ออกมาจากตู้ไม่ใช่คน แต่เป็นปีศาจร้าย จากนั้น เขาก็จี้ถามมอร่าว่าเธอไปอยู่ในรายชื่อผู้โดยสารเรือโพรมีเธียสได้อย่างไร ?

ยังไม่ทันที่มอร่าจะได้ตอบอะไร ลูกเรือและผู้โดยสารชั้นสามที่ต้องการฆ่าเด็กชายคนนั้น เพราะคิดว่าเขาเป็นซาตานก็มารวมตัวกัน แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไร ชายคนหนึ่งก็ลั่นกระสุนปืนลูกซองใส่เข้าไปในตู้ที่เด็กชายถูกขังอยู่ ทันใดนั้น สิ่งเหลือเชื่อเหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้น ทุกสิ่งหยุด ลูกกระสุนที่กำลังแหวกอากาศหยุดนิ่ง กัปตันและคนอื่น ๆ นับสิบนับร้อยหยุดนิ่ง มีเพียงมอร่ากับเด็กชายที่สามารถเคลื่อนไหวได้ มอร่าจึงรีบพาเด็กชายออกมาจากตู้และถามด้วยความตกใจว่า “หนูเป็นคนทำใช่มั้ย หนูใช้ไอ้นั่น (วัตถุสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำ) ทำใช่มั้ย ?” เด็กชายไม่ปริปาก เขาดึงมือมอร่าให้รีบหนีตามเขาไป

จนเมื่อเด็กชายและมอร่าหนีไปได้แล้ว กัปตันและคนอื่น ๆ ก็รู้ตัวพร้อมกับมึนงงที่เด็กชายกับมอร่าหายตัวไป

เสียงสัญญาณ

เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น จากนั้นก็เป็นเสียงติ๊ก ๆ ที่ดังจากด้านนอก ไม่มีใครรู้ว่ามันคือเสียงอะไร แต่เสียงนั้นมันทำให้ผู้โดยสารบนเรือแทบจะทั้งหมดเดินไปบนดาดฟ้าด้วยท่าทางเหมือนโดนสะกดจิต พวกเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือแล้วกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตาย คนนับร้อยนับพันกระโดดออกจากเรือเพื่อฆ่าตัวตาย ไม่มีอะไรหยุดพวกเขาได้ พวกเขาโดนสะกดจิตให้ไปตาย !

เด็กชายพามอร่ามาที่ห้อง ใต้เตียงมีประตูลับซ่อนอยู่ มอร่าพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? เด็กชายไม่ตอบ เขาหยิบดินสอเขียนลงบนกระดาษ …

“พวกเขาแอบฟังอยู่ ผมตอบไม่ได้ ต้องถามผู้สร้างเอาเอง”

เด็กชายยื่นมือไปให้มอร่าแล้วพูดว่าไม่ต้องกลัว มอร่าเดินไปเรื่อย ๆ จนมาโผล่ที่ช่องลับ ช่องที่เป็นเหมือนประตูมิติพามอร่ามายังสถานที่หนึ่ง สถานที่ที่มีไม้กางเขนปักอยู่บนโขดหินเหมือนสถานที่ที่เธอฝันเห็น เมื่อโผล่มามอร่าก็วิ่งหายไป

ไม่นานนัก ชายลึกลับ (รับบทโดย แอนูริ บาร์นาร์ด) ที่อยู่ข้างห้องมอร่าบนเรือก็เข้าประตูมิตินั้นตามมาจนเจอกับเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงไม้กางเขน เด็กชายพูดกับชายลึกลับคนนั้นว่า “เราไม่เคยมาไกลเท่านี้มาก่อน รอบนี้อาจสำเร็จก็ได้ … เธอจำไม่ได้”

จากนั้นชายลึกลับก็บอกกับเด็กชายว่า “เราต้องหยุดเรื่องนี้ก่อนพวกเขาจะจมเรือ”

มอร่าเดินมาเจอสถานที่แห่งหนึ่ง เธอได้เจอกับพ่อที่นั่น สิ่งแรกที่เธอถามหาคือพี่ชายของเธอ พ่อไม่ตอบ แล้วก็มีคนสองคนจับเธอลากเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่พ่อของเธอจะฉีดยาบางอย่างเข้าไปในตัวเธอ แล้วภาพก็ตัดไป

Anton Lesser in 1899 (2022)

ความจริงเกี่ยวกับเรือของพ่อ

มอร่ากลับมาตื่นบนเตียงนอนภายในห้องบนเรือเคอร์เบอรอสอีกครั้ง คนแรกที่เจอคือกัปตัน เธอตัดสินใจเล่าความจริงทุกอย่างให้เขาฟังทันที …

จริง ๆ แล้วเธอชื่อ มอร่า ซิงเกิลตัน และ เฮนรี่ ซิงเกิลตัน ก็คือพ่อของเธอ (ซิงเกิลตันเป็นบริษัทที่ซื้อเรือไป) เธอคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทดลองอะไรบางอย่างของพ่อ “พ่อฉันอุทิศทั้งชีวิตเพื่อศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ เขาหมกมุ่นอยากเข้าใจการทำงานของสมองมนุษย์ เขาไม่เคยอยากธุรกิจเดินเรือ ฉันคิดว่าเขาซื้อเรือเพราะต้องการศึกษาสมองของผู้โดยสารบนเรือ”

มอร่ายื่นซองจดหมายแบบเดียวกับที่กัปตันได้รับ มันจ่าหน้าถึง “เฮนรี่” ซึ่งย่อมาจาก “เฮนเรียต” ชื่อกลางของมอร่า เธอบอกกัปตันว่าพี่ชอบเรียกเธอแบบนั้น … เมื่อสี่เดือนก่อน พี่ชายนัดเจอเธอที่ท่าเรือเซาแธมป์ตัน เมื่อถึงเวลานัดพี่ก็ไม่มา ซึ่งเธอรู้มาว่าเรือโพรมีเธียสได้ออกจากท่าก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน

กัปตันสงสัย “พ่อคุณทำให้คนกระโดดน้ำตายอย่างนั้นเหรอ ?”

มอร่าตอบกลับทันทีว่า เธอไม่คิดว่าไม่ได้ตายจริง “เรื่องทั้งหมดนี้มันจะจริงได้ยังไง …” มอร่าบอกว่าเธอเคยรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร แต่พ่อทำให้เธอลืม “ฉันจำได้ว่าฉันเคยเป็นหมอ (หมอหญิงคนแรกของอังกฤษ) อยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช แต่เขาทำให้ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนไข้” ส่วนชื่อเธอที่อยู่ในรายชื่อผู้โดยสารบนเรือโพรมีเธียส เธอจำไม่ได้ว่าเคยขึ้นเรือลำนั้น

เมื่อมอร่าพูดถึงรายชื่อบนเรือโพรมีเธียส กัปตันหยิงกระดาษรายชื่อนั้นออกมาให้เธอดู มือของกัปตันสั่นเทาด้วยความกลัว เขาชี้ให้เธอดูที่ลายเซ็น มันเป็นลายเซ็นของเขา กัปตันเรือโพรมีเธียสคือตัวเขาเอง !!?

เสียงสัญญาณติ๊ก ๆ หยุดลงแล้ว กัปตันชวนมอร่าขึ้นไปบนดาดฟ้า คนอื่น ๆ ที่ยังรอดชีวิตก็เดินตามขึ้นมา ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่บนเรือมีไม่ถึงยี่สิบคนจากทั้งหมด 1,612 คน !

EP.6 The Pyramid พีระมิด

มอร่ามุดกลับไปห้องใต้เตียงที่มีประตูลับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอพากัปตันมาด้วย ทั้งสองมุดผ่านช่องไปยังอีกมิติหนึ่ง ที่เดิมที่มอร่าเคยมาครั้งก่อน ที่ที่มีไม้กางเขนปักอยู่ที่โขดหิน เธอชี้ให้เขาเห็นอาคารของพ่อที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าออกไปไม่ไกลมากนัก มันคือโรงพยาบาลจิตเวช ทั้งสองจึงพากันเดินไปที่นั่น

เมื่อมาถึงด้านใน มอร่าเล่าว่า “พ่อฉันสร้างที่นี่ให้แม่ หลังจากคลอดพวกเราสองพี่น้องออกมา แม่ก็เริ่มมีอาการหลงลืมจนลืมทุกอย่างไปจนหมด พ่อจึงสร้างที่นี่ขึ้นมาเพื่อศึกษาอาการหลงลืมของมนุษย์ พ่อต้องการรักษาโรคสมองเสื่อมของแม่”

ซีรีส์ 1899 EP.6

ไม่มีอะไรจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

กัปตันและมอร่าเดินสำรวจทั่วโรงพยาบาล แต่ก็พบว่าทุกอย่างมันผิดปกติไปหมด จุดที่เธอจำได้ว่าเคยเป็นประตูก็กลายเป็นกำแพง จุดที่เคยเป็นห้องทำงานของพ่อตอนนี้ก็หายไป ทันใดนั้น ชายลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเตือนให้เธออย่าเข้าใกล้วัตถุแปลกประหลาดสีดำที่อยู่เบื้องหน้า แต่มอร่าไม่ไว้ใจเขา เธอเชื่อว่าชายลึกลับผู้นี้ทำงานให้กับพ่อเธอ กัปตันจึงคว้าปืนขึ้นเล็งไปที่ชายลึกลับผู้นั้น แต่ …

แต่ก่อนที่กัปตันจะลั่นไกออกไป ชายลึกลับก็กดปุ่มบนอุปกรณ์หน้าตาแปลกประหลาดคล้ายเครื่องควบคุม เมื่อกดลงไป กัปตันก็หายเข้าไปอยู่อีกมิติหนึ่งทันที จากนั้นชายลึกลับพยายามพูดกับมอร่าให้เธอจำเขาให้ได้ ก่อนที่เขาจะบอกว่าเขาชื่อแดเนียล และเขากับเธอแต่งงานกันเมื่อ 12 ปีที่แล้ว

มอร่าไม่เชื่อ มอร่าถือปืนเล็งไปที่แดเนียลแล้วบังคับให้เขาเข้าไปอยู่ในห้องข้างหน้า แล้วเธอก็ล็อกให้เขาอยู่ข้างในนั้น สายตาของแดเนียลเหมือนสิ้นหวัง คำสุดท้ายที่เขาพูดกับเธอก็คือ “ผมรักคุณ ขอร้องล่ะตื่นซะทีเถอะ” มอร่าหยิบเครื่องควบคุมหน้าตาประหลาดนั้นเก็บใส่กระเป๋าแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากที่นั่นทันที

มอร่าออกมาอยู่ด้านนอก เธอตะโกนร้องหาพ่อ “หนูรู้นะว่าพ่อดูหนูอยู่” มอร่าปาปืนในมือไปข้างหน้าด้วยความโกรธ ปรากฏว่าปืนนั้นไปกระแทกวัตถุบางอย่างเบื้องหน้าจนแตกออก มันคือกระจก ภาพกว้างใหญ่ไพศาลที่เห็นเป็นเพียงกระจกสะท้อน ?

EP.7 The Storm พายุ

ผู้โดยสารที่รอดชีวิตมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ พวกเขาจะหลับไปและฝันถึงเหตุการณ์ร้ายสะเทือนขวัญในอดีต อย่างหญิงสาวชาวจีนที่ชื่อเหล่งยี่ เธอวางยาคนจนตายเพราะต้องการขโมยตั๋วเรือเพื่อหนีชีวิตเฮงซวยไปอเมริกา บางคนก็โดนเพื่อนหักหลัง บางคนก็ฆ่าคนตายเพราะตัวเองโดนทารุณกรรม หรืออย่างกัปตันก็เห็นครอบครัวที่จากไปแล้ว ครอบครัวที่แม่จุดไฟเผาตัวเองตายไปพร้อมกับลูกสาวสามคน แดเนียลกับมอร่าก็เช่นกัน ทุกคนมีอดีตอันสะเทือนขวัญ และพวกเขาจะตื่นเมื่อได้ยินเสียงเรียก “Wake up” ตื่นขึ้น !

ซีรีส์ 1899 EP.7

พ่อแม่ลูก

มอร่ากลับมาที่เรือเคอร์เบอรอสอีกครั้ง เรือที่ตอนนี้กำลังโดนพายุซัดกระหน่ำ พายุที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พายุที่สูงเท่าภูเขาพัดมาทุกทิศทุกทาง ผู้โดยสารหญิงสาวคนหนึ่งถึงกับบอกว่าเรือลำนี้ต้องจมลงไปสู่ก้นมหาสมุทรถ้าไม่มีกัปตันมาบังคับเรือ ใช่ พวกเขาเป็นแค่ผู้โดยสาร ไม่มีใครบังคับเรือเป็นแม้แต่คนเดียว … ทุกคนรีบออกไปตามกัปตัน มอร่าเองก็เช่นกัน

ระหว่างนั้น บนเรือก็ปรากฏแท่งสีดำค่อย ๆ โผล่ออกมา มันเป็นแท่งสีดำรูปร่างแปลกประหลาด แท่งเดียวกับที่แดเนียลตะโกนอย่าให้มอร่าเข้าใกล้ แต่ไม่ว่ามันคืออะไรมันต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่

มอร่าเข้าไปในห้องของแดเนียลค้นหาข้าวของต่าง ๆ ด้วยความสงสัย จนไปเจอรูปถ่ายครอบครัว รูปถ่ายของเธอ แดเนียล และเด็กขาย … มอร่ายืนถือรูปนี้แล้วมองด้วยสีหน้าตกตะลึง !

ส่วนแดเนียลก็หาทางออกจากห้องที่โดนขังได้ โดยผ่านทางประตูมิติ เขาออกมายังสถานที่หนึ่ง แล้วลงไปในบ่อน้ำ แล้วก็มุดเข้าประตูมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง จนเขาได้ไปเจอกับเด็กชายที่หลบซ่อนอยู่ในสถานที่หนึ่ง เด็กชายเรียกแดเนียลว่า “พ่อ” แดเนียลเข้าไปสวมกอดเด็กชายแล้วพูดว่า …

“แม่ยังจำไม่ได้ แต่เราต้องช่วยแม่ออกมา แม่จะได้หลุดออกมาจากลูปนี้ซะที”

แล้วเด็กชายก็ยื่นแหวนวงหนึ่งให้กับแดเนียลผู้เป็นพ่อ “ครั้งนี้แม่จะต้องตื่น”

เพียงแค่เงาบนกำแพง

ณ จุดนี้ จู่ ๆ ภาพก็ตัดมาให้แดเนียลกับมอร่าอยู่ด้วยกัน ทั้งสองนั่งอยู่บนม้านั่ง เขาพูด “เราไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่สมองสร้างขึ้นมาเกิดจากความจริงหรือถูกสร้างขึ้น แต่ที่นี่ไม่มีจริง มันคือโลกจำลอง …” จากนั้นแดเนียลก็อ้างถึง อุปมานิทัศน์เรื่องถ้ำของเพลโต ที่คนกำลังมองดูเงาบนกำแพงแล้วคิดไปเองว่ามันคือโลกความจริง เพียงแค่หันหลังกลับไปก็จะรู้ว่าเงาเกิดจากอะไร แล้วตอนนั้นก็จะรู้ว่าความจริงคืออะไร “… ถ้าคุณไม่ตื่น จิตใต้สำนึกของคุณจะติดอยู่ในนี้ตลอดไป”

แดเนียลพามอร่ากลับขึ้นมาบนเรือเคอร์เบอรอสอีกครั้ง เขาบอกเธอว่าโลกจำลองนี้กำลังจะถูกปิด มันจะรีเซตระบบแล้วทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เธอมีรหัสที่จะใช้ยกเลิกมันได้และเป็นทางเดียวที่จะออกไปจากนี้ “คุณต้องจำให้ได้ว่าซ่อนรหัสผ่านนั่นไว้ที่ไหน” … มอร่านึกขึ้นได้ว่ามีกุญแจดอกเล็กอยู่ในล็อกเกตที่ห้อยคอเธอมาตลอด

แล้วแดเนียลก็ลากมอร่าไปยังห้องหนึ่ง เขาล้วงไปหยิบอุปกรณ์คล้ายแท็บเล็ตไซซ์ใกล้เคียงไอแพดมินิออกมาจากที่ซ่อน เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา หน้าจอจะแสดงผลคล้ายเทอร์มินอล จากนั้นเขาก็ทำการใส่โค้ดอะไรบางอย่างเข้าไป

มอร่าท่าทางมึนงงกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก แดเนียลพยายามอธิบายทั้งที่รู้ว่ามอร่าไม่เข้าใจ คือ ทุกอย่างในโลกจำลองนี้เกิดจากการเขียนโปรแกรม มันจะรีเซตระบบทุกแปดวัน สิ่งที่เขาทำก็คือทำให้ตัวเขา มอร่า และเด็กชาย ติดอยู่กับโลกจำลองเดิม เพื่อที่ว่าจะได้หาทางออกได้

อีกไม่กี่นาทีระบบจะถูกรีเซต ทุกคนจะตายเพื่อไปเริ่มต้นกับการทดลองครั้งใหม่ ตอนนั้นเองที่พ่อของมอร่าใช้อุปกรณ์บางอย่างพูดกับเธอและแดเนียล “มอร่า แกมีของที่ฉันต้องการ กุญแจ เอามันมาแล้วฉันจะปล่อยลูกของแกไป”

EP.8 The Key กุญแจ

อยู่ดี ๆ พายุก็สงบลง บนท้องมหาสมุทรมีเรือจอดอยู่เต็มไปหมด กัปตัน มอร่า และผู้โดยสารที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็มารวมกลุ่มกัน มอร่าได้เล่าความจริงที่ไม่มีใครเข้าใจเกี่ยวกับโลกจำลองที่ทุกคนกำลังอยู่ตอนนี้ ว่าที่จริงแม้แต่ตัวมอร่าเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเช่นกัน

จากนั้น มอร่าและกัปตันก็ไปค้นหาทางไปห้องทำงานของพ่อที่เธอเชื่อว่าซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเรือ แล้วทั้งสองก็โผล่เข้ามาในพีระมิดขนาดใหญ่ สุดท้ายแล้วมอร่าก็ได้เจอพ่อ และเจอเด็กชายอยู่ด้วย ส่วนกัปตันก็ถูกทำให้หมดสติไป

มอร่าเจอหน้าพ่อก็โวยวายใส่เป็นการใหญ่ “พ่อเป็นพ่อประสาอะไรถึงทำแบบนี้กับหนู” พ่อไม่ตอบโต้ใด ๆ เพียงขอกุญแจจากมอร่า ซึ่งเธอก็ส่งกุญแจให้ แล้วเธอก็ถูกจับมานั่งเก้าอี้ฉีดยาอีกครั้ง พ่อบอกกับเธอว่า โลกจำลองนี้เป็นโลกที่เธอกับแดเนียลเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง !?

ใช่ สิ่งที่พ่อพูดนั้นคือความจริง พ่อไม่ได้เป็นผู้สร้างโลกจำลองนี้ขึ้นมา “แกนั่นแหละคือ ‘ผู้สร้าง’ แกเป็นผู้สร้างเกมวิปริตนี้ขึ้นมา แกกับผัวแกออกแบบมันขึ้นมาแล้วแกก็บังคับให้ทุกคนเข้ามาในนี้ ทุกคนติดอยู่ในนี้ก็เพราะแก”

มอร่าถูกฉีดยาแล้วภาพก็ตัดไป ส่วนพ่อ ต้นเรือ (ลูกน้องพ่อ) และเด็กชาย ก็มายืนพร้อมหน้ากัน พ่อเปิดวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดออก ด้านในมีรูกุญแจพร้อมข้อความว่า “ตื่นขึ้น” พ่อเสียบกุญแจเข้าไปในรูนั้น แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น !

ต้นเรือถามพ่อด้วยความประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อมอร่าตอบกลับไปว่า “กุญแจถูกเปลี่ยน”

ความจริงของความจริงของความจริง

แดเนียลทำการแฮกเข้าระบบโลกจำลองแล้วแก้ไขโค้ด ทำให้กุญแจเดิมของมอร่าใช้ไม่ได้ แล้วก็แก้โค้ดสั่งให้มอร่ามาอยู่กับเขาที่นี่ มอร่ายิ่งงงไปอีกหลายตลบกับสิ่งที่แดเนียลพยายามอธิบาย เขาบอกว่าที่ที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่โลกจริง แต่เป็นโลกจำลองที่เขาและเธอช่วยกันสร้างมันขึ้นมา คำถามพรั่งพรูออกมาจากปากมอร่า ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้ ? ทำไมฉันมาอยู่ตรงนี้ ? แดเนียลเพียงตอบว่าทุกสิ่งในโลกจำลองเขียนขึ้นโดยโค้ด เขาแค่เปลี่ยนโค้ดใหม่เข้าไป มอร่าจึงมาอยู่ที่นี่

จากนั้น เขาก็หยิบวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดที่มีสีสันสดใสขึ้นมา มันเป็นพีระมิดที่เขาโปรแกรมมันขึ้นมาใหม่เพื่อให้ใช้งานแทนพีระมิดสีดำของพ่อมอร่า และเขาได้โปรแกรมให้แหวน (แหวนที่เด็กชายฝากแดเนียลให้มอร่า) เป็นกุญแจ

แดเนียลอธิบาย “พี่ชายคุณยึดโปรแกรมทั้งหมดระหว่างที่คุณอยู่ในนี้ เขาเป็นคนควบคุมทุกอย่าง คุณต้องออกไปจากที่นี่ คุณต้องตื่นแล้วต้องไปหยุดเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะสูญสลายไป”

แดเนียลเปิดพีระมิดออกแล้วมอร่าก็วางแหวนลงไปในพีระมิด …

มอร่าตื่นขึ้นมาในห้องทดลองที่มีอุปกรณ์ไฮเทคล้ำยุค ล้อมรอบไปด้วยคนที่มีอุปกรณ์หน้าตาแปลกประหลาดแปะอยู่ที่หัว กำลังนอนหลับอยู่เรียงกัน มอร่าตกใจที่แต่ละคนเป็นคนที่อยู่บนเรือเคอร์เบอรอส มอร่ามองออกไปที่หน้าต่างทรงกลม ภาพที่เห็นคืออวกาศ เธอกำลังอยู่ในห้องทดลองบนยานอวกาศ ?

ติ๊ด ๆ เสียงสัญญาณเตือนจากมอนิเตอร์ดังขึ้น มอร่าเดินเข้าไปดู มอนิเตอร์ขึ้นข้อความว่า …

// โปรเจกต์โพรมีเธียส:/
> ภารกิจอยู่รอดถึง 42.043240 -40.375760
> ผู้โดยสาร= 1423
> ลูกเรือ= 550
> วันที่= 19 ตุลาคม 2099
// เคียรัน [พี่ชายมอร่า]:
> สวัสดีน้องสาว.
> ต้อนรับสู่โลกความจริง.

จบบริบูรณ์

ดูซีรีส์เรื่องนี้ที่ Netflix : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ 1899 (2022) appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง (2022) https://www.online-idol.com/2022/09/19/bad-guys-2022-thai-series-spoiler-32782/ Mon, 19 Sep 2022 13:23:45 +0000 https://www.online-idol.com/?p=32782 ทีมคลี่คลายคดีพิเศษที่เป็นการรวมกันของนักโทษ นักฆ่า และตำรวจที่นิยมความรุนแรง เพื่อทำงานเฉพาะกิจไขคดีต่าง ๆ ยิ่งพวกเขาปิดคดีได้มากเท่าไรก็จะถูกลดโทษมากขึ้นเท่านั้น

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง (2022) appeared first on idol.

]]>
Bad Guys ล่าล้างเมือง สปอยล์ : ทีมคลี่คลายคดีพิเศษที่เป็นการรวมกันของนักโทษ นักฆ่า และตำรวจที่นิยมความรุนแรง เพื่อทำงานเฉพาะกิจไขคดีต่าง ๆ ยิ่งพวกเขาปิดคดีได้มากเท่าไรก็จะถูกลดโทษมากขึ้นเท่านั้น …

EP.1 จุดเริ่มต้น

ในการบุกจับฆาตกรต่อเนื่องที่ตำรวจเรียกมันว่า “ฆาตกรสายฝน” ร.ต.อ.นำโชค หรือเพื่อน ๆ เรียกติดปากว่าผู้กองโชค เกิดพลาดท่าเสียทีให้ฆาตกรชั่ว มีดในมือของมันแทงเข้าที่หน้าอกตำรวจน้ำดีผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสาแก่ใจ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เดินจากไปอย่างเลือดเย็น

ผู้กองโชคเป็นลูกชายของท่านนำชัย บิ๊กตำรวจระดับผู้บัญชาการ ผบช.น. จึงมีคำสั่งพิเศษยกเลิกคำสั่งพักราชการสารวัตรพิทักษ์ (รับบทโดย เอ็ม สุรศักดิ์) เพื่อให้มาทำภารกิจตามล่าฆาตกรสายฝนให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม “มึงจะใช้วิธีไหนก็ได้ เอาตัวมันมาให้กู ที่เหลือกูเคลียร์เอง”

สารวัตรหมาบ้า

สารวัตรพิทักษ์มีฉายาในวงการตำรวจว่าสารวัตรหมาบ้า ในมือคีบบุหรี่แทบจะตลอดเวลา บุหรี่ที่สูบมวนต่อมวน เหมือนในหัวมีเรื่องเครียดที่รอการระบายอยู่มากมาย มืออีกข้างถือขวดเหล้า เขาดื่มมันแทบจะตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเขาคิดว่าเหล้ามันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในอดีตให้เบาบางลงไปได้บ้าง …

อดีตที่ลูกสาวของสารวัตรพิทักษ์โดนฆาตกรโรคจิตฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม และเหตุผลที่ทำให้เขาเสียใจมากนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นตำรวจ ตำรวจที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะปกป้องลูกสาวตัวเองได้ นั่นทำให้สารวัตรพิทักษ์กลายเป็นตำรวจที่นิยมใช้ความรุนแรงแบบสุดขั้ว โดยเฉพาะถ้าเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำเป็นผู้หญิง เขาจะยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงเป็นเท่าทวีคูณ

ท่านนำชัยมีหลานสาวเป็นตำรวจน้ำดีอีกคนชื่อผู้กองอลิส (รับบทโดย นิ้ง ชัญญา) จึงใช้ให้เธอไปกำกับดูแลการทำงานของสารวัตรพิทักษ์ แต่ผู้กองสาวไม่เห็นด้วย หลังจากดูประวัติของสารวัตรพิทักษ์ที่ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกพักราชการ เธอไม่เชื่อว่าจะควบคุมได้ ถึงอย่างนั้น ท่านนำชัยก็เชื่อว่าความบ้าระห่ำอย่างกับหมาบ้าของสารวัตรพิทักษ์เหมาะกับงานนี้ที่สุด

ยามโพล้เพล้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง … สารวัตรพิทักษ์นั่งดวดเบียร์กระป๋องอยู่บนฟุตบาท เหมือนกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ ระหว่างนั้นเขาเห็นชายฉกรรจ์ขับรถมินิคูเปอร์เข้ามาจอดเติมน้ำมันโวยวายเสียงลั่นปั๊ม ก่อนจะเดินเข้าไปตบหน้าน้องเด็กปั๊มผู้หญิงจนล้มลงไปกองกับพื้น สารวัตรพิทักษ์ของขึ้นทันที เดินปรี่มาซัดใช้ทั้งมือทั้งตีนระดมเข้าไปที่ร่างของชายหน้าตัวเมียคนนั้น ไม่นานนัก ผู้กองอลิสก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับปืนกล็อกในมือเล็งไปที่สารวัตรพิทักษ์ พร้อมกับตวาดลั่นออกไปด้วยโทนเสียงที่ละมุนยิ่งนัก “ถึงจะเป็นคนร้ายแต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ความรุนแรงกับเขา”

สารวัตรพิทักษ์หันขวับไปมองหญิงสาวต้นเสียงที่ถือปืนเล็งมาที่เขา “แล้วที่มันตบผู้หญิงล่ะเรียกว่าอะไรฮะ แบบนี้ฉันเรียกยุติธรรม เธอคิดว่ากฎหมายของเธอทำอะไรพวกแม่งได้อย่างงั้นเหรอ ต้องเรียกคนมาช่วยกระทืบมัน กฎหมายมัน here ไง” !

ภาพหน้าจอซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.1

ทีมหมาบ้า

สารวัตรพิทักษ์ต้องการใช้นักโทษที่อยู่ในคุกมาร่วมทีมล่าฆาตกรสายฝน เขาให้รายชื่อนักโทษทั้งสามกับผู้กองอลิส …

  • คนแรก ไอ้ยักษ์ = พละกำลัง (รับบทโดย หยวน กวินรัฏฐ์) มันมีพละกำลังมากกว่าคนปกติ จากเด็กช่างกลายมาเป็นนักเลง แล้วก็เริ่มเข้าสู่วงการมาเฟีย ไม่นานนักแก๊งของมันก็กลายเป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุด
  • คนที่สอง เรส = ทักษะการฆ่า (รับบทโดย ก๊อต จิรายุ) อาชีพนักฆ่ารับจ้าง มันฆ่ามาแล้ว 50 ศพโดยไม่มีใครรู้ โดยใช้การอำพรางคดีว่าเป็นอุบัติเหตุ แถมมันยังไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมในแฟ้มของตำรวจ ว่าที่จริง ตำรวจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีตัวตนอยู่ แล้วตำรวจจับมันได้ยังไงน่ะเหรอ อยู่ดี ๆ มันก็มอบตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล
  • คนสุดท้าย สกาย = มันสมอง (รับบทโดย ณ ณภัทร) ฆาตกรต่อเนื่องที่อายุน้อยที่สุด ไอคิวสูงถึง 165 เรียนจบด้านศิลปะและปรัชญา มันฆ่ามาแล้ว 15 ศพ แต่ไม่เคยทิ้งหลักฐานเอาไว้ในที่เกิดเหตุเลย ไม่มีรอยนิ้วมือ รอยเท้า หรือแม้แต่เส้นผม จากการประเมินสภาพจิตพบว่า เข้าข่ายเป็นคนวิกลจริตประเภทคนสองบุคลิก

ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง ท่านนำชัยกำลังนั่งตกปลาอยู่ … ผู้กองอลิสเอารายชื่อทั้งสามนักโทษมาให้ แต่ก็พยายามคัดค้านวิธีการปล่อยสัตว์ร้ายออกจากกรงให้มันมาล่ากันเองแบบนี้ แต่คำตอบจากปากของท่านนำชัยคือ “บางครั้งถ้าจะหยุดความรุนแรงก็ต้องรุนแรงกว่า โหดเหี้ยมกว่า” แล้วท่านนำชัยก็ให้อลิสช่วยหยิบไส้เดือนในกระป๋องมาเกี่ยวเบ็ด ผู้กองสาวหน้าเหยเกทันทีด้วยความขยะแขยง ยิ่งตอนเอาตัวมันไปเกี่ยวเบ็ด น้ำคาว ๆ ในตัวของมันทะลักออกมากลิ่นตลบ ผู้กองอลิสแทบอยากจะไปจากที่นั่นทันที ท่านนำชัยหัวเราะ หึ ๆ “แล้วแบบนี้จะตกปลาได้ยังไงล่ะถ้าไม่มีเหยื่อ”

ที่โบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง … ไอ้ยักษ์กับเรสถูกพาตัวมาโดยรถเคลื่อนย้ายนักโทษของกรมราชทัณฑ์ ที่นั่นผู้กองอลิสได้อธิบายภารกิจที่ทั้งสองต้องทำ แต่ความเกรียนของพวกเดนนรกมันหยั่งลึกเกินกว่าที่ผู้กองสาวสวยจะรับมือได้ ทั้งไอ้ยักษ์กับไอ้เรสไม่มีใครฟังสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ไอ้ยักษ์ก็โวยวายหาแต่ของกิน ส่วนไอ้เรสพูดขัด “จับฆาตกรมันเป็นเรื่องของตำรวจไม่ใช่เรื่องของกู”

สารวัตรพิทักษ์โผล่หน้าออกมา แล้วก็พูดโพล่งออกไปว่า “ใครจับไอ้ฆาตกรสายฝนได้ลดโทษห้าปี” เท่านั้นแหละ ไอ้ยักษ์กับเรสสนใจข้อเสนอที่ได้รับทันที “แต่มีข้อแม้ว่าพวกมึงต้องใส่กำไลจีพีเอส เพื่อจะได้ตามพวกมึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง”

ผู้กองอลิสได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า สกายหนีไปได้ระหว่างขอผู้คุมเข้าห้องน้ำในปั๊มระหว่างทาง

สารวัตรพิทักษ์รู้ว่าสกายต้องกลับไปหาแฟนของมัน เพราะเธอเป็นพยานคนสำคัญที่ทำให้มันติดคุกตลอดชีวิต ที่สำคัญยังเป็นผู้หญิงที่มันรักมากที่สุดอีกด้วย … เธอชื่อ แจน ปารดา อายุ 23 ปี สูง 163 ซม. ตอนนี้เป็นเด็กนั่งดริ๊งก์อยู่ที่หัวหิน

สารวัตรพิทักษ์ใช้เส้นสายจนรู้ว่าแจนพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์หัวหินซอย 35 สารวัตรพิทักษ์พังประตูห้องเข้าไป ก็เจอสกายกำลังบีบคอแจน !

EP.2 ทีมหมาบ้า

ปัง !

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากปลายกระบอกปืนของสารวัตรพิทักษ์ เขาตั้งใจเล็งไปที่หัวของไอ้สกายที่กำลังบีบคอหญิงสาวที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ยังโชคดีที่ไม่มีใครสูญเสีย เพราะผู้กองอลิสปัดมือสารวัตรพิทักษ์ก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไก หัวกระสุนเลยเปลี่ยนทิศทางไปที่ผนังห้อง ก่อนจะมีเสียงโวยวายออกมาดังลั่น “ไหนบอกว่าจะมาจับเป็นไง !?” ผู้กองสาวถามด้วยความสงสัย แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีคำตอบจากสารวัตรหมาบ้า

สกายนั่งคิดพิจารณาอยู่คนเดียวในโบถ์ร้าง ที่ใช้เป็นฐานชั่วคราวของทีมหมาบ้า สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจยอมร่วมทีม สารวัตรพิทักษ์ยื่นขวดเหล้าออกไปให้ทุกคนดื่ม ไม่เว้นแม้แต่ผู้กองอลิส “ดื่มซะ จากนี้ไปเราคือทีมเดียวกัน”

ภาพหน้าจอซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.2

ความเชื่อใจ คือ ?

วันแรกของการรวมทีมก็ดูจะเป็นการวันเริ่มต้นของความวุ่นวาย ผู้กองอลิส ไอ้ยักษ์ เรส สกาย กำลังนั่งรถตู้ผ่านแถวดอนเมือง จู่ ๆ เรสก็ขอตะโกนให้หมวดคิง (ลูกน้องผู้กองอลิส) หยุดรถ จากนั้นมันเอ่ยกับผู้กองสาว “ผู้กองผมขอตัว ผมขออนุญาตผู้กอง” ผู้กองอลิสได้แต่อึ้งยอมให้มันเดินลงจากรถไป

เรสเดินไปที่บ้านหลังหนึ่ง เพื่อไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่บ้านหลังนั้น หญิงสาวที่ชื่อเกด เกดคือเจ้าของบ้านหลังนั้น ที่เมื่อนานมาแล้วมันโดนคนที่มันไว้ใจสั่งฆ่าจนได้รับบาดเจ็บเจียนตายอยู่ที่หน้าบ้านหลังนี้ และเธอก็เป็นคนช่วยชีวิตมันเอาไว้จากความตาย “เกด” จึงเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่มันต้องการปกป้อง

เรสกดกริ่งสักพัก ก็มีหญิงสาวออกมาเปิดประตู แต่เธอไม่ใช่เกด เกดไม่อยู่ที่นี่แล้ว เรสยืนงงอยู่หน้าบ้านเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ สักพักรถ Grab ก็ขี่ผ่านมาส่งอาหาร เรสมันปิ๊งไอเดียทันที ปล้นรถมอเตอร์ไซค์

เรสไปหาคนคนหนึ่งที่มันเรียกว่าป๋า ชายแก่เชื้อจีนที่เปิดร้านขายของโบราณใหญ่โตโอ่อ่า ป๋าแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเรส ก่อนจะก้มหน้าส่องแว่นขยายต่อไป เรสยิงคำถามเข้าประเด็นถามหาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ? ป๋าบอกปัด “แกให้ฉันโอนเงินให้อย่างเดียว นี่ต้องให้ฉันตามไปดูแลผู้หญิงคนนั้นด้วยอย่างนั้นเหรอ”

เรสยังคุมโทนเสียงให้ราบเรียบ แม้ว่าแววตาเขาเริ่มคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง “ที่ผ่านมาชีวิตผมก็ให้ป๋าได้ แค่ดูแลผู้หญิงคนนั้นทำไมทำให้ผมไม่ได้”

ชายแก่เชื้อจีนยังคงโฟกัสความสนใจไปที่สิ่งของที่กำลังใช้แว่นขยายส่อง แต่ก็เงยหน้าขึ้นมาพูด “ผู้หญิงคนนั้นมันสำคัญกับแกมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ?” เรสเริ่มเม้มปาก เหมือนจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเอ่ยปากพูดประโยคนี้ “ผู้หญิงคนนั้นชีวิตผมไว้ ในวันที่ป๋าสั่งฆ่าผมไง !” จากนั้น เรสก็ขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายให้ป๋าตามหาผู้หญิงคนนั้น แล้วดูแลเธอให้ดี ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะตามมาจัดการป๋าด้วยตัวของเขาเอง

เสียงไซเรนตำรวจดังขึ้น สารวัตรพิทักษ์เดินปรี่เข้ามาหาเรส ปืนรีวอลเวอร์ในมือจ่อเข้าไปที่หน้าอกของเรส “นี่มึงตอบแทนความเชื่อใจกูแบบนี้เหรอ”

เรสยิ้มเยาะ “ความไว้ใจอย่างงั้นเหรอ ความไว้ใจที่เปิดโอกาสให้คนอื่นแทงเราจากข้างหลังอย่างงั้นน่ะเหรอ คุ้นมั้ย” สารวัตรพิทักษ์ของขึ้นเลย สาวหมัดเข้าไปที่เบ้าหน้าเรสหนึ่งหมัด ก่อนจะเอาปืนจ่อไปที่หัว แล้วก็บ่นพึมพำสอนว่าคนต่างจากสัตว์เพราะมันรู้จักบุญคุณ … แต่แวบเดียว เสี้ยววินาที เรสมันใช้สกิลขั้นเทพแย่งปืนมาจากมือของสารวัตรพิทักษ์ ก่อนจะส่งปืนกลับคืนไปด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ ส่วนสารวัตรพิทักษ์ได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น

เสพติดกลิ่นคาวเลือด

สารวัตรพิทักษ์พาไอ้ยักษ์ เรส สกาย ไปสืบหาเบาะแสคดีฆาตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ละคนก็ใช้ทักษะของตัวเองในการล่าตัวฆาตกรสายฝน สิ่งนี่คือสิ่งที่ได้จากการออกหาเบาะแสในวันแรก …

“มันฆ่าคนเพราะว่าเสพติดกลิ่นเลือด ในวันที่ฝนตกกลิ่นเลือดจะแรงกว่าปกติเพราะว่าความชื้น มันเลยเลือกฆ่าคนในวันที่ฝนตก ในวันฝนตกครั้งต่อไปมันต้องออกฆ่าอีกแน่ …” สกายแชร์สิ่งที่มันรู้กับทีม “… การฆ่าของมันถูกฝึกมาอย่างดี มีดแรกแทงเข้าที่ไต เมื่อไตถูกแทงเลือดจะออกในช่องท้อง ตอนนั้นเหยื่อจะหมดแรงสู้ มีดสองมีดสาม มันจะแทงเพื่อเปิดทางให้เลือดไหลออกมา ช่องท้อง ต้นขา ใต้ชายโครง ปอด ระหว่างนั้นเหยื่อก็ยังไม่ตาย ระหว่างนั้นมันจะเสพกลิ่นเลือดที่ไหลออกมาสด ๆ จนพอใจ แล้วค่อยฆ่าเหยื่อทิ้ง”

จากนั้น สกายมันก็เผยความจีเนียสอันน่าเหลือเชื่อของมันออกมา “การฆ่าที่สมบูรณ์แบบของฆาตกรสายฝน มันต้องผ่านการลองผิดลองถูกมาก่อน ดังนั้น การฆ่าครั้งแรก ๆ ของมันจะเต็มไปด้วยความผิดพลาด” สกายเสนอให้สารวัตรพิทักษ์พลิกแฟ้มคดีฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด ที่ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ ฆาตกรสายฝนจะอยู่ในคดีพวกนั้น

สารวัตรพิทักษ์ทำตามคำแนะนำของสกาย จนได้พบเหยื่อผู้รอดชีวิตสามคน … สารวัตรพิทักษ์กับเรสจึงไปสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิตเหล่านั้น แต่ที่น่าตกใจสำหรับเรสก็คือ หนึ่งในนั้นคือเกด !

เกดในตอนนี้มีชีวิตย่ำแย่ ต้องมาอาศัยอยู่ที่บ้านซอมซ่อกับลูกสาว … ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน เรสได้รับใบสั่งให้สังหารสามีของเกด มันเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกผิดกับการฆ่าคน เขาเห็นเกดและลูกสาวตัวน้อยร้องไห้ที่เห็นพ่อมาจากไปต่อหน้าต่อตา

ที่บ้านซอมซ่อหลังนี้ สารวัตรพิทักษ์เห็นเรสท่าทางแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรสที่จิตใจนิ่งอย่างหินผา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวคนนี้ ทำไมดูอ่อนปวกเปียกไปในทันที

การบังเอิญได้เจอเกดในวันนี้ ทำให้เรสได้รู้ความจริงว่า ป๋าไม่เคยโอนเงินให้เกดตามที่เขาขอเลย เกดจึงต้องอยู่ในสถานที่ซอมซ่อแบบนี้

ในคืนนั้น ผู้กองอลิสได้รับแจ้งว่าเมื่อคืนมีเหยื่อรายหนึ่งถูกฆาตกรสายฝนสังหาร เมื่อเอาข้อมูลมาดูก็พบว่า มันกลับไปเก็บงานเหยื่อที่มันเคยทำพลาด ทีมหมาบ้าจึงรีบออกไปล่าไอ้ฆาตกรโรคจิตทันที

เรสก็รีบไปที่บ้านเกด แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบใครอยู่ที่บ้านหลังนั้น ส่วนไอ้ยักษ์ก็เจอฆาตกรสายฝนโดยบังเอิญระหว่างเข้าไปซื้อของในร้านชำ มันพยายามวิ่งไล่จับ แต่พลาดท่าเสียทีโดนแทงเข้าที่ท้องไปสองแผล ยังโชคดีที่สกายตามมาทัน ไอ้ยักษ์เลยรอดไปได้

ผลตรวจนิติเวชออกมาผิดคาด ตำรวจพบรอยนิ้วมือคนร้าย ตำรวจตามไปจับไอ้เอ็ดดี้ ลูกน้องไอ้ยักษ์ แต่ไม่มีใครเชื่อเลยสักคนว่าเอ็ดดี้เป็นฆาตกรสายฝน โดยเฉพาะสกาย

EP.3 พ่อค้า

“มัน (เอ็ดดี้) ไม่ใช่ฆาตกร” สกายบอกเรสกับไอ้ยักษ์ มันยังให้เหตุผลด้วยว่า …

จนถึงตอนนี้ ฆาตกรสายฝนฆ่าเหยื่อไปแล้ว 23 ราย ซึ่งเทียบเท่ากับฆาตกรต่อเนื่องคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ มันจึงต้องการฆ่าอีกหนึ่งศพเพื่อจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ฆาตกรต่อเนื่อง … เมื่อเรสได้ฟังแล้วก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที

รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.3

คืนนี้เป็นคืนที่ฝนตก เกดเดินกางร่มฝ่าสายฝนกลับบ้าน มืออีกข้างถือถุงกับข้าวที่ซื้อเอาไว้ให้ลูกสาว แต่ระหว่างทางชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัว หรือมันคือฆาตกรสายฝน ใช่ มันคือฆาตกรสายฝน มันเข้าทำร้ายเกดจนลงไปนั่งหมดสติอยู่กับพื้น เลือดไหลออกจากร่างเธอไม่หยุด

“กลิ่นเลือดมึงแม่งโคตรหอมเลยว่ะ หอมจนกูต้องกลับมาหามึงอีกรอบเนี่ย” พูดจบไอ้ฆาตกรโรคจิตก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แต่ไม่ทันที่มันจะได้ทำอะไรต่อ เรสก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าไอ้ฆาตกรชั่ว เรสใช้สกิลการต่อสู้ระดับเทพจัดการกับไอ้ฆาตกรสายฝนอย่างง่ายดาย เรสเตรียมใช้มีดในมือสำเร็จโทษไอ้ฆาตกรตัวนี้ให้ตายดับดิ้นไป จังหวะนั้นเอง สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่มา “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้ามึงฆ่ามันมึงจบ”

ปืนรีวอลเวอร์ลำกล้องสั้นในมือของสารวัตรพิทักษ์เล็งไปที่เรส เขาต้องการจับเป็น ส่วนเรสต้องการฆ่ามันให้ตายไปซะตรงนี้ เรสไม่สนคำพูดของสารวัตรหมาบ้า ที่สำคัญมันไม่กลัวคมกระสุนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่ทันที่มีดในมือจะทะลุเข้าไปในร่างของฆาตกรสายฝน สารวัตรหมาบ้าก็ลั่นไกปล่อยกระสุนเข้าไปที่หัวไหล่ของเรส

“โอ๊ย ไอ้สลัด !” เรสตะโกนด่าสารวัตรพิทักษ์ที่กำลังพาตัวไอ้ฆาตกรโรคจิตไป เรสร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเรสก็ค่อย ๆ คลานเข้าไปดูอาการของเกดที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหายใจรวยริน

ถัดออกไปไม่ไกล สารวัตรพิทักษ์พาตัวไอ้ฆาตกรโรคจิตมานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าท่านนำชัย ก่อนที่จะยื่นปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ให้ท่านนำชัยสำเร็จโทษมันซะตรงนี้ … “โอ๊ย น่ากลัวฉิบหายเลยว่ะ อย่างกับในหนัง” ฆาตกรสายฝนมันโรคจิตโดยสมบูรณ์ มันไม่กลัวความตายเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจู่ ๆ ท่านนำชัยที่นิ้วชี้อยู่โกร่งไกก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา “ยังไม่ถึงเวลา” ท่านนำชัยส่งปืนในมือคืนให้สารวัตรพิทักษ์ แล้วเดินกลับขึ้นรถไป

เหยื่อล่อ

เมื่อกลับมาที่โบสถ์ร้าง ผู้กองอลิสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่สารวัตรพิทักษ์หลอกเธอ และใช้วิธีสกปรกในการจับตัวคนร้าย โดยการแกล้งจับตัวเอ็ดดี้ แล้วใช้เกดเป็นเหยื่อล่อ แต่สารวัตรหมาบ้ากลับมองตรงกันข้าม เขามองว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์คือจับตัวฆาตกรสายฝนได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“ฉันว่านะ เธอไม่เหมาะที่จะทำงานนี้หรอก ลาออกจากทีมไปซะ” สารวัตรพิทักษ์ที่มือคีบบุหรี่อยู่ในมือ พูดคำพูดนั้นใส่หน้าผู้กองอลิส ซึ่งเป็นจังหวะกับที่เรสปรี่เข้ามาสาดหมัดเข้าใส่เบ้าหน้าสารวัตรพิทักษ์อย่างแรง สารวัตรพิทักษ์สะบัดหน้าเพื่อเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะสูดควันพิษเข้าไปในปอดหนึ่งปื้ด

“มึงนี่มัน here จริง ๆ เลยนะ” เรสด่าสารวัตรพิทักษ์เพื่อระบายอารมณ์

แต่ยังไม่ทันที่สารวัตรพิทักษ์จะทำสติให้กลับมาปกติจากหมัดแรก หมัดที่สองจากไอ้ยักษ์ก็ถูกซัดเข้าที่กรามของสารวัตรหมาบ้าอีกดอก “ไอ้สลัดเอ๊ย นี่สำหรับเอ็ดดี้”

หมัดที่สองที่โดนเข้าเบ้าหน้า สารวัตรพิทักษ์ใช้เวลานานกว่าเดิมกว่าจะพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้ แต่ที่น่าแปลกประหลาดคือ บุหรี่ที่เขาคีบอยู่ที่มือยังอยู่ดีเหมือนเดิม สารวัตรพิทักษ์ค่อย ๆ ประคองตัวเองขึ้นมาแล้วสูดควันพิษเข้าไปในปอดที่หนึ่งปื้ด แถมยังลอยหน้าลอยตาพยายามเก็บทรง ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ก็เข้ามาพาตัวเรสกับไอ้เรสไป

ผู้กองอลิสได้แต่จ้องตาสารวัตรพิทักษ์ที่ตอนนี้เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว เขาหักหลังทุกคน !

ภาพตัดมาที่ห้องสอบสวน … สกายกำลังสอบสวนฆาตกรสายฝน แล้วก็ได้รู้ความจริงอันน่าตกตะลึงว่า ฆาตกรสายฝนไม่ได้เป็นคนฆ่าผู้กองโชค ลูกชายของท่านนำชัย … สารวัตรพิทักษ์ที่แอบดูการสอบสวนนี้อยู่ถึงกับหน้าเหวอทันที

สัญญาต้องเป็นสัญญา

แม้ทีมหมาบ้าจะจับตัวฆาตกรสายฝนเข้าซังเตได้แล้ว แต่ยังมีฆาตกรโรคจิตที่ลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์อยู่เกลื่อนเมือง และคดีสังหารโหดหญิงสาวล่าสุด ก็ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับตำรวจอีกครั้ง ตำรวจที่ไม่มีปัญญาปกป้องประชาชน ตำรวจที่เอาแต่อ้างสารพัดเหตุผลเมื่อไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ !

เมื่อตำรวจปกติไม่สามารถจัดการฆาตกรชั่วเหล่านี้ได้ ท่านนำชัยจึงมีคำสั่งด่วนให้เรียกทีมหมาบ้ากลับมาใช้งานอีกครั้ง

สารวัตรพิทักษ์เข้าไปตีเยี่ยม เรส, ไอ้ยักษ์ และสกาย ที่เรือนจำ และได้ยื่นข้อเสนอลดโทษให้อีกครั้ง ทำให้ถึงจะเหม็นขี้หน้าแค่ไหนก็เหอะ ข้อเสนอดี ๆ อย่างนี้ ทั้งสามจึงจำต้องรับเอาไว้

ทุกอย่างเหมือนวนลูปกลับมาที่จุดเดิม เพิ่มเติมคือทั้งสามจะได้ทำงานที่เป็นกิจจะลักษณะมากขึ้น “ตอนนี้พวกนายเป็นทีมหน่วยงานลับ หน้าที่หลักคือปิดคดีที่ทีมปกติไม่สามารถทำได้ เมื่อปิดคดีได้จะได้ลดโทษตามสัญญา และกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำรอจนกว่าจะมีคดีใหม่อีกครั้ง ใครได้ลดโทษจนหมดก็จะเป็นอิสระ” ผู้กองอลิสพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

พ่อค้า

ผู้กองอลิสพาทั้งสามไปยังที่เกิดเหตุ “สองวันก่อนมีหญิงสาวโทร. แจ้งเหตุกับ 191 ว่าถูกคนร้ายลักพาตัว เธอชื่อหลิน อายุ 24 ปี หลังจากมันขังหลินเอาไว้ เธอเกิดได้สติ จึงโทร. แจ้งตำรวจ คนร้ายได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์จึงเข้ามาจัดการกับหลิน เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุก็ศพชิ้นส่วนมนุษย์มากกว่าสามร้อยชิ้นอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นของเหยื่อมากกว่าสิบคน แต่ไม่มีหลินเป็นหนึ่งในนั้น”

นั่นหมายความว่าหลินอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ?

แต่ที่น่าแปลกคือ คนร้ายจะใช้น้ำกรดราดตัวเหยื่อก่อนที่จะทำการหั่นศพ … ระหว่างที่ทุกคนกำลังใช้ความคิด ไอ้ยักษ์ก็ใช้พละกำลังอันมหาศาลของมันพังผนังเข้าไปจนเจอห้องลับ ทำให้ได้รู้ความจริงว่า คนร้ายมันเป็นพ่อค้าอวัยวะมนุษย์

เมื่อได้เบาะแสสำคัญว่าคนร้ายเป็นพ่อค้าอวัยวะมนุษย์ แต่ละคนก็ออกไปตามหาเบาะแสตามที่ตัวเองถนัด จนได้เบาะแสสำคัญว่า ไอ้พวกชำแหละศพขายเป็นพวกแก๊งคนจีน !

เรสตามไปจนพบเบอร์โทร. ของคนร้าย เขาจึงให้ผู้กองอลิสหาตำแหน่งให้ ในที่สุดก็พบ มันอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งแถวบางขุนเทียนชายทะเล ทั้งหมดจึงตามกันไปที่นั่น

ภาพหน้าจอซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.3

สภาพโรงงานเป็นตึกแถวติดกันหลายห้อง ห้องเชือดอยู่ชั้นบน ศพมนุษย์ถูกจับแก้ผ้ามัดขาผูกเอาไว้กับขื่อ ให้หัวห้อยลงมาเพื่อให้เลือดไหลออกให้หมดร่าง ที่ห้องมีศพแบบนี้ห้อยรอการเชือดอยู่สามถึงสี่ศพ ไม่ห่างจากโต๊ะเชือด หลินนอนหายใจรวยรินอยู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความกลัวของเธอมันยังแฝงไปด้วยพลังฮึดสู้ ตอนนี้ในมือของเธอซ่อนกรรไกรเอาไว้ เธอแอบซ่อนมันเอาไว้ เธอจะไม่ยอมตายไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ไอ้เล้งคือมือเชือด ไอ้เล้งเดินมาหาหลิน จังหวะนั้นเองที่เธอเหวี่ยงกรรไกรในมือสุดแรง แต่แรงของหญิงสาวน้อยนิดเกินไป แม้มันจะทำให้ไอ้เล้งบาดเจ็บได้ แต่มันก็เล็กน้อยเกินไป ไอ้เล้งโกรธจัด คว้าเอาค้อนทุบเข้าไปที่ตัวของหลินไม่ยั้งสามถึงสี่ที !?

ที่ชั้นล่าง ไอ้ยักษ์ทำท่าจะบุกเดี่ยวขึ้นไปช่วยหญิงสาว แต่ดูเหมือนว่าเรสจะส่งซิกให้มันอยู่เฉย ๆ เรสสวมถุงมือหนังที่ผ่านการตัดเย็บมาอย่างดี มืออีกข้างคว้ามีดพกเล็ก ๆ ออกมา เรสเดินดาหน้าจัดการกับลูกน้องแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีนทีละคน ๆ ด้วยสกิลการฆ่าคนของเรส สามารถจัดการพวกลูกกระจ๊อกเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ง่ายดายขนาดที่ว่า เรสไม่เสียเหงื่อสักหยด

สารวัตรพิทักษ์รีบปรี่เข้าไปในห้องเชือด ไอ้ยักษ์เข้าไปกระทืบไอ้เล้งจนแขนหลุด ส่วนสารวัตรรีบเข้าไปดูร่างของหลินที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะเชือด เลือดทั่วร่างของเธอทำให้สารวัตรหมาบ้าฟิวส์ขาด เขาใช้ปืนรีวอลเวอร์คู่กายจ่อไปที่หัวของไอ้เล้งและลั่นไกทันที “แปะ” กระสุนหมด !

ไอ้เล้งร้องเสียงหลง คนที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองต้องตายกลับกลัวตายจนร้องเสียงหลงแบบนี้นี่เอง สารวัตรพิทักษ์เดินไปหยิบลูกซองสไลด์ห้านัด ไอ้เล้งต้องตาย มันไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่จังหวะนั้นเอง หลินขยับตัว เธอยังไม่ตาย … สารวัตรพิทักษ์เอานิ้วชี้ออกจากโกร่งไก ในขณะที่ผู้กองอลิสก็โล่งอกที่วันนี้ไม่ต้องมีคนตายเพิ่ม

หลังจากภารกิจผ่านไปได้ด้วยดี สารวัตรพิทักษ์จึงพูดกับสามคนนั่นว่า “พวกมึงจำความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดี เพราะภารกิจที่แท้จริงที่พวกมึงต้องทำคือการช่วยคน” เรสฟังไปก็รำคาญไปกับการดึงดราม่าของสารวัตรพิทักษ์

สารวัตรพิทักษ์ให้ที่อยู่ของเกดกับเรส และอนุญาตให้เขาไปเยี่ยมเธอได้

ในตอนท้าย ไอ้ยักษ์โดนกลุ่มชายปริศนาคลุมหัวด้วยถุงดำและพาตัวขึ้นรถตู้ไป !?

EP.4 กับดัก

ไอ้ยักษ์ถูกลักพาตัวไปพบคนคนหนึ่งที่มันเรียกว่า “เฮียเหม” มันได้รับคำสั่งให้ฆ่าสกาย ! จากนั้นมันก็กลับมาที่โบสถ์ร้าง โดยอ้างว่ามันไปฉี่แล้วเดินหลงทางกลับมาไม่ถูก อ้างด้วยเหตุผลซื่อบื้อแบบนี้มีเหรอที่ผู้กองอลิสจะเชื่อ แต่ก็นั่นแหละ ผู้กองอลิสไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เดินสะบัดบ๊อบออกไปด้วยความไม่พอใจ

ระหว่างนั้นท่านนำชัยสั่งเก็บฆาตกรสายฝนในคุก มันถูกแทงตายในโรงอาบน้ำอย่างน่าอนาถ

จากนั้น สารวัตรพิทักษ์ได้เริ่มปฏิบัติการล้างบางขบวนการค้าอวัยวะ โดยเรียกปฏิบัติการนี้ว่า “Cleaning Day” โดยเป้าหมายคือจัดการกับตัวการใหญ่ที่อยู่บนยอดพีระมิดของขบวนการค้าอวัยวะ

หลังทำการสืบสวนในเชิงลึก พบว่าพวกลูกกระจ๊อกยิบย่อยในขบวนการค้าอวัยวะจะสาวย้อนกลับไปถึงสาวใหญ่คนหนึ่งที่มีชื่อว่า ไฮโซจันทรา อายุ 53 ปี หรือมีฉายาว่า เจ๊เดือน นานา อดีตเจ้าแม่วงการค้าเนื้อสด ที่ผันตัวมาค้าอวัยวะ โดยมีบริษัทธุรกิจขายตรงอาหารเสริมบังหน้า จนปัจจุบันร่ำรวยใหญ่โต มีผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองให้การหนุนหลัง แถมยังมีตำรวจยศใหญ่โตรับเงินสินบนจากเธออีกด้วย นี่แหละเป็นเหตุผลที่จันทรายังลอยหน้าลอยตาทำผิดได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

บุกรังจันทรา

รถตู้เมอร์ซีดีสรุ่นบุโรทั่งคันสีดำของทีมหมาบ้ามาจอดอยู่ที่อาคารสำนักงานแถวถนนวิทยุ มันเป็นอาคารของบริษัทจันทรา อาคารที่ผู้กองอลิสบรีฟให้ทุกคนรู้ว่า ที่นี่ถูกใช้เป็นที่เชือดคนกลางเมือง …

“แผนคือพวกนายต้องเข้าไปหาหลักฐานเกี่ยวกับการค้าอวัยวะมาให้ได้ แล้วที่เหลือ ผบ.นำชัยจะจัดการเอง” ผู้กองอลิสบอกแผนคร่าว ๆ กับสามสมาชิกทีมหมาบ้า

สารวัตรพิทักษ์นำทีมเดินเข้ามาภายในอาคาร ด่านแรกที่ต้องเจอคือพนักงานรักษาความปลอดภัยสาว เธอพูดจานิ่มนวลต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่เมื่อสารวัตรหมาบ้าแจ้งว่าเขาเป็นตำรวจมาพบคุณจันทรา ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดูจะเข้มงวดขึ้นทันที ชายฉกรรจ์ในชุดสูทหลายคนมาประกบทั้งสี่สมาชิกทีมหมาบ้าทันที

ภาพหน้าจอซีรีส์ Bad Guys EP.4

“รบกวนฝากอาวุธไว้ที่เคาน์เตอร์นะครับ เป็นกฎของอาคาร” ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน สารวัตรพิทักษ์ล้วงเข้าไปหยิบปืนลูกโม่สีเงินแวววาววิบวับของตัวเองออกมาให้ ก่อนที่พนักงานสาวจะค่อย ๆ ใช้เครื่องสแกนตรวจทีละคน ๆ จนมาถึงไอ้ยักษ์ พนักงานสาวถึงกับสีหน้าตกใจเมื่อสแกนไปที่บริเวณเป้าของไอ้ยักษ์แล้วเครื่องส่งสัญญาณดังรัว ๆ “ตี๊ด ๆ ๆ ๆ” พนักงานสาวสแกนย้ำไปที่เป้าของมันอยู่อย่างนั้นจนไอ้ยักษ์ร้องขอให้หยุด จากนั้นมันก็ใช้มือล้วงเข้าไปในเป้ากางเกงเพื่อล้วงวัตถุที่ทำให้เครื่องสแกนร้องจนเสียงดังออกมา มันคือ …

มันคือปลัดขิก เครื่องรางของขลังของผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ว่ากันอย่างนั้น แต่ปลัดขิกของไอ้ยักษ์ไม่เหมือนของคนอื่น เพราะปลัดขิกของมันขนาดเท่านิ้วก้อยเด็กแรกเกิด เมื่อมันหยิบออกมา พนักงานสาวถึงกับหัวเราะไม่หยุดด้วยความเขินอาย (เธอคงคิดในใจว่าตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ แต่ห้อยปลัดขิกอันเท่านิ้วก้อยเด็ก)

ทีมหมาบ้าเข้ามาในอาคารได้แล้ว แต่ทุกการกระทำของทุกคนอยู่ในสายตาของจันทรา ที่กำลังมองผ่านกล้องวงจรปิด สาวใหญ่จันทรามองสารวัตรพิทักษ์ด้วยความเดือดดาล ที่กล้าเข้าวุ่นวายความสงบสุขของเธอ

กับดัก

ทั้งสี่เข้าไปในอาคาร แต่มีหนึ่งในนั้นที่รู้สึกแปลก ๆ สกายเป็นคนเดียวที่รู้สึกแปลก ๆ สารวัตรพิทักษ์ถูกพาตัวไปที่ห้องรับรอง เรสถูกพาแยกออกไปเดินดูโดยรอบของอาคาร ส่วนไอ้ยักษ์กับสกายอยู่ด้วยกัน เมื่อแต่ละคนถูกจับแยกออกจากกัน พวกลูกสมุนของจันทราก็เข้ารุมหมายสังหารทีละคน ๆ

คนต่อมาที่รู้ว่าเป็นกับดักก็คือเรส หลังจากจัดการกับชายฉกรรจ์ที่คุมตัวเขาทั้งสามคนไปได้แล้ว เขาก็รีบโทร. หาผู้กองอลิสทันที “มันเป็นกับดัก ! มีคนหักหลังเราแน่ ตอนนี้พวกมันล้อมฆ่าเราอยู่”

แต่พอวางสายไป หมวดคิงที่เป็นพลขับก็กระแทกหมัดเข้าเบ้าหน้าผู้กองอลิสอย่างแรง จนเธอสลบไปทันที … ไอ้ตัวทรยศ มันคือไอ้หมวดคิงนี่เอง !

จากนั้นมันก็เตรียมนำร่างที่ไร้สติของผู้กองอลิสไปถ่วงน้ำ แต่โชคดีที่ผู้กองสาวได้สติขึ้นมาก่อนจึงจัดการกับไอ้หมวดชั่วได้

แต่หมวดคิงมันจะทำด้วยตัวเองเพียงลำพังเหรอ ไม่ …

ภาพตัดกลับไปที่เลานจ์แห่งหนึ่ง นายตำรวจใหญ่ชื่อ ท่านประทิน กำลังนั่งดื่มเหล้าเคล้านารีกับเพื่อนรัก ท่านประทินกำลังคุยโทรศัพท์กับจันทรา เขาสั่งหน่วย S.W.A.T. ไปที่อาคารเพื่อสังหารทีมหมาบ้าให้แล้ว จันทราก็เลยรับปากจะมอบสินบนเป็นบ้านที่สวิสให้เป็นการตอบแทน … แล้วเพื่อนรักที่อยู่กับท่านประทินคือใคร ? ภาพค่อย ๆ เผยให้เห็น ตำรวจชั่วที่หักหลังทีมหมาบ้า คือ ท่านนำชัย !!?

จันทราสั่งให้ลูกน้องของเธอทั้งอาคารจัดการกับทีมหมาบ้าให้สิ้นซาก ระหว่างนั้นหน่วย S.W.A.T. ก็เดินทางมาถึง มันได้รับสินบนคนละหนึ่งล้านบาทในการสังหารทีมหมาบ้าเช่นกัน … ณ เวลานี้ แขกที่ไม่เกี่ยวข้องถูกเชิญให้ออกจากอาคารทั้งหมด อาคารถูกปิดแล้ว ตอนนี้มันไม่ใช่อาคารธุรกิจอีกต่อไป นับจากนี้มันคือสนามรบ

สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หน้าโง่แค่ไหนก็รู้ดีว่าต้องร่วมมือกัน สกายที่มีสกิลการต่อสู้น้อยกว่าคนอื่นจัดการพวกลูกกระจ๊อกได้ไม่กี่คน ก็ถึงกับหมดแรงนั่งหลังพิงราวบันได แต่ไม่นานนัก ไอ้ยักษ์ก็เข้ามาฉุดให้เขาลุกขึ้น ทั้งสองมองตากัน ส่งสายตากันแล้วพยักหน้าให้กันเล็กน้อย เป็นภาษากายที่ตกลงว่าจะร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เป้าหมายของทั้งสองคือไปหาสารวัตรพิทักษ์ที่ชั้นบน ชั้นไหนสักแห่งในอาคารนี้

ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ สกายมีทักษะการต่อสู้ที่อ่อนด้อยกว่าคนอื่น เพราะความเก่งของเขาอยู่ที่มันสมอง จังหวะนั้นเอง ไอ้พวกลูกกระจ๊อกก็อาศัยจังหวะที่สกายเผลอ มันคว้ามีดจ้วงแทงจากด้านหลังเข้าไปที่ขาของสกาย ยังดีที่ยังมีไอ้ยักษ์พาสกายรอดจากความตายไปได้อย่างหวุดหวิด

ไอ้ยักษ์ประคองสกายมาหลบในห้องหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าห้องที่มันเจอเป็นห้องที่ใช้ชำแหละคน ห้องที่ใช้ชำแหละคนเพื่อเอาอวัยวะไปขาย !

ไม่นานนัก เรสก็ตามมาสมทบ และด้วยสกิลการฆ่าระดับเทพของเรส ทำให้ทั้งสามสามารถบุกตะลุยไปหาสารวัตรพิทักษ์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

สารวัตรพิทักษ์ไล่ให้ทั้งสามออกไปจากตึก “หมดหน้าที่ของพวกมึงแล้ว ที่เหลือกูจัดการเอง พวกมึงไม่ควรจะต้องมาตายที่นี่” แต่ไอ้ยักษ์ก็สวนกลับไปทันทีด้วยคำพูดเท่ ๆ ที่ออกมาจากใจของมัน “อะไรของมึงไอ้สารวัตร เข้ามาด้วยกันก็ต้องออกไปด้วยกัน ที่กูอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะกูไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

จากนั้น สารวัตรพิทักษ์ก็บอกทั้งสามว่า เขาโดนท่านนำชัยหักหลัง “ตอนนี้กูขอจับจันทราให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปเคลียร์กับพี่ (นำชัย) กูทีหลัง”

ทั้งสี่บุกตะลุยเข้าไปจัดการกับลูกกระจ๊อกที่พยายามปกป้องนายสาว สารวัตรพิทักษ์ที่แก่หงำและเชื่องช้า ไม่ใช่ปัญหา เพราะในมือมีปืนกึ่งอัตโนมัติลำกล้อง 3 นิ้วพร้อมกับความบ้าระห่ำไม่กลัวตาย ไอ้พวกลูกกระจ๊อกหน้าโง่จึงกลายเป็นแค่โล่รับกระสุน … ส่วนเรสก็ใช้มีดในมือจัดการไอ้พวกลูกกระจ๊อกทีละคน ๆ ไอ้ยักษ์กับสกายก็ต่อสู้ด้วยมือเปล่าตามที่ตัวเองถนัด แต่พวกลูกกระจ๊อกมันเยอะเหลือเกิน เยอะเกินกว่าที่ทีมหมาบ้าจะฆ่าพวกมันได้หมด

รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.4 : กับดัก

จนกระทั่ง ท่านนำชัยกับผู้กองอลิสพากำลังเสริมมาช่วยทีมหมาบ้าได้ทัน !

คนที่ผ่านความตายมาด้วยกัน

ที่แท้แล้ว ท่านนำชัยวางแผนใช้ปฏิบัติการบุกจับจันทราเป็นเหยื่อล่อ เพื่อจับปลาที่ใหญ่กว่า และปลาตัวนั้นคือท่านประทิน ผู้การชั่ว … สารวัตรพิทักษ์ที่ได้รู้ความจริงก็ถึงกับโล่งอก

จากผลงานทลายแก๊งค้าอวัยวะมนุษย์ และจัดการเปิดโปงการคอร์รัปชันของบิ๊กระดับผู้การในวงการตำรวจ ทำให้ท่านนำชัยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บัญชาการที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

หลังเสร็จภารกิจสำคัญ ทั้งห้าสมาชิกแก๊งหมาบ้าก็มานั่งก๊งเหล้าด้วยกัน ทั้งห้าดูจะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น เพราะแต่ละคนได้ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน โดยเฉพาะผู้กองอลิสที่เป็นหญิงสาวคนเดียวในทีมหมาบ้า หญิงสาวแสนสวยที่ไม่เคยมีรอยยิ้มให้เห็นใครแม้แต่ครั้งเดียว แต่บนโต๊ะวงสุราคืนนี้ เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคำพูดของไอ้ยักษ์ที่เรียกเธอว่า “นางฟ้าขาโหด”

EP.5 ฆาตกร

หลังจากท่านนำชัยก้าวขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแทนผู้การประทิน พวกพ่อค้ายาและอาชญากรที่เคยจ่ายสินบน ต่างดาหน้าโดนท่านนำชัยกวาดล้างอย่างไม่ไว้หน้า ไม่เว้นแม้แต่อัยการชั่วที่วัน ๆ เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์คุยกับเมียน้อย รอแต่รับสินบนไปวัน ๆ … แต่ก็นั่นแหละ ตำรวจเลวกับอัยการชั่วมันมีมากมายเหลือเกิน จัดการเท่าไรมันก็ไม่หมดไปสักที

เหตุกราดยิง

มีเหตุกราดยิงต่อเนื่องกันสองวันสองเหตุการณ์ ทีมหมาบ้าจึงต้องออกสืบสวนว่าทั้งสองเหตุมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ และที่สำคัญคือแรงจูงใจในการฆ่าของคนร้ายคืออะไร ?

คำถามข้อแรกคลี่คลายได้ไม่ยาก เมื่อสารวัตรพิทักษ์เห็นหัวกระสุนที่ได้จากตัวเหยื่อจากสองเหตุการณ์มีความเหมือนกัน แล้วอะไรล่ะคือแรงจูงใจของมัน เรสกับสกายกำลังลงพื้นที่เพื่อหาคำตอบ …

หลังจากไปดูที่เกิดเหตุ สกายตั้งข้อสังเกตที่ได้จากคำบอกเล่าของพยานทั้งสองเหตุการณ์ มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือ เสียงปืนห้านัดแรกจะดังต่อเนื่องกัน แต่นัดที่หกมีการเว้นระยะเวลา “ฆาตกรมันยิงแบบมีจังหวะ เล็ง ยิงสองนัด โหลดกระสุน ยิงสองนัด แล้วก็โหลดกระสุน แล้วยิงอีกหนึ่งนัด ส่วนนัดที่หก มันใช้เวลาเล็งนานกว่าปกติ เหยื่อคนที่หกของทั้งสองเหตุการณ์อาจเป็นเป้าหมายของฆาตกรก็เป็นได้” เรสส่งเสียงอือเล็ก ๆ ว่าเห็นด้วย

ระหว่างนั้น ได้เกิดเหตุกราดยิงครั้งที่สามขึ้น แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป คนร้ายยิงพลาด … แต่เบาะแสสำคัญที่ได้คือเหยื่อรายที่หกทั้งสามเหตุการณ์มีอย่างหนึ่งเหมือนกันคือ ทุกคนทำงานที่กรมโยธา และเมื่อสืบสวนลึกลงไปก็พบว่า เป็นการฆ่าล้างแค้นที่โกงเงินประมูลงาน

เมื่อได้ข้อมูลชัดเจนแบบนี้แล้วก็ไม่ยากที่จะจับตัวคนร้าย สารวัตรพิทักษ์ใช้เป้าหมายคนสุดท้ายที่ร่วมโกงเป็นเหยื่อล่อ คนร้ายถูกจับได้ในที่สุด

แต่ระหว่างนั้น เฮียเหมสั่งคนให้พาตัวไอ้ยักษ์ไปฆ่า เพราะมันไม่ทำตามคำสั่งที่เฮียเหมให้มันไปฆ่าสกาย ณ จุดนี้ ไอ้ยักษ์ยอมรับกับเฮียเหม ผู้มีพระคุณของมันไปตรง ๆ ว่า มันไม่อยากฆ่าคนอีกต่อไปแล้ว เพราะการฆ่าไม่เคยทำให้มันมีความสุขเลย ยิ่งตอนนี้มันได้ช่วยคน ทำให้มันไม่อยากกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป ไอ้ยักษ์บอกกับเฮียเหมว่ามันยอมตาย

“จับเอามันเข้าโลง” คำพูดสุดท้ายจากปากเฮียเหม ไอ้ยักษ์ทำตามแต่โดยดี ถ้าเป็นคนอื่นมันจะสู้ แต่สำหรับคำพูดของเฮียเหมแล้วมันยอมรับอย่างสุดใจ ไอ้ยักษ์ลงไปนอนในโลกที่เตรียมเอาไว้ จากนั้นลูกน้องของเฮียเหมก็เอาตะปูมาตอกฝาโลง !

EP.6 ความลับ

เฮียเหมให้ลูกน้องแบกโลงศพที่มีไอ้ยักษ์อยู่ด้านในใส่เข้าไปในเมรุ “ไว้เจอกันเว้ยไอ้ยักษ์”

เวลาเดียวกันนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่ตำแหน่งจีพีเอสของไอ้ยักษ์กลับมาอีกครั้ง ผู้กองอลิสจึงสั่งรวมทีมเพื่อไปตามหาไอ้ยักษ์ทันที ตำแหน่งของไอ้ยักษ์อยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง … ผู้กองอลิสยืนอยู่หน้าเมรุ ก้มดูโทรศัพท์ด้วยสีหน้างงงวยที่ตำแหน่งจีพีเอสของไอ้ยักษ์ตรงกับเตาเผาศพที่ไฟกำลังลุกโชน เรสกับสกายไม่รอช้า ใช้ชะแลงที่วางอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นงัดเตาเผา และช่วยไอ้ยักษ์ออกมาได้ในที่สุด ไอ้ยักษ์เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง

สักพัก เสียงโทรศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในโลงศพก็ดังขึ้น ไอ้ยักษ์รีบกดรับสายนั้นทันที เสียงจากปลายสายมันคือเสียงของเฮียเหม “กูจะถือว่ากูได้ฆ่ามึงไปแล้ว” ที่แท้แล้วเฮียเหมเป็นคนช่วยไอ้ยักษ์เอาไว้ ช่วยเอาไว้จาก “บุคคลปริศนา” ที่ต้องการฆ่ามัน ไม่ใช่สิ ช่วยมันเอาไว้จาก “บุคคลปริศนา” ที่ต้องการฆ่าสกาย

เฮียเหมยังไม่กดวางโทรศัพท์ เขาตั้งใจให้ไอ้ยักษ์ได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น มีชายฉกรรจ์นับสิบคนถูกสั่งให้มาเอาตัวเฮียเหมไป … ไอ้ยักษ์ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านโทรศัพท์ สิ่งเดียวที่มันคิดได้ในตอนนี้คือต้องไปช่วยเฮียเหม ปัญหาคือมันไม่รู้ว่าเฮียเหมอยู่ที่ไหน

ไอ้ยักษ์ที่ตอนนี้น้ำตาเอ่อเบ้า ลงไปคุกเข่าต่อหน้าสารวัตรพิทักษ์เพื่อขอให้ช่วยตามหาเฮียเหมให้หน่อย เมื่อเห็นสารวัตรนิ่งไม่ตอบรับสิ่งที่มันขอ มันจึงพนมมือลงไปกราบตีนสารวัตรพิทักษ์ “ช่วยผมตามเฮียเหมหน่อย ผมขอโอกาสตอบแทนบุญคุณเฮียเหม แล้วหลังจากนี้ สารวัตรจะให้ผมทำอะไร ผมยอมทุกอย่างเลย”

ปฏิบัติการตามหาเฮียเหม

เฮียเหมถูกลูกน้องของไอ้สิงห์จับตัวไป ไอ้สิงห์มันต้องการโค่นเฮียเหม เพื่อที่ตัวมันเองจะได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง สิ่งที่ไอ้สิงห์ต้องการคือคลิปลับที่เฮียเหมจ่ายสินบนให้พวกบิ๊กตำรวจและข้าราชการระดับสูง มันเป็นหลักประกันที่ทำให้เฮียเหมเป็นใหญ่ได้อย่างยาวนาน โดยที่ไม่มีใครกล้าทำอะไร

สารวัตรพิทักษ์กับผู้กองอลิสไปหาไอ้สิงห์ที่สถานบันเทิงรังของมัน ไอ้สิงห์พูดกับสารวัตรพิทักษ์เหมือนคนรู้จักกันมานาน จนทำให้ผู้กองอลิสออกสีหน้าสงสัย แต่ด้วยความที่ไอ้สิงห์เป็นพวกบ้าดีเดือด มันจึงพูดจี้ใจดำสารวัตรเรื่องที่ลูกสาวของเขาโดนฆ่าตาย สารวัตรพิทักษ์โกรธเลือดขึ้นหน้า ปรี่เข้าไปเอาปืนกรอกขมับไอ้สิงห์ “ยิงกูเลยสิ ยิงเลย” ไอ้สิงห์ท้าทาย

ไอ้สิงห์มันกล้าท้าทายสารวัตรหมาบ้า เพราะมันเห็นว่าลูกน้องมันเล็งปืนนับสิบกระบอกไปที่หัวของผู้กองสาว สารวัตรพิทักษ์ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน

ลูกน้องของไอ้สิงห์เตรียมยิงผู้กองอลิสกับสารวัตรพิทักษ์ทิ้ง แต่จู่ ๆ ก็มีนักฆ่าที่อัยการเผด็จจ้างมา เข้ามาช่วยตำรวจทั้งสองเอาไว้ได้ (อัยการเผด็จคืออัยการที่ท่านนำชัยดึงเข้ามาเป็นพวก ตอนที่จัดการกับอัยการชั่วที่สำนักงานอัยการเมื่อ EP.5) อัยการเผด็จบอกกับสารวัตรพิทักษ์ที่ท่าทางสงสัยว่า เขาใช้วิธีการเดียวกับที่ท่านนำชัยใช้ เพียงแต่เขาใช้เงินจ้าง ไม่ใช่การลดโทษให้แบบทีมหมาบ้า

จากนั้น ทีมหมาบ้าก็ตามไปช่วยเฮียเหมจนสำเร็จ แต่ทว่า เมื่อเฮียเหมเห็นหน้าสกาย เฮียแกก็คว้าเอามีดปรี่เข้าไปเตรียมจะจ้วงแทงสกายทันที ไอ้ยักษ์เห็นก่อน มันจึงเอื้อมมือไปคว้ามีดจนเลือดไหลเป็นทาง

เฮียเหมตะโกนโวยวายออกมาที่เห็นไอ้ยักษ์เข้ามาขัดขวาง “ถ้ามึงฆ่ามันตั้งแต่วันนั้น เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้ มึงไม่ฆ่า กูก็เลยต้องมาฆ่า กูไม่มีทางเลือก” ไอ้ยักษ์ยังคงกำคมมีดเอาไว้แน่น มันไม่ยอมให้เฮียเหมฆ่าสกาย เพราะสกายคือเพื่อนรักของมัน เพื่อนที่เคยทั้งช่วยชีวิตมัน เพื่อนที่เคยเจ็บแทนมัน

เฮียเหมจำใจต้องวางมีดลง แต่ก่อนจะเดินจากไป เฮียเหมได้สอนไอ้ยักษ์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มึงจำไว้นะไอ้ยักษ์ อย่าไว้ใจใคร ยิ่งมึงไว้ใจใครมากเท่าไร มึงยิ่งต้องระวังมันมากเท่านั้น”

ใคร ?

แม้ปฏิบัติการช่วยเฮียเหมจะสำเร็จ แต่มันได้ทิ้งปมปริศนาเอาไว้มากมาย …

  • ผู้กองอลิสสงสัยความสัมพันธ์ของสารวัตรพิทักษ์กับเฮียเหม ที่ดูจะมีความลับซ่อนอยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์
  • เรสเองมันเคยได้รับใบสั่งให้ฆ่าสกายมาหลายใบ แต่เรสไม่รู้ว่าใครคือบุคคลปริศนาคนนั้น
  • ไอ้ยักษ์มันไม่คิดไม่ออกเลยว่า คนอย่างเฮียเหม ที่เป็นมาเฟียเบอร์หนึ่งของประเทศ ทำไมต้องกลัวคนคนนั้นมากขนาดนี้ คนที่สั่งให้เฮียเหมฆ่าสกาย มันคือใคร ?

EP.7 ถึงคราวแตกหัก

เรสไปดูศพป๋าที่ห้องดับจิต ระหว่างนั้นเขาก็นึกภาพย้อนกลับเมื่อยังเป็นเด็ก …

เรส, พีท และอิน ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าที่ป๋าเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก จากนั้นก็ฝึกให้เป็นนักฆ่า ทั้งสามไม่ใช่นักฆ่าทั่วไป แต่พวกมันจะรับงานสังหารเหยื่อระดับวีไอพีเท่านั้น ป๋ารักทั้งสามเหมือนลูกแท้ ๆ

ผลการชันสูตรพลิกศพสร้างความประหลาดใจให้กับสารวัตรพิทักษ์เป็นอย่างมาก เมื่อรูปแบบการใช้มีดแทงเหยื่อของคนร้ายที่สังหารผู้กองโชค (ลูกชายท่านนำชัย) ตรงกับรูปแบบการฆ่าของนักฆ่าที่อัยการเผด็จจ้างมาจัดการกับพวกลูกน้องไอ้สิงห์ และยังคล้ายกับที่ฆ่าป๋า !?

ผู้กองอลิสเรียกทุกคนกลับฐาน เนื่องจากวันนี้ท่านนำชัยได้ส่งคนมาช่วยงานทีมหมาบ้าอีกหนึ่งคน คนคนนั้นคืออัยการเผด็จ หลังจากแนะนำตัวเรียบร้อย ท่าทีทุกคนที่มีต่อสมาชิกใหม่คือ “ไม่ต้อนรับ”​ โดยเฉพาะสารวัตรพิทักษ์ที่ไม่ไว้ใจอัยการเผด็จตั้งแต่แรกเห็น

ในเวลาเดียวกันนั้น ลายนิ้วมือที่พบบนมีดที่ใช้สังหารป๋าคือลายนิ้วมือของพืท ซึ่งเมื่อทีมหมาบ้าไปถึงที่บ้านพีท ก็พบเขาอยู่ในสภาพกลายเป็นศพ โดยถูกจัดฉากว่าเป็นการฆ่าตัวตาย … ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่เรสรู้ว่ามันเป็นฝีมือของอิน

ใครสั่งฆ่าสกาย ?

ที่ผับของเฮียเหม … ไอ้ยักษ์แบกหน้าไปหาเฮียเหมเพื่อถามคำถามนี้ “ใครสั่งฆ่าไอ้สกาย ?” แต่ก็เหมือนเดิมเฮียเหมไม่ตอบ แถมยังง้างมือไปตบหน้าไอ้ยักษ์จนหน้าหัน ก่อนจะตะคอกด่า “ไอ้โง่ มีสมองคิดมั่ง กูรุ่นไหนแล้วยังไม่กล้าชนกับแม่งเลย ถ้าอยากมีชีวิตก็ปล่อยให้เพื่อนมึงตายไปซะ” ไอ้ยักษ์ส่ายหัวก่อนจะเดินออกไป

ระหว่างที่ไอ้ยักษ์คุยอยู่กับเฮียเหม สกายรออยู่ด้านนอกผับก็โดนอินใช้มีดจ้วงแทงจนลงไปนั่งกองเลือดนองพื้น ยังดีที่สารวัตรพิทักษ์ตามมาช่วยได้ทัน

ภาพหน้าจอซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.7

เรสตามล่าไปหาอินจนเจอ อินรอเรสอยู่ที่โกดังร้างแห่งนั้น มันมั่นใจว่าเรสจะต้องมาหามัน และเรสก็มาหามันจริง ๆ ว่าที่จริงแม้เรสกับอินจะไม่ใช่พี่น้องกันโดยสายเลือด แต่ทั้งสองก็ถูกเลี้ยงหล่อหลอมให้รักกันเหมือนพี่น้อง มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งอินได้รับใบสั่งฆ่าจากคนคนนั้นให้ฆ่าสกาย ต่อมาก็ใบสั่งให้ฆ่าเรส แล้วก็ใบสั่งฆ่าพีท สำหรับป๋าที่อินต้องฆ่าก็เพราะป๋าพยายามขัดขวางอิน

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เมื่อนักฆ่าเผชิญหน้ากันแล้วต้องมีความตายเกิดขึ้น ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ด้วยสกิลที่เหนือชั้นกว่ามากทำให้เรสจัดการอินได้ไม่ยาก “ฆ่ากูเลยเรส มึงต้องฆ่ากู มันเป็นทางเลือกเดียวของมึง”

อย่าว่าแต่อินที่เรสนับถือและรักเหมือนเป็นพี่น้องเลย แม้แต่คนอื่น ๆ เรสก็ไม่อยากฆ่าใครอีกแล้ว มันถึงยอมเข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องฆ่าใครอีก หลังจากฆ่าสามีของเกดไปในวันนั้น ทำให้เรสได้รู้ว่า เวลามันฆ่าคนมันไม่ได้ฆ่าคนคนเดียว แต่มันฆ่าคนทั้งครอบครัว !

“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการเป็นนักฆ่า ไม่ใช่มือที่เปื้อนเลือด แต่เป็นความรู้สึกผิดในใจที่ไม่มีวันล้างออก” เรสจำคำสอนของป๋าได้ดี แต่ …

แต่ตอนนี้เรสจำเป็นต้องฆ่า เรสต้องฆ่าอิน มีดปลายแหลมทำจากสเตนเลสสตีลค่อยฝังเข้าไปในคอหอยของอิน มือของเรสค่อย ๆ ดันปลายมีดเล่มนั้นเข้าไป น้ำตาของเรสก็ค่อย ๆ ไหลออกมาเช่นกัน ยิ่งมีดเล่มนั้นเข้าไปในคอหอยของอินลึกเท่าไร น้ำตาของเรสก็ยิ่งออกมากเท่านั้น แต่อินกลับหัวเราะออกมา คนที่ยิ้มรับความตายแบบอินถือว่าเป็นคนยังไงนะ กล้าหาญไหม บ้าดีเดือดไหม เรสไม่รู้ เรสค่อย ๆ ดึงมีดออกมาจากคอหอยอิน แล้วแทงซ้ำเข้าไปอีกครั้งด้วยความเร็ว …

แล้วร่างอินก็หมดลมหายใจร่วงลงไปนอนอยู่กับพื้น … “อ๊ากกก” เรสตะโกนเสียงลั่นออกมาด้วยความบ้าคลั่ง

ที่พึ่งพิงสุดท้ายของหัวใจ

เรสพาตัวเองไปที่บ้านเกด เรสพาหัวใจอันพังพินาศไปหาเกด เขาบอกกับเธอว่า “วันนี้ผมเสียคนในครอบครัวไป ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้นี่เองว่ามันรู้สึกยังไง”

EP.8 เงื่อนงำอันซับซ้อน

สกายเป็นจิตเภทชนิดรุนแรง เขาจำเหตุการณ์ฆาตกรรมที่ตัวเองลงมือไม่ได้เลยสักครั้งเดียว เขาจึงไปจ้างนักสืบเอกชนให้สะกดรอยตามตัวเอง เพื่อจะได้รู้ว่าในแต่ละคืนเขาไปทำอะไรบ้าง ที่น่าแปลกประหลาดก็คือ ในทุกคืนจะมีรถมารับเขา ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ารถคันนั้นเป็นของใคร ?

สารวัตรพิทักษ์อยากลั่นไกเป่าสมองสกายด้วยมือของเขาเองมาตลอด ตลอดเวลาที่ตั้งทีมหมาบ้ามา เขาอยากลั่นไกใส่หัวสกายแทบจะทุกวินาที เพราะสกายมันคือฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวของเขา มันคือฆาตกรที่สังหารลูกสาวสุดที่รักของเขาแล้วทิ้งเอาไว้ข้างถนน แต่ทำไมเขาไม่ทำในสิ่งที่อยากทำ เหตุผลเดียวคือตัวสารวัตรพิทักษ์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าสกายคือฆาตกรตัวจริง !?

สกายเอารูปรถที่ได้จากนักสืบเอกชนให้กับสารวัตรพิทักษ์ และขอให้ตามสืบหารถปริศนาคันนั้น

รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.8 : เงื่อนงำอันซับซ้อน

บกพร่องทางจิต

อัยการเผด็จเจอกับผู้กองอลิสโดยบังเอิญระหว่างขี่รถเล่น ผู้กองอลิสจึงถามเรื่องคดีของสกาย อัยการเผด็จที่เป็นผู้รับผิดชอบคดีนั้น จึงเล่าทุกอย่างให้ผู้กองสาวฟัง …

คดีนั้น พ่อแม่ของสกายโดนโจรสองคนเข้าทำร้ายจนตายไปต่อหน้า สกายจึงใช้หินทุบเข้าไปที่พวกโจรนั่นจนตายคาที่ ตายแล้วก็ยังทุบซ้ำแล้วซ้ำอีก จนหัวกะโหลกยุบหน้าเละระบุตัวตนไม่ได้ ซึ่งดูจากพฤติการณ์แล้วน่าจะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ แต่อัยการเผด็จสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุผลที่ว่าสกายที่ความบกพร่องทางจิต จากการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง แล้วมีแนวโน้มจะเป็นฆาตกร จากนั้นก็ส่งสกายเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช

“และนั่นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดที่ผมเสียใจมาจนถึงตอนนี้ สกายกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และมันก็ทำให้สารวัตรพิทักษ์ไม่ชอบหน้าผม เพราะเขาคิดว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวเขาต้องตาย” อัยการเผด็จกำลังบอกในสิ่งที่ผู้กองอลิสไม่เคยรู้มาก่อน “เหยื่อรายที่ 15 คือลูกสาวสารวัตรพิทักษ์”

ผู้กองอลิสเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เธอเชื่อว่าสารวัตรพิทักษ์สร้างทีมหมาบ้าขึ้นมาหลอกใช้ทุกคนเพื่อการล้างแค้นส่วนตัว !

ซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.8

ในเวลาเดียวกันนั้น สารวัตรพิทักษ์ได้ข้อมูลเจ้าของรถปริศนาคันนั้นแล้ว เขาจึงไปพาสกายออกมาจากโรงพยาบาล และสั่งให้มันตัดกำไล GPS ออก เพื่อจะได้ไม่ถูกติดตามตัว … ตอนแรกไปหาข้อมูลจากคนขับรถ มันเป็นเพียงคนขับรถรับจ้าง โดยมันได้รับจ้างจากหมอคนหนึ่งชื่อ หมอสาธิต เป็นหมอจิตเวชที่เคยรักษาสกาย

สารวัตรพิทักษ์กับสกายไปหาหมอสาธิตที่บ้าน หมอเปิดประตูต้อนรับให้เข้ามาอย่างเป็นปกติ ก่อนจะพาทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก แต่ยังไม่ทันที่สารวัตรพิทักษ์จะได้รับคำตอบ เขาก็ถูกช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้าคนสลบไป ส่วนสกายก็โดนหมอสาธิตฉีดยาสลบเข้าร่างจนหมดสติไปเช่นกัน

ภาพหน้าจอ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.8

เมื่อสารวัตรพิทักษ์ฟื้นขึ้นมาก็ไปพบใครแล้ว เขากลับมาที่ฐาน แล้วก็ทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่อนที่ผู้กองอลิสจะเดินเข้ามา “คุณมันเลว ! คุณหลอกทุกคนให้เชื่อใจแล้วก็ฆ่าทิ้ง คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดใช่มั้ย สารวัตร ?”

EP.9 ฝันร้าย

“คุณเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดใช่มั้ย สารวัตร ? ช่ายม้ายยย !!?” ผู้กองอลิสตะโกนจนเสียงสั่นถามสารวัตรหมาบ้า

“ใช่ ใช่ อยากได้ยินแบบนี้ใช่มั้ย ใช่ …” สารวัตรพิทักษ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน “… ใครไม่มาเป็นกูแม่งไม่มีทางรู้หรอกโว้ย”

ผู้กองอลิสตอกกลับทันทีด้วยน้ำเสียงแหลม ๆ ที่หนักแน่นจริงจัง “ต่อให้สกายเป็นฆาตกรจริงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าเค้า คุณมันไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายหรอกสารวัตร”

รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.9 : ฝันร้าย

ก่อนจะกลายเป็นสัตว์ร้าย

ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน … ตอนนั้นสารวัตรพิทักษ์ยังไม่กลายเป็นสัตว์ร้าย เขามีลูกสาววัยมัธยมปลาย “น้องนิ้ง” ที่มีความสามารถในการเล่นเปียโนอันโดดเด่น ด้วยความสามารถและความมุ่งมั่น น้องนิ้งได้ทุนไปเรียนต่อที่เบิร์กลีย์ บอสตัน (สถาบันศิลปะและการดนตรีอันดับหนึ่งของโลกที่อเมริกา) แต่น้องนิ้งอยากสละสิทธิ์เพราะไม่ต้องการให้พ่อมาแบกภาระเป็นเงินนับล้านบาท

ด้วยความที่สารวัตรพิทักษ์เป็นตำรวจตงฉิน ไม่กินเงินสินบน เฮียเหมลูกพี่ไอ้ยักษ์จะให้เงินก้อนโตมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกก็ไม่เอา จนวันหนึ่ง น้องนิ้งถูกนายหน้าสาวสองหลอกให้ไปทำงานในบาร์อะโกโก้จนโดนลูกค้าลวนลาม เมื่อน้องนิ้งไม่ยอมก็โดนมันทำร้ายจนถูกพาตัวมาส่งโรงพยาบาล

ความเป็นพ่อมันจะเจ็บช้ำแค่ไหน มันจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อที่ไร้น้ำยา พ่อที่ลูกสาวมีความสามารถล้นเหลือ แต่กลับไม่มีปัญญาผลักดันให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพียงเพราะพ่อยึดมั่นที่จะเป็นตำรวจที่ดี ตำรวจที่ดีแต่ไม่มีเงิน !

สารวัตรพิทักษ์ไปหาเฮียเหมเพื่อเรียกรับเงินสินบนก้อนโต ที่จะเอามาใช้เป็นทุนการศึกษาให้กับน้องนิ้งได้ไปเรียนที่บอสตัน แลกกับการแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องที่เฮียเหมทำผิดกฎหมาย แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้ไอ้ยักษ์เป็นแพะติดคุกแทน

ระหว่างนั้น สารวัตรพิทักษ์ก็สืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง 13 ศพ จนไปได้เบาะแสสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด นำไปสู่การจับกุมตัวสกาย แต่ตลอดระยะเวลาการสอบสวน สกายให้การปฏิเสธตลอดว่าเขาไม่ได้เป็นฆาตกร

สารวัตรพิทักษ์เชื่อเต็มร้อยว่าสกายคือฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง เป็นเพียงแต่หลักฐานที่มีเป็นเพียงหลักฐานแวดล้อมที่ระบุเพียงว่า สกายโผล่ไปในที่เกิดเหตุทุกคดี และรายงานจากจิตแพทย์ว่าสกายเป็นโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงสองขั้ว สารวัตรพิทักษ์จึงเอาตัวสกายมาเข้าเครื่องจับเท็จ แล้วผลก็ออกมาว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร เขาพูดความจริง !

สรุปคืออัยการ (เผด็จ) สั่งไม่ฟ้องสกาย

ถึงสกายจะผ่านเครื่องจับเท็จ อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่สารวัตรหมาบ้าก็ยังเชื่ออยู่ดีว่าสกายเป็นฆาตกร คืนนั้นเขาจึงนัดเจอกับอัยการเผด็จที่บาร์แห่งหนึ่งเพื่อคุยเรื่องคดีสกาย แต่ระหว่างที่เขากำลังดื่มฆ่าเวลาระหว่างรออัยการเผด็จ ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นที่บ้านของเขา …

ภาพหน้าจอซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.9

ไอ้ฆาตกรในชุดกันฝนสีดำใช้มีดปลายแหลมในมือของมันแทงเข้าไปที่ร่างของน้องนิ้งที่อยู่ในชุดนักเรียน น้องนิ้งที่กำลังจะได้ไปเรียนที่เบิรกลีย์ตามความฝัน น้องนิ้งที่พ่อยอมละทิ้งเกียรติที่ตัวเองยึดถือรับเงินสินบนก้อนโตเพื่อส่งให้เธอไปเรียน แต่ไอ้ฆาตกรชั่วช้าคนนั้นที่มือมันถือมีดก็จ้วงแทงเข้าไปที่ร่างของน้องนิ้งนับครั้งไม่ถ้วน มันแทงเข้าไปแล้วมันก็บิดมีด มันทำแบบนี้ซ้ำ ๆ จนเลือดน้องนิ้งท่วมไปทั่วทั้งบริเวณ ฝนที่สาดลงมาไม่หยุดก็ไม่อาจชะล้างเลือดบริสุทธิ์ของน้องนิ้งได้เลย ไม่ได้จริง ๆ …

EP.10 อาวุธที่ใช้ฆ่าคน-อาวุธที่ใช้ขู่คน

สารวัตรพิทักษ์สัญญาต่อหน้าศพน้องนิ้ง เขาจะจัดการคนที่มันทำแบบนี้ให้หมด เขาจะฆ่าพวกมันให้หมด และเขาก็เชื่อว่าคนคนนั้นคือสกาย แต่หลักฐานที่มีนั้นมันน้อยนิดเกินกว่าที่จะเอาผิดสกายในข้อหาฆาตกรรมได้ ว่าที่จริงนอกจากความเชื่อของสารวัตรก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่ระบุว่าสกายเป็นฆาตกรที่น้องนิ้ง

เมื่อไม่มีหลักฐาน วิธีคิดของตำรวจอย่างสารวัตรพิทักษ์ก็คือต้องสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาสนับสนุนความเชื่อ เขาไปพบกับแฟนสาวของสกายเพื่อเจรจาให้เธอเป็นพยานปรักปรำสกาย แลกกับเงินก้อนโตเอาไปจ่ายหนี้พนันออนไลน์ สารวัตรหมาบ้าใช้ให้แฟนสาวของสกายสร้างเรื่องขึ้นว่า เธอโดนสกายพยายามฆ่า แต่หนีเอาชีวิตรอดมาได้ …

หญิงสาวทำลายข้าวของในห้องให้เหมือนกับเคยมีการต่อสู้กัน จากนั้นก็ใช้คัตเตอร์กรีดแขนตัวเอง ก่อนจะเดินมาแจ้งความกับตำรวจด้วยตัวเองในสภาพเลือดท่วมตัว

แฟนสาวให้การปรักปรำสกายในชั้นศาล โดยกล่าวว่าเธอได้ยินสกายบอกว่าเคยฆ่าคนไปแล้ว 15 ศพ ก่อนที่สกายจะใช้มีดพยายามฆ่าเธอ คำให้การนั้นเป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น ถึงอย่างนั้น สุดท้ายผู้พิพากษาก็มีคำสั่งตัดสินจำคุกสกายตลอดชีวิต

Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.10

อาวุธที่ใช้ขู่คน

ภาพตัดกลับมาปัจจุบัน … ผู้กองอลิสเผชิญหน้ากับสารวัตรหมาบ้าที่โบสถ์ร้างที่เดิม ผู้กองสาวเข้าใจทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง แม้แต่ตอนนั้น ที่สกายหนีไปหาแฟนสาว สารวัตรพิทักษ์ที่ดูไม่รีบร้อนเลยก็เพราะเขารอจังหวะให้สกายทำร้ายแฟนสาว เพื่อจะได้มีเหตุผลในการลั่นไกเป่าสมองสกาย สารวัตรหมาบ้าต้องการฆ่าสกายตั้งแต่วันนั้น

“คุณหลอกใช้พวกเราทุกคนเพื่อแก้แค้นคนที่คุณคิดไปเองว่าเป็นฆาตกร …” แม้แต่ผู้กองอลิสก็ยังรู้ว่าสารวัตรหมาบ้าคิดไปเองว่าสกายคือฆาตกร “… ที่ฉันเห็นก็มีแต่คุณนั่นแหละที่พยายามสร้างหลักฐานใส่ร้ายสกายมาตลอด คุณนี่มันเลวจริง ๆ” ผู้กองอลิสปะติดปะต่อเรื่องราวจนได้รู้ว่า คนที่สั่งฆ่าสกายตั้งแต่อยู่ในคุกก็คือสารวัตรพิทักษ์

ผู้กองอลิสลั่นเสียงเล็กแหลมตะคอกใส่สารวัตรหมาบ้า “คุณถูกจับข้อหาสร้างหลักฐานเท็จและพยายามฆ่า” แต่สารวัตรหมาบ้าไม่สนใจเลยสักนิด เขาทำท่าจะเดินออกไป ทันใดนั้นเองเสียงขึ้นลำปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติก็ดังขึ้น ผู้กองสาวที่ตอนนี้น้ำตาไหลออกจากเบ้าเล็งปากกระบอกปืนไปที่สารวัตรหมาบ้าเพื่อขู่ให้เขาหยุด แต่ …

แต่แทนที่สารวัตรหมาบ้าจะหยุด เขากลับใช้คำพูดเย้ยกลับ “รู้มั้ยว่าโจรกับตำรวจมันต่างกันตรงไหน ตำรวจมันชักปืนมาแค่ขู่ …” พูดไม่ทันจบประโยค ผู้กองอลิสก็ลั่นไกสับกระสุนออกมาหนึ่งนัด ลูกตะกั่วเข้าที่บริเวณแขนขวาของสารวัตรหมาบ้า ความแม่นในการใช้ปืนสั้นขนาดพกระดับมือรางวัลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างผู้กองอลิส เล็งไม่มีพลาดเป้า แต่สารวัตรหมาบ้าไม่สนใจเลยสักนิด เขาหันไปมองเพียงหางตาก่อนจะเดินต่อไป ต่อไป และต่อไป ทิ้งผู้กองสาวที่ในมือกำปืนแน่นทั้งน้ำตายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

บางที ปืนเมื่ออยู่ในมือตำรวจมันอาจไม่ใช่อาวุธที่ใช้ฆ่าคน แต่มันเป็นได้แค่อาวุธที่ใช้ขู่คนเท่านั้น และเมื่อมีใครรู้จุดอ่อนจุดนี้ ปืนในมือของตำรวจคนนั้นก็ไม่ต่างไปกับเศษเหล็กก้อนหนึ่ง

อัยการเผด็จเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาจึงถามผู้กองอลิสตรง ๆ “อลิส ผมถามคุณจริง ๆ คุณเคยฆ่าคนหรือเปล่า ?” ผู้กองสาวตอบว่าไม่ แล้วอัยการหนุ่มก็สาธยายต่อ “… การฆ่าคนครั้งแรกถ้าคุณจะรู้สึกผิด คุณจะหยุด แต่ถ้าคุณรู้สึกดี คุณจะเสพติดมันจนหยุดไม่ได้ และผมก็ไม่รู้นะว่าคนอย่างพวกเรา ถ้าลองได้ฆ่าคนแรกไปแล้วจะหยุดได้หรือเปล่า”

รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.10 : อาวุธที่ใช้ฆ่าคน-อาวุธที่ใช้ขู่คน

ทำสิ่งสกปรกให้มันสะอาด

ณ ห้องสมุดย่านบางรัก … สกายฟื้นได้สติขึ้นมาในสภาพเหงื่อท่วมตัว เลือดเปรอะไปทั่วบริเวณ รอบ ๆ มีศพผู้เสียชีวิต 5 นอนอยู่ ในมือของเขาถือมีด สมองของสกายในตอนนั้นกำลังสับสน เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จังหวะนั้นเองหมอสาธิตก็เข้ามา สิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างแรกคือบอกว่าเขาฆ่าคนทั้ง 5 คนนั้น แล้วหมอก็ช็อตไฟฟ้าสกายจนสลบไปอีกรอบ !

สกายตื่นขึ้นมาในห้องบำบัดของหมอสาธิต “สกายคุณต้องเชื่อผมนะว่าคุณกำลังป่วยทางจิต มีอีกคนกำลังอยู่ในตัวของคุณ คุณสร้างตัวตนอีกบุคลิกขึ้นมา คุณใช้อีกตัวตนนึงฆ่าคนที่ฆ่าพ่อแม่คุณ ตอนนี้คุณกลายเป็นบุคคลอันตรายไปแล้วนะ” แล้วหมอก็ให้สกายกินแวเลียม จากนั้นก็พาเขาไปขังเอาไว้ในห้องควบคุม โดยอ้างว่าเขาจะได้ไม่ออกไปฆ่าคนได้อีก สกายทำตามที่หมอสาธิตพูดอย่างไม่แข็งขืน

หลังปิดห้องควบคุมตัวสกาย หมอสาธิตก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาใครบางคน

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด … อัยการเผด็จรับโทรศัพท์จากใครบางคน ก่อนที่ท่านอัยการจะพูดกับคู่สนทนาว่า “เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ทีนี้ก็เหลือแค่กำจัดไอ้พวกแมลงที่มากวนใจ แล้วเราจะได้ไปสะสางสิ่งที่มันสกปรกให้มันสะอาดสักที”

จากนั้นข่าวก็รายงานข่าวเหตุฆาตกรรม 5 ศพที่ห้องสมุดบางรัก ตำรวจสันนิษฐานว่าลักษณะในการฆ่าคล้ายกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในอดีต

ภาพหน้าจอซีรีส์ ล่าล้างเมือง EP.10

ตัดภาพมาที่สารวัตรพิทักษ์กำลังนั่งดูข่าวฆาตกรรม 5 ศพอยู่เช่นกัน ทันใดนั้น ชายสวมหน้ากากปริศนาก็เดินเข้ามาจากทางหลังใช้วัตถุคล้ายเชือกเข้ารัดคอสารวัตรพิทักษ์จนสลบแน่นิ่งไป จากนั้นมันก็เอาร่างสารวัตรใส่ท้ายรถขับมาที่สะพานแห่งหนึ่ง ที่นั่นชายสวมหน้ากากจับเหล้ากรอกใส่ปากสารวัตรหมาบ้าหนึ่งกลมใหญ่ ก่อนจะแบกร่างที่ไร้สติโยนลงกลางแม่น้ำ

บนสะพาน ชายสวมหน้ายังคงยืนมองไปที่แม่น้ำ ไม่นานนักเขาก็เปิดหน้ากากออกมา อัยการเผด็จ !

EP.11 ปั่นหัว

ซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.11

เฮียเหมถูกฆ่าปาดคอกลายเป็นศพอย่างน่าอนาถ ฆาตกรสวมสูทและรู้จักเขาเป็นอย่างดี มันใช้มีดปาดคอจากทางด้านหลัง ขณะที่เฮียเหมยังหัวเราะร่าคุยกับมันอยู่เลย

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแจ้งผู้กองอลิสเบื้องต้นว่า ลักษณะการลงมือคล้ายกับคดีฆาตกรรมที่มีสกายเป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ผู้กองสาวยังไม่ปักใจเชื่อว่าฆาตกรคือสกาย เพราะในที่เกิดเหตุมีแก้วเหล้าวางอยู่สองแก้ว บุหรี่วางอยู่บนที่เขี่ย ดังนั้น ฆาตกรกับเฮียเหมน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่สกายอย่างแน่นอน

การตายของเฮียเหม ในโลกนี้ไม่มีใครเสียใจมากกว่าไอ้ยักษ์อีกแล้ว มันเข้าไปดูศพในห้องดับจิต มือมันก็จับมืออันเย็นเฉียบของเฮียเหมไว้อย่างนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุด

เวลานี้เฮียเหมไม่อาจฟื้นกลับมามีชีวิต ใช่ คนตายแล้วไม่อาจฟื้น แต่สิ่งที่ไอ้ยักษ์จะทำจากนี้ก็คือ มันจะตามล่าฆ่าล้างแค้นไอ้คนที่มันทำแบบนี้กับเฮียเหม มันไปถามผู้กองอลิสแบบซื่อ ๆ ตรง ๆ ตามสไตล์ไอ้ยักษ์ “ใครฆ่าเฮียเหม ?”

ผู้กองอลิสบอกทุกอย่างไปตามจริง แต่ไอ้ยักษ์ที่มีร่างและกล้ามเนื้อใหญ่กว่าทุกคน กลับกลายเป็นมีเนื้อสมองเล็กกว่าทุกคน มันไม่สนใจเหตุผลใด ๆ จากปากของผู้กองอลิส สิ่งที่มันต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือตามล่าหาตัวสกาย

ส่วนเรสก็ได้รู้ความจริงจากปากผู้กองอลิสเช่นกันว่า สารวัตรพิทักษ์คือคนที่จ้างฆ่าสกาย เรสจึงพูดขึ้นมาว่า “มันนี่เองที่ปั่นหัวให้เราฆ่ากันเอง”

ภาพหน้าจอ ซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.11

ตาชั่งยุติธรรม

ตาชั่งยุติธรรม หรือ Scale of Justice ถูกสักอยู่กลางหลังของอัยการเผด็จ ตอนนี้อัยการหนุ่มไม่เหลือคราบของนักกฎหมายใส่แว่นเคร่งตำราอีกต่อไป เขาเปลือยท่อนบนต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในสังเวียนที่เรียกว่าไฟต์คลับ กำปั้นที่ไร้เครื่องป้องกันตะบันเข้าใส่เบ้าหน้าคู่ต่อสู้ไม่ยั้ง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ หน้าของอัยการเผด็จก็เต็มไปด้วยเลือดผสมปนเปกับเหงื่อ นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าการต่อสู้แบบลูกผู้ชายพันธุ์แท้ หรือควรจะเรียกมันว่าการต่อสู้ของพวกป่าเถื่อนกันนะ

หลังคู่ต่อสู้พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ อัยการเผด็จเดินออกมายืนข้าง ๆ ลานไฟต์คลับที่มีหมอสาธิตยืนอยู่ ก่อนเขาจะหยิบหนังสือ “Monte Cristo Kreivi” (The Count of Monte Cristo) ให้กับชายคนหนึ่ง

ตัดภาพมาที่เซฟเฮ้าส์ … ท่านนำชัยมาหาสารวัตรพิทักษ์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ สารวัตรหมาบ้าบอกว่าที่ต้องมาหลบอยู่ที่นี่เพราะโดนคนอุ้มฆ่า แต่ไม่รู้ว่าใคร รู้อย่างเดียวคือคนคนนั้นมีรอยสักตาชั่งอยู่กลางหลัง

จากนั้นสารวัตรพิทักษ์ก็ขอให้ท่านนำชัยหาข้อมูลของสกายที่คลินิกจิตเวช ข้อมูลที่ได้กล้บกลายเป็นข้อมูลที่แตกต่างจากที่เคยรู้ สกายไม่ได้เป็นโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงสองขั้วอย่างที่หมอสาธิตได้ทำการวินิจฉัย แต่สกายมีอาการแค่ไบโพลาร์เท่านั้น

อัยการเผด็จรู้ดีว่าเอกสารการรักษาสกายเป็นสิ่งที่ต้องปกปิดและทำลาย เขาจึงไปดักรอเจ้าหน้าที่ที่มีเอกสารนั้น อัยการเผด็จที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าใช้มีดแทงเข้าที่ท้องเจ้าหน้าที่คนนั้น ก่อนจะเอาแฟ้มการรักษาสกายไปได้อย่างง่ายดาย

ผู้กองอลิสตามไปที่คลินิกจิตเวชเพื่อถามข้อมูลจากหมอกิ๊ฟ (หมอที่รักษาสกายคู่กับหมอสาธิต) และสิ่งที่ออกจากปากของหมอกิ๊ฟทำให้ผู้กองอลิสถึงกับตกอยู่ในสภาวะงงงวย “จากการวินิจฉัยของหมอ สกายไม่ได้มีอาการบ่งชี้ว่าจะเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมหมอสาธิตถึงวินิจฉัยแบบนั้น เพราะองค์ประกอบสำคัญของการเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ก็คือ ต้องมีอาการความจำขาดหาย แต่สกายไม่ได้มีอาการแบบนั้นเลย หมอคิดว่าสกายเป็นแค่ไบโพลาร์ … และคิดว่าครั้งเดียวที่สกายฆ่าคนก็คือโจรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา”

ผู้กองอลิสไม่เข้าใจว่าทำไมหมอสาธิตถึงได้วินิจฉัยไปแบบนั้น ซึ่งตัวหมอกิ๊ฟเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ระหว่างนั้นสกายก็ออกตามหาแจน แฟนสาวที่เขารักจนสุดหัวใจ ผู้หญิงที่ถูกสารวัตรพิทักษ์เอาเงินฟาดหัวเพื่อเป็นพยานปรักปรำจนเขาถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ยังไม่ทันได้เจอแจน สกายก็ได้เจอกับลูกน้องของไอ้ยักษ์ แม้สกายจะหนีไปได้แต่ก็โดนกระสุนยิงทะลุท้อง เขาจึงหนีเข้าไปหลบที่บ้านเพื่อนแจนที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น

สกายฟื้นได้สติขึ้นมาก็เจอแจนคอยทำแผลและดูอาการเขาอยู่ไม่ห่าง เขาพูดประโยคแรกออกจากปาก ประโยคที่เขาอยากบอกกับเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา “แจน ผมไม่เคยจะทำร้ายแจนเลยนะ จริง ๆ”

“แจนขอโทษที่ร่วมมือกับสารวัตรพิทักษ์ใส่ร้ายคุณ จนทำให้คุณต้องติดคุก แจนขอโทษ แจนขอโทษนะ” หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตา แจนพูดกับสกายทั้งน้ำตา แต่สิ่งที่สกายตอบกลับ ยิ่งทำให้เธอน้ำตาไหลหนักขึ้นไปกว่าเดิม “ไม่เป็นไร ผมไม่เคยโกรธคุณเลยนะ” มันจะดีแค่ไหน เมื่อคนที่เรารู้สึกผิดต่อเขาพูดออกมาอย่างจริงใจว่าไม่เป็นไร สิ่งที่เราทำผิดต่อเขาในอดีตคือไม่เป็นไร ความรู้สึกแจนในตอนนี้เหมือนยกทุกสิ่งทุกอย่างอันหนักอึ้งออกไปจากอก จากนั้นสกายก็โอบกอดแจนเอาไว้ในอ้อมอกของเขา

น้ำมันลินสีด

ผู้กองอลิสนำกำลังไปตรวจค้นบ้านหมอสาธิต แต่ตรวจแล้วไม่พบอะไรเลย เป็นเหมือนบ้านที่ไม่เคยมีคนอยู่ด้วยซ้ำไป จังหวะนั้นเองที่อัยการเผด็จอาสาขับรถพาผู้กองสาวไปส่งบ้าน ระหว่างที่ผู้กองอลิสกำลังช่วยเก็บของไว้ท้ายรถเธอบังเอิญไปเจอน้ำมันลินสีดใส่อยู่ในกล่อง ทำให้เธอสงสัยเป็นอย่างมากจึงถ่ายรูปเก็บเอาไว้ “ทำไมอัยการเผด็จถึงมีน้ำมันลินสีด ที่เป็นอุปกรณ์ของฆาตกรต่อเนื่องอยู่ท้ายรถนะ ?” (น้ำมันลินสีด คือน้ำมันที่ใช้ผสมสีน้ำมันเพื่อทำให้สีน้ำมันโปร่งแสงและเจือจางลง)

ในขณะที่ท่านนำชัยไปอบซาวน่ากับอัยการเผด็จ ทำให้ได้เห็นรอยสักตาชั่งที่ประทับอยู่บนหลังของอัยการหนุ่ม ท่านนำชัยนึกถึงคำพูดของสารวัตรพิทักษ์ทันที “ผมไม่เห็นหน้ามัน แต่มันมีรอยสักตาชั่งอยู่กลางหลัง” ท่านนำชัยจึงสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของอัยการเผด็จ

ในตอนท้าย ไอ้ยักษ์ตามล่าสกายจนเจอ มันเค้นถามสกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าฆ่าเฮียเหมทำไม สกายก็ได้แต่บอกว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า มีคนใส่ร้าย ไอ้ยักษ์ไม่เชื่อ ระดมหมัดเข้าที่เบ้าหน้าของสกายจนแทบสิ้นสติคามือไอ้ยักษ์ ไอ้ยักษ์ระดมทิ้งหมัดอันหนักหน่วงของมันเข้าหน้าสกายไม่ยั้ง แต่ก่อนที่ไอ้ยักษ์จะทิ้งหมัดสุดท้ายเพื่อจบชีวิตสกาย สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่เข้ามา พร้อมกับปืนรีวอลเวอร์ในมือเล็ง “เฮ้ย หยุด !!!”

EP.12 ความยุติธรรม (ตอนจบ)

ทั้งสารวัตรพิทักษ์ ไอ้ยักษ์ สกาย มะรุมมะตุ้มตะลุมบอลกันจนเละเทะไปหมด แต่ก่อนที่จะมีใครฆ่าตาย เรสก็ต้องเข้ามาห้ามทัพเอาไว้ …

“มึงฟังกูก่อนไอ้ยักษ์ ไอ้เผด็จมันหลอกปั่นหัวพวกเรา มันอยากให้เราฆ่ากันเอง เฮียเหมถูกไอ้เผด็จมันฆ่าแล้วก็โยนความผิดให้ไอ้สกาย พี่น้องกูก็เหมือนกัน มันหลอกให้ฆ่ากันเองแล้วโยนความผิดให้สารวัตร” เรสตะโกนกรอกหูไอ้ยักษ์

เมื่อรู้ความจริง ทั้งสี่จึงไปลากตัวหมอสาธิตมาทรมานเพื่อรีดหาความจริง ตอนแรกหมอก็ทำเป็นปากแข็ง แต่เมื่อโดนหมัดทะลวงไส้ของไอ้ยักษ์จนกระอักออกมาเป็นเลือด หมอสาธิตก็ยอมเปิดปากบอกความจริงทั้งหมด …

ยาที่หมอสาธิตให้สกายกินระหว่างการรักษาเป็นยากล่อมประสาทชนิดรุนแรง กินแล้วจะเกิดอาการหวาดระแวงเห็นภาพหลอน จิตใต้สำนึกก็จะคิดถึงแต่เรื่องรุนแรงจนสมองสั่งให้ไปฆ่า แต่หมอสาธิตบอกว่า “… ไอ้ยาเนี่ยมันทำอะไรสกายไม่ได้ ยานั่นไม่ได้ทำให้สกายฆ่าใคร”

แล้วหมอสาธิตก็สารภาพว่าคนที่บงการเรื่องทั้งหมดคืออัยการเผด็จ !

หมอสาธิตยอมรับกับสารวัตรพิทักษ์ว่า น้องนิ้งตายด้วยฝีมือของมันกับเผด็จ “… อ๋อ ลูกของมึงเองเหรอ อ้าว แล้วมึงดูแลลูกของมึงยังไงวะ ถึงปล่อยให้ตายอย่างหมาข้างถนน เป็นตำรวจแต่ปกป้องลูกตัวเองไม่ได้ ทีโจรปล่อยให้เต็มบ้านเต็มเมือง สมควรแล้วที่ตาย” สารวัตรหมาบ้าโดนคำพูดเลวระยำแบบนี้กรอกใส่หูก็ถึงกับทนไม่ไหว สารวัตรเอาปืนกรอกเข้าไปที่ปากหมอสาธิต มือที่พร้อมจะเหนี่ยวไกทุกวินาที จังหวะนั้นเองที่เสียงของเรสก็ดังเข้ามาเตือนสติของสารวัตรหมาบ้า “ถ้าสารวัตรทำมัน ไอ้เผด็จมันรอดนะ ไอ้เผด็จมันจะรอดนะ”

สารวัตรพิทักษ์ได้สติ ปลดนิ้วชี้ออกจากโกร่งไกและลากตัวหมอสาธิตไปหาอัยการเผด็จ แต่ …

ก่อนที่จะพาหมอสาธิตขึ้นรถตู้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ลั่นไกฆ่าตัดตอนหมอสาธิตตามคำสั่งของอัยการเผด็จ เด็กหนุ่มที่ชื่ออชิระ เด็กหนุ่มที่อัยการเผด็จให้หนังสือ Monte Cristo Kreiv ตอนที่เจอกันในสังเวียนไฟต์คลับนั่นเอง

ซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.12 ตอนจบ

เมื่อความจริงปรากฏ สารวัตรพิทักษ์ก็ยอมเอ่ยปากขอโทษสกาย และสารภาพกับสกายไปตรง ๆ ว่า “มึงรู้มั้ยว่ากูอยากฆ่ามึงทุกครั้งที่กูเห็นหน้ามึง แต่พอได้ทำงานกับมึง ได้เห็นบางอย่างในตัวมึง มันเลยทำให้กูไม่มั่นใจว่ามึงเป็นคนฆ่าลูกกูจริง ๆ หรือเปล่า เพราะไม่เคยมีหลักฐานชัด ๆ ว่ามึงเป็นคนฆ่า มึงมันบริสุทธิ์ สกาย”

บทลงโทษของความยุติธรรม ?

อัยการเผด็จตัดสินใจเผยความจริงทั้งหมดกับท่านนำชัย … ก่อนหน้านี้ อัยการเผด็จมีชีวิตที่มีความสุขกับภรรยา แต่แล้ววันหนึ่งภรรยาของเขาก็ถูกฆาตกรโรคจิตบุกเข้ามาสังหารถึงในบ้าน คืนเดียวกับที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารและเค้กเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเขา

ฆาตกรถูกตำรวจจับได้ไม่นานนักหลังจากมันลงมือก่อเหตุ และมันก็ถูกลงโทษด้วยการจองจำตามกระบวนการยุติธรรม แต่ระหว่างนั้นในทุก ๆ คืน อัยการเผด็จไม่เคยลบความเจ็บปวดออกไปจากใจตัวเองได้เลย … วันหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเข้าตีเยี่ยมฆาตกรที่ฆ่าภรรยาของเขา ในวันนั้นเองมันทำให้เขาได้พบความจริงที่ว่า ไอ้ฆาตกรชั่วไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่มันทำไปเลยแม้แต่นิดเดียว มันคงยังมีชีวิตยิ้มหน้าระรื่น แต่คนที่โดนลงโทษที่แท้จริงกับการต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานก็คือตัวญาติของเหยื่อ ซึ่งก็คือตัวเขาเอง

นับตั้งแต่วันนั้น อัยการเผด็จก็ได้แต่คิดว่าอะไรกันแน่คือความยุติธรรมที่แท้จริง ? แล้วเขาก็คิดได้ และได้เริ่มทำอะไรบางอย่างที่เขาเรียกว่า “ความยุติธรรมที่ญาติของเหยื่อเป็นผู้กำหนด”

อัยการเผด็จได้รวบรวมคนที่สูญเสียคนที่ตัวเองรักไปจัดตั้งขึ้นเป็นลักษณะองค์กรลับ องค์กรที่มีคนหลากหลายอาชีพเต็มใจเข้ามารวมตัวกันเพื่อทำในสิ่งที่เรียกว่า “ความยุติธรรมในแบบที่พวกเขากำหนดเอง” … นั่นก็คือให้พวกมัน (ฆาตกร) ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแบบเดียวกัน

คืนนั้น อัยการเผด็จเข้าไปสังหารเมียของไอ้ฆาตกรชั่วที่มันฆ่าภรรยาเขา ใช้มีดจ้วงแทงแบบที่ภรรยาของเขาโดนกระทำ ตาต่อตาฟันต่อฟัน หลังจากนั้น อัยการเผด็จก็กลับไปตีเยี่ยมไอ้ฆาตกรชั่วอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม แววตาแห่งความเจ็บปวดปรากฏขึ้นเมื่อมันรู้ว่าอัยการเผด็จคือคนสังหารเมียของมัน

ท่านนำชัยได้ยินเรื่องราวจากปากของอัยการเผด็จก็ถึงกับลั่นปากออกมาว่ามันเป็นความชั่วที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่อัยการหนุ่มก็ถอดแว่นตาออกแล้วหัวเราะ หึ หึ “ท่านกับผมก็ไม่ต่างกันนักหรอก ท่านก็สั่งฆ่าคนเหมือนกัน เพียงแต่ท่านสั่งฆ่าเพราะความรู้สึกส่วนตัว แต่สิ่งที่ผมทำมันเรียกว่าความยุติธรรม”

ท่านนำชัยตวาดกลับไปทันที “ความยุติธรรมที่ฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยอย่างงั้นน่ะเหรอ”

คราวนี้อัยการเผด็จไม่ใช้ปากเป็นคำตอบ แต่ใช้มีดในมือเป็นคำตอบ เขาจ้วงแทงเข้าไปที่ท้องของท่านนำชัย “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะมีดเล่มนี้เป็นเล่มเดียวกับที่ใช้แทงผู้กองโชค ใช่ ผมเป็นคนฆ่าเองแหละ” ท่านนำชัยทรุดลงไปนอนกองกับพื้น แล้วอัยการเผด็จก็หยิบโทรศัพท์มือถือของท่านนำชัยโทร. ไปหาสารวัตรพิทักษ์ พร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายที่ท่านจะได้จากผม”

สารวัตรพิทักษ์ได้รับโทรศัพท์ก็รีบบึ่งมาหาท่านนำชัยทันที ทุกคนในทีมหมาบ้ามากันครบยกเว้นผู้กองอลิสคนเดียว ผู้กองอลิสที่ตอนนี้เข้าไปค้นภายในบ้านของอัยการเผด็จเพียงลำพัง … ไอ้ยักษ์จะอาสาอุ้มท่านนำชัยพาไปโรงพยาบาล แต่ท่านนำชัยกลับบอกว่าเขาอยากนอนอยู่ที่นี่ นอนอยู่อย่างนี้ “กูเหนื่อยเหรือเกิน กูจะได้ไปเจอกับลูกกูสักที” ไม่กี่วินาทีนับจากนั้น ท่านนำชัยก็สิ้นลมอยู่ตรงนั้น แต่ …

แต่ทันทีที่ท่านนำชัยสิ้นลม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แห่กันมาล้อมจับทีมหมาบ้า ที่แท้แล้วมันเป็นแผนที่อัยการเผด็จวางเอาไว้ เพื่อโยนความผิดให้สารวัตรพิทักษ์นั่นเอง ยังดีที่ทีมหมาบ้าใช้สกิลการหนีขั้นเทพหลบหนีไปได้

อัยการเผด็จใช้เส้นสายบีบให้ “ท่านรอง” ออกแถลงข่าวแฉต่อนักข่าวเรื่องที่สารวัตรพิทักษ์ช่วยนักโทษคดีอุกฉกรรจ์สามรายออกมาจากคุก และเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นคนลงมือฆ่าท่านนำชัย แต่คนที่ไม่เห็นด้วยคือผู้กองอลิส เพราะตอนนี้เธอเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด รวมถึงการตายของท่านนำชัยคืออัยการเผด็จ แต่ตำรวจยศต๊อกต๋อยอย่างเธอก็ไม่อาจจะงัดคานอำนาจของท่านรองได้ แล้วจู่ ๆ ผู้กองสาวก็คิดทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำมาก่อน …

ผู้กองอลิสเดินตามอัยการเผด็จไปที่ลานจอดรถ เธอสไลด์ขึ้นลำปืนกึ่งอัตโนมัติในมือ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปหวังลอบสังหารอัยการเผด็จเพื่อล้างแค้นให้กับท่านนำชัย ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเธอ มันเป็นทางเดียวที่ผู้กองสาวจะคิดได้แล้วจริง ๆ มืออยู่ในโกร่งไก สายตามองไปที่อัยการชั่วเตรียมจะเหนี่ยวไกลั่นกระสุน ทันใดนั้นเอง สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่ขึ้นมากระชากตัวผู้กองอลิสมาอีกทางหนึ่ง “จะบ้าไปแล้วเหรอ ถือปืนดุ่ม ๆ ไปยิงเนี่ยนะ”

ผู้กองอลิสบอกกับสารวัตรว่าเธอมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าอัยการเผด็จเป็นคนฆ่าผู้กองโชคและท่านนำชัย แต่ไม่มากพอที่จะใช้เป็นหลักฐานเพื่อลงโทษตามกฎหมายได้ … อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ ทีมหมาบ้ากลับมารวมตัวกันครบทีม 5 คนเหมือนเดิมแล้ว ทีมหมาบ้ากับอีกหนึ่งผู้กองสาวสุดเท่

ล่าล้างเมือง EP.12 ตอนจบ

บุกรังบอสใหญ่

สารวัตรพิทักษ์แบกค้อนปอนด์บนบ่ายืนจังก้าอยู่ด้านหน้าตึกขนาดใหญ่ที่เป็นรังขององค์กรลับ ประกาศก้องจะจัดการกับอัยการเผด็จให้ตายคามือในวันนี้ ไอ้ยักษ์ถือไม้ในมือ สารวัตรพิทักษ์ถือค้อนปอนด์ เรสใช้มีดที่มันถนัด สกายใช้มือเปล่าเพราะไม่ถนัดใช้อาวุธอะไรเลย

ทีมหมาบ้าบุกฝ่าดงกระสุนและดงตีนเข้าไปเจอกับบอสใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อัยการเผด็จในฐานะบอสใหญ่ยังคงทำหน้านิ่งใจเย็นอยู่อย่างนั้น แม้ลูกน้องนับร้อยและห่ากระสุนที่ระดมยิงมันจะไม่ระคายผิวทีมหมาบ้าเลยแม้แต่นิดเดียว อัยการเผด็จเผชิญหน้ากับสารวัตรพิทักษ์ตัวต่อตัว สารวัตรหมาบ้าตะโกนถามอัยการเผด็จ “มึงฆ่าลูกกูทำไม มึงฆ่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทำไม”

ไม่น่าเชื่อว่าคำตอบที่ออกจากปากอัยการเผด็จมันเหมือนคนบ้า “ที่กูฆ่าลูกมึงก็เพื่อเติมเชื้อไฟความโกรธให้มึงยังไงล่ะ” ปืนในมือของสารวัตรพิทักษ์ลั่นกระสุนเข้าสมองของอัยการเผด็จ เสียงสุดท้ายของอัยการบ้าลั่นออกมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ “แล้วสักวันพวกมึงจะเข้าใจว่าสิ่งกูทำมันเป็นสิ่งที่ถูก ฮะฮะฮ่า”

หลังบุกตะลุยพังทลายรังบอสใหญ่ได้สำเร็จ สารวัตรพิทักษ์ก็ขอมอบตัวในคดีสร้างหลักฐานเท็จในคดีฆาตกรรมใส่ร้ายสกาย ส่วนไอ้ยักษ์กับเรสก็โดนจับใส่กุญแจมือเข้าซังเตกันไปตามระเบียบ แต่การกลับเข้าคุกครั้งนี้ของทุกคนมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ได้เคลียร์ปมในใจของตัวเองไปจนหมดสิ้น

ซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.12 ตอนจบ

1 ปีต่อมา …

ฆาตกรสายฝนยังคงออกอาละวาดฆ่าผู้คนไม่เลิก เบื้องบนจึงมีคำสั่งให้ผู้กองอลิสฟอร์มทีมหมาบ้าขึ้นมา ทุกคนได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ตำรวจปกติทำไม่ได้ …

จบบริบูรณ์

Photos : ภาพหน้าจอจาก TrueID
ดูซีรีส์เรื่องนี้ได้ที่ : Netflix และ TrueID Series

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง (2022) appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 2 (2021) ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง https://www.online-idol.com/2021/02/03/snowpiercer-season-2-2021-series-spoiler-23058/ Wed, 03 Feb 2021 05:04:29 +0000 https://www.online-idol.com/?p=23058 สปอยล์ซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 2 : ยุคแห่งหัวรถจักร 2 ขบวนได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคุณวิลฟอร์ด รถไฟที่มีความยาว 1,034 ตู้โดยสาร

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 2 (2021) ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง appeared first on idol.

]]>
สปอยล์ซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 2 (ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง) : ยุคแห่งหัวรถจักร 2 ขบวนได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคุณวิลฟอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ รถไฟที่มีความยาว 1,034 ตู้โดยสาร

EP.1 ยุคของหัวรถจักร 2 ขบวน

คืนก่อนการเดินทางรอบโลกรอบที่ 19 คุณวิลฟอร์ดได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาของหัวรถจักร 2 ขบวน และตอนนี้ท้ายขบวนไม่ใช่ท้ายขบวนอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นชายแดนไปแล้ว จากการที่รถไฟ 2 ขบวนเชื่อมติดกัน ในสงครามระหว่างบิ๊กอลิซ ที่มีความยาว 40 ผู้โดยสาร กับสโนว์เพียร์ซเซอร์ ที่ยังเหลือ 994 ตู้โดยสาร

สโนว์เพียร์ซเซอร์อยู่ภายใต้การควบคุมของบิ๊กอลิซโดยสมบูรณ์ ระหว่างนั้นอเล็กซ์ลูกสาวของเมลานีได้ส่งลิสต์รายการของที่ต้องการ ซึ่งก็มี เบียร์ ไก่ ผักชนิดต่าง ๆ และเหล้าสก๊อตของโปรดของคุณวิลฟอร์ด เพื่อแลกกับการที่สโนว์เพียร์ซเซอร์จะไม่โดนแช่แข็งไปตลอดกาล

ในขณะที่เมลานีออกมานอกรถไฟเพื่อตัดสายอัปลิ้งก์ ซึ่งทำให้อลิซไม่สามารถควบคุมสโนว์เพียร์ซเซอร์ได้อีก รวมไปถึงวางระเบิดตัดระบบการแยกออกจากกันของหัวรถจักร 2 ขบวน ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนบิ๊กอลิซ เมลานีได้พบคุณวิลฟอร์ด ทั้งคู่สนทนาเฉกเช่นคนรู้จักที่จากกันไปนาน นับตั้งแต่ที่เมลานีขโมยสโนว์เพียร์ซเซอร์ไปจากคุณวิลฟอร์ดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว

มาถึง ณ จุดนี้ คุณวิลฟอร์ดต้องการรถไฟของเขาคืน ไม่เช่นนั้นเขาจะทิ้งสมอเพื่อให้การเดินรถหยุดชะง้ก ซึ่งหมายถึงจุดจบของสโนว์เพียร์ซเซอร์และผู้โดยสารทั้งหมด แต่เมลานีบอกกลับไปว่า ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้ควบคุมสโนว์เพียร์ซเซอร์อีกต่อไป หากแต่เป็นคนท้ายขบวนที่ชื่อเลย์ตัน

ด้านสโนว์เพียร์ซเซอร์ เลย์ตัน ชายหนุ่มผู้พร่ำเพ้อถึงแต่การเลือกตั้งและประชาธิปไตย ดันประกาศกฎอัยการศึก (ที่จะทำให้ตัวเขามีอำนาจเผด็จการซะอย่างนั้น) อีกทั้งวางแผนโจมตีบิ๊กอลิซเพื่อชิงตัวเมลานีกลับมา

ว่าที่จริงพวกเลย์ตันไม่มีทางบุกเข้าไปบิ๊กอลิซได้เลย เพราะประตูเหล็กขนาดใหญ่กั้นกลางระหว่างรถไฟสองขบวนเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะคนเฝ้าประตูของบิ๊กอลิซ ที่อยู่ดี ๆ ดันเปรี้ยวปากอยากกินมะม่วง 🥭 ที่ทางฝั่งสโนว์เพียร์ซเซอร์เสนอให้ซะอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม พวกเลย์ตันบุกเข้าไปบิ๊กอลิซได้เพียง 2-3 ตู้โดยสาร สุดท้ายก็โดนบ๊อบมนุษย์น้ำแข็ง มนุษย์กลายพันธุ์ของคุณวิลฟอร์ดไล่ออกมาแบบงง ๆ

ตัดมาที่บิ๊กอลิซ เมื่อคุณวิลฟอร์ดรู้ว่าพวกเลย์ตันบุกเข้ามา จึงพาลโมโหสั่งให้อเล็กซ์ตัดการเชื่อมต่อกับสโนว์เพียร์ซเซอร์ เพื่อแช่แข็งผู้โดยสารทั้งหมด หากทว่าทุกอย่างไม่ทำงาน … เมลานียิ้มเยาะออกมา พร้อมกับเอ่ยว่า รถไฟสองขบวนนี้จะไม่มีวันแยกจากกัน

EP.2 ตะกอนแห่งชีวิต

สภาพความเป็นอยู่ของผู้โดยสารบนสโนว์เพียร์ซเซอร์หลังจากการปฏิวัติบนความเพ้อฝันเรื่องประชาธิปไตยของเลย์ตัน กำลังอยู่ในสภาวะวุ่นวาย เกิดอาชญากรรมเต็มไปหมด ความเท่าเทียมที่กล่าวอ้างกลายเป็นความไร้ระเบียบ และไร้กฎหมาย !

คุณวิลฟอร์ดตัดสินใจแลกเปลี่ยนตัวเมลานีกับเควิน … เมื่อเควินกลับมาที่บิ๊กอลิซ คุณวิลฟอร์ดได้ยื่นมีดโกนให้เขา เพื่อให้เขาปลิดชีวิตตัวเอง ถือเป็นบทลงโทษที่มีเกียรติกับความผิดที่เป็นคนเปิดประตูให้พวกเลย์ตันบุกเข้ามา และเผยจุดอ่อนของบิ๊กอลิซ นั่นคือความหิวโหย

ด้านเมลานีเมื่อได้กลับไปที่สโนว์เพียร์ซเซอร์ ก็ได้เล่าถึงสิ่งที่เธอได้พบแอมโมเนียมซัลเฟตในหิมะ มันเกิดจากสารที่ชื่อว่า CW7 สารที่นักวิทยาศาสตร์ยิงขึ้นไปบนบรรยากาศเพื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ในการแก้ปัญหาโรคร้อน ผลลัพธ์คือทำให้เกิดเป็นยุคน้ำแข็ง

ทฤษฎีของเมลานี คือ ตอนนี้สาร CW7 กำลังแตกตัวและตกลงมา นั่นหมายความว่าแม้อุณหภูมิบนพื้นโลกจะยังหนาวเหมือนเดิม แต่บนฟ้าอุณหภูมิเริ่มร้อนขึ้น (บนพื้น -118 องศา แต่บนฟ้า -86 องศา จากการที่เมลานีส่งบอลลูนขึ้นไปเก็บข้อมูล)

เมลานีคิดว่าจากเดิมที่คาดกันว่ายุคน้ำแข็งจะดำเนินต่อไปยาวนานกับพันปี มาถึงตอนนี้ผ่านไปแค่ 7 ปี มนุษย์จะสามารถหาสถานที่เพื่อตั้งถิ่นฐานได้แล้ว เป็นเพียงแต่ว่าต้องทำการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อหาให้เจอว่าที่ ๆ ว่านั้น มันอยู่ตรงไหนของโลก ทีนี้การทดลองที่เมลานีต้องการทำ เธอต้องเข้าถึงตู้เก็บอะไหล่สำรองของคุณวิลฟอร์ด เช่น แบตเตอรี่, เครื่องวัดสภาพอากาศ และพาหนะ … เมลานีจึงเสนอให้เลย์ตันเชิญคุณวิลฟอร์ดมาเจรจาที่ตู้โดยสารชั้น 1 บนสโนว์เพียร์ซเซอร์

คุณวิลฟอร์ดมาตามคำเชิญ และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นที่ชื่นชอบและเคารพนับถือของผู้โดยสารบนสโนว์เพียร์ซเซอร์ พวกเขาต้อนรับและทักทายคุณวิลฟอร์ดประหนึ่งเป็นผู้สร้างรถไฟขบวนนี้ รถไฟที่ทำให้มนุษยชาติยังดำรงคงอยู่

เมลานีเล่าสิ่งที่เธอพบให้คุณวิลฟอร์ดและผู้โดยสารคนอื่น ๆ ได้ฟังว่า ตอนนี้อุณหภูมิร้อนขึ้น และต้องทำการวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก เพื่อหาสถานที่ที่จะสามารถตั้งเป็นถิ่นฐานได้ สิ่งที่เมลานีเสนอว่าต้องทำคือ 1) เปิดสถานีวิจัยเบรสเลาเออร์ บนเทือกเขาร็อกกี้ แต่เส้นทางต้องใช้บิ๊กอลิซเข้าไป เพราะสโนว์เพียร์ซเซอร์มีขนาดใหญ่เกินไป 2) ต้องส่งบอลลูนขึ้นไปเก็บข้อมูลทั่วทั้งทวีป จากเอเชียไปจนถึงหิมาลัย

หลังจากนั้น ข้อมูลจากบอลลูนจะถูกส่งไปยังสถานีวิจัย และสโนว์เพียร์ซเซอรฺ์ก็จะกลับไปภายใน 1 เดือนเพื่อเก็บข้อมูล เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าสถานที่ที่ไหนที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้

คุณวิลฟอร์ดตกลงร่วมมือด้วย โดยตั้งเงื่อนไขให้เมลานีเป็นคนที่ไปอยู่ที่สถานีวิจัยเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อแลกกับการสงบศึกของรถไฟ 2 ขบวน

EP.3 การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่

Snowpiercer ซีซั่น 2 EP.3 เป็นตอนที่การเดินเรื่องแทบจะไม่มีอะไรคืบหน้า โดยจะเน้นไปที่เมลานีพยายามใกล้ชิดกับอเล็กซ์ เพื่อซ่อมความสัมพันธ์แม่ลูกที่เธอเคยทำมันพัง และการเตรียมตัวออกนอกรถไฟ เพื่อไปเก็บข้อมูลวิจัย ณ สถานีวิจัย บนเทือกเขาร็อกกี้

การออกไปนอกรถไฟยาวนาน 1 เดือน เพื่อเก็บข้อมูลวิจัยเพื่อหาถิ่นที่อยู่ที่อบอุ่นบนพื้นโลกของเมลานี เป็นภารกิจเสี่ยงตาย แม้แต่ตัวเธอเองก็รู้ดี แต่เหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อมวลมนุษยชาติ

แต่ก่อนที่เมลานีจะออกเดินทาง เธอได้ใช้เวลาอยู่กับอเล็กซ์ช่วงเวลาสั้น ๆ เป็นช่วงเวลาที่เธอพยายามฟื้นความสัมพันธ์กับลูกสาวที่เธอเคยทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง เมลานีพยายามพูดถึงความโหดเหี้ยมของคุณวิลฟอร์ด ที่ดูแลอเล็กซ์และสอนให้เธอเป็นวิศกรรถไฟมานาน 7 ปี

ส่วนเลย์ตันผู้พร่ำเพ้อแต่ประชาธิปไตยบนความตายของผู้คน บนรถไฟที่ตัวเองปล้นต่อมาจากเมลานี ก็ดูท่าจะไม่สามารถทำให้ผู้โดยสารสโนว์เพียร์ซเซอร์อยู่อย่างสงบและเป็นระเบียบได้

EP.4 การแลกเปลี่ยน

ข้อแลกเปลี่ยนแรกของบิ๊กอลิซที่เลย์ตันตกลงเอาไว้เริ่มขึ้นวันนี้ หลังจากเมลานีออกไปจากรถไฟได้ 3 วัน

คุณวิลฟอร์ดต้องการเข้าไปในสโนว์เพียร์ซเซอร์ โดยพาคนอีก 3 คนติดตามเขาไปด้วย การเดินทางมาครั้งนี้ ตอกย้ำให้เราเห็นว่าผู้คนที่ยังสนับสนุนคุณวิลฟอร์ดเป็นจำนวนมาก ว่าที่จริงถ้าเลย์ตันจัดการเลือกตั้งตอนนี้ คุณวิลฟอร์ดน่าจะได้ครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดในทันที

สองนักวิทยาศาสตร์สมองเฟื่องของคุณวิลฟอร์ด มาที่สโนว์เพียร์ซเซอร์เพื่อช่วยรักษาผู้ป่วย และได้พาโจซี่ไปรักษาที่บิ๊กอลิซ

บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด ขณะที่ทุกคนกำลังติดตามภารกิจที่กำลังจะเริ่มขึ้น รวมทั้งเลย์ตันและคุณวิลฟอร์ดที่ยืนอยู่ด้วยกัน … วิศวกรปล่อยบอลลูนเช็กสภาพอากาศขึ้นไป และกำลังรอสัญญาณตอบกลับจากเมลานี

สัญญาณจากเมลานีส่งกลับมาที่สโนว์เพียร์ซเซอร์ว่า ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ดูเหมือนคุณวิลฟอร์ดจะเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่พอใจกับความสำเร็จครั้งนี้ หากทว่าเขาก็ตบมือแสดงความยินดีเพื่อให้กลมกลืนกับทุกคน

โจซี่ฟื้นขึ้นมาในบิ๊กอลิซ ข้าง ๆ มนุษย์น้ำแข็งที่กำลังหลับใหลอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นหนูทดลองของคุณวิลฟอร์ดไปเสียแล้ว

EP.5 จงใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง

โจซี่ไปรักษาตัวอยู่ที่บิ๊กอลิซ ระหว่างนั้นเธอก็ทำหน้าที่ส่งข่าวให้เลย์ตัน ผ่านกระดาษโน้ตด้วยข้อความสั้น ๆ (เหมือนกับซีซั่นแรกที่เธอถูกใช้เป็นผู้ส่งสาร) ในข้อความระบุว่าคุณวิลฟอร์ดกำลังเตรียมบ๊อบมนุษย์น้ำแข็ง และจะเริ่มปฏิบัติการยึดสโนว์เพียร์ซเซอร์คืนในไม่ช้า

คุณวิลฟอร์ดส่งเทียบเชิญออเดรย์ให้มาดินเนอร์ที่บิ๊กอลิซ เบนจึงสอนวิธีการดักฟังบิ๊กอลิซให้กับออเดรย์ โดยเธอต้องไปสลับสายไฟที่กล่องควบคุมกล่องหนึ่ง แล้วสโนว์เพียร์ซเซอร์จะได้ยินทุกสิ่งอย่างที่คุณวิลฟอร์ดพูด

ระหว่างนั้น ทิลล์เข้ามาหาเลย์ตันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ เพราะเขามัวแต่สนใจบิ๊กอลิซจนลืมความวุ่นวาย ความขัดแย้งที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นของผู้โดยสารบนสโนว์เพียร์ซเซอร์

ระหว่างนั้นเหมือนจะมีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อเมลานีไม่ส่งสัญญาณตอบกลับมาตามกำหนด เลย์ตันและคนอื่น ๆ สงสัยว่าอาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเมลานี ทำให้รูธตัดสินใจว่าควรจะโกหกเรื่องนี้กับผู้โดยสารคนอื่น ๆ โดยเธอใช้คำว่า “โกหกเพื่อความหวัง” (คล้ายกับในซีซั่นแรกที่เมลานีหลอกทุกคนว่าคุณวิลฟอร์ดอยู่บนรถไฟ เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในความเรียบร้อย จนกระทั่งเลย์ตันได้ทำลายมัน และใช้กำลังยึดรถไฟต่อจากที่เมลานีขโมยมันมาจากคุณวิลฟอร์ด)

เลย์ตันพยายามใช้ความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ขู่จะสั่งขังเทอเรนซ์ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เลย์ตันกลับโดนตอกกลับเรื่องที่เขาให้โจซี่คอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวบนบิ๊กอลิซให้ หลังจากนั้น เลย์ตันที่ในซีซั่นแรกอ้างว่าตัวเองต่อต้านความไม่เท่าเทียม และอ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย บลา ๆ กลับใช้อำนาจเผดีจการของตัวเองสั่งให้ไพค์ไปฆ่าเทอเรนซ์ !

ที่บิ๊กอลิซ คุณวิลฟอร์ดกับออเดรย์ใกล้ชิดกันมากขึ้น และคุณวิลฟอร์ดก็เสนอให้เธออยู่กับเขาที่นี่ เพราะเขาจะชนะเลย์ตันได้ในท้ายที่สุด สุดท้ายออเดรย์ก็เลือกที่จะไม่กลับไปสโนว์เพียร์ซเซอร์

ทันใดนั้น สัญญาณเตือนภัยบนสโนว์เพียร์ซเซอร์ก็ดังขึ้น พวกช่างรถไฟ (ที่ภักดีต่อคุณวิลฟอร์ด) ก็โดนกลุ่มคนปริศนาฆ่าตายจนเกลี้ยง !

EP.6 หรือเวลาจะหมดลงตรงนี้ ?

Snowpiercer ซีซั่น 2 EP.6 จะเป็นตอนที่ซีรีส์จะพาเราไปดูการทำงานของเมลานีที่สถานีวิจัย

ภาพตัดย้อนกลับไปสมัยที่เธอยังทำงานเป็นวิศวกร เธอนั่งดื่มและคุยกับคุณวิลฟอร์ดถึงเรื่องอนาคต ทำให้เราได้เห็นรอยร้าวของคนทั้งคู่ ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ว่า วิธีไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษามนุษยชาติให้รอดพ้นจากยุคของโลกน้ำแข็งไปได้ กล่าวคือ วิลฟอร์ดต้องการให้ทั้งหมดขึ้นตรงกับเขา ในขณะที่เมลานีเสนอให้ช่วยทุกคนเท่าที่สามารถจะช่วยได้

แล้วภาพก็ตัดตอนที่สโนวเพียร์ซเซอร์จะเริ่มออกเดินทาง ขณะนั้นผู้บัญชาการทหารเกรย์กำลังปรึกษากับคุณวิลฟอร์ดอยู่ด้านนอก ในขณะที่ผู้คนเป็นจำนวนมากต้องการที่จะขึ้นรถไฟขบวนนี้ได้ก่อการจลาจลขึ้น คุณวิลฟอร์ดต้องการให้ทหารยิงเพื่อสกัดกั้น แต่เสียงของวิศวกรแจ้งมาว่าต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมอีก 30 นาทีก่อนที่จะออกเดินทางได้

แต่เหตุการณ์ที่เป็นจุดพลิกผันก็เกิดขึ้น เมื่อคุณวิลฟอร์ดได้สั่งให้ทหารเปิดฉากยิงให้ฝูงชนที่กรูกันเข้ามา เมลานีจึงตัดสินใจที่จะนำรถไฟออกไปในขณะที่กองทหารและคุณวิลฟอร์ดยังอยู่ด้านนอก เมลานีถอนหายใจอย่างหนักกับการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ และมวลมนุษยชาติไปตลอดกาล

ย้อนกลับมาปัจจุบัน เมลานีจับหนูได้ และเธอก็ใช้มันนำทางเพื่อหาช่องระบายความร้อนหลังกำแพง มันเหมือนที่เราได้เรียนรู้ในห้องเรียน หนูและแมลงสาบเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืดหยุ่นได้อย่างเหลือเชื่อ มันสามารถอยู่รอดได้แม้ในยุคน้ำแข็งตาม ว่าที่จริงนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ !

และก็มาถึงเหตุผลที่เธอไม่สามารถส่งสัญญาณไปหาสโนว์เพียร์ซเซอร์ได้ตามกำหนด ก็เพราะเสาสัญญาณเธอมีปัญหา ซึ่งตอนนี้เมลานีพยายามที่จะแก้ไขมันอยู่ ในท้ายที่สุดมันก็กลับมาใช้ได้อีกครั้ง

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่สโนว์เพียร์ซเซอร์ถึงกำหนดที่จะวิ่งผ่านมาเพื่อรับเมลานี (แต่ก่อนหน้านี้เมลานีไม่ได้ส่งสัญญาณหา) เมื่อเมลานียืนรอรถไฟก็วิ่งผ่านไป มีเพียงอลิซคนเดียวเท่านั้นที่เห็นเธอ อลิซได้แต่กรีดร้องที่หน้าต่างแต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ !

หรือว่าเวลาของเมลานีจะหมดลงตรงนี้ ?

EP.7 คุณวิลฟอร์ดคือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง

เรื่องจะต่อเนื่องจาก Snowpiercer ซีซั่น 2 EP.5 หลังจากมีการฆาตกรรมช่างรถไฟ 8 คนในเวลาเดียวกัน

เบสส์ ทิลล์ กำลังสืบหากลุ่มฆาตกรที่ลงมือฆ่าช่างรถไฟ และดูเหมือนเลย์ตันก็ยังคงมึนกับชีวิตประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมของตัวเองต่อไป เพราะนับวันยิ่งมีคนตายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีการทะเลาะระหว่างกลุ่มคนบนรถไฟกันเอง ยังไม่นับการใช้วิถีทางของอำนาจไปในทางที่ผิดในลักษณะเผด็จการ สั่งฆ่าเทอเรนซ์ด้วยเหตุผลที่น่าตลกขบขัน

ระหว่างนั้นบนบิ๊กอลิซ คุณวิลฟอร์ดพบไขควงในกระเป๋าของออเดรย์ เขาจึงไม่ไว้ใจเธอ เพราะเขารู้ว่าไขควงอันนี้ได้ถูกเตรียมไว้เพื่อต่อสายดักฟัง คุณวิลฟอร์ดจึงให้ออเดรย์พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเองด้วยการทำให้เควินหายจากอาการ ‘บ้า’ … เควินที่หลายคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว จากการที่เขากรีดข้อมือตัวเองในอ่างน้ำ

เควินได้แต่พูดว่าภาพในหัวของเขาในตอนนี้ มีแต่ภาพขณะที่เขาอยู่ในอ่างอาบน้ำกับคุณวิลฟอร์ด หลังจากนั้น ออเดรย์ดับไฟภายในห้อง แล้วเธอก็เริ่มทำอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนการสะกดจิต

หลังจากนั้น เควินก็ทำตามที่ออเดรย์สั่งทุกอย่าง เธอพาเขาไปที่ห้องคุณวิลฟอร์ดแล้วสั่งให้เควินเลียรองเท้าของคุณวิลฟอร์ด มันทำให้คุณวิลฟอร์ดพอใจเป็นอย่างมาก

ตัดภาพมาที่สโนว์เพียร์ซเซอร์ในตอนนี้ ความวุ่นวายได้ลุกลามเกินควบคุม มีการก่อจลาจลขึ้นและขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ มีการเขียนข้อความเชิดชูคุณวิลฟอร์ดไปทั่วทั้งรถไฟ ในขณะที่เลย์ตันและพรรคพวกของเขาก็ยังคงมึนกับสิ่งที่เรียกว่าการปกครอง ! ความชอบธรรมเดียวที่เลย์ตันยังเหลืออยู่ ก็คือสิ่งที่คนเขียนบทได้มอบให้ !!!

ไพค์โดนพวกท้ายขบวนจับไปตัดแขน เลย์ตันมาช่วย และเจรจาขอให้ตัดแขนเขาแทน ซึ่งแน่นอนว่าก่อนที่เลย์ตันจะโดนตัดแขน รูธซึ่งอยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นพูดอะไรบางอย่างที่เหลือเชื่อ เพราะทำให้กลุ่มคนที่เดือดดาลปล่อยเลย์ตันออกมาซะอย่างนั้น

มีการจุดโคมไฟสีแดงทั่วทั้งสโนว์เพียร์ซเซอร์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องให้คุณวิลฟอร์ดกลับมา คุณวิลฟอร์ดได้สั่งการให้บ๊อบเยือกแข็งเตรียมพร้อม แล้วเขาก็เดินมากอดคออเล็กซ์กับออเดรย์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ

EP.8 เครื่องจักรชั่วนิรันดร์

ซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 2 EP.8

เหตุจลาจลเกิดขึ้นไปทั่วบนสโนว์เพียร์ซเซอร์ รถไฟแห่งความเท่าเทียม ไม่เว้นแม้แต่ความรุนแรงและวุ่นวายไร้ระเบียบ !

แซมบอกกับภรรยาของเขาว่า สถานการณ์ตอนนี้ใกล้จะเกิดสงครามกลางเมืองแล้ว น้ำเริ่มท่วมรถไฟและสถานการณ์เริ่มแย่ลง ซึ่งดูเหมือนว่ามันเกิดปัญหาจากด้านนอก ต้องมีใครออกไปแก้ไขนอกรถไฟ

สุดท้ายที่พึ่งสุดท้ายของสโนว์เพียร์ซเซอร์ก็คือคุณวิลฟอร์ด เมื่อวิเคราะห์ปัญหาแล้ว คุณวิลฟอร์ดจึงเสนอให้มีการปิดระบบ โดยให้ใช้พลังงานจากบิ๊กอลิซแทน และแล้วคุณวิลฟอร์ดก็ทำสำเร็จ ผู้โดยสารต่างพากันโห่ร้อง ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ

ในขณะที่เลย์ตันกลายเป็นผู้แพ้ ผู้ที่เย่อหยิ่งบนความโง่เขลาของตัวเอง ด้วยอุดมการณ์ที่ตัวเองแทบจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร เลย์ตันร้องไห้ออกมา พร้อมกับพูดกับแซมว่า “สิ่งที่เขาต้องการคือให้ลูกของเขาเกิดอย่างปลอดภัย”

ในขณะที่คุณวิลฟอร์ดนั่งทำเท่อยู่ที่หัวรถจักร ด้วยรอยยิ้มที่แสดงออกให้เห็นถึงผู้มีชัยชนะ

EP.9 การแสดงยังไม่จบ

เนื่องจาก TNT ออกอากาศพร้อมกันในเดียว 2 ตอน จึงขอรวบเอาไว้เป็นสองตอนจบ

EP.10 ในหิมะอันขาวโพลน

หลังจากคุณวิลฟอร์ดสามารถยึดสโนว์เพียร์ซเซอร์กลับคืนมาได้ เลย์ตันและรูธโดนเนรเทศไปที่บิ๊กอลิซ และถูกสั่งให้ทำงานใช้แรงงาน ระหว่างนั้นทั้งสองก็วางแผนที่จะกลับไปควบคุมรถไฟอีกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจากซาเวียร์ และอาเล็กซ์ที่หักหลังคุณวิลฟอร์ด

เมื่อเลย์ตันกลับมาบนสโนว์เพียร์ซเซอร์ ก็ได้รวบรวมคนที่เห็นด้วยกับเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ วิศวกรรถไฟเบนเน็ต จากนั้น อเล็กซ์ก็ได้เผยทริกให้เลย์ตัน โดยการแยกส่วนหัว 10 ตู้โดยสารของสโนว์เพียร์ซเซอร์ออก เพราะอเล็กซ์ต้องการจะกลับไปรับเมลานีที่สถานีวิจัย

ทีนี้ คุณวิลฟอร์ดจึงแก้เกมโดยการใช้โจซี่ ซึ่งเป็นตัวแทนของ บ๊อบมนุษย์น้ำแข็ง ให้ออกไปจัดการดับเครื่องยนต์จากด้านนอก แต่กลายเป็นว่าโจซี่ได้ทำลายตู้โดยสารอาควอเรียม ทำให้ส่วนหัวแยกออกจาก 1,023 ขบวนที่เหลือ #WTF !

สถานการณ์ตอนนี้คือ เลย์ตันกับอเล็กซ์ได้ควบคุมส่วนหัวของสโนว์เพียร์ซเซอร์ ที่ตอนนี้วิ่งด้วยความเร็วสูงเพื่อจะไปรับเมลานี แต่กลายเป็นว่าอเล็กซฺ์เจอเพียงข้อมูลและสมุดบันทึกของเมลานีที่ทิ้งเอาไว้ในสถานีวิจัย ในนั้นบันทึกเอาไว้ว่าเธอหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะไม่มีเครื่องดำรงชีพเหลืออีกแล้ว เธอกินหนูทุกตัวที่อยู่ในสถานีจนหมด หลังจากถูกทิ้งมานานนับเดือน อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานที่เมลานีทิ้งเอาไว้ เป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าโลกกำลังอบอุ่นขึ้นในบางจุด นั่นหมายความว่าจากข้อมูลนี้ ผู้โดยสาร 3 พันคนบนรถไฟจะไม่จำเป็นต้องอยู่บนรถไฟอีกต่อไป

สุดท้าย อเล็กซ์และเลย์ตันก็กลับมาขึ้นรถไฟที่ตอนนี้มีอยู่ 10 ตู้โดยสาร เพื่อปูทางไปสู่ Snowpiercer ซีซั่น 3 ต่อไป …

หมายเหตุ : แม้ซีรีส์พยายามจะทำให้เราเชื่อว่าเมลานีได้ตายไปแล้ว แต่มีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี จะยังปรากฏตัวในซีซั่น 3 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าซีรีส์จะสร้างปาฏิหาริย์ตายแล้วฟื้นอีกครั้งหนึ่งให้กับเมลานี เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วกับโจซี่ ในซีซั่น 1

The post สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 2 (2021) ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง appeared first on idol.

]]>