Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Law School (2021) ชีวิตนักเรียนกฎหมาย

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Law School (2021) ชีวิตนักเรียนกฎหมาย

สปอยล์ Law School : ชีวิตของเหล่านักเรียนกฎหมายในโรงเรียนกฎหมายระดับท็อปของประเทศ ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมอันแปลกประหลาด …

คะแนน 3/10 ความน่าดู 2/10 เรตติ้ง 5.2
สนุกไหม ? : ซีรีส์สร้างปมปริศนาสลับซับซ้อนขึ้นมากมายเกินความจำเป็น แถมยังพันกันไปหมด และหลายอย่างขัดต่อเหตุผลที่ยอมรับได้ ทำให้การดำเนินเรื่องแตกกระจายไม่ปะติดปะต่อ บางประเด็นสร้างขึ้นมาใหญ่โต แต่กลับใช้วิธีการยัดเยียดให้คลี่คลายปมไปแบบง่าย ๆ สิ่งที่พอจะทำให้เรื่องนี้น่าดูอยู่บ้างก็คือ การแสดงของรยูฮเยยอง (ซอลอา) ที่มีเสน่ห์ แต่ก็แค่นั้นจริง ๆ !!!

EP.1 คดีฆาตกรรมปริศนา

ตุลาคม 2020 …

ณ ห้องพิจารณาคดีจำลอง โรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัยฮันกุก โรงเรียนกฎหมายไฮเอนด์ ระดับท็อปของประเทศเกาหลีใต้ เหล่านักเรียนกฎหมายกำลังดำเนินการพิจารณาคดีกันอย่างจริงจัง ภายใต้สายตาของเหล่าอาจารย์

ระหว่างนั้นมีการหยุดพัก 30 นาที … เวลาผ่านไปจนล่วงเลยเวลาพัก แต่ซอบยองจูก็ยังไม่ปรากฏตัว ทำให้นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินไปตาม แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ซอบยองจูเสียชีวิตบนโซฟาภายในห้องทำงาน สภาพศพคล้ายกับดื่มยาพิษเข้าไป ซึ่งเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าคัวตาย เพราะมีจดหมายลาตายที่เขียนด้วยลายมือทิ้งเอาไว้ แต่จริง ๆ แล้วมันมีอะไรลึกลับซับซ้อนชวนปวดหัวมากกว่านั้น

ยังจงฮุน (รับบทโดย คิมมยองมิน) มาถึงที่เกิดเหตุ หลังจากสำรวจตรวจสอบจนทั่วห้อง เขาพบองค์ประกอบหลายอย่างชวนให้สงสัยว่านี่อาจไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่มันเป็นการฆาตกรรม !

มีนาคม 2020 …

ยังจงฮุนเป็นอาจารย์สอนกฎหมายอยู่ที่โรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัยฮันกุก ที่นั่นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อฮันจุนฮวี (รับบทโดย คิมบอม) เป็นนักเรียนกฎหมายระดับหัวกะทิ เขาได้เนติบัณฑิตสองรอบ แต่สิ่งที่เป็นจุดสังเกตคือ เขาเป็นคนที่ยึดถือกฎหมายตามตัวอักษรโดยไม่ใช้การตีความ

คังซอลบีเป็นนักเรียนหญิงที่เก่งมุ่งมั่น มีอีโก้จัด แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบขี้หน้าของคังซอลอา (รับบทโดย รยูฮเยยอง) สักเท่าไร ถ้าไม่นับที่ชื่อเหมือนกัน คังซอลอาแทบไม่มีอะไรที่เหมือนคังซอลบีเลย ว่าที่จริงเธอเป็นนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือก ให้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนกฎหมายชั้นแนวหน้าแห่งนี้ราวปาฏิหาริย์ ด้วยเหตุผลที่ว่ายังจงฮุนเห็นความมุ่งมั่นของเธอที่จะเป็นนักกฎหมาย จากการที่เธอเคยถูกกฎหมายเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม แต่ปัญหาของเธอก็คือ เพื่อนรอบ ๆ ตัวเธอล้วนแล้วแต่มีหัวที่ฉลาดระดับเฟิร์สคลาส และมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอราวฟ้ากับเหว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคังซอลอาจะมีปัญหาเรื่องการเรียน แต่ยังจงฮุนก็ยังพยายามให้การสนับสนุน เพราะเป้าหมายของเขาคือการผลิตนักกฎหมายที่เที่ยงตรง ไม่ใช่นักกฎหมายประเภทหัวหมอตีความเข้าข้างตัวเองอย่างซอบยองจู !

ทีนี้ เรื่องราวก็จะพูดถึงความขัดแย้งในอดีตระหว่างยังจงฮุนกับซอบยองจูในอดีต ในตอนนั้นทั้งคู่เป็นอัยการ ยังจงฮุนทำคดีการรับสินบนของซอบยองจู แต่ด้วยเทคนิคในการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายที่ซอบยองจูวางเอาไว้ตั้งแต่ต้น ทำให้เขารอดจากความผิดไปได้ ทำให้ยังจงฮุนออกจากการเป็นอัยการ

ตัดมาที่อดีตผู้พิพากษาคิมอึนซุก ซึ่งกำลังต้องครรภ์ใกล้คลอด (ตั้งครรภ์ตอนอายุใกล้เลข 5 ???) เธอเป็นอาจารย์สอนกฎหมายแพ่ง ขณะที่กำลังสอนอยู่นั้น อดีตนักโทษอีมันโฮก็เข้ามานั่งฟังการสอนของเธอในคลาส อีมันโฮเป็นจำเลยที่คิมอึนซุกเคยตัดสินให้จำคุก 5 ปี (เมื่อปี 2008) เขามาที่คลาสพร้อมทั้งประกาศจะฟ้องคนที่คอมเมนต์ด่าเขาในเน็ต

จากนั้นคิมอึนซุกก็มีเลือดไหลออกมาเปรอะเต็มขาของเธอ นักเรียนจึงโทร. เรียกรถฉุกเฉินเพื่อนำเธอไปส่งโรงพยาบาล

กลับมาที่ ตุลาคม 2020 …

ผลการชันสูตรออกมาแล้ว ปรากฏว่าซอบยองจูถูกฆาตกรรม ส่วนสาเหตุการตายเกิดจากการเสพยาเกินขนาด พบเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) ในส่วนผสมของน้ำตาล แล้วผู้ที่ถูกตำรวจจับไปก็คือยังจงฮุน ในข้อหาฆาตกรรมซอบยองจู

ในตอนท้าย ซีรีส์แสดงภาพแฟลชแบ็กในอดีต ยังจงฮุนกำลังบังคับซอบยองจูให้ดื่มกาแฟ แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรต้องติดตามตอนต่อไป …

EP.2 กลับตาลปัตร

ยังจงฮุนถูกตำรวจควบคุมตัว ระหว่างที่เขาถูกสอบปากคำ ตำรวจได้นำเสนอหลักฐานที่ชี้มาที่ตัวเขา ซึ่งหลักฐานที่มีทั้งหมดก็เพียงพอที่จะขอศาลออกหมายขัง

ต่อมาตำรวจได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือยังจงฮุน ก็พบคลิปการขับชนแล้วหนีเมื่อปี 2008 ซึ่งเมื่อเช็กเลขทะเบียนก็พบว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถของซอบยองจู หรือตอนนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าอัยการ อีกทั้งเป็นคดีเดียวในชีวิตการทำงานเป็นอัยการของยังจงฮุนที่ไม่สามารถปิดคดีได้ ประกอบกับคดีสินบนของซอบยองจูที่ทำให้ทั้งสองบาดหมางกัน จนยังจงฮุนออกจากอัยการ ตำรวจจึงโยงว่าเหตุดังกล่าวนี้เป็นแรงจูงใจให้เขาลงมือฆ่า อย่างไรก็ตาม แม้หลักฐานดูจะแน่นหนาระดับหนึ่งแต่ยังจงฮุนก็ไม่แต่งตั้งทนาย แต่กลับใช้ทนายที่รัฐจัดหาให้

ขั้นตอนสุดท้ายก่อนอัยการจะส่งฟ้องยังจงฮุน คือการพาตัวไปทำแผนที่โรงเรียนกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์จริง ๆ ก็คือ ในตอนนั้นซอบยองจูจะมีภาวะขาดน้ำตาล ยังจงฮุนจึงได้เอาถุงที่เข้าใจว่าเป็นน้ำตาลเทใส่ในแก้วกาแฟ แล้วเอาแก้วกาแฟให้ซอบยองจูดื่ม (เฉลยฉากปิดใน EP.1)

ระหว่างนั้น ยังจงฮุนเกิดไปเห็นเศษแว่นของโปรเฟสเซอร์ซอตกอยู่ที่บันได ทำให้ความจริงเปิดเผยออกมาว่า ฮันจุนฮวีคือคนที่ผลักซอบยองตกบันได !

เพราะแท้ที่จริงแล้ว ฮันจุนฮวีเป็นหลานของซอบยองจู ซึ่งก่อนหน้านี้น้าหลานคู่นี้ก็มีความสัมพันธ์อันดี มาจนกระทั่งซอบยองขูได้ถูกฟ้องคดีเรื่องการรับสินบน แต่สุดท้ายศาลพิพากษาว่าเขาไม่มีความผิด ด้วยอาศัยเทคนิคในการใช้ช่องว่างของกฎหมาย นับแต่นั้นฮันจุนฮวีก็ไม่ถูกกับน้าของเขา (ประมาณว่าฮันจุนฮวีเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการของกฎหมาย) ยิ่งเมื่อเขาตั้งข้อสันนิษฐานว่า มหาวิทยาลัยฮันกุกรับน้าของเขาเข้ามาเป็นอาจารย์เพราะให้เงินบริจาค ฮันจุนฮวีจึงประกาศล่ารายชื่อเพื่อนนักเรียนเพื่อต่อต้านซอบยองจู

ณ จุดนี้ ผู้ต้องสงสัยเปลี่ยนไปเป็นฮันจุนฮวี !

EP.3 แว่นตาที่หายไป

ยังจงฮุนยืนยันว่า สิ่งที่เขาใส่ในกาแฟให้ซอบยองจูดื่มไม่ใช่เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) แต่มันเป็นน้ำตาล เนื่องจากตอนนั้นซอบยองจูมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนเกิดอาการช็อก ส่วนเมทฯ เขาได้ฉีกถุงแล้วเททิ้งลงในอ่างล้างมือ แต่ถุงมันไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว !!?

ยังจงฮุนพยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเขาก็บังเอิญพบเศษแว่นของโปรเฟสเซอร์ซอตกอยู่บริเวณบันได ตอนที่โปรเฟสเซอร์ซอโดนคนผลักจนกลิ้งตกบันได มันทำให้ยังจงฮุนรู้ว่าฮันจุนฮวีเป็นคนผลักโปรเฟสเซอร์ซอ !

ยังจงฮุนหันไปที่ฮันจุนฮวีพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าตกใจว่า “เธอเองเหรอ ที่เป็นคนทำ !!?”

จากนั้น ยังจงฮุนขอให้มีการชันสูตรพลิกศพอีกรอบ โดยให้เหตุผลว่า “วันนั้นซอบยองจูสวมแว่นตาไร้ขอบ แต่หลังจากนั้นแว่นตาก็เปลี่ยนไป …” และในวันเกิดเหตุซอบยองจูบอกว่าเขาปวดหัวอย่างรุนแรง

ต่อมา มีการพบแว่นตาของซอบยองจูที่ฮันจุนฮวีเอาไปซ่อนไว้

ระหว่างนั้นได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อยังจงฮุนถูกนักโทษที่โกรธแค้นเขาแทงในเรือนจำ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ปัญหาก็คือ เขาเสียเลือดไปมาก และกรุ๊ปเลือดของเขาเป็นเลือดกรุ๊ป RHO ที่หายากมาก !

ณ จุดนี้ เลือดกรุ๊ปหายากนี้เกิดไปตรงกับของอีมันโฮ ซึ่งฮันจุนฮวีบอกกับเขาว่า “ไม่ต้องไปถ่ายเลือดให้ยังจงฮุน !!!”

EP.4 97 คะแนน

อีมันโฮไม่ได้ทำตามที่ฮันจุนฮวีสั่ง เขาไปให้เลือดเพื่อช่วยชีวิตยังจงฮุน

เมื่อยังจงฮุนอาการดีขึ้นพอที่จะอ่านหนังสือได้แล้ว เขาได้อ่านรายงานการชันสูตรพลิกศพครั้งที่สอง ซึ่งก็ยังไม่สามารถฟันธงสาเหตุการเสียชีวิตของซอบยองจูได้ อาจจะเพราะได้รับยาเกินขนาด หรืออาจจะเป็นจากการตกบันไดแล้วทำให้เลือดคลั่งในสมอง

ภรรยาของซอบยองจูร้องไห้หลังจากตบหน้าฮันจุนฮวีไปหลายฉาด เธออยากรู้ว่าทำไมเขาถึงฆ่าน้าชายตัวเองได้ลงคอ ซึ่งหลักฐานต่าง ๆ เริ่มมีน้ำหนักชี้ไปที่เขามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังจงฮุนก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยเช่นกัน

ในที่สุด ยังจงฮุนก็ได้รับการปล่อยตัว เขาตัดสินใจที่จะฟ้องอัยการจินฮยองอูในข้อหาถามหาเขาด้วยข้อความอันเป็นเท็จ (ฮันจุนฮวีมีส่วนช่วยให้ยังจงฮุนไดรับการปล่อยตัว)

อีมันโฮติดต่อหายังจงฮุนเพื่อบอกกับเขาว่าเป็นคนบริจาคเลือด และเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้

ซีรีส์แสดงภาพเหตุการณ์ขณะที่ซอบยองจูกำลังแย่งโทรศัพท์ของฮันจุนฮวี จนทำให้เขาพลาดตกบันได ภาพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใบหน้าของซอบยองจูกระแทกเข้ากับบันไดอย่างแรง

ซอบยองจูพยายามพยุงตัวขึ้นมา ขณะที่ฮันจุนฮวีกำลังโทร. แจ้งเหตุ ซึ่งซอบยองจูบอกว่าเขาไม่เป็นไรและไม่ยอมไปหาหมอ และเหตุการณ์นี้ก็เป็นการเฉลยว่าทำไมซอบยองจูถึงมีอาการปวดหัวระหว่างคลาสพิจารณาคดีจำลอง

เมื่อผลการสอบออกมา ปรากฏว่าคังซอลอาได้คะแนนสูงถึง 97 คะแนน ! และจริง ๆ แล้วเธอน่าจะได้ 100 คะแนนเต็มถ้าเธอส่งมันเร็วกว่านี้ ซึ่งซอลบีได้ที่สอง ซึ่งมันทำให้แม่ของซอลบีโกรธมาก

ข่าวร้ายเพิ่มเติมเข้ามาในขณะที่อัยการจินกลับมาเป็นของตัวเองเพราะหยางพูดนอกสายในช่วงต้นวันนี้ เขายืนยันว่าตอนนี้ทั้งยางและจุนฮวีกำลังจะยืนหยัดในฐานะผู้กระทำความผิดร่วมกันในคดีฆาตกรรม ด้านหลังจุนฮวียื่นจดหมายลาออก

ต่อมา อัยการจินฮยองอูได้ออกมาให้ข่าวว่า ยังจงฮุนและฮันจุนฮวีเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม … ฮันจุนฮวียื่นจดหมายลาออก ส่วนยังจงฮุนก็โดนให้ออกจากการเป็นอาจารย์

EP.5 ละเมิดกฎหมายเข้าโรงเรียนกฎหมาย

คนที่เอาโน้ตบุ๊กของยังจงฮุนไปก็คือคังซอลบี (การที่โน้ตบุ๊กของเขาหายไปทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกจับเข้าเรือนจำ) ต่อมารองคณบดีคังได้สั่งให้คนยึดโน้ตบุ๊กของคังซอลบี เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอใช้โน้ตบุ๊กในคลาสที่เขาสอน

เมื่อรองคณบดีคังเปิดโน้ตบุ๊กดูก็พบว่า ที่แท้แล้วคนที่ขโมยโน้ตบุ๊กของยังจงฮุนก็คือคังซอลบี คำถามคือ ทำไมรองคณบดีคังถึงช่วยคังซอลบีปกปิดเรื่องโน้ตบุ๊ก ? ก็เพราะว่าเขาคือพ่อแท้ ๆ ของคังซอลบีนั่นเอง !

จากนั้นภาพก็เผยเรื่องราวของคังซอลบีในวันที่ซอบยองจูเสียชีวิต จริง ๆ แล้วเธอเห็นซองน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะในห้องของซอบยองจู แต่เธอให้การโกหกตำรวจโดยอ้างว่าเธอไม่เห็น เพื่อปรักปรำยังจงยุน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเธอต้องการปกป้องรองคณบดีคังซึ่งเป็นพ่อของเธอ เพราะซองน้ำตาลนั่นเป็นยี่ห้อที่พ่อของเธอใช้

เพราะอะไรคังซอลบีต้องปรักปรำและขโมยโน้ตบุ๊กของยังจงฮุน นั่นก็เพราะว่า ยังจงฮุนตรวจพบว่า คังซอลบีคัดลอกวิทยานิพนธ์ของซอบยองจูสมัยเรียนที่ฮาร์วาร์ดแบบแปลมาแทบจะทั้งดุ้น ซึ่งแม่ของเธอเป็นคนสั่งให้เธอทำ ว่าที่จริงยังจงฮุนมองไปไกลกว่าแค่การลอกวิทยานิพนธ์ แต่มันเป็นการขัดต่อกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์

ที่หอพักมหาวิทยาลัย คังซอลบีกับคังซอลอาเป็นรูมเมตกัน แม่ของคังซอลบีมาที่ห้องแล้วหัวเสียโวยวายเรื่องการเรียนที่ตกต่ำของเธอ อีกทั้งพยายามบีบให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้าน ในตอนแรกคังซอลบีไม่ยอม แต่แม่ของเธอก็ใช้ท่าไม้ตาย คือ การกรอกยาตัวเอง ในที่สุด คังซอลบีก็ต้องยอมอย่างเสียไม่ได้ และซีรีส์ก็ฉายภาพต่าง ๆ ทำให้เราได้รู้ว่าแม่ของเธอเลี้ยงลูกด้วยความกดดันที่จะให้เธอโตขึ้นเป็นนักกฎหมายที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากเธอใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตที่จะให้มีคนในครอบครัวเป็นผู้พิพากษา ซึ่งเธอผิดหวังมาแล้วกับผู้เป็นสามี นั่นก็คือรองคณบดีคัง

ด้านคังซอลบีคุยกับพ่อของเธอและบอกว่าเรื่องนี้ต้องช่วยกันปกปิดเพื่อให้ทั้งสองไม่มีความผิด แต่ดูเหมือนว่ารองคณบดีคังมองต่างออกไป เขามองว่าการรับสารภาพคือทางออกที่ควรจะทำ เขาจึงติดต่อหายังจงฮุนเพื่อขอคืนโน้ตบุ๊ก แล้วรองคณบดีก็สารภาพว่าเขาเป็นคนฆ่าซอบยองจู ซึ่งคำรับสารภาพดังกล่าวทำให้ยังจงฮุนประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง ที่ห้องของซอบยองจูก่อนที่เขาจะเสียชีวิต รองคณบดีคังเข้ามาพบเขา เพื่อที่จะคุยเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์วิทยานิพนธ์ที่ซอบยองจูทำเอาไว้สมัยเรียนที่ฮาร์วาร์ด แต่ซอบยองจูไม่ยอม เพราะเขามองว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรง การคัดลอกวิทยานิพนธ์ของเขาเพื่อนำไปส่งเข้าประกวดชิงรางวัล เมื่อได้รางวัลก็เอาผลงานนั้นมาขอรับการคัดเลือกเข้าโรงเรียนกฎหมาย ดังนั้น การละเมิดกฎหมายเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนกฎหมายถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก นั่นหมายความว่าถ้าเรื่องนี้ถูกนำไปพิจารณาคังซอลบีขะหมดอานาคตการเป็นนักกฎหมาย

ระหว่างนั้น ยังจงฮุนโทร. มาหาซอบยองจูพอดี รองคณบดีคังจึงได้เห็นยาไอซ์ที่ซอบยองจูเอาหนังสือวางทับเอาไว้เพื่อซ่อน … ซีรีส์พยายามทำให้เราเชื่อว่ารองคณบดีคังเป็นคนใส่ยาไอซ์ลงไปในกาแฟ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ซอบยองจูเสียชีวิต แต่จริง ๆ แล้วมันจะใช่หรือไม่ ?

EP.6 โอละพ่อ โอละลูก

รองคณบดีคังยอมรับกับยังจงฮุนหน้าตาเฉยว่าเขาเป็นคนเอาซองน้ำตาลและโน้ตบุ๊กไป รวมถึงเป็นคนฆ่าซอบยองจู เขาบอกว่าที่ทำไปก็เพราะให้ตำรวจพุ่งประเด็นไปที่ตัวยังจงฮุน … แต่

ยิ่งรองคณบดีคังพูดมากเท่าไร คำพูดของเขามันก็ขัดกันเอง สร้างข้อพิรุธมากยิ่งขึ้นว่าแท้จริงแล้ว คำรับสารภาพของเขาเป็นเพียงคำโกหก ที่สำคัญที่สุดรองคณบดีคังพบซอบยองจูก่อนยังจงฮุน ดังนั้นเรื่องที่เขาเป็นคนฆ่าโดยการใส่ยาไอซ์ไปในกาแฟจึงเป็นไปไม่ได้

รองคณบดีคังดื่มเซจูจนเมามาย ยังจงฮุนจึงต้องพาไปส่งบ้าน เมื่อมาถึงบ้านเขาถึงกับตกใจเมื่อพบคังซอลบีที่นั่น เขาจึงได้รู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นพ่อลูกกัน … หลังจากยังจงฮุนเอาเรื่องราวต่าง ๆ มาต่อจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน โดยใช้เวลาค่อนคืน เขาจึงได้คำตอบอะไรบางอย่างว่า ที่รองคณบดีคังตั้งใจจะยอมรับสารภาพผิดในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ก็เพราะต้องการรับผิดแทนคังซอลบี ผู้เป็นลูกสาว ที่เป็นคนเอาโน้ตบุ๊กไป

แต่จริง ๆ แล้วเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดระหว่าง คังซอลบีกับรองคณบดีคัง เพราะต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนฆ่าซอบยองจู !

พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อคังซอลบีไปเห็นซองน้ำตาลที่โต๊ะของซอบยองจู เธอก็เข้าใจว่าพ่อของเธอไปฆ่าซอบยองจูตามที่เธอเคยบอกเอาไว้ว่า “อยากให้ซอบยองจูหายจากโลกนี้ไป” เพราะเขากำลังจะเอาผิดเรื่องการลอกวิทยานิพนธ์ ส่วนรองคณบดีคังก็คิดว่าลูกสาวตัวเองฆ่าซอบยองจู เพราะเธอขโมยโน้ตบุ๊กของยังจงฮุนไป เรื่องก็มีอยู่เท่านี้

สุดท้ายในวันพิจารณาคดีฆาตกรรมนัดแรกที่มียังจงฮุนเป็นจำเลย เขาได้เรียกรองคณบดีคังมาเป็นพยานจำเลย ในการสืบพยานรองคณบดีคังกำลังจะสารภาพว่าตัวเองเป็นผู้ลงมือฆ่าซอบยองจู แต่ด้วยความช่วยเหลือของยังจงฮุน ทำให้คังซอลบีและคังซอลอาเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน สุดท้ายสองพ่อลูกก็ปรับความเข้าใจกัน ณ จุดนี้ ทั้งสองถึงจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ ว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนฆ่าซอบยองจู ดังนั้น เรื่องทั้งหมดจึงเป็นแค่เรื่อง โอละพ่อ โอละลูก !!!

ทีนี้ เรื่องราวปริศนาก็เกิดขึ้นอีก เมื่อจู่ ๆ อีมันโฮก็เกิดอยากเจอคังทัน ซึ่งเป็นคู่แฝดของคังซอลอาขึ้นมาซะอย่างนั้น เขาให้เหตุผลว่า “เขาต้องการเจอลูกชายของเขา”

ต่อมา ฮันจุนฮวีให้จดหมายที่หน้าซองเขียนว่าคังทันกับคังซอลอา เมื่อเปิดอ่านก็พบว่าจดหมายเขียนถึงยังจงฮุน ซึ่งหลังจากเธอได้เปิดอ่านแล้วจึงไปหายังจงฮุนทันทีเพื่อมอบจดหมายให้ ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีสายเข้าจากบุคคลปริศนา เมื่อยังจงฮุนรับสาย เสียงจากปลายสายจึงพูดขึ้นว่า “ฉันคือคังทัน” !!! เมื่อได้ยินเสียงนั้นทั้งคังซอลอาและยังจงฮุนต่างพากันประหลาดใจ

EP.7 ผู้ต้องสงสัยรายต่อไป

จากตอนที่แล้วที่คังทันโทร. มาหายังจงฮุน ในขณะที่คังซอลอานำเอาจดหมายของคังทันมาให้ยังจงฮุน ทันใดนั้นเอง ซอลอาก็ถือวิสาสะคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อคังทันรู้ว่าปลายสายเป็นซอลอา ซึ่งเป็นน้องสาวของเธอจึงรีบวางสายไป จากนั้นซอลอาก็พยายามถามว่าทำไมคังทันถึงโทร. มา แต่ยังจงฮุนก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวให้ซอลอาได้รู้ เพราะเกรงว่าซอลอาจะรับเรื่องที่ว่าไม่ไหว จนมีผลต่อการสอบเลื่อนชั้นตอนปลายภาค

เมื่อ 4 ปีก่อน คังทันไปช่วยท่านสมาชิกสภาโกหาเสียง ระหว่างนั้นเธอได้ฟ้องร้องสมาชิกสภาโกว่าทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ซึ่งอัยการที่ทำคดีก็คือยังจงฮุน ต่อมาเธอก็ยอมรับเงินเพื่อยุติเรื่อง และหายตัวไป … เรื่องของคังทันในตอนนี้มีเท่านี้

ขณะเดียวกันนั้น จุนฮวีได้ข้อมูลจากจีโฮเกี่ยวกับสิ่งที่ซอบยองจูทำในอดีต ทำให้จุนฮวีได้รู้ว่า วีรกรรมที่ซอบยองจูได้ทำไว้ในอดีตไม่ได้มีเพียงแค่ขับรถชนเด็กจนตายแล้วหนีเท่านั้น เขายังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พ่อของจีโฮต้องฆ่าตัวตาย โดยการนำเรื่องในสำนวนการฟ้องไปเปิดเผยให้นักข่าว (แต่ความจริง อัยการจินฮยองอูเป็นคนเอาไปบอกนักข่าว)

ยิ่งไปกว่านั้น จุนฮวียังได้ฟังคลิปเสียงของซอบยองจูที่จีโฮบันทึกเอาไว้ด้วย ซึ่งระบุว่าซอบยองจูคือพ่อของจุนฮวี ไม่ใช่น้าอย่างที่เข้าใจมาตลอด !

ตัดมาที่เยซึล ในตอนนี้เราได้รู้ว่าแฟนหนุ่มจอมโมโหร้ายของเธอชื่อยงชาง เขาเป็นลูกชายของท่านสมาชิกสภาโก … ซึ่งต่อมาซอลอาได้ค้นพบกล้องแอบถ่ายที่ยงชางแอบติดตั้งเอาไว้ในนาฬิกาปลุกที่อยู่ในห้องของเยซึล

ในช่วงสุดท้าย เป็นการไต่สวนคดีนัดที่สองของยังจงฮุน ซึ่งเขาขอเป็นผู้ซักค้านพยานด้วยตัวเอง โดยพยานจำเลยก็คือจีโฮ ซึ่งเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่พ่อของเขาฆ่าตัวตายโดยการเผาตัวเอง จีโฮเชื่อว่าซอบยองจูนำเอาเรื่องสำนวนการฟ้องที่ระบุว่า มีสารพิษในระดับที่อันตรายในของเล่นของบริษัทผลิตของเล่นที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของ ข่าวดังกล่าวส่งผลรุนแรงทำให้บริษัทล้มละลาย แม้ภายหลังจะพบว่าไม่มีสารพิษในของเล่นตามคำฟ้อง แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

ยังจงฮุนถามจีโฮว่า จากแรงจูงใจดังกล่าวสามารถเป็นเหตุให้ลงมือฆ่าซอบยองจูได้หรือไม่ ? จีโฮตอบว่า “ไม่ เพราะซอบยองจูติดยาเสพติดซึ่งก็ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ดังนั้น ผมไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา”

ในฉากปิด ซีรีส์ได้ย้อนกลับไปในวันที่ซอบยองจูตาย ขณะนั้นซึงแจกำลังแอบอยู่ในตู้ภายในห้องทำงานของยังจงฮุน

EP.8 พยานปากเอก

ต่อเนื่องในศาลกับการพิจารณาคดีนัดที่สอง ในคดีฆาตกรรมซอบยองจูที่มียังจงฮุนเป็นจำเลย … ยังจงฮุนกล่าวในศาลว่า เขายังเชื่อเช่นเดิมว่าการตายของซอบยองจูเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ดูเหมือนว่าผู้ที่มาฟังการพิจารณาคดีจำนวนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับเขาเท่าไร

พยานคนต่อมาคืออีมันโฮ เขากล่าวอ้างถึงหลักฐานชิ้นสำคัญ นั่นก็คือกำไลอีเอ็มที่ติดอยู่ที่ข้อเท้าของยังจงฮุน ประเด็นก็คือเมื่อไรก็ตามที่แบตเตอรี่หมด เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์จะโทร. มาจิกจนกว่ากำไลอีเอ็มจะกลับมาใช้ได้เป็นปกติ ซึ่งตรงจุดนี้สามารถเป็นพยานที่อยู่ให้กับยังจงฮุนได้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าทนายของเขาจะปล่อยผ่านไปแบบงง ๆ

ทีนี้ มีการเปิดเผยพยานโจทก์คนใหม่ ที่ระบุว่าเป็นคนเห็นยังจงฮุนฆ่าซอบยองจู พยานคนนี้ถูกเก็บเป็นความลับจนกระทั่งถึงวันสืบพยาน … จะใช้ซึงแจหรือไม่ ? และจะเป็นคำให้การเท็จหรือเปล่า ?

ระหว่างนั้น ยงชาง แฟนหนุ่มเลือดร้อนของเยซึลก็มาเตี้ยมเรื่องราวที่จะนำไปขึ้นให้การ เขาสัญญาว่าถ้าช่วยเขาส่งยังจงฮุนเข้าคุก เขาจะแต่งงานกับเธอ เยซึลช็อกกับสิ่งที่ยงชางพยายามบังคับให้เธอทำ

ตัดกลับมาในวันเกิดเหตุอีกครั้ง ยังจงฮุนสงสัยว่ามีคนแอบอยู่ในตู้ภายในห้องทำงานของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอะใจที่จะเปิดมัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าซึงแจคือคนที่ไปเปิดโน้ตบุ๊กของยังจงฮุน

หลังจากตะบี้ตะบันอ่านหนังสือจนถ้าไม่ได้หลับไม่ได้นอน เมื่อถึงเวลาสอบ ซอลอาวิงเวียนและมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ในขณะที่เธอกำลังเสียการทรงตัว จู่ ๆ เธอก็เป็นลมล้มพับไป เมื่อซอลอาฟื้นตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพยาบาล โดยมีซึงแจคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง โชคดีที่เธอสลบหลังจากสอบแล้ว

แล้วพยานปากเอกก็ปรากฏกายขึ้นมา นั่นคือเยซึล ซึ่งเธอกำลังซักซ้อมคำให้การว่าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับถ้วยกาแฟ แน่นอนว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของยังชาง ความน่าเชื่อถือจึงต่ำมากหรือแทบไม่มีเลย

เพื่อการพิจารณาคดีนัดที่สามมาถึง เยซึลรู้สึกประหม่า ผู้พิพากษาจึงอนุญาตให้เธอกินยาคลายเครียด ยังจงฮุนก็พยายามช่วยให้เธอรู้สึกโอเคขึ้น ด้วยการให้เธอสวมแว่นกันแดด

เยซึลให้การว่าเธอเห็นยังจงฮุนและยาไอซ์ แต่ในที่สุดเธอก็ขอกลับคำให้การ แล้วยอมรับว่าเธอถูกบังคับให้พูดปรักปรำยังจงฮุน

ยังชางเดินออกจากห้องพิจารณาคดีไปด้วยความโกรธ ต่อมาเขาจึงเรียกให้เธอมาหา เขาตัดสินใจจะนำเอาคลิปลับส่วนตัวของเยซึลโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตเพื่อลงโทษ ทั้งสองแย่งโทรศัพท์กัน เยซึลผลักเขาจากด้านหลังทำให้ยังชางเสียหลัก ล้มลงหัวฟาดพื้นแล้วสลบไป

ขณะที่เลือดไหลออกมาเป็นทาง เยซึลกำลังโทร. หาซอลอา ทันใดนั้นยังจงฮุนก็แย่งโทรศัพท์ไปจากเธอ

EP.9 พิจารณาคดีโดยระบบลูกขุน

หลังจากที่เยซึลผลักแฟนหนุ่มจอมหัวร้อนของเธอจนหัวฟาดเลือดไหลเป็นทาง ด้วยความตกใจเธอจึงโทร. ไปหาซอลอา แต่ยังไม่ทันที่ซอลอาจะรับสาย ยังจงฮุนก็มาดึงโทรศัพท์ไปจากมือของเยซึลเสียก่อน และสิ่งแรกที่เขาทำคือการโทร. เรียกรถพยาบาล

ที่โรงพยาบาล เยซึลนอนอยู่บนเตียง ในขณะที่ยองชางต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ท่านสมาชิกสภาโกจึงตรงปรี่เข้ามาหาเยซึลที่นอนอยู่บนเตียง และทำท่าง้างมือจะตบหน้าของเธอ แต่จุนฮวีมาห้ามเอาไว้ จากนั้นตำรวจ (คนเดียวกับที่จับยังจงฮุน) ได้เข้ามาเตรียมจะจับกุมตัวเยซึล

ทันใดนั้นเอง ยังจงฮุนก็เข้ามาขวางการจับกุม พร้อมกับเดินไปกระซิบข้างหูของท่านสมาชิกสภาโกว่า “เธอก็เป็นเหยื่ออาชญากรรมที่ลูกชายท่านเป็นคนก่อเช่นกัน ถ้าเธอถูกจับตัวไป เธอจะต้องให้การเรื่องที่ยองชางแอบถ่ายคลิปอนาจารเอาไว้ และกำลังจะไปปล่อยในอินเทอร์เน็ต สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายเสียก็คือตัวท่านสมาชิกสภาเอง” เมื่อรู้ความเช่นนั้น ท่านสมาชิกสภาโกจำต้องยอมปล่อยเยซึลไป

ซึ่งต่อมายองชางได้สติ แต่แขนข้างหนึ่งขยับเขยื้อนไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัด … ส่วนเยซึลโดนฟ้องร้องในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่สมาชิกสภาโกต้องการให้ตั้งข้อหาพยายามฆ่า แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก

แน่นอนแม้ถ้ามองตามข้อเท็จจริง เยซึลเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่เธอก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เธอจึงเดินทางไปขอโทษยองชางที่โรงพยาบาล ด้วยการคุกเข่าขอโทษจากใจจริง แต่ยองชางก็คือยองชางเขาไม่ยอมยกโทษให้

ขณะที่การฟ้องร้องเยซึลดำเนินไป แต่ไม่มีทนายความคนไหนยอมรับว่าความให้กับเธอเลยสักคนเดียว เพราะกลัวอิทธิพลของสมาชิกสภาโก แม้ทุก ๆ คนรวมถึงอึนซิกจะพยายามอย่างที่สุดแล้วก็ตาม และแม้แต่ทนายของรัฐที่ศาลจัดหาให้ก็ยังลาออกกลางคัน

ย้อนกลับไปตอนที่อาจารย์อึนซอกตกเลือดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้เราได้รู้ว่า ซึงแจเคยเรียนหมอมาก่อนและมีภรรยาที่เป็นสูตินรีแพทย์เช่นเดียวกัน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจมาเรียนด้านกฎหมาย

ในขณะที่อึนซอกนินแอดมิตเพื่อดูอาการ โน้ตบุ๊กวินโดวส์ของเธอก็เกิดจอฟ้า (หรือเออเร่อมรณะขึ้นมา) ซึงแจเลยจัดการดูแลให้ ซึ่งทำให้เขาได้เห็นข้อสอบปลายภาควิชากฎหมายกฎหมายแพ่ง ที่อยู่ในโน้ตบุ๊กของอึนซอก แน่นอนว่าเขาเปิดมันดูและใช้มันในการโกงการสอบ !

อย่างไรก็ตาม เซนส์ของอึนซอกก็ทำให้เธอรู้สึกสงสัยคะแนนสอบของซึงแจที่เขาได้คะแนนดีมาก ๆ ดีแบบเพอร์เฟกต์ อึนซอกจึงเอาเรื่องนี้ไปคุยกับยังจงฮุน ซึ่งต่อมาทำให้เราเข้าใจได้ว่า เมื่อเขาแฮ็กเข้าโน้ตบุ๊กของอึนซอกแล้ว เขาจึงต้องแฮกเข้าโน้ตบุ๊กของอาจารย์คนอื่น ๆ ด้วย เพื่อที่จะทำให้คะแนนในทุกวิชามีความสมดุลกัน (คือทำให้ได้คะแนนสูงทุกวิชา) … แต่พอมาถึงข้อสอบปัจจุบัน ซึงแจกับเลือกที่จะส่งกระดาษเปล่า

ทีนี้ ยังจงฮุนจึงเอาเรื่องต่าง ๆ มาต่อจิ๊กซอว์กัน ทำให้เขารู้ว่าซึงแจซ่อนอยู่ในตู้ในห้องทำงานของเขาในวันเกิดเหตุ ซึ่งซึงแจสามารถเป็นพยานในการยืนยันถิ่นที่อยู่ของเขาได้ … แต่การทำให้ซึงแจเป็นพยานให้ในชั้นศาลมันซับซ้อนกว่านั้นมาก เพราะเท่ากับเขาต้องยอมรับเรื่องการแฮ็กและการโกงข้อสอบ ซึ่งมีโทษร้ายแรง

มาถึงวันพิจารณาคดีนัดที่สี่ของยังจงฮุนในข้อหาฆาตกรรมซอบยองจู ในวันนี้อัยการจินมีหลักฐานเด็ดที่ทำเอายังจงฮุนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชัดเจน นั่นคือหลักฐานจากเครื่องวัดระดับน้ำตาลของซอบยองจูที่บอกว่า ระดับน้ำตาลของเขาเป็นปรกติ ซึ่งขัดต่อคำให้การของยังจงฮุนที่ระบุว่าซอบยองจูอยู่ในภาวะช็อกจากการขาดน้ำตาล และเขาได้ใส่น้ำตาลลงไปในแก้วกาแฟเพื่อให้ซอบยองจูดื่ม ไม่ใช่ยาไอซ์ แต่ก็นั่นแหละมันขัดกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ !

เรื่องราวดำเนินไป จนมาถึงวันพิจารณาคดีนัดแรกที่เยซึลเป็นจำเลย ขณะที่ทุกคนมาพร้อมตามเวลานัดศาล หากแต่ขาดเพียงหนึ่งคน นั่นก็คือฝ่ายทนายจำเลย เยซึลได้แต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิด

ผ่านไปพักใหญ่ จนศาลถามเยซึลว่าทนายจะมาเมื่อไร ? ทันใดนั้นเอง ยังจงฮุนจึงได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะทนายจำเลย พร้อมแถลงต่อศาลขอใช้ระบบลูกขุนในการตัดสินคดีนี้ !!?

EP.10 เฟกนิวส์ ข่าวปลอม

ในวันพิจารณาคดีนัดแรกที่เยซึลตกเป็นจำเลยในคดีทำร้ายร่างกายยงชางจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ทุกคนมาพร้อมตามเวลานัดของศาล หากแต่ขาดเพียงหนึ่งคน นั่นก็คือฝ่ายทนายจำเลย เยซึลได้แต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิด และรับสภาพในสถานการณ์ที่ไม่มีทนายคนไหนยอมว่าความให้ เพราะไม่มีใครอยากมีเรื่องกับท่านสมาชิกสภาโกโดยไม่จำเป็น

เลยเวลานัดของศาลไปพักใหญ่ จนศาลถามเยซึลว่าทนายจะมาเมื่อไร ? ทันใดนั้นเอง ยังจงฮุนจึงได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะทนายจำเลย พร้อมแถลงต่อศาลขอใช้ระบบลูกขุนในการตัดสินคดีนี้ ! ทำให้เกิดการโต้แย้งกันยกใหญ่ระหว่างยังจงฮุนกับอัยการ … ส่วนข้อต่อสู้ที่หยิบยกมาใช้ในคดีนี้คือ เป็นการป้องกันตัว

ทีนี้ ปัญหาก็คือถ้าจะต่อสู้ด้วยการป้องกันตัว เยซึลต้องฟ้องยงชางกลับด้วย เพื่อทำให้ข้อต่อสู้เรื่องการป้องกันตัวมีน้ำหนัก แต่เธอรู้สึกผิดที่ทำให้ยงชางอาจต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต เธอจึงเลือกที่จะไม่ฟ้อง นั่นหมายความว่าโอกาสชนะคดีจะน้อยลง ซึ่งยังจงฮุนไม่พอใจที่การเป็นทนายความครั้งแรกของเขาจะต้องจบลงด้วยการแพ้คดี

ตัดภาพมาที่ซอลอากำลังนั่งดื่มบางอย่างที่อยู่ในขวดน้ำเปล่าไม่หยุด จุนฮวีนั่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้รู้ว่าที่แท้แล้วมันไม่ใช่น้ำเปล่าแต่เป็นโซจู ซอลอาเล่าเรื่องเกรดของเธอที่ผ่านได้อย่างเฉียดฉิว 2.1 เธอเล่าไปด้วยอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด อีกพักหนึ่งเธอก็เมาพับไป

ข้ามไปที่การพิจารณาคดีการคัดลอกผลงานของซอลบี ซึ่งเธอยืนยันเสียงแข็งถึงความบริสุทธิ์ของเธอ โดยเธอได้อ้างอิงถึงจีโฮซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมต้น ว่าสามารถยืนยันได้ว่าเห็นเธอเขียนผลงานชิ้นนั้นขึ้นมาเอง … ดูเหมือนว่าข้อแก้ตัวต่าง ๆ ที่ซอลบีเตรียมมาจะฟังดูแล้วมีเหตุมีผล

กลับมาที่ห้องของยังจงฮุน … ซอลอาทะเล่อทะล่าเข้าห้องมาด้วยท่าทางรีบร้อน เธอบอกว่าสมาชิกสภาโกเป็นคนอันตราย คราวนี้เขามีทนายใหญ่หนุนหลังมากมายเพื่อสร้างข่าวปลอมในการจัดการเยซึล คล้าย ๆ กับเมื่ออดีตที่เขาเคยจ่ายเงินปิดปากคังทันจะเกิดขึ้นอีกครั้งในตอนนี้ ซอลอาขอร้องให้ยังจงฮุนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เธอว่ามาทั้งหมด

ในระหว่างนั้นเอง เยซึลได้นำหลักฐานการตรวจร่างกาย พร้อมด้วยคลิปเสียงต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ายงชางทำร้ายร่างกายเธอเป็นประจำระหว่างช่วงเวลาที่คบกันมา 3 ปี

มาถึงวันพิจารณาคดีนัดสุดท้ายของยังจงฮุน ก่อนจะถึงเวลานัด ซึงแจได้ฝาก USB Drive ให้กับเยซึลเพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี เพราะเขาไม่กล้าจะขึ้นเป็นพยานด้วยตัวเอง แต่ระหว่างทาง เยซึลถูกมอเตอร์ไซค์ปริศนากระชากเอากระเป๋าไปเสียก่อน

ในห้องพิจารณาคดี ประเด็นที่ยังจงฮุนเสียเปรียบมาก ๆ เลยก็คือหลักฐานจากอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาล ที่เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ยากจะลบล้างได้ แต่ก็ให้บังเอิ๊นบังเอิญว่า จุนฮวีได้เกิดไปเจอสมุดบันทึกระดับน้ำตาลที่เขียนด้วยลายมือของซอบยองจูเข้าซะอย่างนั้น จึงมาใช้เป็นหลักฐานหักล้างได้

ในตอนท้ายอีมันโฮนั่งแท็กซี่มายังจุดนัดหมายอย่างรีบเร่ง พร้อมกับโทร. บอกปลายสายว่า “ผมมาถึงแล้ว” ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ยังจงฮุนก็นั่งแท็กซี่มายังที่หนึ่งด้วยท่าทางรีบร้อนเช่นกัน เขาพูดกับปลายสายว่า “ผมมาถึงแล้ว”

EP.11 การพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน

ในตอนจบของตอนที่แล้วที่ปิดฉากด้วยยังจงฮุนกับอีมันโฮนัดเจอใครบางคน ซึ่งการตัดภาพหลอกให้เราเข้าใจว่าทั้งสองถูกนัดมายังสถานที่เดียวกัน แต่สุดท้ายเราก็ได้รู้พวกเขาไปกันคนละที่ …

ยังจงฮุนไปเอาหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการฆ่าซอบยองจู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปหามาจากไหน ส่วนมันโฮก็ไม่รู้ไปพบใคร แต่รู้ว่าไปพบเรื่องลูกชายที่เขาต้องการเจอตัว แล้วก็ได้รูปลูกชายของเขามาหนึ่งใบ ทั้งหมดก็มีอยู่แค่นั้น

แล้วเรื่องก็เริ่มดำเนินไปเรื่อย ๆ เป็นการเข้าฝึกงานของเด็ก ๆ ที่น่าสังเกตก็คือ แต่ละคนได้เข้าไปฝึกงานกับฝ่ายตรงข้ามของยังจงฮุนทั้งสิ้น เช่น จุนฮวีก็ได้ไปฝึกงานกับอัยการโจ ที่เป็นเจ้าของคดีฆาตกรรมซอบยองจู ซอลอากับซอลบีก็ได้ฝึกงานกับสมาชิกสภาโก ส่วนจีโฮก็ฝึกงานกับสำนักงานกฎหมายที่ทำคดีของเยซึล

แต่ในส่วนของซอลอา จริง ๆ แล้วสมาชิกสภาโกจะไม่ยอมรับเธอให้เข้าฝึกงาน ถ้าไม่นับเรื่องเกรดที่ผ่านแบบคาบเส้น ก็ยังมีเรื่องก่อนหน้านี้ที่เธอพูดจาไม่ดีใส่เขา แต่เพราะอึนซอกที่ให้ร่างกฎหมายการไม่เอาผิดในคดีหมิ่นประมาทถ้าสิ่งนั้นเป็นความจริง ที่ตัวเธอเองทุ่มเทร่างมันขึ้นมากับมือกับสมาชิกสภาโก เพื่อแลกกับให้ซอลอาได้ฝึกงาน ซึ่งสมาชิกสภาโกสามารถนำร่างกฎหมายฉบับนี้ไปใช้ในการเรียกคะแนนนิยม

สมาชิกสภาโกจัดแถลงข่าวเรื่องกฎหมายไม่เอาผิดในข้อหาหมิ่นประมาทถ้าสิ่งนั้นเป็นความจริง เขาใช้วิธีการพูดโยงถึงเรื่องที่มันโฮฟ้องร้องหมิ่นประมาทประชาชนที่ด่าเขาในอินเทอร์เน็ตมาสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำให้มันโฮที่เห็นข่าวในทีวีของขึ้นด้วยความโกรธแค้น

ระหว่างนั้น ซึงแจก็เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วเข้ามามอบตัวในคดีแฮ็กคอมพิวเตอร์ของอาจารย์เพื่อเอาข้อมูลข้อสอบ โดยให้เหตุผลว่าต้องการช่วยยังจงฮุนให้พ้นผิด … แต่ที่น่าตลกคือ ยังจงฮุนแทบไม่สนใจการเข้ามอบตัวของซึงแจเลยสักนิด

ตรงจุดนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ซึงแจจะทำลายชีวิตตัวเอง และครอบครัวที่กำลังมีลูกน้อยอยู่ในท้องภรรยาเพื่อยังจงฮุนทำไม ?

ทีนี้ในวันพิจารณาคดีของเยซึล ซึ่งจะต้องคัดเลือกลูกขุนก่อน อยู่ดี ๆ แม่ของซอลอาก็มาสมัครเป็นลูกขุนด้วยซะอย่างนั้น สรุปว่าแม่ของซอลอาได้รับเลือกเป็นหนึ่งในคณะลูกขุน

หลังเสร็จสิ้นการคัดเลือกคณะลูกขุนก็ถึงเวลาการพิจารณาคดี ในตอนนั้นเอง มันโฮมาดักรอสมาชิกสภาโกในห้องน้ำ เขาเข้าไปบีบคอท่านสมาชิกสภาโกที่กำลังยืนอยู่หน้าโถปัสสาวะด้วยความโกรธแค้น ระหว่างนั้นเองยังจงฮุนก็ออกมาจากทำธุระในห้องน้ำ ก็เข้ามาเชียร์ให้มันโฮบีบแรง ๆ จะได้ฆ่าสมาชิกสภาโกให้ตาย

EP.12 ทำไมทำกับผมแบบนี้ ?

อีมันโฮบีบคอท่านสมาชิกสภาโกฮยองซูในห้องน้ำภายในศาล พร้อมกับตะโกนลั่นออกมา “คุณไม่ควรทำแบบนี้กับผม”

จังหวะเดียวกันนั้น ยังจงฮุนก็เข้ามาแล้วก็เชียร์ให้มันโฮบีบให้แรงกว่านี้ “บีบแรงกว่านี้จะได้ตายไปเลย แล้วแกก็จะได้เป็นฆาตกร จากนั้นก็ไปเน่าตายในคุก” ขณะเดียวกันเขาก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แล้วมันโฮก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย

กลับมาที่การพิจารณาคดีของเยซึลต่อ ยังจงฮุนเอาภาพเอกสารและใบรับรองแพทย์ที่เยซึลถูกทำร้ายร่างกายให้คณะลูกขุนได้ดู และยังจงฮุนก็พยายามจะบอกว่า ยองชางเป็นคนทำร้ายเธอ แต่ทว่า อัยการได้ซักหมอซึ่งออกใบรับรองแพทย์ ระบุว่าในวันนั้นยองชางเป็นคนพาเยซึลไป และแจ้งว่าเยซึลซึ่งเป็นแฟนของเขาถูกสต๊อกเกอร์ทำร้าย สรุปคือหมอไม่คิดว่ายองชางจะเป็นคนทำร้ายเธอ

จากนั้นอัยการก็สอนมวยจุนฮวีกับยังจงฮุน ที่ระหว่างการพิจารณาคดีได้แสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจออกมา แถมยังมักจะพูดจาแซะเหน็บแนมออกมาอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อถึงตอนซักจำเลย ด้านอัยการก็งัดเอาจุดสำคัญออกมาใช้นั้นก็คือ จี้คำถามไปว่า “ถ้าจำเลย (เยซึล) ถูกยองชางข่มขืนและทำร้ายร่างกายจริงทำไมถึงไม่ไปแจ้งความ ? เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรง ยิ่งจำเลยเป็นนักเรียนกฎหมายย่อมมีความรู้ด้านกฎหมายดีกว่าคนอื่น อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะเข้าเรียนที่โรงเรียนกฎหมาย จำเลยยังเคยแจ้งความจับเพื่อนนักเรียนที่เป็นสต๊อกเกอร์”

จากนั้น ยังจงฮุนก็เริ่มใช้ศาลเป็นเวทีสอนเยซึลซะอย่างนั้น เขาใช้จิตวิทยาทำให้เยซึลพูดความจริงที่เธอรู้สึกออกมา การที่ไม่ไปแจ้งความเรื่องข่มขืนนั้นเป็นเพราะคนที่ข่มขืนเธอไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นแฟนที่ตัวเองรักและมีแพลนที่จะแต่งงานด้วยกัน … ยังจงฮุนย้ำอีกว่าที่เยซึลไม่แจ้งความเพราะเธอไม่ต้องการมาตอบคำถามแบบนี้ให้คนอื่นได้ยิน

ต่อมา มีการใช้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าคลิปวิดีโอเป็นคลิปที่แอบถ่าย ดังนั้น การพิจารณาคดีจะพุ่งประเด็นไปที่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นการป้องกันตัวเองหรือไม่ … สมาชิกสภาโกโมโหมากที่เรื่องออกมาเป็นแบบนี้

แล้วข่าวที่สมาชิกสภาโกโดนมันโฮทำร้ายก็ถูกนำเสนอ พร้อมกับภาพที่ยังจงฮุนถ่ายเอาไว้ … ผลจากเรื่องนี้ทำให้มันโฮโกรธมาก เขาไปดักรอยังจงฮุนที่บ้านพร้อมกับเข็มฉีดยาเข็มหนึ่ง “ผมเคยให้เลือดเพื่อช่วยชีวิตคุณ แต่ทำไมทำกับผมแบบนี้” …

EP.13 คำพิพากษา

การพิจารณาคดีของเยซึลจบลงแล้ว หลังจากนี้คณะลูกขุนจะทำการตัดสินออกมาว่า การกระทำของเยซึลเป็นการกระทำที่เรียกว่าป้องกันตัวหรือไม่ ซึ่งผลออกมาตามคาดอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า “เป็นการป้องกันตัว”

ตัดมาที่บ้านของยังจงฮุน ซึ่งโดนมันโฮจับมัดเอาไว้ แล้วเตรียมจะฉีดยาไอซ์เข้าไปในร่างของยังจงฮุนเพื่อหมายสังหาร และอำพรางคดีให้เป็นการเสพยาเกินขนาด แต่ก็ให้บังเอิญว่าจุนฮวีไปดูกล้องวงจรปิดที่ติดเอาที่บ้านของมันโฮแล้วเห็นพิรุธ เขาจึงตามไปดูที่บ้านของมันโฮ จุนฮวีใช้หมัดทุบประตูกระจกจนแตกแล้วเข้าไปที่บ้านของมันโฮ (นอกจากเรียนกฎหมายเก่งแล้วยังมีหมัดอันแข็งแกร่งอีกด้วย) ซึ่งที่นั่นเขาพบกับชเวแจชอล ถูกจับมัดเอาไว้พร้อมด้วยกำไลข้อเท้าอีเอ็มของมันโฮ

จุนฮวีจึงเดาว่ามันโฮน่าจะไปจัดการกับยังจงฮุน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไง เขาจึงรีบแจ้นไปหายังจงฮุนที่บ้านพัก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มันโฮได้ฉีดยาไอซ์เข้าไปในร่างของยังจงฮุนเรียบร้อยแล้ว แต่ฉีดเข้าไปยังไม่หมดหลอด ทันใดนั้นเองยังจงฮุนก็ถีบมันโฮและจุนฮวีก็มาช่วยเอาไว้ ยังจงฮุนรอดมาได้อย่างงง ๆ อีกครั้ง

ชเวแจชอล ผู้ชายที่ถูกจับมัดไว้ที่บ้านของมันโฮก็คือเพื่อนนักโทษที่เขาเจอในคุก ชเวแจชอลเป็นพนักงานอยู่บริษัทที่ผลิตกำไลอีเอ็ม ทำให้เขาสามารถถอดกำไลอีเอ็มของมันโฮออกได้

ทีนี้ จากบทสนทนาของยังจงฮุน มันโฮ และจุนฮวี ทำให้เราได้รู้ว่าผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าซอบยองจูที่วนเวียนสงสัยกันมานานก็คือมันโฮนั่นเอง หลักฐานทุกสิ่งอย่างพุ่งตรงไปที่เขา แต่คำถามเดียวที่ยังไม่ได้รับคำตอบก็คือ “มันโฮฆ่าซอบยองจูทำไม ?”

ณ ห้องสอบสวนที่สถานีตำรวจ มันโฮถูกจับแต่เขาก็ขอใช้สิทธิ์ไม่ให้การใด ๆ จนกว่าจะมีทนาย

ตัดภาพมาที่ซอลบีอีกครั้ง เธอต้องตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องการคัดลอกวิทยานิพนธ์อันน่าปวดหัวนี้ เพราะกลายเป็นว่าจุนฮวีคือพยานคนสำคัญที่ถูกระบุว่าเขาอยู่ด้วยในตอนที่ซอบยองจูเขียนวิทยานิพนธ์ชิ้นนี้ จุนฮวีบอกว่าที่เขายังเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นเพราะต้องการให้ซอลบียอมรับผิดเอง ดูเหมือนว่าซอลบีมาถึงจุดที่เธอไม่มีทางเลือกแล้ว แต่สิ่งที่น่าปวดหัวยิ่งกว่าคือแม่ของซอลบีที่ยังไง ๆ ก็ไม่ยอมให้ลูกสาวรับผิด เพราะมันจะทำให้เส้นทางการเป็นผู้พิพากษาของเธอดับลง

สุดท้าย คณบดีคัง พ่อของซอลบีก็ยื่นจดหมายลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อการคัดลอกวิทยานิพนธ์ของลูกสาว โดยอ้างว่าเป็นความผิดของเขาที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น

ส่วนจีโฮก็ทำเรื่องจนฟ้องหัวหน้าอัยการจินได้สำเร็จ

ยังจงฮุนไปเยี่ยมมันโฮในคุก แต่เขาพบว่ามันโฮถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะโดนแทง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือสมาชิกสภาโก เมื่อยังจงฮุนไปถึงโรงพยาบาลก็พยายามคะยั้นคะยอให้มันโฮพูดในสิ่งที่ต้องการพูดออกมา แต่เหมือนเขาจะหมดสติไปเสียก่อน

EP.14 เผยโฉมมาสเตอร์มายด์

มันโฮถูกขังอยู่ในเรือนจำ ระหว่างนั้นเขาโดนนักโทษคนหนึ่งแทงด้วยมีด และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งเราได้รู้ว่ามันโฮเป็นพยานคนสำคัญที่สามารถซัดทอดไปถึงตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด นั่นก็คือสมาชิกสภาโกคยองซู และแน่นอนว่าเขาเป็นคนสั่งเก็บมันโฮในเรือนจำ

ยังจงฮุนรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที เขาพยายามเงี่ยหูฟังมันโฮที่นอนอยู่บนเตียงทำท่าขยับปากเหมือนต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่ไม่ทันจะเอ่ยอะไร มันโฮก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตายังจงฮุน

หลังจากนั้น ยังจงฮุนก็บริจาคเลือดให้มันโฮ แต่ดูเหมือนอาการของมันโฮกลับแย่ลงไปอีก จนในที่สุดก็เสียชีวิต ยังจงฮุนแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างชัดเจนที่พยานปากเอกที่สามารถซัดทอดไปถึงตัวสมาชิกสภาโกตาย … เหมือนดังว่าคำพูดของสมาชิกสภาโกจะเป็นจริง “ขยะอย่างมันโฮน่าจะตายไปซะตั้งแต่แรกแล้ว”

ต่อมายังจงฮุนได้พากลุ่มนักเรียนมายังที่ที่ซอบยองจูถูกฆาตกรรม เขาตั้งคำถามว่าใครอยู่เบื้องหลังมันโฮ เพราะว่ากันตามตรงแล้วซอบยองจูไม่น่าที่จะเป็นคนประเภทขับรถชนเด็กแล้วหนี ยังจงฮุนยืนยัน

ความจริงคือ ในวันที่ซอบยองจูขับรถชนเด็ก สมาชิกสภาโกได้นั่งอยู่บนรถ เขาเป็นคนบอกให้ซอบยองจูขับรถหนีเพราะบริเวณนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด เนื่องจากเป็นพื้นที่พัฒนาใหม่ ซอบยองจูในตอนนั้นอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก และคนที่ขับรถออกไปคือสมาชิกสภาโกนั่นเอง

ด้านซึงแจก็รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาทำลงไป อึนซอกที่เห็นอกเห็นใจลูกศิษย์ของเธอคนนี้เป็นอย่างมาก เธอเลือกที่จะไล่ซึงแจออกจากโรงเรียนกฎหมาย แทนการดำเนินคดีเขาข้อหาแฮ็กข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งโทษจะร้ายแรงกว่ามาก

ซอลอาพยายามตามหามาสเตอร์มายด์ โดยพยายามเชื่อมโยงไปหาคนที่ให้ภาพลูกชายกับมันโฮ ซึ่งอึนซอกก็รับที่จะทำการติดต่อลูกชายของมันโฮ ส่วนคนอื่น ๆ ก็พยายามตั้งข้อสมมติฐานของตัวเองขึ้นมาแตกต่างกันออกไป

ณ จุดนี้ จุนฮวีเหมือนเริ่มที่จะต่อจิ๊กซอว์เรื่องราวต่าง ๆ ได้แล้ว ในคืนวันนั้นซอบยองจูกำลังเดินทางไปงานศพ และอาจมีคนไปกับเขาด้วย ซึ่งพื้นที่ที่เกิดเหตุอยู่ในจูแรดง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของสมาชิกสภาโกฮยองซู

แต่ดูเหมือนว่ายังจงฮุนจะล้ำหน้าไปหนึ่งสเต็ป เขาเดินทางไปหาสมาชิกสภาโกคยองซู แล้วเอ่ยปากตรง ๆ ว่า “ผมรู้มาว่าในวันที่ซอบยองจูขับรถชนเด็กที่จูแรดง เขาไม่ได้อยู่บนรถคนเดียว เพราะซอบยองจูที่ผมรู้จักไม่มีทางทิ้งเด็กเอาไว้กลางถนนอย่างนั้นแน่นอน นั่นหมายความว่าคนที่อยู่บนรถกับเขาเป็นคนหยุดไม่ให้เขาลงจากรถไปช่วยเด็กคนนั้น” สายตาของยังจงฮุนแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาสงสัยสมาชิกสภาโก

ทีนี้ภาพก็ตัดให้เราเห็นภาพในอดีตเพื่อเป็นการเฉลยปมปริศนา … มันโฮพบกับสมาชิกสภาโก แล้วเขาก็ได้เผยให้เห็นคลิปบันทึกเสียงที่บันทึกเหตุการณ์ในวันที่ซอบยองจูขับรถชนเด็ก ซึ่งมีเสียงของสมาชิกสภาโกบอกให้ซอบยองจูขับหนีไป แล้วคลิปเสียงอันนี้แหละที่มันโฮใช้เป็นข้อต่อรองกับสมาชิกสภาโก ให้ตามสืบหาตัวลูกชายเขา

ในท้ายที่สุดเยซึลก็ตัดสินใจฟ้องยองชาง ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องการยื่นฟ้องสมาชิกสภาโกคยองซู ซึ่งเป็นพ่อของยองชางอีกด้วย

จากนั้นซอลอาและจีโฮก็อัปโหลดคลิปที่มีเนื้อหาชี้นำให้เห็นว่า สมาชิกสภาโกมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม แน่นอนว่าด้วยความโกรธเขาต้องการฟ้องเด็กนักเรียนกฎหมายเหล่านั้นในข้อหาหมิ่นประมาท และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันจะเป็นการขุดคุ้ยเรื่องเหล่านั้นขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น

EP.15 เอริก้า ชิน

ในตอนนี้ ซีรีส์เริ่มต้นจากเหตุการณ์ใน 5 วันก่อนจะถึงการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของอัยการจินที่ยื่นให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับกฎหมายที่เขาถูกจีโฮฟ้อง เรื่องการเปิดเผยข้อมูลของจำเลยในคดีต่อสาธารณชน ซึ่งอัยการจินและยังจงฮุนมองตรงกันว่าเป็นกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีแค่ประเทศเกาหลีประเทศเดียวที่ใช้กฎหมายฉบับนี้

แต่ปัญหาก็คือเหล่าเด็ก ๆ ต่างก็แปลกใจที่ได้เห็นยังจงฮุนขึ้นให้การในชั้นศาลเหมือนจะเข้าข้างอัยการจิน โดยเฉพาะจีโฮที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกยังจงฮุนหักหลัง แต่ยังจงฮุนก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าอยากจะต่อกรกับฉันและอัยการจินให้ได้ ก็ต้องทำงานหนักกว่านี้”

กลับมาที่การพิจารณาคดีที่ศาล ยังจงฮุนนำเสนอความคิดเห็นของ “เอริก้า ชิน” ต่อกฎหมายฉบับนี้ผ่านทางวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ เนื่องจากเธออาศัยอยู่ในต่างประเทศ แต่เมื่อยังจงฮุนเปิดคลิปวิดีโอออกมา ทุกคนในห้องก็ต่างพากันตกตะลึง เมื่อเห็นว่าเอริก้า ชิน หน้าเหมือนซอลอาอย่างกับแกะ ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอก็คือคังทัน ฝาแฝดผู้พี่ของคังซอลอานั่นเอง

ยังจงฮุนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เขาอ้างว่าเป็นไปตามที่คังทันขอร้องเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าความลับเรื่องนี้ทำให้ซอลอาไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อคังทันโทร. มาหา ซอลอาถึงกับวางสายไปอย่างไม่ไยดี

เรื่องราวดำเนินไป ซีรีส์เผยให้เห็นความจริงในอดีตว่า สมาชิกสภาโกเป็นคนส่งลูกชายของมันโฮไปอเมริกา เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับ “ร่างกฎหมายอีมันโฮ”

ต่อมาเช้าวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำเอาทุกคนช็อก เมื่อยองชางและสมาชิกสภาโกอัดคลิปขอโทษลงในยูทูบ โดยสมาชิกสภาโกยังได้ใช้โอกาสนี้ในการเสนอการแก้กฎหมายให้โทษในคดีของคู่รักมีอัตราโทษที่สูงขึ้น

แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ อึนซอกปรากฏอยู่ในคลิปนั้นด้วย และอึนซอกก็โผล่มาต่อหน้าเด็ก ๆ ที่กำลังดูคลิปดังกล่าวอยู่ เธอขอให้เยซึลเข้าร่วมการแก้กฎหมายในครั้งนี้ด้วย

ซับซ้อนไปกว่านั้น คนที่เขียนร่างกฎหมายฉบับนี้ก็คือยังจงฮุน ซึ่งเขาใช้สมาชิกสภาโกช่วยออกกฎหมายผ่านการช่วยเหลือของอึนซอก

ยังจงฮุนเอาหลักฐานที่โชว์ให้เห็นว่าในคืนวันที่ซอบยองจูขับรถชนเด็กแล้วหนี สมาชิกสภาโกนั่งอยู่บนรถด้วย ซึ่งทั้งคู่กำลังเดินทางไปงานศพด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังแสดงการเชื่อมโยงนู่นนี่นั่น โดยพุ่งเป้าไปที่สมาชิกสภาโก จากนั้นยังจุนก็เตือนอัยการจินให้เลือกข้างให้ถูก ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะติดร่างแหซวยไปด้วย

ทีนี้อยู่ดี ๆ ก็มีแผนจับสมาชิกสภาโกที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น นั่นก็คือซอลอาปลอมตัวเป็นคังทันเข้าไปพบกับสมาชิกสภาโกพร้อมด้วยยังจงฮุน แล้วซอลอา (ที่ปลอมเป็นคังทัน) ก็ยอมตามข้อเสนอของสมาชิกสภาโกแลกกับการที่ต้องลบคอมเมนต์ที่ว่าร้ายซอลอา เมื่อสมาชิกสภาโกหลงกล ตำรวจก็เข้าจับกุมแก๊งปั่นคอมเมนต์ปลอม ซึ่งสมาชิกสภาโกก็โดนจับในข้อหาปั่นคอมเมนต์ปลอมไปแบบงง ๆ ซะอย่างนั้น

EP.16 ปิดเกมมาสเตอร์มายด์ (ตอนจบ)

ซอลอาปลอมตัวเป็น เอริก้า ชิน (คังทัน) เข้าไปหลอกสมาชิกสภาโก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อตกลงบางอย่างกับการที่เขาต้องลบคอมเมนต์ตำหนิซอลอาในอินเทอร์เน็ตออก ซึ่งนำไปสู่การจับกุมแก๊งปั่นเฟกนิวส์และคอมเมนต์ปลอม ส่งผลให้สมาชิกสภาโกถูกนำตัวไปสอบสวน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการสืบหาหลักฐานเพื่อดำเนินการฟ้องศาลยังคงดำเนินต่อไป

สมาชิกสภาโกขอให้อัยการจินทำลายหลักฐานที่จะเอาผิดเขาได้ แต่ดูเหมือนว่ายังจงฮุนจะบอกอะไรบางอย่างที่อัยการจินไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่สมาชิกสภาโกทำเอาไว้ นั่นคือข้อหายุยงให้เกิดการฆาตกรรม (หรือบ้านเราเรียกว่าจ้างวานฆ่า) ด้วยหลักฐานคลิปเสียง ณ จุดนี้ทำให้อัยการจินตัดสินใจชัดเจนที่จะปล่อยมือจากสมาชิกสภาโก

แต่อย่างไรไม่ทราบได้ อึนซอกตัดสินใจที่จะเป็นทนายพิเศษให้กับสมาชิกสภาโก แลกกับความปลอดภัยของเจมส์ (ลูกชายของอีมันโฮที่อยู่อเมริกา)

ทีนี้ก็มาถึงการพิจารณาคดีสมาชิกสภาโก ซึ่งมันก็จะดูงง ๆ หน่อย เมื่อจู่ ๆ เอริก้า ชิน ก็เดินทางมาที่ศาล ซึ่งสมาชิกสภาโกก็เข้าใจว่าเป็นซอลอาปลอมตัวมา จึงร้องศาลให้มีการพิสูจน์ตัวบุคคล แต่ทันใดนั้นเองซอลอาก็เข้ามาในห้องพิจารณาคดี แล้วจู่ ๆ สมาชิกสภาโกก็สติแตกขึ้นมาซะอย่างนั้น โวยวายอึนซอกที่มาเป็นทนายพิเศษให้ว่าเล่นตุกติกกับเขา แล้วเอริก้า ชิน (คังทัน) ก็บอกว่าเธอหาตัวเจมส์เจอแล้ว หลังจากโดนสมาชิกสภาโกกักขังที่อเมริกา

ซีรีส์กระโดดข้ามไป 1 ปีต่อมา …

ซอลบีเข้ารับการบำบัดพร้อมหน้ากับพ่อแม่ของเธอ และพยายามจะแก้ปัญหาความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ส่วนยังจงฮุนก็ยังคงเป็นยอดมนุษย์อาจารย์สอนกฎหมายในโรงเรียนกฎหมายต่อไป

และซีรีส์ก็กระโดดข้ามไปข้างหน้าอีกครั้ง

ซอลอาเป็นทนายความโดยเปิดสำนักงานทนายความเป็นของตัวเอง ส่วนจุนฮวีเป็นอัยการ ด้านยังจงฮุนก็เป็นอาจารย์อยู่เหมือนเดิม ฉากจบคือทุกคนรีบไปที่ศาลเพื่อทำตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป

จบบริบูรณ์

👉 รีแคปสรุปซีรีส์เกาหลี Law School (2021) ชีวิตนักเรียนกฎหมาย
👉 เรื่องย่อซีรีส์เกาหลี Law School (2021) ชีวิตนักเรียนกฎหมาย