สปอยล์หนัง สปอยล์หนังใหม่ หนัง Netflix และอื่น ๆ https://www.online-idol.com/movies-series/movie-spoiler/ idol รีแคป ซีรีส์เกาหลี สรุปหนัง สปอยล์ซีรีส์ Netflix - HBO GO - Prime Video - Disney Plus Thu, 15 Feb 2024 16:22:19 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.2 https://www.online-idol.com/wp-content/uploads/2020/08/cropped-idol-ico-512-min-32x32.png สปอยล์หนัง สปอยล์หนังใหม่ หนัง Netflix และอื่น ๆ https://www.online-idol.com/movies-series/movie-spoiler/ 32 32 สรุปเนื้อเรื่อง Madame Web (2024) มาดามเว็บ https://www.online-idol.com/2024/02/15/madame-web-2024-spoiler-38708/ Thu, 15 Feb 2024 16:18:04 +0000 https://www.online-idol.com/?p=38708 ‘คาสซานดร้า เว็บ’ ค้นพบพลังมองเห็นอนาคต และรู้ว่าสามารถใช้มันเปลี่ยนอนาคตได้ ทำให้ต้องเผชิญกับอดีตของตัวเอง เมื่อเธอได้พบกับสามสาวที่ผูกพันกันด้วยโชคชะตา พวกเธอจึงต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดจากอันตรายที่ไม่คาดคิด …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Madame Web (2024) มาดามเว็บ appeared first on idol.

]]>
สปอยล์ Madame Web โดย Toe Jirapatra

เรื่องเริ่มด้วยการย้อนกลับไปในปี 1973 แม่ของ ‘คาสซานดร้า เว็บ’ ที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอด พาทีมนักสำรวจเข้าไปในป่าแอมะซอน เขตประเทศเปรู เพื่อตามหาแมงมุมสายพันธุ์พิเศษสายพันธุ์หนึ่ง เธอเชื่อว่าพิษของมันสามารถนำมาสกัดเป็นยารักษาโรคได้ และว่ากันว่า ชนเผ่า Los Aranas ได้รับพลังจากแมงมุมสายพันธุ์พิเศษที่ว่านี้ ทำให้สามารถปีนป่ายได้ราวกับแมงมุม

หนึ่งในคณะสำรวจที่เดินทางในครั้งนี้ คือ เอเซเคียล ซิมส์ (Ezekiel Sims) ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการแมงมุมสายพันธุ์พิเศษนี้เช่นกัน … ในที่สุด คณะสำรวจก็พบแมงมุมที่ตามหา ทันใดนั้นเอง เอเซเคียล ซิมส์ ก็เผยทาสธาตุแท้ มันชักปืนออกมาสังหารทุกคนในคณะสำรวจ ‘ตุยเกลี้ยง’ ก่อนจะลั่นกระสุนใส่ร่างของแม่คาสซานดร้า แล้วแย่งแมงมุมไป

ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยู่ในสายตาของชนเผ่า Los Aranas ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ เมื่อเห็นแม่ของคาสซานดร้านอนหายใจรวยรินใกล้ ‘ขิต’ เหล่าชนเผ่าจึงเข้ามาช่วยนำร่างของเธอเข้าไปในถ้ำ จากนั้น ก็นำเอาแมงมุมสายพันธุ์พิเศษมาไต่บนร่าง เพื่อให้พิษรักษาอาการบาดเจ็บ แต่อาการของเธอสาหัสเกินกว่าที่จะรักษาได้ สิ่งที่เธอทำได้คือ ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปกับการเบ่งคลอดลูกน้อยในท้องออกมา เมื่อคลอดลูกน้อยออกมา เธอก็เสียชีวิต

แล้วภาพก็ตัดมาในปี 2003 …

เด็กน้อย คาสซานดร้า เว็บ หรือ แคสซี่ (รับบทโดย ดาโกต้า จอห์นสัน) ได้รับการเลี้ยงดูจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจนเติบใหญ่ ปัจจุบัน แคสซี่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินทางการแพทย์ (หรือกู้ภัย) ประจำเมืองแมนฮัตตัน สังกัดหน่วย FDNY โดยมีเพื่อนร่วมงานคนสนิทชื่อ ‘เบน ปาร์คเกอร์’ (ลุงเบนของสไปเดอร์แมนนั่นเอง)

ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ กระทั่งวันหนึ่ง มีอุบัติเหตุรถชนบนสะพานจนเกือบตกลงไปในแม่น้ำ แคสซี่และเบนจึงรีบบึ่งมาช่วยคนที่ติดอยู่ด้านในรถ แคสซี่สามารถช่วยคนที่ติดออกมาได้ ทันใดนั้น รถก็เกิดร่วงลงไปในน้ำ โดยแคสซี่ยังติดอยู่ด้านใน … ร่างของแคสซี่ถูกกระแทกอย่างแรงจนสลบไป ระหว่างที่ร่างจมอยู่ใต้น้ำ ก็เกิดนิมิตบางอย่างขึ้น พร้อมกับเกิดเป็นใยแมงมุมขึ้นรอบตัว จังหวะนั้นเอง เธอก็ได้สติขึ้นมา เนื่องจากเบนเข้ามาช่วยเธอขึ้นมาจากน้ำได้ทัน

ต่อมา เบนก็ชวนแคสซี่ไปงานเลี้ยงฉลองใกล้คลอดของญาติคนหนึ่ง ซึ่งญาติคนนี้ชื่อว่า ‘แมรี่ ปาร์คเกอร์’ แม่ของสไปเดอร์แมน ‘ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์’ นั่นเอง

นิมิตบนรถไฟใต้ดิน

ระหว่างนั้น ภาพก็จะตัดมาที่ เอเซเคียล ซิมส์ (รับบทโดย ทาฮาร์ ราฮิม) ซึ่งกำลังโดนนิมิต (ฝันร้าย) บางอย่างตามหลอกหลอน ในนิมิต มันเห็นสามสาวสไปเดอร์วูแมนรุมสังหารมันจนขิตอย่างน่าอเน็จอนาถ เป็นนิมิตเดิม ๆ ที่มันเห็นซ้ำ ๆ มานานนับปี ดังนั้น สิ่งที่มันต้องการก็คือ สังหารสามสาวสไปเดอร์วูแมนซะ ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอยังเป็นเด็กไร้พิษสง

แต่ปัญหาคือ จะตามเด็กสาวทั้งสามคนได้ที่ไหนล่ะ ? เอเซเคียล ซิมส์ จึงไปจัดการกับหญิงสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่งคง NSA แล้วแฮ็กเข้าระบบกล้องตรวจจับคนด้วยใบหน้า จากนั้น มันก็สเก็ตช์หน้าสามสาวจากนิมิต แล้วใส่เข้าไปในระบบ แค่นี้ เมื่อสามสาวโผล่หน้าเข้ามาในกล้องวงจรปิดตัวใดตัวหนึ่ง มันก็ตามหาสามสาวเจอได้อย่างง่ายดาย

ระหว่างนี้ แคสซี่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีนิมิต หรือพลังการเห็นอนาคต กระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งที่เธอเห็นนิมิตว่า หัวหน้าของเธอจะเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต แต่เธอก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นมันคืออะไร จนหัวหน้าเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตจริง ๆ ณ จุดนี้ แคสซี่เริ่มสับสนกับนิมิตที่ตัวเองเห็น เนื่องจากเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เธอจึงตัดสินใจขอหยุดงาน เพื่อพักผ่อน เผื่ออะไร ๆ อาจจะดีขึ้น

วันนั้น แคสซี่นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปงานศพของหัวหน้า ระหว่างอยู่บนรถไฟฟ้า นิมิตก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นภาพชายเข้ามาสังหารเด็กสาวสามคนอย่างโหดเหี้ยม ตอนแรกแคสซี่ก็ยังไม่มั่นใจว่า นิมิตที่เห็นมันคืออะไร แต่สิ่งที่เห็นมันสมจริงจนน่าตกใจ แคสซี่จึงตัดสินใจเดินไปบอกสามสาวว่า “พวกเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ลงจากรถไฟไปซะ” ตอนแรกเด็กสาววัยรุ่นทั้งสามคนก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นแคสซี่โวยวายหนักเข้า ก็ยอมลงจากรถไฟตามที่บอก

เมื่อลงจากรถไฟ สามสาวก็ยืนเถียงกับแคสซี่ “นี่คุณป้าเพี้ยนอะไรเนี่ย” ระหว่างที่กำลังยืนเถียงกันไปมา ร่างคล้าย ‘สไปเดอร์แมนในชุดดำ’ ก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งมันก็คือ เอเซเคียล ซิมส์ นั่นเอง

โดยหลังจาก เอเซเคียล ซิมส์ ได้แมงมุมสายพันธุ์พิเศษไปครอบครอง มันก็ได้รับพลังบางอย่าง ทำให้มันเกาะกำแพงได้ แต่ปล่อยใยแมงมุมไม่ได้

ร้านโฟร์สตาร์ไดเนอร์

ทีนี้ เราก็ได้รู้แล้วว่า สามสามวัยรุ่นบนรถไฟใต้ดินก็คือสามสาวที่อนาคตคือ สไปเดอร์วูแมน และสไปเดอร์เกิร์ล ซึ่งเป็นสามสาวที่ เอเซเคียล ซิมส์ ต้องการสังหาร … แต่มันยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ตำรวจก็ดันโผล่มาซะก่อน เอเซเคียล ซิมส์ จึงต้องเสียเวลาจัดการกับตำรวจ ทำให้แคสซี่มีเวลาพาเด็กสาวทั้งสามหนี โดยไปขโมยรถแท็กซี่ขับหนีไปได้

แคสซี่ขับพาเด็ก ๆ เข้าไปในป่า แล้วก็เล่าเรื่องราวทั้งหมด เธอบอกกับสามสาวว่าเธอเห็นอนาคต และเห็นว่าพวกเธอกำลังถูก ‘ชายชุดดำ’ ตามสังหาร จากนั้นก็สั่งให้สามสาวรออยู่ในป่า อีกสามชั่วโมงเธอจะกลับมา

แคสซี่ขับรถแท็กซี่ที่ขโมยมากลับไปบ้าน เพื่อไปค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่าง เพราะเธอรู้สึกคุ้น ๆ กับ ‘ชายชุดดำ’ มาก เธอไปเปิดบันทึกของแม่ แล้วก็ไปเจอกับรูปภาพของแม่ที่ถูกคู่กับ เอเซเคียล ซิมส์ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เห็นในนิมิตบนรถไฟฟ้าใต้ดิน … แคสซี่งงเป็นไก่ตาแตก คนรู้จักของแม่ ทำไมต้องตามมาสังหารเด็กสาววัยรุ่นสามคนด้วย ?

ด้านสามสาวฟังแคสซี่เล่าเรื่องนิมิตก็ไม่เชื่อ แถมยังบอกให้รออยู่ในป่าอีก ใครจะไปรอ เมื่อแคสซี่กลับมาจึงไม่เจอกับสามสาว เนื่องจากสามสาวเข้าไปนั่งกินอาหารใน ‘ร้านโฟร์สตาร์ไดเนอร์’ แคสซี่ก็ตามมาจนเจอ ทันใดนั้นเอง เมื่อเธอเปิดประตูร้าน ภาพนิมิตก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง … เป็นภาพ ‘ชายชุดดำ’ เข้ามาสังหารสามสาว ‘ตุยคาที่’ ไม่มีเหลือ แคสซี่พยายามเข้าไปช่วยเด็ก ๆ แต่ก็ถูกมีดหั่นอาหารจ้วงแทง ฉึก ๆ ๆ ‘ตุย’ ตามไปอีกคน

ทีนี้ แคสซี่รู้แล้วว่า ถ้าทำแบบเดิม จบศพไม่สวยแน่นอน เธอจึงเปลี่ยนวิธีเป็นขับรถพุ่งเข้าชน เอเซเคียล ซิมส์ โครมมม ! ร่างมันกระเด็นไปไกล 38 เมตร แต่มันก็ไม่ตาย อย่างไรก็ตาม แคสซี่ก็อาศัยจังหวะนั้นพาเด็ก ๆ หนีไปได้ … ระหว่างอยู่บนรถ แคสซี่ก็ด่ายับ “zaX&293@#43!!!” แต่คราวนี้ทั้งสามสาวรู้ตัวแล้วว่า สิ่งที่แคสซี่บอกเป็นเรื่องจริง จึงได้แต่นั่งหน้าจ๋อยฟังคำบ่นไปโดยไม่เถียงซักคำ

ความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง

เอเซเคียล ซิมส์ สงสัยว่าแคสซี่คือใคร ทำไมถึงได้มาช่วยสามสาว มันจึงสั่งให้ลูกน้องเสิร์ชหาข้อมูล จนได้รู้ความจริงอันน่าตกใจว่า แคสซี่คือลูกสาวของคนที่มันสังหารที่ป่าอะแมซอน ที่มันตกใจเพราะมันเข้าใจมาตลอดว่า เด็กที่อยู่ในท้องตุยไปพร้อมกับแม่ในป่าอะแมซอน ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน

ถึงจุดนี้ เอเซเคียล ซิมส์ ก็ได้คุยกับแคสซี่ในนิมิต จนแคสซี่ได้รู้ว่า ที่มันไล่ล่าสังหารสามสาว เพราะสามสาวจะเป็นคนสังหารมันในอนาคต มันจึงชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียก่อน แต่สิ่งที่แคสซี่รู้ ก็ยิ่งทำให้เธอสงสัยเรื่องราวความเป็นมาของแม่ เธอต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่ ? เพื่อคลายข้อสงสัย แคสซี่จึงเดินทางไปประเทศเปรู เพื่อไปเยือนป่าอะแมซอน ที่เดียวกับที่แม่เธอเคยไปเมื่อกว่าสามสิบปีก่อน

แคสซี่พาสามสาวไปฝากกับเบนชั่วคราว แล้วเธอก็เดินทางไปป่าอะแมซอนทันที … แคสซี่ไปเจอกับชนเผ่า Los Aranas คนเดียวกับที่ทำคลอดเธอออกมา เขาพาเธอไปยังถ้ำที่เธอคลอด แล้วก็เล่าเรื่องราวทุกอย่าง พร้อมกับบอกว่า พลังที่เธอมีตอนนี้เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของพลังทั้งหมดที่เธอได้รับ ถ้าต้องการให้พลังออกมาทั้งหมด แคสซี่ต้องจัดการกับอดีตให้ได้ซะก่อน ทันใดนั้น จิตของแคสซี่ก็ถูกผลักลงไปในแหล่งน้ำที่อยู่ภายในถ้ำ แล้วแคสซี่ก็รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่แม่ต้องเผชิญในอดีต

นอกจากแคสซี่จะได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม่ในป่าอะแมซอนแล้ว เธอยังได้รู้ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ขณะที่หมอตรวจครรภ์แล้ววินิจฉัยว่า ลูกในครรภ์มีความเสี่ยงจะเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ดังนั้น แม่จึงเดินทางออกตามหาแมงมุมสายพันธุ์พิเศษนี้ เพื่อนำพิษของมันมารักษาลูกน้อยในครรภ์ของเธอนั่นเอง

เมื่อแคสซี่ได้รู้ความจริงก็ถึงบางอ้อ จากเดิมที่ไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมแม่ต้องเข้าป่าไปหาแมงมุมทั้งที่ท้องแก่ใกล้คลอด ณ จุดนี้ เธอรู้ซึ้งถึงความรักที่แม่มีให้เธออย่างสมบูรณ์แล้ว

หลังเคลียร์อดีตเรียบร้อย จิตของแคสซี่ก็กลับเข้าร่าง ชนเผ่า Los Aranas จึงบอกว่า “พลังที่เธอมีมันยิ่งใหญ่มาก เมื่อใดที่เธอยอมรับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เมื่อนั้นเธอก็จะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่” … ชนเผ่ายังบอกใบ้พลังของเธออีกด้วยว่า เธอสามารถปล่อยใยแมงมุมได้ และยังสามารถอยู่หลายที่ในในเวลาเดียวกัน

ดอกไม้ไฟและโฆษณาเป๊ปซี่

จากนั้น แคสซี่ก็กลับมาอเมริกา เมื่อมาถึงบ้านเบนกลับไม่เจอใครอยู่บ้าน เพราะเบนกำลังขับรถพา แมรี่ ปาร์คเกอร์ ที่กำลังน้ำเดินใกล้คลอดไปส่งโรงพยาบาล โดยมีสามสาวติดรถไปด้วย แคสซี่จึงรีบขับรถตามไป

ทีนี้ ระหว่างทาง เอเซเคียล ซิมส์ ก็วางแผนจัดการสามสาวเอาไว้แล้ว มันสั่งให้ลูกน้องเปิดสัญญาณไฟจราจรเป็นไฟเขียวทั้งหมด ทำให้รถเกิดชนกันสนั่นทุกแยก หนึ่งในนั้นก็เป็นรถของ เบน ปาร์คเกอร์ ที่ติดแหง็กไปไหนไม่ได้ ทันใดนั้น เอเซเคียล ซิมส์ ก็กระโดดลงมาจากยอดตึก พร้อมระเบิดที่ถืออยู่ในมือ แต่ …

แต่ก่อนที่ เอเซเคียล ซิมส์ จะโยนระเบิดเข้าไปในรถของเบน ที่มีสามสาวนั่งอยู่ในนั้น แคสซี่ก็ขับรถพุ่งทะลุตึกมาที่รถเบนได้ทันเวลาพอดิบพอดี รถของแคสซี่พุ่งเข้าชน เอเซเคียล ซิมส์ อย่างแรง จนระเบิดกระเด็นหลุดจากมือ

แคสซี่อาศัยจังหวะนั้น รีบเรียกให้สามสาวขึ้นมาบนรถของเธอ ส่วนเบนกับแมรี่ ปาร์คเกอร์ ก็ปลอดภัย เพราะเป้าหมายของ เอเซเคียล ซิมส์ อยู่ที่สามสาว

แต่รถของแคสซี่ขับไปได้ไม่ไกล เครื่องก็เกิดพัง แคสซี่จึงใช้พลังนิมิตสำรวจอนาคตเพื่อหาทางรอด ในที่สุด เธอก็พาสามสาวไปยังโรงงานดอกไม้ไฟ จากนั้นก็ล่อ เอเซเคียล ซิมส์ เข้ามา แล้วก็จุดไฟ ตูมมม ! ดอกไม้ไฟจำนวนมหาศาลระเบิดขึ้นทันที ส่วนแคสซี่ก็ใช้นิมิตเพื่อสำรวจอนาคตหาจุดที่เธอสามารถหลบได้ แล้วก็พาสามสาวหลบนู่นนี่นั่นอย่างเทพ หลบทั้งแรงระเบิด หลบเศษเหล็กที่กระเด็นกระดอนมาจากแรงระเบิดได้ทั้งหมด

ขณะที่แคสซี่คิดว่าตัวเองกับสามสาวรอด เอเซเคียล ซิมส์ ก็ปรากฏตัวขึ้น แรงระเบิดจากดอกไม้ไฟทำอะไรมันไม่ได้เลย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนตามร่างกาย มันตรงเข้ามาจัดการกับสามสาว แคสซี่ดูท่าไม่ดี ทุกคนคงจะตายกันหมดแน่ ๆ ทันใดนั้น เธอก็นึกย้อนถึงคำพูดของชนเผ่า Los Aranas ที่บอกว่า “เมื่อใดที่เธอยอมรับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เมื่อนั้นเธอก็จะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่”

เมื่อคิดได้ แคสซี่ก็ตั้งจิตตั้งสมาธิ แล้วก็สามารถปล่อยใยแมงมุมออกมาช่วยสามสาวเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ทีนี้ เอเซเคียล ซิมส์ เห็นว่า แคสซี่คอยช่วยสามสาว มันจึงเบนเป้าหมายมาจัดการกับแคสซี่ก่อน

จังหวะนั้น นิมิตของแคสซี่ก็ปรากฏขึ้น ในนิมิตเธอเห็นป้ายโฆษณาเป๊ปซี่จะหล่นลงมา เธอจึงล่อให้ เอเซเคียล ซิมส์ มาตรงจุดที่ป้ายจะหล่นลงมา ตัวอักษร s ร่วงลงมากระแทกใส่ร่างมัน จนกระเด็นตกลงมาด้านล่างตึก ตอนนี้วายร้าย เอเซเคียล ซิมส์ ไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว แล้วตัวอักษร P ก็ร่วงลงมาที่ร่างของมัน ตายหยังเขียดด้วยป้ายเป๊ปซี่โคล่านั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ป้ายโฆษณาก็ร่วงลงมาบริเวณที่แคสซี่อยู่ จนทำให้ร่างเธอกระเด็นลงไปในแม่น้ำ แล้วดอกไม้ไฟลูกหนึ่งก็พุ่งเข้าชนเบ้าตาของเธออย่างแรง

ร่างไร้สติของแคสซี่ลอยอยู่ในน้ำ กระทั่ง จูเลีย คาร์เพนเตอร์ (รับบทโดย ซิดนีย์ สวีนีย์) ก็มาช่วยพาร่างเธอขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตาม แม้แคสซี่จะรอดชีวิต แต่เธอก็ต้องสูญเสียดวงตาไปตลอดกาล

แคสซี่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดี แต่ที่ไม่หายคือตาของเธอที่บอดสนิท แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในการใช้ชีวิต เพราะเธอสามารถเห็นทุกอย่างผ่านทางนิมิตได้ แถมเมื่อตาบอดแล้วเธอยังเห็นนิมิตชัดกว่าเดิมเสียอีก จากนั้น แคสซี่ก็รับเลี้ยงสามสาว และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยสามสาวจะกลายเป็นสไปเดอร์วูแมนในอนาคต อุทิศชีวิตช่วยเหลือผู้คนจากเหล่าร้ายทั้งมวล

แล้วมาดามเว็บก็จบลงด้วยประการฉะนี้

เรต : 13+
แนว : แอ็คชั่น ไซไฟ
ผู้กำกับ : เอส.เจ. คลาร์กสัน
วันฉาย : 14 ก.พ. 2024
ความยาว : 116 นาที

Source : YT Sony Pictures Thailand

The post สรุปเนื้อเรื่อง Madame Web (2024) มาดามเว็บ appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Anyone But You (2023) เกลียดนักรักซะเลย https://www.online-idol.com/2024/01/04/anyone-but-you-2023-spoiler-38101/ Thu, 04 Jan 2024 14:09:21 +0000 https://www.online-idol.com/?p=38101 สาวเซ็กซี่กับหนุ่มหล่อร่างแน่น ภายนอกดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคู่รักที่เพอร์เฟ็กต์ แต่หลังจากเดตสุดแซ่บครั้งแรก มันเกิดอะไรขึ้น ?

The post สรุปเนื้อเรื่อง Anyone But You (2023) เกลียดนักรักซะเลย appeared first on idol.

]]>
Anyone But You สปอยล์ : สาวเซ็กซี่กับหนุ่มหล่อร่างแน่น ภายนอกดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคู่รักที่เพอร์เฟ็กต์ แต่หลังจากเดตสุดแซ่บครั้งแรก มันเกิดอะไรขึ้น ?

เรต : R (เรื่องเพศ)
แนว : รอมคอม
วันฉาย : 4 มกราคม 2024 (ไทย)

ตัวอย่าง Anyone But You (2023)

เรื่องราวเริ่มต้นที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สาววัยรุ่นที่ชื่อ บี (รับบทโดย ซิดนีย์ สวีนีย์) เดินเข้ามาขอเข้าห้องน้ำ แต่เธอถูกปฏิเสธ โดยบาริสต้าบอกว่าห้องน้ำมีไว้สำหรับลูกค้าเท่านั้น เบ็น (รับบทโดย เกล็น พาวเวลล์) ลูกค้าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงแกล้งตีเนียนว่า บีเป็นภรรยาของเขา และเขากำลังซื้อเครื่องดื่มให้ ทำให้เธอได้เข้าห้องน้ำในที่สุด

บีประทับใจเบ็น และหลงเสน่ห์เขาทันที ส่วนเบ็นก็รู้สึกไม่ต่างกัน

วันนั้น เบ็นและบีได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน ก่อนจะพากันมาที่อพาร์ตเมนต์ของเบ็น แล้วก็จบลงด้วยค่ำคืนสุดแซ่บ

เช้ารุ่งขึ้น บีตื่นขึ้นและแอบหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ ไม่นานนัก บีก็รู้สึกผิดและกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของเบ็น ทำให้ได้ยินเบ็นพูดกับ พีท ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทว่า เธอเป็นตัวปัญหา คำพูดที่ได้ยินทำให้บีรู้สึกปวดใจ ในขณะที่เบ็นเองก็รู้สึกผิดหวังที่บีหนีกลับไปโดยไม่บอกลาเช่นกัน

ผ่านไปหกเดือน เบ็นได้กลับมาเจอกับบีอีกครั้งในสถานการณ์ที่อึดอัด เนื่องจากกลุ่มเพื่อนของทั้งสองรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต มันทำให้เบ็นกับบีโต้เถียงกัน และเหม็นขี้หน้ากันหนักกว่าเดิม

อีกหนึ่งปีต่อมา พี่สาวของพีทกับพี่สาวของบี กำลังจะจัดงานแต่งงานที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย นั่นทำให้เบ็นกับบีต้องเจอกันอีกครั้ง … ทีนี้ พ่อแม่ของบี พยายามจับคู่เธอให้กลับไปคืนดีกับ โจนาธาน (รับบทโดย ดาร์เรน บาร์เน็ต) ซึ่งเป็นแฟนเก่าของบี โจนาธานจึงได้รับเชิญมางานนี้ด้วย

ช่วงค่ำ แขกเหรื่อมาร่วมปาร์ตี้ดินเนอร์ ทุกอย่างก็เหมือนจะดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งเบ็นและบีเริ่มโต้เถียงกัน เป็นเหตุให้พวกเขาไปจุดพลุโดยไม่ได้ตั้งใจ และพลุก็พุ่งไปชนดอกไม้ที่ประดับอยู่ ทำให้ไฟไหม้ผมของพี่สาวบี กลายเป็นความอลม่าน

ทีนี้ กลุ่มเพื่อนจึงปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ทั้งคู่ต้องทำงานแต่งพังแน่ ทั้งหมดจึงตกลงวางแผนจะทำให้ทั้งสอง ‘มีอะไรกัน’ ซะเลย จะได้เลิกทะเลาะกันซะที แต่เบ็นกับบีรู้ทันแผนของเพื่อน ๆ ซะก่อน

จากนั้น บีจึงยื่นข้อเสนอให้เบ็น โดยให้เขาและเธอแกล้งเป็นแฟนกัน … หนึ่ง เพื่อทำให้พ่อแม่เลิกจับคู่เธอกับแฟนเก่าซะที และสอง เพื่อทำให้ มาร์กาเร็ต แฟนเก่าของเบ็นหึง โดยหวังว่าเธอจะกลับมาคบกับเขาอีกครั้ง เบ็นจึงตอบตกลง

เมื่อตกลงกันได้ เบ็นกับบีก็เริ่มแกล้งตีเนียนเป็นแฟนกัน โดยเริ่มจากขณะเดินป่าร่วมกับเพื่อน ๆ พวกเขาก็ทำเป็นลูบไล้คลอเคลียกัน แหม่ แต่ดันไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะทุกคนกำลังพุ่งเป้าสนใจไปที่โคอาลา ระหว่างนั้น บีล้วงไปเจอแมงมุมอยู่ในกางเกงขาสั้นของเบ็น ทำให้ทั้งสองตกใจ ด้วยความขยะแขยง เบ็นจึงถอดเสื้อผ้าของเขาออกทั้งหมดแล้วโยนทิ้งลงทะเล เพราะกลัวจะมีแมงมุมอยู่บนตัวเขาอีก … สุดท้าย บีต้องถอดกางเกงขาสั้นของเธอให้เบ็นใส่

จากนั้นพวกเขาก็พบแมงมุมอยู่ในกางเกงขาสั้นของเบ็น ทำให้พวกเขาตกใจและต้องถอดเสื้อผ้าของเขาออกทั้งหมดเผื่อว่าจะมีแมงมุมอยู่บนเขาอีก ในที่สุดบีก็ให้เบ็นยืมกางเกงขาสั้นของเธอเอง ต่อมา เบ็นสานสัมพันธ์กับลีโอและอินนี่ โดยแสดงให้ลีโอว่ายน้ำตามวิธีที่แม่สอนเขา บีขอบคุณเบ็นที่ซื่อสัตย์กับพ่อของเธอ

ต่อมา มีงานปาร์ตี้บนเรือ โดยเบ็นกับบีพยายามดึงความสนใจของทุกคนอีกครั้ง โดยการทำท่าแบบเดียวกับ ‘แจ็ค-โรส’ ใน ‘ไททาทิค’ ซึ่งจบลงด้วยการบีตกลงไปในอ่าวซิดนีย์ เบ็นจึงกระโดดลงไปช่วยบี แล้วทั้งสองก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันระหว่างรอความช่วยเหลืออยู่บนทุ่น ช่วงเวลานั้นเองที่ทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างเปิดอก และสุดท้ายเบ็นก็ขอโทษในสิ่งที่เขาเคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับเธอในวันนั้น

เกล็น พาวเวลล์ - ซิดนีย์ สวีนีย์
เกล็น พาวเวลล์ – ซิดนีย์ สวีนีย์

ทั้งสองได้รับการช่วยเหลือและพากลับโรงแรม เบ็นทำแซนด์วิชชีสย่างให้บีกิน เหมือนคืนแรกที่พวกเขาเจอกัน เมื่อบรรยากาศพาไป ทั้งสองเริ่มต้นด้วยรอยจูบ และจบด้วยความสัมพันธ์ลึกซึ้ง … ในตอนเช้า เบ็นแอบหนีไปโดยไม่บอกลา ก่อนที่ต่อมาเขาจะสังเกตเห็นบีรู้สึกแย่ เหมือนที่เธอเคยทิ้งเขาไปในเช้าวันนั้น

หนึ่งวันก่อนพิธีแต่งงาน เบ็นกับบีตัดสินใจบอกความจริง เรื่องที่พวกเขาแกล้งเป็นแฟนกัน ระหว่างนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อสุนัขทำลายเค้กแต่งงานซะเละเทะ

ในเช้าวันแต่งงาน เบ็นสังเกตเห็น ‘สองสาวคู่แต่งงาน’ ทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนดูบานปลายถึงขั้นยกเลิกงานแต่งงาน … เบ็นจึงรีบไปหาบีที่ห้อง เพื่อจะขอให้เขาและเธอทำดีต่อกัน งานแต่งงานจะได้ผ่านไปได้ด้วยดี จากนั้น เบนก็ไปขอโทษคู่แต่งงาน แล้วงานแต่งงานก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

มาร์กาเร็ตเต้นรำกับเบ็น บีเห็นมาร์กาเร็ตจูบเบ็น มันเป็นภาพบาดตาบาดใจทำเอาบีรู้สึกปวดใจจี๊ดขึ้นมา บีจึงหนีออกจากงานไปโดยไม่บอกใคร ในขณะที่เบ็นไม่รู้สึกถึงรอยจูบของมาร์กาเร็ตเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเบ็นไม่เห็นบีอยู่ในงาน เขาจึงเรียกเฮลิคอปเตอร์ให้มารับ เพราะเขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

เบ็นพบบีอยู่ด้านนอก ‘ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์’ เนื่องจากเธอเคยบอกเขาว่าต้องการมาที่นี่ เบ็นอธิบายความรู้สึกของเขาที่มีต่อมาร์กาเร็ต และยอมรับว่าตอนนี้คนเดียวที่อยู่ในใจของเขาก็คือ ‘บี’ แล้วทั้งสองก็มอบรอยจูบให้แก่กันเป็นการยืนยันความรู้สึก

จากนั้น ทั้งสองก็กลับไปที่งานเลี้ยง และเต้นรำกันอย่างมีความสุข ซึ่งภายหลัง ‘สองสาวคู่แต่งงาน’ ยอมรับว่า พวกเขาแกล้งทะเลาะกัน เพื่อทำให้เบ็นกับบีคืนดีกัน ส่วนมาร์กาเร็ตกับโจนาธานก็ลงเอยกันอย่างมีความสุขเช่นเดียวกัน

จบบริบูรณ์

Source : SonyPictures.com

The post สรุปเนื้อเรื่อง Anyone But You (2023) เกลียดนักรักซะเลย appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Leave the World Behind (2023) https://www.online-idol.com/2023/12/29/leave-the-world-behind-2023-spoiler-38035/ Thu, 28 Dec 2023 21:07:36 +0000 https://www.online-idol.com/?p=38035 ทริปพักผ่อนของครอบครัวที่คฤหาสน์หรูกลับกลายเป็นมหันตภัย เมื่อเหตุโจมตีทางไซเบอร์ทำให้เครื่องมือสื่อสารทั้งหมดใช้การไม่ได้ ก่อนจะมีคนแปลกหน้าสองคนโผล่มาที่หน้าประตู

The post สรุปเนื้อเรื่อง Leave the World Behind (2023) appeared first on idol.

]]>
Leave the World Behind สปอยล์ : ทริปพักผ่อนของครอบครัวที่คฤหาสน์หรูกลับกลายเป็นมหันตภัย เมื่อเหตุโจมตีทางไซเบอร์ทำให้เครื่องมือสื่อสารทั้งหมดใช้การไม่ได้ ก่อนจะมีคนแปลกหน้าสองคนโผล่มาที่หน้าประตู

แนว : ดราม่า ระทึกขวัญ
ผู้กำกับฯ : แซม เอสเมล (ซีรีส์ Mr. Robot)
คนเขียนบท : แซม เอสเมล
ความยาว : 140 นาที
สตรีมมิ่ง : Netflix
คะแนนรีวิว : 7/10
IMDb : 6.5
RT : 75% | 34%

ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง

เรื่องราวเริ่มต้นที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในบรูคลิน นิวยอร์ก … อแมนด้า (จูเลีย โรเบิร์ตส์) กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง ปลุกให้ เคลย์ (อีธาน ฮอว์ค) ตื่นขึ้นแต่เช้า

“นี่คุณกำลังทำอะไร ?” เคลย์ถามภรรยาทั้งที่ยังงัวเงียอยู่บนเตียง

อแมนด้ายังคงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง ในขณะที่ปากก็พูดถึงความเครียดที่เกิดจากการทำงาน ผู้คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน “ฉันโคตรจะเกลียดคนเลย !” เธอบอกสามีว่าวันนี้จะไม่ไปทำงาน และทุกคนในครอบครัวจะไปพักร้อนกัน

อแมนด้าเช่าบ้านหรูใกล้ชายหาดแถวลองไอแลนด์ มันระบุเอาไว้ในประกาศของรายการบ้านเช่าว่า “ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง” (Leave the world behind) เธอถูกใจทันทีที่ได้เห็น มันอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไม่ไกลเมืองมาก ที่สำคัญคือมันอยู่ห่างไกลจากผู้คน

จูเลีย โรเบิร์ตส์

เคลย์ขับรถ Jeep เอสยูวีพาอแมนด้า และลูก ๆ ทั้งสองไปยังจุดหมาย ลูกชายคนโตวัย 16 ปี ชื่อ อาร์ชี่ (ชาร์ลี เอแวนส์) เป็นวัยรุ่นติดเกม ส่วนลูกสาวคนเล็กวัย 13 ปี ชื่อ โรส (แฟร์ราห์ แมคเคนซี) เธอติดซีรีส์ Friends มาก ๆ เป็นซีรีส์ที่จุดประกายความฝันในวัยเด็กให้กับเธอ ซึ่งเธอเปิดดูบนไอแพดมาตลอดทาง จนเมื่อใกล้ถึง สัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ขัดข้องทำให้ดูต่อไม่ได้

เมื่อทั้งสี่มาถึง มันเป็นเหมือนโลกใบใหม่อย่างแท้จริง บ้านใหญ่ที่ถูกตกแต่งเป็นอย่างดี มีเนื้อที่ใช้สอยมากมาย มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ห่างไกลผู้คน เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปหลายกิโลฯ และยังอยู่ไม่ไกลจากชายหาด มันเป็นการเริ่มต้นช่วงพักร้อนที่เพอร์เฟ็กต์

เรือบรรทุกน้ำมัน

เรือบรรทุกน้ำมัน ใน Leave the World Behind (2023)

หลังจัดแจงอะไรเรียบร้อย บ่ายวันนั้น ทั้งสี่ก็พากันไปที่ชายหาด อแมนด้ารู้สึกดีมากที่มีผู้คนไม่เยอะ แทบจะเป็นชายหาดส่วนตัวเลยก็ว่าได้

ระหว่างนั้น โรสก็สังเกตเห็นเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ค่อย ๆ พุ่งตรงมายังชายหาด ตอนแรกพวกเขาก็ไม่คิดอะไร แต่เมื่อมันใกล้เข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผู้คนก็พากันวิ่งหนี แล้วเรือลำนั้นก็พุ่งขึ้นเกยชายหาด … เคลย์เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่บอกเพียงว่า อาจเป็นเพราะระบบนำทางบนเรือทำงานผิดพลาด !?

จูเลีย โรเบิร์ตส์ และ อีธาน ฮอว์ฺค ใน Leave the World Behind (2023)

เมื่อกลับมาถึงบ้าน อแมนด้าเปิดแมคบุ๊กเช็กข่าวในอินเทอร์เน็ต แต่ปรากฏว่าอินเทอร์เน็ตล่ม โนไวไฟ โนห้าจี โทรศัพท์ก็ใช้การไม่ได้ และทีวีก็ไม่มีสัญญาณ แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งที่ทำให้อแมนด้ายิ้มได้ เธอเห็นแม่กวางกับลูกกวางยืนอยู่ที่สวนหลังบ้าน เธอรู้สึกว่ามันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่า สิ่งดี ๆ กำลังจะเกิดขึ้น (แต่มันจะใช่อย่างนั้นหรือเปล่านะ ?)

แขกไม่ได้รับเชิญ

มาเฮอร์ชาลา อาลี - ไมฮาลา - จูเลีย โรเบิร์ตส์ - อีธาน ฮอว์ค

เกือบเที่ยงคืน ระหว่างอแมนด้ากับเคลย์กำลังนั่งดื่มไวน์กันอย่างมีความสุข เสียงคนเคาะประตูก็ดังขึ้น ชายผิวดำแต่งตัวด้วยชุดทักซิโด้ ท่าทางสุภาพ ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมด้วยลูกสาววัยรุ่น เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ จอร์จ (มาเฮอร์ชาลา อาลี) ส่วนลูกสาวเขาชื่อ รูธ (ไมฮาลา) เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และมาขออาศัยอยู่ที่ชั้นใต้ดิน เนื่องจากอพาร์ตเมนต์ของเขาเกิดไฟดับ

เคลย์ดูจะไม่มีปัญหาอะไร ตรงกันข้ามกับอแมนด้าที่แสดงท่าทางไม่พอใจออกมาชัดเจน เธอถึงกับใช้คำพูดออกแนวเหยียด ๆ ใส่จอร์จ ทำนองว่าเขาน่ะเหรอจะเป็นเจ้าของบ้านหรูหลังนี้ อีกทั้งเหตุผลที่จอร์จอ้างว่าอพาร์ตเมนต์ไฟดับ ก็เป็นเหตุผลที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ

จอร์จจึงใช้กุญแจไขตู้เก็บของในบ้าน แล้วหยิบเงินสดออกมา 1,000 ดอลลาร์ยื่นให้ ถือเป็นค่าเช่าห้องใต้ดินให้เขากับลูกได้นอนในคืนนี้ ณ จุดนี้ อแมนด้ายอมให้เขากับลูกนอนพักที่ห้องใต้ดิน แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

ภาพหน้าจอจาก Leave the World Behind (2023)

จอร์จทำคอกเทลให้เคลย์ดื่ม เขาได้เล่าที่มาของบ้านหลังนี้ให้เคลย์และอแมนด้าฟัง

ระหว่างนั้น รูธเดินไปเปิดทีวี ปรากฏว่าทุกช่องขึ้นข้อความเตือนภัยฉุกเฉิน “นี่คือภาวะฉุกเฉินระดับชาติ สถานีวิทยุและโทรทัศน์ทุกสถานีจะหยุดออกอากาศ ระหว่างการแจ้งเตือนนี้” เมื่อเห็นแบบนั้น ทุกคนจึงตกลงกันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาหาคำตอบกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ก่อนนอนคืนนั้น อแมนด้าก็ยังบ่นกับเคลย์ไม่หยุดเรื่องที่เธอไม่เชื่อว่า จอร์จเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ พร้อมกับยกข้อสงสัยร้อยแปดขึ้นมา ตรงกันข้ามกับเคลย์ที่ไม่สงสัยในตัวจอร์จกับรูธเลยแม้แต่นิดเดียว อแมนด้าผล็อยหลับไปพร้อมกับความสงสัย

แล้วกลางดึกคืนนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ ข่าวทีวีช่อง CNN ได้รายงานสั้น ๆ แวบหนึ่งว่า “เกิดเหตุการโจตีทางไซเบอร์ทั่วสหรัฐอเมริกา !?”

เลิฟยูบั๊ก

Leave the World Behind สปอยล์

อแมนด้าถูกโรสปลุกให้ตื่นแต่เช้า เธอบอกปัญหากับแม่ เธอดูซีรีส์ Friends ตอนจบไม่ได้ เพราะไอแพดไม่มีอินเทอร์เน็ต อแมนด้าถึงกับเอือมที่เห็นลูกสาวจริงจังกับซีรีส์ จึงพูดให้โรสรอจนกว่าพ่อจะตื่น … คำพูดของอแมนด้ายิ่งตอกย้ำให้โรสรู้สึกว่า พ่อแม่ไม่สนใจสิ่งที่เธอคิดเลยสักนิด และมองว่าความคิดของเธอเป็นเรื่องไร้สาระ

อแมนด้าเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เห็นข้อความที่ส่งจากสำนักข่าว “มีรายงานว่าแฮกเกอร์อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ” แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ข้อความเหล่านั้นก็หายไป เธอรีบปลุกเคลย์ เขาจึงบอกให้เธอใจเย็น และเขาจะขับรถไปในเมืองเพื่อถามใครสักคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

Leave the World Behind (2023) สปอยล์

เมื่อเห็นพ่อตื่น โรสรีบจูงมือพ่อให้ไปแก้ไขอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็จัดการกับทีวีให้หน่อย เพราะเธออยากดูซีรีส์ Friends ตอนจบ แต่ดูเหมือนคำขอร้องของเธอจะไม่มีใครแคร์ โรสจึงออกมานั่งเล่นที่สระว่ายน้ำอย่างเซ็ง ๆ ระหว่างนั้นเธอก็เห็นกวางนับร้อย ๆ ตัว ยืนออกันอยู่ที่สวนหลังบ้าน โรสมองพวกมันด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปจ้องมองพวกมันใกล้ ๆ

ช่วงเช้าของวันนั้น อแมนด้าเล่าเรื่องข้อความให้จอร์จฟัง สีหน้าของเขาดูวิตกกังวล แต่เขากลับใช้คำพูดกลบเกลื่อน “ผมว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอก คงเหมือนกับ ‘เลิฟยูบั๊ก’ นั่นแหละ”

อแมนด้าไม่เข้าใจว่า ‘เลิฟยูบั๊ก’ คืออะไร ? จอร์จจึงอธิบายว่า มันคือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในปี 2000 เมื่อคนที่ได้รับอีเมลหัวข้อ ‘ฉันรักคุณ’ คลิกไฟล์ที่แนบมา ไวรัสจะส่งต่อไปให้ทุกคนที่อยู่ในสมุดรายชื่อ ทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจหลายพันล้านดอลลาร์ และคนที่ทำเป็นแค่เด็กวัยรุ่นสองคนในฟิลิปปินส์ … รูธที่นั่งฟังอยู่ด้วย ถึงกับเบ้ปากมองบนแล้วเดินออกไป เธอเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นการก่อการร้ายระดับโลก ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่เกิดจากเด็กน้อยสองคนอย่างที่พ่อบอกแน่นอน

จากนั้น จอร์จก็มาปลอบรูธ โดยบอกว่าแม่ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ซึ่งภรรยาของเขาเดินทางไปทำงานต่างประเทศ และกำลังนั่งเครื่องบินกลับขณะเกิดเหตุการณ์แปลก ๆ พอดี ทำให้เขาและรูธอดเป็นห่วงไม่ได้

ต่อมา รูธก็เข้าห้องไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำทูพีซมานอนอาบแดดริมสระ อาร์ชี่เห็นก็เกิด ‘ความสนใจบางอย่าง’ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายภาพเอาไว้

ความตายสำหรับอเมริกา

แฟร์ราห์ แมคเคนซี

โรสยังคงสงสัยเรื่องฝูงกวาง ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าไปในป่าเพื่อหาคำตอบ อาร์ชี่จึงต้องเดินทางโรสไปด้วยความเป็นห่วง โรสไปเจอบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีกวางวิ่งไปวิ่งมาอยู่ เธอมองด้วยความสนใจ อาร์ชี่จึงบอกน้องสาวให้รีบกลับบ้าน และอย่าไปสนใจกวางอะไรนั่นเลย

ภาพหน้าจอจาก Leave the World Behind (2023)

ด้านจอร์จก็ขับรถออกไปหาเพื่อนบ้าน แต่เมื่อมาถึง ภาพที่เห็นคือบ้านเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด เขาเดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม แต่ปรากฏว่ามันใช้งานไม่ได้ เขาหน้าถอดสีทันที ทางเดียวที่จะทำให้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมใช้ไม่ได้คือ ดาวเทียมต้องเกิดปัญหา ถ้าดาวเทียมเกิดปัญหา นั่นก็หมายความว่าระบบการสื่อสารต่าง ๆ ล่มสลายไปหมดแล้ว

จอร์จเดินสำรวจที่ชายหาด เขาพบคนตายเป็นจำนวนมาก มีซากเครื่องบินที่ได้รับความเสียหายอยู่ไม่ไกล อีกไม่กี่นาทีต่อมา เครื่องบินอีกลำก็ร่วงจากท้องฟ้า พุ่งตรงมาที่ชายหาดบริเวณเดียวกับที่เขายืนอยู่ เขารีบวิ่งหนีเข้าไปหลบในบ้าน รอดตายอย่างหวุดหวิด

เมื่อกลับมาถึงบ้าน จอร์จเล่าเรื่องที่เขาเจอให้อแมนด้าฟัง แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเสียงคล้ายระเบิดก็ดังขึ้น ไม่นานนักก็เกิดเสียงแหลมดังลั่นบาดหู แทบจะทำแก้วหูแตก จนทุกคนต้องเอามืออุดหู เสียงความถี่สูงรุนแรงขนาดทำให้กระจกร้าว เสียงดังต่อเนื่องหลายนาทีก่อนที่จะหยุด

ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเสียงของอะไร แต่อาร์ชี่เดาว่ามันคือ ‘โซบิกบูม’ ที่เกิดจากเครื่องบินที่บินเร็วกว่าเสียง (แต่มันจะใช่หรือเปล่านะ ?)

อีธาน ฮอว์ค

ส่วนเคลย์ก็ขับรถออกไปในเมืองเพื่อหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังหลงทาง จีพีเอสก็ใช้ไม่ได้ และตามถนนไม่มีป้ายบอกทาง ขับไปเรื่อย ๆ เขาก็ไปเจอกับหญิงยืนโบกรถอยู่ข้างทาง เคลย์จอดและลดกระจกลง หญิงคนนั้นพูดภาษาสเปนใส่ด้วยสีหน้าตื่นกลัวอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด เขาจึงตัดสินใจปิดกระจกแล้วขับรถออกไป … นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ !?

เคลย์ขับต่อไปไม่ไกล ก็เจอกับวัตถุบางอย่างคล้ายโดรนกำลังพุ่งขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับโปรยใบปลิวสีแดงจำนวนมากออกมา ด้วยความตกใจ เขาจึงรีบหันหัวรถกลับเหยียบคันเร่งหนีสุดกำลัง

เมื่อขับกลับมาถึงบ้าน ใบปลิวจำนวนหนึ่งติดมากับรถ เคลย์หยิบมาดูก็พบว่ามันเป็นข้อความภาษาอาหรับ อาร์ชี่เห็นข้อความนั้นจึงรู้ในทันทีว่ามันหมายถึง “ความตายสำหรับอเมริกา” เพราะเป็นข้อความเดียวกับในเกมที่เขาเล่น

นกฟลามิงโก้

เทสล่า ใน Leave the World Behind (2023)

ถึงตอนนี้ อแมนด้าตัดสินใจจะหนีไปจากที่นี่ เธอคิดว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป จุดหมายคือบ้านพี่สาวที่นิวเจอร์ซีย์ จอร์จจึงบอกเส้นทางที่จะออกไปจากที่นี่ที่มีอยู่ทางเดียวกับเคลย์ แล้วทั้งสี่ก็พากันนั่งรถจี๊บเอสยูวีออกไป

เมื่อขับออกไปได้ไม่ไกล เคลย์ก็เห็นรถเทสล่าโมเดล 3 สีขาว จอดเรียงขวางถนนยาวเหยียด อแมนด้าจึงลงจากรถเดินไปดู ไม่มีคนอยู่เลย เธอมองเข้าไปที่หน้าจอบนรถเทสล่า มีข้อความขึ้นว่ากำลังอยู่ในโหมดขับขี่อัตโนมัติ ไม่นานนัก รถเทสล่าอีกหลายคันก็ขับพุ่งมาด้วยความเร็ว อแมนด้ารีบกลับขึ้นรถด้วยความตกใจ

ทั้งสี่กลับมาที่บ้านอีกครั้ง จอร์จสันนิษฐานว่า แฮกเกอร์แฮกเข้าระบบของเทสล่า แล้วสั่งให้รถขับออกมาจากโชว์รูมไปขวางถนน เท่ากับว่า ถนนทุกสายตอนนี้กลายเป็นอัมพาต เพราะมีรถเทสล่าไปจอดขวาง

มาเฮอร์ชาลา อาลี - จูเลีย โรเบิร์ตส์ ใน Leave the World Behind (2023)

คืนนั้น โรสนอนหลับคาไอแพด รอสัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อดู ‘Friends’ ตอนจบ ส่วนอาร์ชี่ก็เอารูปแอบถ่ายของรูธขึ้นมา ‘ทำอะไรบางอย่าง’ บนเตียง

ในขณะที่ รูธชวนเคลย์ไปดูดปุ๊นที่ริมสระ ส่วนอแมนด้าก็นั่งดื่มกับจอร์จอยู่ในบ้าน ระหว่างนั้น จอร์จก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินจากเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเพนตากอน ที่ได้คุยกับพวกชั่วที่มีอำนาจควบคุมโลก หลังจากนั้น เพื่อนคนนั้นก็เคลื่อนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดออกนอกประเทศ … พูดง่าย ๆ คือ จอร์จพยายามบอกอแมนด้าว่า มีพวกชั่วที่มีอำนาจควบคุมโลกกำลังทำเรื่องชั่วร้าย ที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ แม้แต่คนที่มีอำนาจระดับโลกก็เลือกที่จะหนี

อแมนด้าตอนนี้รู้สึกดีกับจอร์จ เพราะเขามีน้ำใจให้เธอและครอบครัวกลับเข้ามาอยู่ด้วย เธอขอโทษที่ก่อนหน้านี้พูดจาไม่ดีใส่เขา ดื่มไปดื่มมา ทั้งสองก็เข้าไปเต้นรำกันในห้อง แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น อแมนด้าโผเข้าไปสวมกอดจอร์จ แล้วพูดขึ้นว่า “เราไม่น่าทำแบบนี้เลย ฉันมีครอบครัวแล้ว”

นกฟลามิงโก้ ในหนัง Leave the World Behind (2023)

ส่วนรูธกับเคลย์ที่กำลังนอนดูดปุ๊นคุยกันอยู่ริมสระ จู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อมีเหล่านกฟลามิโก้ลงมาเล่นน้ำในสระ

แล้วจู่ ๆ เสียงดังบาดหูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง รูธกับเคลย์ทรุดตัวเอามือปิดหู เสียงของมันทำเอาหูแทบแตก มันดังขนาดทำจอไอแพดร้าว

กวาง

ฉากฟันหลุด Leave the World Behind (2023)

รุ่งเช้าอีกวัน อาร์ชี่รู้สึกไม่สบาย เขาลุกขึ้นจากที่นอนแล้วรู้สึกแปลก ๆ กับฟันตัวเอง เขาจึงอ้าปากแล้วใช้มือจับฟัน ปรากฏว่าฟันหลุดติดมือออกมาอย่างง่ายดาย เขาทำแบบนั้นกับฟันสามสี่ซี่ อแมนด้าเห็นก็ตกใจโวยวายออกมา จะพาไปหาหมอก็ไปไม่ได้ เพราะถนนที่จะออกไปจากเมืองถูกตัดขาด

ไม่เท่านั้น โรสหายตัวไปจากบ้านอีกคน ทุกคนช่วยกันออกไปหาทั่วบริเวณบ้านก็ไม่เจอ แต่รูธสังเกตเห็นจักรยานในโรงรถหายไป เป็นไปได้ว่า โรสใช้มันขี่ออกไป

ทีนี้ ทั้งหมดจึงตกลงกัน จอร์จกับเคลย์จะพาอาร์ชี่ไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนบ้านที่ชื่อ แดนนี่ (เควิน เบคอน) ส่วนอแมนด้ากับรูธจะไปตามหาโรส

กวางล้อม ไมฮาลา และจูเลีย โรเบิร์ตส์ ใน​ Leave the World Behind (2023)

อแมนด้าเดินมาเจอบ้านหลังที่โรสเดินมาเจอเมื่อวาน เวลาเดียวกัน รูธกลับถูกล้อมด้วยฝูงกวางจำนวนมาก พวกกวางยืนนิ่งมองดูรูธ จากกวางที่ดูเป็นสัตว์ไม่น่ากลัว แต่เมื่อมันรวมตัวกันเป็นจำนวนมากมันก็ดูน่ากลัวไม่น้อย อแมนด้ารีบเดินไปหารูธ แล้วทำร้องโวยวายวี้ดว้ายออกมา ในที่สุด กวางเหล่านั้นก็วิ่งหนีไป

ทฤษฎีสมคบคิด

อีธาน ฮอว์ค - มาเฮอร์ชาลา อาลี - เควิน เบคอน

ด้านจอร์จกับเคลย์ก็มาที่บ้านแดนนี่ แต่ดูเหมือนแดนนี่จะไม่ต้องการต้อนรับแขกในเวลานี้ เขาถือปืนลูกซองสไลด์ห้านัดออกมายืนจังก้า แล้วสั่งให้จอร์จถอยหลังออกไปจากบริเวณบ้านของเขา จากนั้นก็ไล่ทั้งสองคนให้กลับไปซะ

เคลย์พยายามอธิบายเรื่องอาการป่วยของอาร์ชี่ ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อต้องการยา เพราะอยู่ดี ๆ ลูกชายของเขาก็เกิดฟันร่วงอย่างไม่รู้สาเหตุ … แดนนี่ที่เป็นเชื่อในเรื่องทฤษฎีสมคบคิดก็อธิบายว่า ฟันร่วงเป็นอาการแปลก ๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่คิวบา เกิดจากอาวุธคลื่นไมโครเวฟ ที่ผลิตคลื่นรังสีออกมาผ่านเสียง ซึ่งทำให้บางคนฟันร่วง แดนนี่ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้มันคือสงคราม

แดนนี่ยืนยันที่จะไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้คือการปกป้องตัวเอง จอร์จไม่เห็นด้วย เขาจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่ได้ยากลับไป ตอนนี้ ทั้งสองยกปืนขึ้นมาประจันหน้ากัน เคลย์เข้าไปห้ามโดยเข้าไปยืนตรงกลางระหว่างปืนสองกระบอก เขาร้องไห้ทั้งน้ำตาเพื่อขอให้แดนนี่ช่วยเหลือลูกชายของเขา ในที่สุด แดนนี่ก็ยอมใจอ่อน มอบยาให้

และก่อนที่เคลย์กับจอร์จจะกลับ แดนนี่ได้บอกว่า เกาหลี (เหนือ) หรือไม่ก็จีน ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น … เคลย์เอาใบปลิวข้อความ ‘ความตายสำหรับอเมริกา’ ภาษาอาหรับยื่นให้แดนนี่ดู เคลย์คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือพวกอิหร่าน

แดนนี่หยิบใบปลิวมาดูแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนที่จะบอกว่า ก่อนอินเทอร์เน็ตจะถูกตัด เขาได้ข้อมูลจากเพื่อนที่อยู่ต่างรัฐได้ใบปลิวเขียนข้อความเป็นภาษาเกาหลี (หรือภาษาจีน) “เราสร้างศัตรูเอาไว้ทั่วโลก บางที่พวกมันอาจจะรวมหัวกันก็ได้ ใครจะไปรู้”

รัฐประหารและสงครามกลางเมือง

มาเฮอร์ชาลา อาลี - ไมฮาลา - จูเลีย โรเบิร์ตส์

พอขึ้นมาบนรถ จอร์จก็สีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเขาก็เล่าความจริงออกมา เขามีลูกค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเพนตากอน มีโปรแกรมหนึ่งเรียกว่า การซ้อมรบที่สามารถโค่นล้มรัฐบาลได้จากภายใน มันมีสามขั้นตอน …

ขั้นแรกคือการปิดหูปิดตา ตัดการสื่อสารและการขนส่ง ทำให้เป้าหมายขาดข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อก้าวสู่ขั้นต่อไป นั่นคือทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง โจมตีด้วยเฟกนิวส์และข้อมูลลวง เมื่อถึงตอนนั้น จะไม่มีใครรู้แน่ว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร ทำให้ประชาชนลงมือต่อสู้กันเอง ถ้าสองขั้นแรกสำเร็จ ขั้นที่สามจะเกิดขึ้นมาเองนั่นคือ ‘รัฐประหาร’ และ ‘สงครามกลางเมือง’ ! ซึ่งนำไปสู่การล่มสลาย

พูดง่าย ๆ คือ ทำให้ไม่รู้ว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร เมื่อไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร ทุกคนก็จะหันมาต่อสู้กันเองจนเกิดความวุ่นวายกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด

ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งที่จอร์จพูดจะเป็นความจริง เมื่ออแมนด้ากับรูธเห็นภาพการต่อสู้ และแรงระเบิดอันรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในเมือง

เฟรนส์ตอนจบ

แฟร์ราห์ แมคเคนซี

แต่ท่ามกลางความฉิบหาย คนเดียวที่ดูเหมือนไม่แยแสกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว นั่นก็คือ โรส

เวลานี้โรสขี่จักรยานเข้ามาในบ้านหลังนั้น เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องนิรภัยชั้นใต้ดิน ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดนี้โดยเฉพาะ เมื่อโรสเปิดสวิตช์ ทุกอย่างภายในห้องก็ทำงาน ภายในมีทุกอย่าง ของกิน ผักสด วิทยุคลื่นสั้น และระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาว่า …

“ภาวะฉุกเฉิน ทำเนียบขาวและเมืองใหญ่กำลังถูกโจมตีโดยกองกำลังกบฎ และตรวจพบระดับรังสีที่สูงขึ้น หาที่หลบภัยทันที”

แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที๋โรสสนใจในตอนนี้คือชั้นเก็บดีวีดีจำนวนมาก และสุดท้ายโรสก็ได้ดูซีรีส์ Friends ตอนจบได้อย่างที่ใจปรารถนา

แล้วเรื่องราวก็จบลงด้วยรอยยิ้มของโรสนั่นเอง

จบบริบูรณ์

ดู Leave the World Behind ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง Leave the World Behind (2023) appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน https://www.online-idol.com/2023/12/01/napoleon-2023-movie-spoiler-37790/ Fri, 01 Dec 2023 07:24:45 +0000 https://www.online-idol.com/?p=37790 การผงาดขึ้นครองบัลลังก์ของจักรพรรดินโปเลียน ผู้เกรียงไกร ผ่านมุมมองสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ โจเซฟีน หญิงสาวที่เป็นรักแท้ของเขา …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน appeared first on idol.

]]>
Napoleon (2023) สปอยล์ : การผงาดขึ้นครองบัลลังก์ของจักรพรรดินโปเลียน ผู้เกรียงไกร ผ่านมุมมองสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ โจเซฟีน หญิงสาวที่เป็นรักแท้ของเขา …

แนว : ประวัติศาสตร์ ชีวประวัติ
ผู้กำกับฯ : ริดลีย์ สก็อตต์
นักแสดงนำ : วาคีน ฟีนิกซ์, วาเนสซ่า เคอร์บี้
เข้าฉาย : 22 พ.ย. 2023 (ไทย)
IMDb เรตติ้ง : 6.7/10
Rotten Tomatoes : 60% | 59%

โปสเตอร์ภาพยนตร์ Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน

ในปี ค.ศ. 1789 การปฏิวัติฝรั่งเศสได้เริ่มขึ้น จากปัญหาปากท้องและการบริหารงานที่มุ่งเน้นแต่การทำสงคราม จนทำให้บรรยากาศทางสังคมและการเมืองคุกรุ่น ในที่สุดประชาชนก็ลุกฮือขึ้นโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ที่ 16

ค.ศ. 1793 พระนางมารี อองตัวเนต ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยกิโยตีนอย่างโหดร้าย ประชาชนที่อยู่สองฟากถนน ต่างปาสิ่งปฏิกูลใส่พระนาง ขณะกำลังเดินเข้าสู่ลานประหาร ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจที่พระนางถูกตัดหัวกระเด็น ท่ามกลางฝูงชน พลทหารปืนใหญ่นามว่า นโปเลียน โบนาปาร์ต (รับบทโดย วาคีน ฟีนิกซ์) ได้ยืนดูเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน

ต่อมา กองทัพเรืออังกฤษได้เข้ายึดท่าเรือตูลง ซึ่งมีกองทัพเรือของฝรั่งเศสติดอยู่ที่นั่นกว่าครึ่ง นโปเลียนจึงได้รับมอบหมายจากผู้นำการปฏิวัติ ให้ไปยึดท่าเรือตูลงคืนมาจากอังกฤษ

นโปเลียนเดินทางไปสำรวจชัยภูมิรบด้วยตัวเอง เขาได้วางแผนกลยุทธ์การรบอย่างชาญฉลาด แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องกำลังทหารและอาวุธ สุดท้ายเขาก็สามารถตีกองทัพเรือของอังกฤษจนแตกพ่ายเสียหายยับเยินกลับไป … จากผลงานการรบครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงของนโปเลียนขจรขจายไปทั่ว และได้เลื่อนยศจากร้อยเอกขึ้นเป็นนายพล

ทีนี้ หลังจากล้มระบอบกษัตริย์ได้ โรแบปิแยร์ ก็ขึ้นปกครองประเทศ แต่ดูเหมือนภายใต้การปกครองของเขา กำลังพาประเทศเข้าสู่กลียุค เขาได้ออกกฎหมายให้ตัวเองสามารถสั่งประหารกิโยตีนใครก็ได้ แล้วก็มาถึงจุดที่คนเริ่มทนไม่ไหว ในสภาจึงทำการโหวตให้ปลดเขาออกจากตำแหน่ง ณ จุดนี้ โรแบปิแยร์จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง แต่ดันไม่ตุยเฉย วันรุ่งขึ้น เขาจึงถูกนำตัวไปประหารด้วยกิโยตีน

หลังจากยุคแห่งความหวาดกลัวสิ้นสุด นักโทษการเมืองกว่าสี่หมื่นคนก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา หนึ่งในนั้นก็คือม่ายสาวไฮโซสุดสวย โจเซฟีน (วาเนสซ่า เคอร์บี้)

วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ใน Napoleon (2023)
วาเนสซ่า เคอร์บี้ (Vanessa Kirby) ใน Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน

รักแรกพบ

ณ งานเต้นรำฤดูร้อน นโปเลียนได้พบกับโจเซฟีนเป็นครั้งแรก และมันก็เกิดเป็นรักแรกพบขึ้นทันที เขาแนะนำตัวกับเธอว่า เขาเป็นนายทหารผู้ถล่มกองทัพเรืออังกฤษย่อยยับที่ตูลง โจเซฟีนได้ยินก็ถึงกับประทับใจในตัวของนโปเลียน

หลังจากวันนั้น ทั้งสองก็สานสัมพันธ์กันต่อ จนในที่สุดก็ได้เป็นของกันและกัน ด้วยลีลาอันเร่าร้อนดุเดือดเลือดพล่าน หลังจากที่เขารู้เรื่องที่เธอมีลูกติดสองคน จากอดีตสามีที่ถูกประหารชีวิตจากคำสั่งของโรแบปิแยร์นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การเมืองของฝรั่งเศสในช่วงนั้นก็ยังไม่นิ่ง มีการออกมาประท้วงของประชาชนผู้นิยมระบอบกษัตริย์อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ของประชาชนหลายหมื่นคน นโปเลียนได้รับคำสั่งให้นำกำลังทหารออกมาปราบปราม เขาจึงสั่งทหารให้ใช้ปืนใหญ่ยิงใส่ฝูงชนเพื่อสลายการชุมนุม

จากนั้น นโปเลียนก็แต่งงานกับโจเซฟีน ระหว่างนั้นเขาก็ขยันทำการบ้านอย่างหนักหน่วง เพื่อต้องการลูกชายไว้สืบเชื้อสาย ในขณะที่โจเซฟีนก็แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า เธอก็เจ้าชู้ ไม่เบาเรื่องผู้ชายเหมือนกัน เธอมักจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หัวเราะคิกคักเมื่อมีชายหนุ่มเข้ามาคุยด้วย ส่วนนโปเลียนที่เห็นภรรยาเป็นอย่างนั้นก็เก็บอาการ แล้วใช้วิธีไประบายอารมณ์บนเตียงกับเธออย่างหนักหน่วงแทน

วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix)

ต่อมา นโปเลียนได้ออกเดินทางไปรบที่อียิปต์ ด้วยอาวุธที่ทันสมัย ทำให้นโปเลียนสามารถเอาชนะกองทัพอียิปต์ได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาคือระหว่างนั้นภรรยาของเขาดันไปคบชู้กับชายอื่น

เมื่อรู้เช่นนั้น นโปเลียนก็โกรธจัดควันออกหู รีบขึ้นเรือกลับฝรั่งเศสทันที โดยส่งต่อให้นายทหารคนอื่นทำหน้าที่แทน การกระทำของนโปเลียนครั้งนี้ทำให้ฝ่ายการเมืองไม่พอใจ เพราะมองว่าเขาหนีทัพ ถึงอย่างนั้น นโปเลียนก็มีเกราะป้องกันจากความที่เขาเป็นฮีโร่ของประชาชน ทำให้ฝ่ายการเมืองไม่กล้าลงโทษเขา

ข่าวซุบซิบในหนังสือพิมพ์เขียนกันสนุกเรื่องภรรยาของฮีโร่มีชู้ เมื่อนโปเลียนได้เห็นข่าวก็ยิ่งทวีความโกรธเป็นทวีคูณ พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่เจอหน้าภรรยา ทีนี้นโปเลียนถึงกับฟิวส์ขาด เพราะเขามองว่าภรรยาไม่ให้เกียรติ เขาจึงจัดการเอาเสื้อผ้าข้าวของโจเซฟีนออกไปทิ้งนอกบ้าน

เมื่อโจเซฟีนกลับมาถึงบ้าน และเห็นข้าวของตัวเองถูกวางกองไว้ด้านนอก ก็รู้ว่าอะไรกำลังจะตามมา ตอนแรกนโปเลียนก็ด่าโจเซฟีนยับจนเธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด เธอได้แต่ขอร้องว่าอย่าไล่เธอออกไปเลย ในที่สุดนโปเลียนก็ใจอ่อน ยอมให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป

ทีนี้ ทั้งสองก็คุยกันไปคุยกันมาจนถึงค่ำ โจเซฟีนก็พูดดูถูกนโปเลียนว่า เป็นเพียงทหารธรรมดา และที่เขาขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเธอ ซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องจริงที่จี้ใจดำ นโปเลียนจึงหลั่งน้ำตาออกมาจากคำพูดคำนั้น

วาเนสซ่า เคอร์บี้ (Vanessa Kirby) และ วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ในภาพยนตร์ Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน

ผงาดขึ้นครองบัลลังก์

เรื่องราวดำเนินไป จนกระทั่งนโปเลียนได้รับการชักชวนให้ทำการรัฐประหาร เมื่อวางแผนอะไรกันเสร็จสรรพ เขาจึงนำกำลังทหารไปบังคับให้ผู้ปกครองปัจจุบันลาออก แล้วเขาก็ขึ้นรับตำแหน่งกงสุลเอก

เมื่อได้ขึ้นเป็นกงสุลเอก นโปเลียนก็ย้ายเข้าไปอยู่ในพระราชวังพร้อมด้วยโจเซฟีน ซึ่งเวลานี้ทั้งสองก็ไม่ต่างไปจากราชาและราชินีของประเทศ ซึ่งต่อมาเขาได้รับคำแนะนำจากรัฐมนตรี ให้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส นโปเลียนจึงตอบรับและได้สวมมงกุฎในฐานะราชา โดยมีโจเซฟีนเป็นราชินี

หลังได้เป็นกษัติรย์ นโปเลียนก็เร่งผลิตลูก เพื่อจะได้ลูกชายมาสืบทอดเชื้อสายกษัติรย์ต่อไป

ค.ศ. 1804 นโปเลียนก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ

ค.ศ. 1805 นโปเลียนรวบรวมกองกำลังเพื่อต่อต้านกองกำลังพันธมิตรปรัสเซียและออสเตรีย เขาได้วางแผนล่อให้กองทัพศัตรูเข้ามาในทะเลสาบน้ำเแข็ง ขณะที่กองกำลังของศัตรูอยู่บนน้ำแข็ง เขาได้สั่งทหารปูพรมยิงปืนใหญ่เจาะน้ำแข็ง ทำให้ศัตรูจมลงในน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก ตายเกลี้ยง

ชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้ฝ่ายออสเตรียต้องยอมสยบขอสงบศึกกับฝรั่งเศส

วันเวลาผ่านไป โจเซฟีนก็ไม่มีวี่แววจะผลิตลูกชายให้นโปเลียนได้ซะที ทำให้แม่ของเขาจัดการให้เขามีความสัมพันธ์กับหญิงสาววัยสิบแปด ซึ่งปรากฏว่าหญิงสาววัยเจริญพันธุ์นางนั้นเกิดตั้งครรภ์ นโปเลียนจึงจำต้องหย่าขาดกับโจเซฟีน จากนั้นเธอก็ย้ายออกไปจากพระราชวัง แต่ทั้งสองก็ยังคงเขียนจดหมายติดต่อกัน ถึงอย่างนั้นความรักที่เขามีต่อเธอก็ไม่เสื่อมคลาย

ต่อมา นโปเลียนได้แต่งงานกับเจ้าหญิงออสเตรีย เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งเธอคลอดบุตรชายให้เขาในอีกหนึ่งปีต่อมา ในวันที่เขาเห็นหน้าลูกชายเป็นครั้งแรก เขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ

พ่ายแพ้ต่อสภาพอากาศ

ค.ศ. 1812 นโปเลียนเริ่มคิดการใหญ่วางแผนบุกปรัสเซีย ด้วยเหตุเพราะกษัตริย์ปรัสเซียปฏิเสธที่จะลงนามร่วมในสนธิสัญญาสันติภาพ เมื่อเขาบุกไปถึงมอสโค ปรากฏว่าเมืองทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้าง ประชาชนหลายแสนคนได้ทิ้งบ้านเรือนอพยพออกไป ก่อนหน้าที่นโปเลียนจะมาถึง พอตกกลางคืนก็เกิดไฟไหม้ขึ้นทั่วเมือง สิ่งที่ชาวเมืองมอสโคทำ เป็นการตอกย้ำว่า ยอมเผาบ้านเผาเมืองตัวเองอีกกว่ายอมเป็นเบี้ยล่างให้กับนโปเลียน

จากนั้น นโปเลียนก็ยังยกทัพบุกต่อไปยังเซนส์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่เมื่อยกทัพมาถึงก็เป็นช่วงฤดูหนาวพอดี ทำให้กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียนต้องประสบชะตากรรมอันโหดร้ายจากสภาพอากาศ ทหารกว่าครึ่งล้านคนตายเกลี้ยง จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและความอดอยาก

ความบรรลัยที่เกิดขึ้น ทำให้นโปเลียนถูกบีบให้สละราชบัลลังก์ และจำต้องลี้ภัยอยู่ที่เกาะเอลบาในเวลาต่อมา

Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน

ความปราชัยครั้งยิ่งใหญ่

ค.ศ. 1815 ระหว่างที่อยู่บนเกาะเขาก็ได้ข่าวซุบซิบ เรื่องกษัตริย์ปรัสเซียดอดไปหาโจเซฟีนที่บ้านพัก นโปเลียนโกรธจัด มันหยามหน้ากันชัด ๆ เขาจึงตัดสินใจล่องเรือกลับไปฝรั่งเศส

ทีนี้ เรื่องการกลับมาของนโปเลียนก็ไปเข้าหูของพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 พระองค์จึงสั่งให้ทหารไปดัก เพื่อขับไล่ให้นโปเลียนกลับไป แต่กลายเป็นว่าทหารเหล่านั้น เป็นทหารเก่าที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนโปเลียน แทนที่จะขับไล่กลายเป็นเข้าร่วมกับเขาเลยทีนี้ ทั้งหมดจึงยกทัพเข้าปารีส โดยสิ่งแรกที่นโปเลียนทำก็คือไปหาโจเซฟีน สุดที่รักยอดดองใจของเขา แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง โจเซฟีนก็เสียชีวิตไปซะแล้วด้วยโรคคอตีบ การสูญเสียครั้งนี้ทำให้นโปเลียนถึงกับหลั่งน้ำตา

การกระทำของนโปเลียนได้สร้างความไม่สบายใจให้กับพันธมิตร อังกฤษ ปรัสเซีย และออสเตรีย

นโปเลียนรวบรวมกองทัพขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ศัตรูเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แล้วมันก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะต่อกรได้เหมือนศึกที่ผ่านมา ในที่สุดกองทัพของนโปเลียนก็ต้องนองเลือด และเขาก็ต้องประสบกับความปราชัยครั้งยิ่งใหญ่

นโปเลียนยอมจำนน และถูกส่งไปอยู่เกาะเซนส์เฮเลน่า หลังจากใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเป็นเวลาหกปี เขาก็ได้เสียชีวิตลงที่นั่นในปี ค.ศ. 1821

นโปเลียนได้เขียนบันทึกความทรงจำ โดยบันทึกเอาไว้ว่า เขาได้ออกทำศึกทั้งหมดกว่า 80 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าสามล้านคน

และคำพูดสุดท้ายของนโปเลียนได้ถูกบันทึกเอาไว้ว่า “ฝรั่งเศส กองทัพ และโจเซฟีน”

จบบริบูรณ์

ดูตัวอย่าง Napoleon (2023) ที่ Sony Pictures Thailand >>> คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง Napoleon (2023) จักรพรรดินโปเลียน appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Believer 2 (2023) https://www.online-idol.com/2023/11/25/believer-2-2023-kdrama-spoiler-37716/ Sat, 25 Nov 2023 10:43:49 +0000 https://www.online-idol.com/?p=37716 นักสืบผู้มุ่งมั่นตามหาความจริงเบื้องหลังแก๊งค้ายาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย รวมทั้งตัวบอสใหญ่ผู้ลึกลับที่เขามีเรื่องต้องสะสาง …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Believer 2 (2023) appeared first on idol.

]]>
Believer 2 (2023) สปอยล์ : นักสืบผู้มุ่งมั่นตามหาความจริงเบื้องหลังแก๊งค้ายาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย รวมทั้งตัวบอสใหญ่ผู้ลึกลับที่เขามีเรื่องต้องสะสาง …

แนว : แอ๊คชั่น อาชญากรรม
เรต : 16+
คะแนนรีวิว : 3/10
IMDb เรตติ้ง : 5.7

โปสเตอร์ Believer 2 (2023)

หมายเหตุ : ใน Believer 2 เรื่องจะเริ่มต้นหลังจากที่ ผอ.ไบรอันถูกจับ และวอนโฮเอาจีพีเอสไปติดตั้งไว้ที่ปลอกคอสุนัข ซึ่งเป็นช่วงที่ภาคหนึ่งทิ้งว่างเอาไว้ ก่อนที่วอนโฮจะไปพบกับซอยองรักที่บ้านห่างไกลผู้คนกลางหิมะ และเกิดเสียงปืนดังขึ้น

ซอยองรัก (รับบทโดย โอซึงฮุน) รู้ว่ามีจีพีเอสติดอยู่ที่ปลอกคอเจ้าไลก้า เขาจึงเอาปลอกคอออก แล้วไปวางไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม พร้อมทิ้งเบาะแสบางอย่างเอาไว้ให้ วอนโฮ (รับบทโดย โจจินอุง)

ทีนี้ ซอยองรักก็วางแผนกับสองใบ้ โดยจะเริ่มจากการตัดเงินทุนของ ผอ.ไบรอัน (รับบทโดย ชาซึงวอน) จะได้ไม่มีเงินทุนไปคืนให้กับแก๊งคนจีน จากนั้น ก็จะไปขโมยสารตั้งต้นของ ผอ.ไบรอันที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศเอามาผลิตยาไลก้า

ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาได้วางตัวอย่างยาไลก้าไว้ที่ศพของเมียจินฮาริม ซึ่งจะทำให้แก๊งคนจีนต้องให้เขาผลิตยาไลก้าให้ ถ้าเป็นไปตามแผนก็จะเป็นการล่อ ‘ท่านอี’ ให้ออกมาปรากฏตัว

ฮันฮโยจู ใน Believer 2 (2023)

เจ๊มีดใหญ่

ที่เมืองจีน ศพของเมียจินฮาริมถูกส่งกลับมาทางตู้คอนเทนเนอร์ แก๊งคนจีน ที่นำโดยหญิงสาวสุดห้าวเจ้าของฉายา ‘เจ๊มีดใหญ่’ (รับบทโดย ฮันฮโยจู) พร้อมด้วยลูกน้องก็ตามมาดูศพ หลังจากเก็บหลอดยาไลก้า เธอก็สั่งให้ลูกน้องราดน้ำมันและจุดไฟเผาศพซะ ก่อนเจ๊แกจะขยับแว่นสายตาขนาดใหญ่ หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วหันไปด่าศพที่อยู่ในกองเพลิง “กากชิบหาย”

ต่อมา เจ๊มีดใหญ่เอายาไลก้าที่ได้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ แล้วก็พบว่ามันเป็นยาที่มีความบริสุทธิ์สูงมากกว่า 99.966666 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าเป็นโคตรยาไลก้าสูตรซูเปอร์พรีเมียม

ปัญหาในตอนนี้ก็คือ แก๊งคนจีนของเจ๊มีดใหญ่มีนัดต้องส่งมอบยาไลก้าห้ากิโลกรัม ให้ลูกค้าในอีกครึ่งเดือน แต่ทว่ายาถูกตำรวจเกาหลียึดไปซะแล้ว ที่สำคัญสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตก็หมดเช่นกัน ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางไปเกาหลีด้วยตัวเอง เพื่อไปจัดการหายามาให้ได้

ข้อตกลง

ที่โรงพยาบาล ผอ.ไบรอันถูกนำมารักษาตัว หลังถูกซอยองรักเล่นงานจนอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ขณะนั้น ด้วยความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ ลูกน้องหญิงคนสนิทของ ผอ.ไบรอัน ที่ปลอมตัวเป็นหมอ สามารถพาตัวเขาออกจากโรงพยาบาลไปได้

เมื่อหนีออกมา ผอ.ไบรอันได้รับแจ้งข่าวว่า เงินทุนถูกซอยองรักดูดไปจนหมด ส่วนสารตั้งต้นที่เก็บเอาไว้ก็ถูกขโมยไปเช่นกัน เขาจึงสั่งลูกน้องให้ไปรับเจ๊มีดใหญ่ เพื่อจะได้มาตกลงธุรกิจกัน

ฮันฮโยจู - ชาซึงวอน

เจ๊มีดใหญ่เดินเข้ามาในสถานที่นัดพบ เธอนั่งลงไขว้ห้าง ปากเผยอออกเล็กน้อยจากฟันที่เหยินผิดรูป เธอมองไปที่ ผอ.ไบรอันนั่งตัวงออยู่บนรถเข็นผู้ป่วย ประโยคแรกที่ออกจากปาก ผอ.ไบรอัน เป็นคำชมปากหวาน “ตัวจริงคุณดูสวยกว่าในรูปซะอีก”

แต่เจ๊มีดใหญ่รำคาญอารัมภบทอันยืดเยื้อ เธอเข้าประเด็นยิงคำถามเรื่องยาไลก้า ผอ.ไบรอันจึงเริ่มบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ไลก้าถูกตำรวจยึดไปจนหมด จะผลิดใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเงินทุนของเขาถูกซอยองรักดูดไปจนหมด ส่วนสารตั้งต้นก็ถูกขโมยไปเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถผลิตยากไลก้าส่งมอบให้ได้ แต่เขายังมีสารตั้งต้นที่เก็บเอาไว้ที่ประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก เขาจึงขอให้เจ๊มีดใหญ่พาเขาหนีไปอยู่ประเทศไทย

จากนั้น ก็ชี้เป้าซอยองรักให้เจ๊มีดใหญ่ เขาเป็นคนเดียวที่สามารถผลิตยาไลก้าได้ เจ๊มีดใหญ่ขยับแว่นหยิบรูปซอยองรักขึ้นมาดู ก่อนจะขยำมัน พร้อมกับเผยรอยยิ้มให้เห็นฟันเหลือง

โอซึงฮุน

ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตยาไลก้า

เวลาเดียวกัน ซอยองรักกับสองใบ้ก็เข้าไปที่โรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง เขายื่นข้อเสนอส่วนแบ่งให้กับพวกนักเลงคุมโรงงานชั้นปลายแถว พวกมันจึงยอมให้เขาใช้โรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตยา

แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่ม รถตู้สองคันที่มีชายฉกรรจ์พร้อมด้วยอาวุธปืนกลเต็มคันรถ ก็มาจอดด้านหน้าโรงงาน พวกนักเลงเศษสวะชั้นปลายแถวยืนมองดูรถตู้สองคันด้วยความแปลกใจ ทันใดนั้น เสียงปืนกลก็ดังขึ้นรัว ๆ ตายเกลี้ยง สักพัก เจ๊มีดใหญ่ก็ลงมาจากรถ เดินอาด ๆ อย่างเท่ ๆ ตรงเข้าไปหาซอยองรัก “พวกมึงนี่ ทำให้เรื่องยุ่งยากชิบหาย”

ซอยองรักไม่มีท่าทางตกใจเลยสักนิด เขาจ้องมองหน้าเจ๊มีดใหญ่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า เขาจะผลิตยาไลก้าให้ได้ตามที่ตกลง และถ้ามีสารตั้งต้นมากพอก็จะผลิตให้ได้มากกว่าที่ตกลงกันไว้หลายเท่า สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือ “ผมทำให้ได้ ถ้าผมได้เจอท่านอี”

ขณะเดียวกัน วอนโฮกับลูกน้องอีกหนึ่งคนก็ตามแกะรอยมาจนเจอกับโรงงานผลิตยาแห่งนี้ วอนโฮหยิบเสื้อเกราะมาให้แล้วสวมบทแรมโบ้บุกเดี่ยวเข้าไป โดยไม่สนใจคำเตือนของลูกน้องที่ให้รอกำลังเสริม

“หยุดนะ นี่ตำรวจ” วอนโฮตะโกนลั่นใส่แก๊งชาวจีน แต่มีเหรอที่ระดับเจ๊มีดใหญ่จะยอมง่าย ๆ กะอีแค่คำพูดของตำรวจแค่ประโยคเดียว ทันใดนั้นเสียงกระสุนปืนกลก็ดังขึ้น จนเป็นการยิงปะทะกันอย่างสุดโหดบ้าระห่ำ

ไม่กี่นาทีต่อมา ลูกน้องของวอนโฮก็เข้ามาช่วย เขายิงใส่พวกแก๊งคนจีนร่วงไปหลายคน เจ๊มีดใหญ่เห็นท่าไม่ดีจึงสั่งให้ลูกน้องส่องกล้องไรเฟิลยิงเฮดช็อตซะเลย จากนั้น เจ๊มีดใหญ่ก็พาซอยองรักหนีไปได้

ไทยแลนด์แดนกบดาน

วอนโฮพาลูกน้องไปตาย ความเสียใจและความรู้สึกผิดเกาะกุมใจเขา ไม่เท่านั้นเขายังถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษให้พักงานเป็นเวลาหกเดือน ยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเมียของลูกน้องในพิธีเคารพศพ คำพูดเหล่านั้นมันกระแทกเข้าไปในหัวใจของวอนโฮอย่างแรง “ถ้าเป็นตำรวจที่ดีมันต้องเจอเรื่องแบบนี้ ฉันก็ไม่ต้องการมันหรอก”

หลักถูกสั่งพักงาน วอนโฮก็ยังทำการสืบหาตัวท่านอีต่อไป จนไปเจอกับเบาะแสของชายคนหนึ่ง ที่ตอนนี้กบดานอยู่ที่ประเทศไทย วอนโฮจึงออกเดินทางนั่งเครื่องบินไปไทยแลนด์แดนกบดานของอาชญากรทันที

ชาซึงวอน - โอซึงฮุน

เวลาเดียวกัน เจ๊มีดใหญ่ก็พาซอยองรักมาพบกับ ผอ.ไบรอันบนเรือ ที่กำลังเดินทางไปยังประเทศไทย ระหว่างนั้น ผอ.ไบรอันก็ยื่นข้อเสนอให้ซอยองรักร่วมมือกับเขา เพราะเขาเคยเห็นความน่ากลัวสยดสยองของเจ๊มีดใหญ่ แล้วเขาก็เล่าเรื่องในอดีตเมื่อสิบสองปีก่อน …

ในตอนนั้น มีคนแอบอ้างเป็นท่านอี เจ๊มีดใหญ่จึงจัดการตัดคอในคนแอบอ้างคนนั้นซะ ก่อนที่จะโยนหัวของมันลงสระน้ำ และลูกน้องคนสนิทของท่านอีมีอยู่ด้วยกันสองคน คนหนึ่งคือจินฮาริม (ซึ่งถูกซอยองรักเฮดช็อตตายไปแล้วในภาคแรก) ส่วนอีกคนก็คือเจ๊มีดใหญ่นี่แหละ

ดังนั้น ผอ.ไบรอันจึงต้องการกำจัดเจ๊มีดใหญ่ ถ้าไม่ทำ เขานั่นแหละจะเป็นคนที่ถูกตัดคอเป็นรายต่อไป เพราะเขาเองก็แอบอ้างเป็นท่านอีเช่นกัน ซอยองรักตกลงร่วมมือ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องพาตัววอนโฮมาให้เขา เพราะเขาต้องใช้วอนโฮในตอนสุดท้ายของแผน

สรุปเนื้อเรื่อง Believer 2 (2023)

ที่จังหวัดกระบี่ เจ๊มีดใหญ่พาซอยองรักมาที่โรงงานผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต มีคนงานในโรงงานนับร้อย ๆ คน แต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกัน ยาที่ผลิตเสร็จแล้วจะถูกบรรจุใส่ในซองเครื่องปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แถมกลุ่มคนที่ดูแลความเรียบร้อยในโรงงานแห่งนี้ก็คือทหาร

ส่วน ผอ.ไบรอันก็ถูกพาตัวไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งระหว่างทางลูกน้องของ ผอ.ไบรอันก็เข้ามาลงมือชิงตัวเขาไปได้สำเร็จ

สรุปเนื้อเรื่อง Believer 2 (2023)

เวลาเดียวกัน วอนโฮที่เดินทางมาถึงกระบี่ ก็ถูกลูกน้องของเจ๊มีดใหญ่จับตัวไปขังไว้ แต่แล้วจู่ ๆ ลูกน้องของ ผอ.ไบรอันก็ปรากฏตัวขึ้นช่วยวอนโฮเอาไว้ได้ ในตอนนั้น ผอ.ไบรอันก็ยื่นโทรศัพท์ให้วอนโฮ

“เราทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะเราต้องการเจอตัวท่านอีเหมือนกัน” เสียงปลายสายจากซอยองรักอธิบายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น วอนโฮจึงปะติดปะต่อเรื่องราวจนรู้ว่า ซอยองรักต้องการเจอท่านอี เพราะต้องการล้างแค้นให้พ่อแม่ที่ต้องเน่าตายในตู้คอนเทนเนอร์เพราะฤทธิ์ยาของท่านอี

เด็กมีปมด้อย

ทั้งสามตกลงร่วมมือกัน แผนต่อไปคือบุกถล่มยึกโรงงานผลิตยา ลูกน้องสาวมือฉกาจฉกรรจ์ของ ผอ.ไบรอันจึงนำทีมบุกทันที การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด และด้วยความที่ไม่ได้เตรียมมือตั้งรับ ทำให้ลูกน้องของเจ๊มีดใหญ่ไม่สามารถรับมือการบุกแบบสายฟ้าแลบได้ สรุปคือตายเกลี้ยง

ฮันฮโยจู ใน Believer 2 (2023)

ด้านเจ๊มีดใหญ่ ที่ตอนนี้อยู่ภายในห้องกับซอยองรัก เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่า ด้านนอกมีการยิงกันเละเทะเกิดขึ้น เธอโทร. ไปหาท่านอีตามที่ซอยองรักต้องการ น้ำเสียงของเธอที่พูดกับท่านอีเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลเหมือนหญิงสาวไร้เดียงสา นั่นเป็นเพราะเธอมีปมมาตั้งแต่เด็ก สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือการได้เป็นลูกที่ท่านอีรักที่สุด แต่ …

แต่แล้วอยู่ดี ๆ ท่านอีก็พูดในสิ่งที่เจ๊มีดใหญ่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน “จากนี้ไป แกไม่ต้องติดตามมาหาฉันอีก ฉันต้องการพักผ่อนกับครอบครัวก็เท่านั้น” ท่านอีประกาศวางมือ โดยจะยกธุรกิจทั้งหมดให้เจ๊มีดใหญ่ดูแล

คำพูดที่ท่านอีบอกว่า “ต้องการจะพักผ่อนอยู่กับครอบครัว” มันทำให้เจ๊มีดใหญ่รู้สึกผิดหวัง เหมือนทุกอย่างพังทลาย เธอรักท่านอีเหมือนพ่อแท้ ๆ เธอต้องการให้ท่านอีรักเธอเหมือนลูกแท้ ๆ บ้าง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย ไม่ใช่เลยจริง ๆ

ฮันฮโยจู และ โอซึงฮุน ใน Believer 2 (2023)

ซอยองรักไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นน้ำตาของเจ๊มีดใหญ่ หญิงที่คุมแก๊งยาเสพติดที่ใหญ่ที่สึดในเอเชีย แล้วน้ำตาก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เธอปรี่เข้าไปหาซอยองรัก และกระทืบเขาเพื่อระบายความโกรธทั้งหมด จากนั้นเธอก็จัดการกระชากเสื้อของตัวเองออก เหลือไว้แค่สปอร์ตบรา เผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่มีอยู่เต็มตัว แล้วเธอก็ใช้มีดแทงเข้าไปที่หัวไหล่ของเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา เหมือนคนสติแตก “อย่าเพิ่งรีบตายไปซะก่อนล่ะ ฉันจะให้แกตายอย่างช้า ๆ”

ซอยองรักเอ่ยชื่อ ‘ท่านอี’ ออกมาอีกหลายครั้ง และทุกครั้งที่เจ๊มีดใหญ่ได้ยินชื่อท่านอี อาการสติแตกของเธอก็เริ่มหนักขึ้น จนซอยองรักได้จังหวะ เขาคว้าเอาเศษกระจกที่ตกอยู่แทงเข้าไปที่ต้นคอของเจ๊มีดใหญ่ ทีเดียว ตายเลย …

แต่ยังไม่สาแก่ใจ วอนโฮเดินเข้ามาในห้องพอดี จึงซัดกระสุนเข้าใส่อีกหนึ่งดอก ร่างไร้วิญญาณของเจ๊มีดใหญ่ก็ล้มพับลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

สัจจะไม่มีในหมู่โจร

หลังจัดการกับเจ๊มีดใหญ่ พร้อมกับบุกยึดโรงงานผลิตยาได้แล้ว ผอ.ไบรอันก็เผยให้เห็นสัจธรรมที่ว่า “สัจจะไม่มีในหมู่โจร” โดยเฉพาะโจรอย่าง ผอ.ไบรอันด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาสั่งให้ลูกน้องลากตัวสองใบ้เข้ามา จากนั้นก็สั่งลูกน้องให้ใส่สารเคมีบางอย่างเข้าไปในดวงตาของหนึ่งในสองใบ้ จนทำให้มองไม่เห็นตลอดไป

เสียงร้องอย่างโหยหวนดังกึกก้องไปทั่วทั้งโรงงาน ซอยองรักออกอาการตกใจเป็นครั้งแรก ผอ.ไบรอัน พยายามพยุงตัวเองขึ้นจากรถเข็น แล้วค่อย ๆ เดินไปหาซอยองรัก “ไปตามหาท่านอีแล้วกำจัดเขาซะ” แลกกับชีวิตของสองใบ้

หลังจากนั้น วอนโฮก็ถูกฉีดยาสลบจนล้มพับหมดสติไป

ขายความสุข ?

วอนโฮฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล โดยมีลูกน้องสาวที่บินตามมาจากเกาหลี ยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ เตียง เธอบอกกับเขาว่า ตำรวจไทยเจอตัวเขาหมดสติอยู่ที่โรงงานผลิตยา

Believer 2 (2023)

ที่ประเทศนอร์เวย์ ท่านอีกลับเข้ามาในบ้านพัก เมื่อเข้ามาภายในบ้าน ท่านอีก็พบซอยองรักนั่งอยู่บนโต๊ะ ท่านอีดูไม่ประหลาดใจเลยสักนิด เขาค่อย ๆ จัดแจงถอดเสื้อคลุม ก่อนจะค่อย ๆ เดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ไลก้าของนายมันทำให้ฉันประทับใจมากเลยนะ”

แล้วจากนั้นทั้งสองก็แลกเปลี่ยนบทสนทนากัน ซอยอรักถามท่านอีว่าผลิตยาไปทำไม ? ท่านอีตอบกลับไปว่า ตอนแรกก็เพื่อประโยชน์ทางวิชาการ ที่ต้องการหาคำตอบว่า อะไรจะทำให้มนุษย์เคลิบเคลิ้มกับความสุขได้ ซึ่งมันก็ดีไม่ใช่เหรอที่คนเราจะสามารถซื้อหาความสุขได้ “ฉันก็แค่ขายความสุขให้กับคนที่ต้องการก็เท่านั้น และฉันก็ทำมันสำเร็จแล้ว”

คุยกันมาถึงตรงนี้ ซอยองรักก็เล่าเรื่องสามีภรรยากับลูกชาย กำลังขึ้นเรือเพื่ออพยพไปเกาหลี ซึ่งตอนนั้นท่านอีได้มอบอาหารให้ทั้งสามไปกินบนเรือ แต่ปรากฏว่าในอาหารกลับผสมยาเสพติดเอาไว้ จนทำให้พ่อแม่ของเด็กชายตายจากการเสพยาเกินขนาด และเด็กชายคนนั้นต้องทนดูศพของพ่อแม่ที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นอยู่ด้านหลังตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเด็กชายคนนั้นก็คือเขาเอง

จากนั้น ซอยองรักก็เล่าต่อว่า เขาได้จัดการกับครอบครัวของท่านอีตายไปหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่นำทางให้เขามาที่นี่ได้ก็คือโทรศัพท์ของเจ๊มีดใหญ่นั่นเอง พูดจบ ซอยองรักก็ยกปืนขึ้นมาเป่าใส่กบาลของท่านอีตายไปอย่างง่ายดายด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว

โจจินอุง และ โอซึงฮุน ใน Believer 2 (2023)

จุดจบ

หลังจากล้างแค้นที่คอยมา 25 ปีได้สำเร็จ ซอยองรักก็เปิดจีพีเอสเพื่อให้วอนโฮติดตามเอาได้

วอนโฮขับรถฝ่าหิมะไปยังบ้านอันห่างไกลผู้คน แล้วทั้งสองก็ได้มานั่งเผชิญหน้ากันบนโต๊ะกาแฟ โดยมีปืนวางอยู่ตรงหน้าของคนทั้งสอง ซอยองรักบอกเล่าความรู้สึกว่า แม้ผมจะล้างแค้นให้พ่อกับแม่ได้แล้ว แต่กลิ่นศพของพวกนั้นยังไม่จางหายไปเลย แม้กระทั่งตอนนี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ล้างแค้นได้สำเร็จแล้ว

ซอยองรักบอกว่า เขาจะรับเป็นท่านอีเอง เมื่อพูดจบเขาก็หยิบปืนกึ่งอัตโนมัติขึ้นมา ทันใดนั้น วอนโฮก็ใช้สัญชาตญาณความเป็นตำรวจ คว้าปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 ขึ้นมาลั่นกระสุนใส่หน้าผากของซอยองรักตายคาที่

วอนโฮก้มลงไปหยิบปืนของซอยองรักขึ้นมาตรวจเช็กกระสุน แต่ปรากฏว่ามันไม่มีกระสุนบรรจุอยู่ในแม็กกาซีน วอนโฮวิ้งขึ้นในหัวเลยทีนี้

ตอนจบ Believer 2 (2023)

เขาค่อย ๆ เดินออกมาจากบ้าน น้ำตาล้นเอ่ออยู่ที่ขอบเบ้าตา “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน !?” เขาค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ ทันใดนั้น เพื่อนใบ้ของซอยองรักก็ลั่นกระสุนจากทางด้านหลัง ใส่เข้ากบาลของวอนโฮ เขาล้มลงอาบท่วมนอนเป็นศพอยู่กลางหิมะอย่างเดียวดาย

การจากไปของวอนโฮ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยกย่องให้เขาเป็นตำรวจดีเด่น ในการทำหน้าที่ปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แล้วเรื่องราวก็จบลงไปแบบนี้

จบบริบูรณ์

อธิบายตอนจบ

ทำไมอยู่ดี ๆ จินฮาริมและเจ๊มีดใหญ่จึงเป็นสองลูกน้องคนสนิทของท่านอี ?

ด้วยความที่คนเขียนบทและผู้กำกับฯ เป็นคนละคนกับหนังภาคแรก ทำให้โทนหนังและเนื้อเรื่องไม่ปะติดปะต่อ จนเกิดเป็นพล็อตโฮล เพราะในภาคแรก ท่านอีต้องการขยายตลาดยาเสพติดไปเมืองจีน จึงให้ซอยองรักไปติดต่อกับแก๊งคนจีนของจินฮาริม และจินฮาริมเดินทางมาเกาหลีก็เพราะต้องการพบท่านอี

พอมาภาคสอง ซอยองรักกลับติดต่อกับเจ๊มีดใหญ่ เพราะต้องการเจอท่านอี

ผอ. ไบรอัน ตายหรือเปล่า ?

อ้างอิงจากตอนจบของเรื่องที่ซอยองรักขอให้วอนโฮจับตัวเขาในฐานะท่านอี ก็แสดงว่า ผอ.ไบรอันน่าจะฆ่าตายไปแล้ว เพราะที่ ผอ.ไบรอันทำไปทั้งหมดก็เพื่อที่ตัวเองจะได้ขึ้นเป็นท่านอี อีกอย่าง ผอ.ไบรอันทำร้ายเพื่อนใบ้ของซอยองรัก ยังไม่นับแค้นเก่าที่เคยฆ่าแม่บุญธรรม และทำร้ายสุนัขของเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ส่วนจุดที่ว่าทำไม ผอ.ไบรอันจึงต้องทำร้ายเพื่อนใบ้ เพื่อบีบให้ซอยองรักไปฆ่าท่านอี อันนี้ก็น่าจะเป็นพล็อตโฮลอีกหนึ่ง เพราะ ผอ.ไบรอันก็รู้อยู่แล้วว่า ซอยองรักทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อที่จะฆ่าท่านอีล้างแค้นให้พ่อแม่

ทำไมซอยองรักจึงต้องยอมตายเพื่อวอนโฮด้วย ?

นั่นสิ แถมยังไม่นัดแนะกับเพื่อนใบ้ให้ดีก่อน วอนโฮเลยตายไปแบบงง ๆ ไปอีกคน

ดู Believer 2 ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง Believer 2 (2023) appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Believer (2018) https://www.online-idol.com/2023/11/23/believer-2018-kmovie-spoiler-37698/ Thu, 23 Nov 2023 14:42:48 +0000 https://www.online-idol.com/?p=37698 ตำรวจตามล่า ‘ท่านอี’ เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ ที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้า กระทั่งได้รับความร่วมมือจากผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์โรงงานผลิตยาระเบิด …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Believer (2018) appeared first on idol.

]]>
Believer (2018) สปอยล์ : ตำรวจตามล่า ‘ท่านอี’ เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ ที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้า กระทั่งได้รับความร่วมมือจากผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์โรงงานผลิตยาระเบิด …

แนว : แอ๊คชั่น อาชญากรรม
เรต : 16+
คะแนน : 6/10
IMDb เรตติ้ง : 6.6

โปสเตอร์ Believer (2018)

วอนโฮ (รับบทโดย โจจินอุง) หัวหน้าทีมตำรวจสายสืบแผนกยาเสพติด ที่ทุ่มเทเวลาตลอดสองปี พยายามโค่นล้ม ‘ท่านอี’ เจ้าพ่อแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย เพียงแต่ไม่เคยมีใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาเลย ทุกครั้งที่วอนโฮตามสืบจนใกล้ถึงตัว ‘ท่านอี’ ความตายก็มักมาเยือนสายที่ให้ข่าวคนนั้น

โจจินอุง

ครั้งนี้ วอนโฮได้ติดต่อเยาวชนหญิงติดยาคนหนึ่งให้เป็นสาย เพื่อหวังจะได้เข้าถึงตัวท่านอี แต่ยังไม่ทันได้เริ่มงาน เธอก็ถูกทำร้าย และจับมัดเอาร่างอันบอบช้ำมาทิ้งที่ลานจอดรถ แม้วอนโฮจะพาเธอไปโรงพยาบาล แต่อาการก็หนักเกินกว่าที่หมอจะยื้อชีวิตเอาไว้ได้ ก่อนสิ้นใจ เธอได้เขียนสัญลักษณ์บางอย่างให้เขาบนกระดาษ เป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้

วอนโฮถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปต่อว่า ที่ทำงานพลาดและคว้าน้ำเหลวมาตลอดสองปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้แม้แต่ ‘ท่านอี’ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แถมยังก่อเรื่องใช้เยาวชนเป็นสายและทำเธอตาย … ความผิดใหญ่ขนาดนี้เขาต้องถูกถอดออกจากภารกิจ แต่เขาก็ยังดื้อขอโอกาสทำภารกิจล่า ‘ท่านอี’ ต่อไป เพราะมันฆ่าลูกน้องของเขา ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องล่าตัวมันให้ได้

ภาพหน้าจอ Believer (2018)

ผู้รอดชีวิต

วันหนึ่ง เกิดเหตุระเบิดที่โรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง โอยอนอ๊ก ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสังหารกลับรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด เธอจึงตัดสินใจไปหาวอนโฮ เพื่อช่วยให้เขาจับตัว ‘ท่านอี’ โดยแลกกับการที่เธอจะได้รับความคุ้มครอง โดยอาศัยอยู่ที่สำนักงานตำรวจ และขอให้เคลียร์คดีที่อยู่ในชั้นอัยการให้เธอด้วย

โอยอนอ๊กให้ข้อมูลว่า ‘ท่านอี’ อยู่เบื้องหลังการสังหารผู้บริหารระดับสูง เพื่อปรับองค์กรขนานใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีที่ ‘ท่านอี’ ใช้มาตลอด แต่เธอก็ไม่เคยเห็นหน้า ‘ท่านอี’ เช่นกัน … อย่างไรก็ตาม โอยอนอ๊กถูกวางยา และเสียชีวิตทันทีระหว่างกินอาหาร

รยูจุนยอล - โจจินอุง

เวลาเดียวกัน วอนโฮได้รับแจ้งว่าพบผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ระเบิด เขาคือ ’ซอยองรัก’ (รับบทโดย รยุจุนยอล) และยังพบสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนแม่ของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ … ตำรวจพาเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ที่นั่นเขาพยายามหลบหนี แต่ก็ไม่รอด ถูกตำรวจจับได้ และพาตัวมาสอบสวน

วอนโฮพยายามหว่านล้อมให้ซอยองรักให้การที่เป็นประโยชน์ แต่เขากลับปิดปากเงียบ จนกระทั่งวอนโฮพูดถึงสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และพาเขาไปเจอสุนัขที่กำลังรับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ เขาจึงยอมเอ่ยปากพูด

ซอยองรักเล่าว่า เมื่อก่อนเคยมีอยู่สองสามคนที่อ้างว่าตัวเองเป็น ‘ท่านอี’ ทำให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง นำไปสู่เหตุระเบิดเพื่อล้างบางองค์กร

ซอยองรักมีตำแหน่งเป็นผู้ประสานงานในองค์กร และเป็นคนติดต่อแก๊งยาเสพติดชาวจีน เพื่อขยายตลาด ซึ่งมณฑลจี๋หลินเป็นตลาดค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ที่สำคัญคือ พรุ่งนี้เขาต้องไปพบหัวหน้าแก๊งค้ายาชาวจีน เพื่อคุยกันเรื่องธุรกิจ

วอนโฮจึงสั่งให้ลูกน้องวางแผนจัดฉาก ในการพบกับ จินฮาริม หัวหน้าแก๊งค้ายาชาวจีนสุดโหด …

โจจินอุง และ รยูจุนยอล ในหนังเรื่อง Believer (2018)

ไลก้า

เมื่อถึงเวลานัด ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน เพียงแต่จินฮาริมกับเมียของมันบ้าเกินพิกัด มันหยิบเอาลูกตามนุษย์ใส่แก้วแล้วรินเหล้าส่งให้วอนโฮดื่ม วอนโฮก็ต้องตีเนียนดื่มและเคี้ยวลูกตาลูกนั้นเข้าไปจนหมด วอนโฮสามารถรับมือเอาไว้ได้ ก่อนที่ซอยองรักจะหยิบเอายาเสพติดชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า ‘ไลก้า’ ออกมาให้หัวหน้าแก๊งชาวจีนกับเมียของมันได้ลอง ซื้ดไปสองปื๊ดเท่านั้นแหละ ของขึ้น จนทั้งสองเข้าไประบายอารมณ์กันในห้อง

รยูจุนยอล - พัคแฮจุน

จากนั้น วอนโฮก็รีบไปเปลี่ยนชุด ปลอมตัวเป็นจินฮาริม ส่วนซอยองรักก็ลงไปรับ พัคซอนชาง (รับบทโดย พัคแฮจุน) หัวหน้าสายตรงของเขา ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ วอนโฮแสดงบทบาทเป็นจินฮาริมได้เหมือนเป๊ะ ทั้งความบ้า ความเพี้ยน และความโหด

จนถึงตอนที่ซอยองรักหยิบเอาไลก้าออกมาให้วอนโฮลอง พัคซอนชางเห็นสินค้าสีขุ่นผิดปกติ เขาจึงหยิบสินค้าที่เขาเตรียมไว้ออกมาให้ลองแทน จังหวะนั้น วอนโฮเห็นพัคซอนชางเริ่มระแวง เขาจึงต้องออกอาการแกล้งบ้า กวาดจานบนโต๊ะทิ้ง และขึ้นเสียงให้พัคซอนชางเอาของมาให้ลองเร็ว ๆ เมื่อสูดเข้าไปสองปื้ด ฤทธิ์ของยาก็เริ่มทำงาน วอนโฮพยายามฝืนควักปืนออกมากรอกปากพัคซอนชาง แล้วถามว่า “แกใช่ท่านอีหรือเปล่า ?” เมื่อได้คำตอบว่าไม่ใช่ เขาจึงไล่ทั้งคู่ออกไป ก่อนจะฝืนเดินเข้าห้องไป

เมื่อเข้ามาถึงห้อง วอนโฮก็ล้มลง จากอาการช็อกเพราะได้รับยาเกินขนาด พวกลูกน้องต้องเข้ามาช่วยเอาร่างเขาลงไปแช่ในน้ำเย็น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ดีขึ้น ตอนนี้วอนโฮหยุดหายใจไปแล้ว !

หลังส่งพัคซอนชางกลับ ซอยองรักก็รีบขึ้นมาหาวอนโฮทันที โชคยังดีที่ซอยองรักมีความรู้ในเรื่องการช่วยชีวิตคนเสพยาเกินขนาด ในที่สุด วอนโฮก็รอดตาย

ภาพหน้าจอ Believer (2018)

โรงงานผลิตยากับคนใบ้สองคน

ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน จินฮาริมให้ลูกน้องนำสารตั้งต้นมาให้ที่โรงงานผลิตเกลือ ที่ด้านในทำเป็นโรงงานผลิตยา โดยมีคนใบ้สองคนเป็นมือปรุงยา ซึ่งคนที่สั่งงานคนใบ้สองคนนี้ได้มีเพียงคนเดียวคือซอยองรัก นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนเดียวที่พูดภาษามือได้

แล้วคืนนั้น สองใบ้ก็เริ่มปรุงยาทันที เพื่อให้ทันกำหนดส่งของในอีกสองวัน

ระหว่างนั้น วอนโฮก็ได้หลักฐานที่เจอในที่เกิดเหตุระเบิด เป็นรูปถ่ายครอบครัวของซอยองรัก แต่เด็กในรูปไม่ใช่ซอยองรัก มันทำให้วอนโฮเกิดความสงสัย จึงเรียกมาถามความจริง ซอยองรักจึงได้เล่าว่า เขาอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนยาเสพติด และแม่ก็เป็นคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่แปดขวบ ต่อมาลูกชายของแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แม่จึงให้เขาใช้ตัวตนเป็นซอยองรักนับตั้งแต่นั้น “แบบนี้มันก็เท่ากับผมคือซอยองรักไม่ใช่เหรอครับ ?”

รยูจุนยอล - พัคแฮจุน - ชาซึงวอน

ในคืนเดียวกันนั้น ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญขับรถมาที่โรงงานผลิตเกลือ พัคซอนชางแนะนำให้ซอยองรักรู้จักกับ ผอ.ไบรอัน (รับบทโดย ชาซึงวอน)

เมื่อ ผอ.ไบรอันปรากฏตัว วอนโฮก็สั่งให้ลูกน้องค้นประวัติทันที เพราะเขาไม่มีอรายชื่ออยู่ในลิสต์รายชื่อแก๊งมาก่อน เมื่อค้นประวัติ วอนโฮก็พบสัญลักษณ์ประจำตัวของ ผอ.ไบรอัน เป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ซึ่งตรงกับสัญลักษณ์ที่เยาวชนหญิงเขียนให้เขาก่อนตาย ตอนนี้วอนโฮเริ่มสงสัยว่า ผอ.ไบรอันอาจจะเป็น ‘ท่านอี’

Believer (2018) สปอยล์

แผนแตก

ผ่านไปสองวัน สองใบ้ก็ปรุงยาเสร็จ ซอยองรักกับวอนโฮจึงเตรียมขนยาไปส่ง ทันใดนั้น ลูกน้องของจินฮาริมก็มาจับตัวทั้งสองไป

จินฮาริมยืนหัวเราะอยู่หน้าวอนโฮ ก่อนจะหยิบป้ายตำรวจของวอนโฮออกมา “แกไม่ใช่ ‘ท่านอี’ แต่แกคือตำรวจยังไงล่ะ” จินฮาริมโกรธจัด เขาลั่นออกมาว่าจะหั่นทั้งสองเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะโยนให้หมารับประทาน วอนโฮอาศัยจังหวะที่จินฮาริมจ้อไม่หยุด คว้าเอาปืนในมือของลูกน้องจินฮาริม ก่อนที่ซอยองรักจะคว้าเอาปืนเล็งกระสุนเข้าไปที่กลางกบาลของจินฮาริม ตายคาที่ … ส่วนเมียก็ตายเหมือนกัน เนื่องจากเสพยาเกินขนาด

ระหว่างนั้น ตำรวจลูกน้องของวอนโฮก็เข้าไปตรวจสอบในโรงงานผลิตเกลือ โดยที่ไม่รู้ว่าด้านในได้วางกับระเบิดเอาไว้ ทำให้ลูกน้องของวอนโฮเสียชีวิตไปหนึ่งนาย

วอนโฮเสียใจมากที่เสียลูกน้องไป เขาโกรธมาก โดยโทษว่าเป็นความผิดของซอยองรักที่ไม่บอกเรื่องระเบิดที่อยู่ในโรงงาน ซึ่งซอยองรักก็แก้ตัวว่า เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าสองใบ้จะวางกับดักระเบิดเอาไว้ เขาได้แต่เพียงขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ชาซึงวอน และ โจจินอุง ใน Believer (2018)

ท่านอีและสัญลักษณ์อินฟินิตี้

วอนโฮกับซอยองรักเอาของไปส่งให้พัคซอนชาง โดยมี ผอ.ไบรอันอยู่ด้วย ในตอนนั้น ผอ.ไบรอันได้สั่งให้พัคซอนชางพาตัวซอยองรักไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเตรียมไว้สำหรับสังหารซอยองรักทิ้งซะ

ส่วนวอนโฮก็มานั่งคุยกับ ผอ.ไบรอันอีกห้องหนึ่ง ในตอนแรกวอนโฮก็เข้าใจว่า ผอ.ไบรอันนี่แหละคือ ‘ท่านอี’ เพราะได้เห็นเขาสวมแหวนที่มีสัญลักษณ์อินฟินิตี้ แต่เมื่อได้คุยเพียงแค่ไม่กี่ประโยค วอนโฮก็รู้ได้ในทันทีว่า ผอ.ไบรอันไม่ใช่ ‘ท่านอี’

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ก็มีผู้หญิงเข็นกล่องมาให้ แล้วบอกว่าเป็นของ ‘ท่านอี’ ส่งมาให้ เมื่อ ผอ.ไบรอันเปิดกล่องดูก็ถึงกับผงะ เมื่อพบว่าเป็นมือมนุษย์ที่เต็มไปด้วยเลือด และในมือก็กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ทันใดนั้น สายจาก ‘ท่านอี’ ก็โทร. เข้ามา วอนโฮจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ก็มีระเบิดควันปาเข้ามาในห้อง ก่อนจะระดมยิงเข้าใส่ไม่ยั้ง วอนโฮได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขน ส่วน ผอ.ไบรอันก็สลบและถูกจับตัวไป

ชาซึงวอน และ รยูจุนยอล ใน Believer (2018)

ท่านอีตัวจริงกับท่านอีตัวปลอม

เมื่อ ผอ.ไบรอันฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้โลหะ ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือ ‘ซอยองรัก’ ขณะนี้ ผอ.ไบรอันสั่นเทาไปทั้งร่าง … และมือที่ถูกตัดก็คือมือของพัคซอนชางนั่นเอง

ซอยองรักพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วเอ่ยออกไปว่า ก่อนหน้านี้มีคนอ้างตัวเป็น ‘ท่านอี’ ถึงเก้าคน แต่ไม่มีคนไหนเลยที่กล้าทำขนาดนี้ พูดถึงตรงนี้ ซอยองรักก็ถึงกับหัวเราะออกมา ที่ ผอ.ไบรอันทำผิดพลาดอย่างมหันต์ถึงสามอย่าง หนึ่งคือแม่บุญธรรมของเขาที่ต้องตายอย่างทรมาน ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอควรจะตายในทันที … สอง คือหมาของเขาที่ยังไม่ตาย และต้องทนทรมานกับอวัยวะภายในเสียหายยับเยิน … และสุดท้ายที่แย่ที่สุด คือคิดว่าตัวเองเป็น ‘ท่านอี’ ต่อหน้าเขา

จากนั้น สองใบ้ก็เป่าไฟไปที่หลังของ ผอ.ไบรอัน ให้เป็นแผลไฟไหม้เหมือนกับสุนัขของเขาโดนกระทำ ผอ.ไบรอันร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด

ไม่นานนัก วอนโฮก็ได้รับโทรศัพท์จาก ‘ซอยองรัก’ โดยบอกว่า “ให้มาเจอกับ ‘ท่านอี’ ที่ชั้นหนึ่งของสถานีรถไฟ’

วอนโฮเจอกับ ผอ.ไบรอันที่นอนหมดสติ หลังเป็นแผลไฟไหม้คล้ายกับสุนัขตัวนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ‘ท่านอี’ ตัวจริงคือ ‘ซอยองรัก’

ผู้บัญชาการตำรวจสั่งปิดคดีนี้ทันที เพราะจับตัว ผอ.ไบรอันที่อ้างตัวเป็น ‘ท่านอี’ ได้แล้ว แม้วอนโฮพยายามจะบอกว่าไม่ใช่ ‘ท่านอี’ ตัวจริง แต่ผู้บัญชาการก็ไม่สนใจ จนวอนโฮก็ต้องยอมทำตามคำสั่ง เขาเดินออกมาหาลูกน้องแล้วสั่งให้ทุกคนไปพัก คดีปิดแล้ว

ตอนจบ Believer (2018)

ไลก้า

จากนั้น วอนโฮก็รีบไปที่โรงพยาบาลสัตว์ เขาไปหาสุนัขตัวนั้นและเรียกชื่อมันว่า “ไลก้า” เรียกปุ๊บหันควับเลย แล้วเขาก็แอบติดจีพีเอสเอาไว้ที่เจ้าไลก้า

ต่อมา วอนโฮก็ขับรถไปตามจีพีเอสไปในพื้นที่ห่างไกลที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ จนมาเจอกับบ้านหลังหนึ่ง เขาเดินเข้าไปแล้วก็พบเจ้าไลก้า สองใบ้ และซอยองรักอยู่ที่นั่น

ซอยองรักดริปกาแฟให้วอนโฮดื่ม วอนโฮหยิบปืนรีวอลเวอร์ของตำรวจขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ซอยองรักก็หยิบปืนกึ่งอัตโนมัติของเขามาวางไว้บนโต๊ะเช่นกัน

ความเงียบงันปกคลุมภายในห้อง น้ำตาของวอนโฮเริ่มซึมออกมา แต่เขาพยายามกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ก่อนจะถามซอยองรัก “เกิดมานายเคยมีความสุขบ้างมั้ย ?”

ไม่มีคำตอบ ในห้องยังคงเงียบงัน ก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด โดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน !!?

จบภาค 1

อธิบายตอนจบ Believer (2018)

ท่านอี’ คือใคร ?

เนื้อเรื่องพยายามชี้ให้เชื่อว่า ‘ท่านอี’ น่าจะเป็น ‘ซอยองรัก’ แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนขนาดนั้น หรือบางทีท่านอีอาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ก็เป็นได้ แต่คนที่เชื่อแน่ ๆ ว่า ‘ซอยองรัก’ คือ ‘ท่านอี’ ก็คือวอนโฮ

ใครตายในตอนจบ ?

เรื่องจบแบบปลายเปิด ไม่มีอะไรที่บ่งชี้ได้เลยว่าเสียงกระสุนปืนหนึ่งนัดในตอนจบ เป็นเสียงจากปืนของใคร และยิงไปถูกใคร หรือมีใครตาย ? แต่ …

แต่ถ้าวิเคราะห์จากน้ำหนักของเสียง น่าจะเป็นปืนของ ‘ซอยองรัก’ มากกว่า

ดู Believer (2018) ที่ Netflix >>> คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง Believer (2018) appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง The Black Phone (2021) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ https://www.online-idol.com/2023/06/06/the-black-phone-2021-movie-spoiler-35631/ Tue, 06 Jun 2023 03:31:15 +0000 https://www.online-idol.com/?p=35631 เด็กชายวัย 13 ถูกฆาตกรลักพาตัวไปขังในห้องใต้ดิน เมื่อโทรศัพท์ที่โดนตัดเริ่มดัง เขาก็ได้ยินเสียงของเหยื่อรายก่อน ๆ

The post สรุปเนื้อเรื่อง The Black Phone (2021) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ appeared first on idol.

]]>
The Black Phone สปอยล์ : เด็กชายวัย 13 ถูกฆาตกรลักพาตัวไปขังในห้องใต้ดิน เมื่อโทรศัพท์ที่โดนตัดเริ่มดัง เขาก็ได้ยินเสียงของเหยื่อรายก่อน ๆ

แนว : สยองขวัญ ระทึกขวัญ
ผู้กำกับฯ : สก็อตต์ เดอร์ริกสัน

เรต : R 18+ (ความรุนแรง ภาษา สารเสพติด)
IMDb : 6.9/10
RT : 88% | 83%
คะแนนรีวิว : 6/10

โปสเตอร์ The Black Phone (2021)

เรื่องราวเริ่มขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ปี 1978 …

เด็ก ๆ และผู้ปกครองมารวมตัวกันดูการแข่งขันลีกเบสบอลระดับเยาวชน (Little League Baseball) … ฟินนีย์ (รับบทโดย Mason Thames) เด็กชายวัยมัธยมต้นผมยาวประบ่า กำลังขว้างลูกในตำแหน่งพิตเชอร์ ท่ามกลางแรงเชียร์ของน้องสาวเสียงแจ๋ว เกว็น (รับบทโดย Madeleine McGraw)

สองลูกแลกฟินนีย์ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง เขาสามารถขว้างสไตรค์ได้สอง แต่เมื่อถึงลูกที่สามสีหน้าของฟินนีย์ปกคลุมไปด้วยความกังวล เมื่อลูกถูกปล่อยออกจากมือ แบตเตอร์ (หรือผู้ตี) จับไม้เบสบอลกำแน่นอยู่ในมือ ป๊อก ! เสียงลูกเบสบอลกระทบไม้ดังลั่น ก่อนลูกจะรอยละลิ่ว โฮมรัน … ฟินนีย์คอตกด้วยความผิดหวัง ในขณะที่เสียงเชียร์ “บรูซ” ดังกึกก้องไปทั้งสนาม

บรูซ ยามาดะ (รับบทโดย Tristan Pravong) เป็นแบตเตอร์เชื้อสายนิปปอน-อเมริกัน เขาเป็นเด็กยิ้มง่ายอัธยาศัยดี และป๊อปในหมู่เด็กสาวในเมือง

วันนั้น ระหว่างทางขณะที่บรูซกำลังปั่น BMX สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นรถตู้สีดำคันใหญ่เลี้ยวมาหยุดอยู่ตรงทางที่เขากำลังจะผ่าน และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นบรูซ !?

The Black Phone สปอยล์

สองพี่น้อง

ฟินนีย์กับเกว็นเป็นพี่น้องที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อขี้เหล้า (รับบทโดย เจเรมี เดวีส์) ที่ค่อนข้างดุและเข้มงวด อย่างตอนที่ฟินนีย์กินอาหารเช้าเสียงดัง พ่อก็แสดงความไม่พอใจโดยใช้คำพูดแปลก ๆ “ฉันว่าแกกินดังกว่านี้ก็ได้นะ บ้านตรงข้ามเขาคงยังไม่ได้ยิน”

พ่อติดเหล้างอมแงมตั้งแต่แม่ของเด็ก ๆ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง มันเป็นแบบนั้น มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหล้าที่ผู้คนคิดว่าช่วยบรรเทาความเศร้าได้ แต่แท้จริงมันกลับเป็นเสมือนกาวที่ยึดติดความเศร้าให้อยู่กับคนคนนั้น

ทุกเช้า ฟินนีย์กับเกว็นจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน เด็กในเมืองที่นี่ส่วนใหญ่จะเดินไปโรงเรียน จะมีบ้างที่ขี่จักรยาน การเดินไปโรงเรียนในวันนี้ของทั้งสองก็เหมือนเดิม ที่แตกต่างไปสำหรับคือข้างทางมีใบปิดประกาศตามหาเด็กหาย เด็กที่ชื่อ บรูซ ยามาดะ เพิ่มมาอีกหนึ่งใบ … ฟินนีย์มองไปที่ใบประกาศนั้นด้วยความสนใจ แล้วก็พูดกับน้องสาวว่ามีเด็กหายเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว

ระหว่างทางมีกลุ่มเด็ก ๆ ล้อมวงกันมุงส่งเสียงเชียร์ ขณะที่เด็กวัยมัธยมต้นสองคนกำลังชกต่อยกัน เด็กคนผอมเชื้อสายเม็กซิกันชื่อโรบิน ที่หัวมีผ้าโพกเอาไว้อย่างกับนักร้องเพื่อชีวิตเมืองไทย เด็กอีกคนเป็นเด็กผิวขาวผมยาว ดูท่าทางสกิลหมัดมวยไม่น่าจะเท่าไร แต่สกิลปากที่ใช้บูลลี่เพื่อนนี่ต้องยกให้ที่หนึ่ง แล้วก็เป็นตามคาด โรบินอัดเจ้าเผือกล้มลงไปนอนกองแน่นิ่งอยู่กับพื้น จากนั้นก็ระดมหมัดทิ้งน้ำหนักใส่หน้าอีกนับครั้งไม่ถ้วน จนเลือดกระจายเต็มพื้น

เมื่อเห็นเลือดสาด ฟินนีย์ก็รีบดึงมือเกว็นให้ออกมา เพราะไม่อยากเห็นภาพความโหดร้ายแบบนั้น ตรงกันข้ามกับเกว็นที่สะใจสุด ๆ ที่เห็นไอ้เผือกโดนอัดจนเลือดสาด เพราะเมื่อปีกลายมันเคยชกหน้าฟินนีย์จนจมูกหัก “ฟินนีย์ มันเคยอัดพี่จนจมูกพังจำไม่ได้เหรอ สะใจเป็นบ้าที่มันโดนแบบนั้น”

เห็นได้ชัดว่า ฟินนีย์เป็นเด็กแหย่ ๆ ไม่สู้คน ส่วนเกว็นเป็นสาวน้อยปากแจ๋วที่พร้อมจะเชิดหน้าท้ารบกับทุกคน

ที่โรงเรียน … ฟินนีย์โดนเด็กหัวโจก 3 คนรังแกในห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะได้ทำอะไร โรบินก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับประกาศว่าห้ามใครยุ่งกับฟินนีย์ ได้ยินแบบนั้นเด็กหัวโจกสามคนจึงรีบออกจากห้องน้ำไป ใครจะกล้า โรบินเพิ่งอัดไอ้เผือกจนหน้าเละมาเมื่อกี๊

Madeleine Mcgraw ใน The Black Phone

ความฝัน

วันเดียวกันที่ห้องครูใหญ่ มีนักสืบสองคนมาขอคุยกับเกว็นที่โรงเรียน เนื่องจากเกว็นฝันเห็นเดอะแกร็บเบอร์ (The Grabber) ขณะลักพาตัวบรูซ โดยสามารถระบุได้ชัดเจนว่า “เป็นชายถือลูกโป่งสีดำในรถตู้” ซึ่งมันตรงกับที่ตำรวจพบลูกโป่งสีดำตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุลักพาตัวของเด็กหลายคน

คำถามคือ เกว็นรู้เรื่องลูกโป่งสีดำจากไหน เพราะตำรวจไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ ซึ่งเกว็นก็ยังยืนยันคำพูดที่ว่าเธอก็แค่ฝัน และเมื่อนักสืบทำท่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด สกิลปากแจ๋วของเกว็นก็เริ่มทำงานอีกครั้งจนครูใหญ่ต้องตวาดลั่นเพื่อปราม สุดท้ายเกว็นก็เสียงอ่อยแล้วพูดออกไปว่า “บางครั้งสิ่งที่หนูฝันก็เป็นเรื่องจริง”

เช้ารุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์ ฟินนีย์ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องของน้องสาว เกว็นที่กำลังยืนหันหน้าพิงโต๊ะในครัว ก้นที่กำลังโก่งรับแรงกระแทกจากสายเข็มขัดที่พ่อกำลังระดมฟาดมันลงที่ก้นของเธอ มันแรงเกินกว่าที่เกว็นจะรับไหว ฟินนีย์ตวาดลั่นใส่พ่อให้หยุด แทนที่จะหยุดพ่อกลับกระหน่ำฟาดสายเข็มขัดลงไปก้นของเกว็นอีกเกือบสิบที จนเกว็นทนไม่ไหวต้องบิดตัวหลบออกมา ในมือก็คว้าเอาขวดวอดก้าที่มีอยู่เกือบเต็มเอามาไว้ในมือ แล้วก็กรีดร้องให้พ่อหยุดตี ไม่งั้นเธอจะทิ้งวอดก้าขวดนี้ลงพื้น แล้วเธอก็ทิ้งมันลงบนพื้นจริง ๆ

“นี่มันวอดก้าราคาขวดละแปดดอลลาร์เชียวนะโว้ย !” พ่อขี้เมาตวาดลั่นใส่หน้าลูกสาวที่กำลังร้องไห้ออกมาไม่หยุด … แล้วทำไมพ่อต้องโกรธและตีเกว็นรุนแรงขนาดนี้ ? นั่นเป็นเพราะตำรวจนักสืบไปหาเขาที่ทำงาน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความฝันของเกว็นที่เชื่อมโยงกับการที่เด็ก ๆ ถูกลักพาตัวไป

ความฝันนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อโกรธ พ่อไม่ต้องการให้เกว็นคิดว่าความฝันเป็นความจริง เขาไม่ต้องการให้เกว็นเหมือนแม่ แม่ที่เชื่อสิ่งที่เห็นและเสียงที่ได้ยินในฝันจนนำไปสู่การจบชีวิตตัวเอง พ่อไม่ต้องการให้เกว็นเดินตามรอยแม่ พ่อทำไปแบบนั้นก็เพื่อต้องการให้เกว็นจำขึ้นใจว่า “ความฝันมันเป็นเพียงความฝัน”

เกว็นมีความสามารถพิเศษที่ฝันเห็นเหตุการณ์บางอย่างได้ ซึ่งเธอได้รับความสามารถนี้มาจากแม่ พ่อต้องการปกป้องเกว็นไม่ให้เป็นเหมือนแม่

แล้วคืนนั้น พ่อก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า โรบินหายตัวไปอีกคน !

โรบินเป็นเพื่อนที่คอยปกป้องฟินนีย์จากพวกเด็กหัวโจกที่ชอบรังแกเขา เกว็นมาปลอบพี่ชาย และเมื่อกลับไปห้องนอนเธอก็อ้อนวอนพระเจ้า ขอให้ฝันเห็นโรบินว่าเขาอยู่ที่ไหน หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้หาเขาเจอ

เดอะแกร็บเบอร์ รับบทโดย อีธาน ฮอว์ก

เดอะแกร็บเบอร์

เย็นวันศุกร์หลังโรงเรียนเลิก เมื่อไม่มีโรบิน พวกเด็กหัวโจกก็วิ่งไล่ตามฟินนีย์เพื่อจะกระทืบเขา เกว็นวิ่งตามมาช่วยทันที เธอคว้าหินก้อนเท่าลูกมะม่วงฟาดเข้าไปที่หน้าของไปเด็กหัวโจก ถึงเกว็นจะกล้าบ้าดีเดือดแค่ไหน แต่ทางกายภาพเธอก็เป็นแค่เด็กหญิง เกว็นพลาดท่าล้มลงไปกับพื้น ไอ้เด็กหัวโจกอีกคนได้ที จึงให้คอนเวิร์สข้างขวางัดเข้าที่หน้าของเกว็นเต็มแรง ก่อนที่มันจะรีบวิ่งหนีไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เตะเด็กผู้หญิงจนเลือดสาด

วันเดียวกันนั้น ฟินนีย์ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว เพราะวันศุกร์เกว็นจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนสนิทเป็นประจำ ระหว่างทางฟินนีย์เจอรถตู้สีดำของเดอะแกร็บเบอร์ (รับบทโดย อีธาน ฮอว์ก) จอดอยู่ มันแสร้งทำของหล่น ด้วยความที่เป็นเด็กมีน้ำใจ ฟินนีย์จึงอาสาช่วยเก็บของ เมื่อฟินนีย์เดินไปที่รถตู้ มันก็เอาลูกโป่งสีดำออกมาบังแล้วใช้สเปรย์ยาสลบพ่นใส่ เมื่อเด็กชายหมดสติ เดอะแก็บเบอร์ก็รีบปิดประตู ก่อนจะรีบบึ่งรถตู้สีดำคันโตออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟินนีย์ค่อย ๆ ได้สติขึ้น เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่มีความนุ่มแต่หาความสะอาดไม่ได้เลย เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามันเป็นห้องใต้ดิน ด้านบนเกือบถึงเพดานมีกระจกใสที่แสงทะลุผ่านเข้ามาได้เล็กน้อย มีตะแกรงเหล็กกั้นอีกชั้นที่ด้านใน อีกมุมหนึ่งก็มีชักโครกสีขาวที่ถูกกลบด้วยคราบเหลือง สิ่งของอีกอย่างคือโทรศัพท์แบบมือหมุนสีดำที่ติดผนังอยู่ไม่ห่างไปจากเตียง … ฟินนีย์ที่พยายามหาทางหนีเมื่อเห็นกระจกก็คิดเอาเองว่า ถ้าเขาตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียงก็น่าจะมีคนได้ยิน เมื่อฟินนีย์ลองแหกปากสุดเสียงทุกอย่างกลับเงียบสนิทเช่นเดิม

เดอะเแกร็บเบอร์เห็นความพยายามของฟินนีย์ก็เปิดประตูห้องเข้ามา ทำท่าทางยิ้มเยาะแสดงออกมาผ่านหน้ากากรูปร่างน่าเกลียดที่ปกปิดหน้าที่แท้จริงของมัน แล้วก็พูดกวนประสาทว่า “ถ้าทำแค่นี้แล้วมีคนมา เด็ก ๆ ก่อนหน้านี้คงจะมีคนมาช่วยไปหมดแล้วล่ะ” ก่อนกลับไปมันมองไปที่โทรศัพท์สีดำเครื่องนั้น “มันเสียตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเด็ก” มันยังบอกฟินนี่ด้วยว่า มันเคยได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังครั้งหนึ่ง แต่มันคิดว่าเสียงโทรศัพท์ดังเพราะไฟฟ้าสถิตในอากาศ

Mason Thames ใน The Black Phone

วันเวลาผ่านไปตกกลางคืน ฟินนีย์ที่เผลอหลับไปก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงดังกริ๊งของโทรศัพท์ ไหนบอกว่าใช้ไม่ได้แล้วไง ? ฟินนีย์เหลือบไปเห็นสายโทรศัพท์มันขาด แล้วโทรศัพท์มันดังได้ยังไง !? ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงปลายสายที่เขาได้ยินคือเสียงของบรูซ … บรูซที่ตายไปแล้ว !

บรูซแนะนำฟินนีย์ถึงวิธีการหลบหนีออกไปจากที่นี่ ตรงทางเดินจะมีกระเบื้องหลุดออกมา “ขุดมันลงไปแล้วจะทะลุไปอีกฝั่งได้” ฟินนีย์ทำตามคำแนะนำ เขาเอาฝาชักโครกมาขุดพื้นตรงนั้นลึกลงไป แล้วเอาเศษดินทิ้งลงในชักโครก แต่ดูเหมือนว่าการขุดอุโมงค์เพื่อหนีมันไม่ง่ายอย่างนั้น

ต่อมา เดอะแกร็บเบอร์เอาอาหารมาให้ฟินนีย์ ตอนกลับขึ้นไปมันแกล้งเปิดประตูทิ้งไว้ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงปลายสายเป็นเสียงของบิลลี เด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่โดนลักพาตัวก่อนหน้านี้ บิลลีเตือนฟินนีย์ว่าอย่าเปิดประตูออกไป เพราะเป็นกับดัก ถ้าฟินนีย์หนีออกไปมันจะฆ่าทิ้งทันที บิลลีได้บอกวิธีหนี มีสายเคเบิลซ่อนอยู่ตรงรอยแยกบนพื้น ให้เอาสายเคเบิลปีนหนีไปทางตะแกรงเหล็ก … ฟินนีย์ทำตามที่บิลลีแนะนำ เขาปีนไปถึงช่องตะแกรงเหล็ก แต่ทว่าน้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้ตะแกรงเหล็กหลุดออกมา ร่างฟินนีย์ร่วงกระแทกพื้น แผนการหนีล้มเหลวอีกครั้ง

ตามหา

เกว็นเปิดอกคุยกับพ่อ เกว็นเข้าใจความรู้สึกพ่อที่ไม่ต้องการให้เธอฝัน พ่อไม่ต้องการให้เธอมีอาการหลอนเหมือนที่แม่เป็น แต่ครั้งนี้เธอต้องการใช้ความฝันตามหาฟินนีย์ “ถ้ามันช่วยให้หาฟินนีย์เจอล่ะ ?” พ่อจำใจตกลงอย่างไม่มีทางเลือก

ผ่านไปหลายวัน เกว็นยังไม่ฝันเห็นเบาะแสสำคัญ เข้าวันนั้น เธอตื่นขึ้นมาพบว่าเมื่อคืนไม่ฝันถึงอะไรเลย เธอจึงแสดงความเดือดดาลปากแจ๋วต่อหน้ารูปปั้นพระเยซู “ท่านยัดเยือดความสามารถพิเศษนี้มาให้ แต่ทำไมไม่ให้หนูฝันเห็นเบาะแสที่ช่วยตามฟินนีย์ได้ล่ะ หรือว่าท่านไม่มีอยู่จริง !?”

ระหว่างนั้น นักสืบก็ไปเคาะตามบ้านละแวกใกล้เคียงที่ต้องสงสัย จนไปเจอบ้านของชายที่ชื่อแม็กซ์ เขากระตือรือร้นที่จะให้นักสืบทั้งสองเข้ามาในบ้าน มันเป็นบ้านของพี่ชายเขา จากนั้นแม็กซ์ก็ให้ดูแผ่นชาร์ตที่เต็มไปด้วยข้อมูลคดีเดอะแกร็บเบอร์ เขาชี้จุดต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นที่ที่เดอะแกร็บเบอร์ใช้ขังเด็ก “มันต้องลักพาตัวเด็กกลับบ้านมันให้เร็วที่สุด แล้วบ้านมันก็ต้องมีโรงรถ” นักสืบทั้งสองฟังแม็กซ์จ้อเหมือนกับพวกสติเฟื่อง จึงให้นามบัตรไว้แล้ว (พี่ชายของแม็กซ์คือเดอะแกร็บเบอร์ และชั้นใต้ดินก็เป็นที่ขังฟินนีย์ แต่แม็กซ์ไม่รู้)

สรุปเนื้อเรื่อง The Black Phone (2021) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

โทรศัพท์สีดำดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ปลายสายเป็นเด็กชายชื่อกริฟฟิน จังหวะนั้นเอง ผีเด็กกริฟฟินก็โผล่ออกมาในสภาพถูกปาดคอเลือดเต็มตัว ฟินนีย์ตกใจแต่ก็พยายามควบคุมความกลัวเอาไว้ … กริฟฟินบอกกับฟินนีย์ว่า ตอนนี้เดอะแกร็บเบอร์หลับอยู่ แล้วบอกรหัสเปิดกุญแจประตูด้านนอก

ฟินนีย์ทำตาม เดอะแกร็บเบอร์มันหลับอยู่จริง ๆ ฟินนีย์เดินออกไปที่ประตูและใช้รหัสนั้นเปิดกุญแจที่ใช้ล็อกประตูจนหนีออกไปได้ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อฟินนีย์โผล่ร่างออกไป เจ้าแซมสัน หมาของเดอะแกร็บเบอร์ก็เห่าดังลั่น เดอะแกร็บเบอร์สะดุ้งตื่นและรีบขับรถออกไปตามฟินนีย์กลับมาได้ “ถ้าแกส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว ฉันจะฆ่าแกซะ”

The Black Phone (2021) สปอยล์

ฟินนีย์ถูกจับมาขังไว้ที่เดิม แล้วเสียงโทรศัพท์จาก Black Phone ก็ดังขึ้น ครั้งนี้ปลายสายเป็นเสียงของแวนซ์ เด็กหนุ่มทรงเฮฟวีเมทัลเลือดร้อนสุดโหด จังหวะนั้นภาพได้ย้อนกลับไปให้เห็นวีรกรรมความเถื่อนของแวนซ์ ที่อัดเด็กคนหนึ่งจนหมอบแล้วใช้มีดกรีดที่มือของเด็กคนนั้น

ตัดกลับมาที่ห้องขังใต้ดิน ฟินนีย์ได้รับคำแนะนำจากแวนซ์ให้ทุบกำแพงที่ห้องน้ำออกไป ตรงนั้นเป็นจุดที่กำแพงบางสามารถทุบได้ เมื่อทุบออกไปแล้วจะเจอทางหนี … ฟินนีย์ทุบกำแพงออกไปจริง ๆ แต่ก็ต้องไปติดกับตู้แช่ขนาดใหญ่ที่วางขวางเอาไว้

สายสุดท้าย

ระหว่างที่ฟินนีย์กำลังนั่งร้องไห้กับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงโทรศัพท์ก็ดัง คราวนี้ปลายสายคือโรบินเพื่อนซี้ โรบินบิวต์ให้ฟินนีย์สู้อย่ายอมแพ้ “นายต้องสู้แล้วแก้แค้นให้ฉัน” โรบินสอนให้ฟินนีย์ใช้หูโทรศัพท์เป็นอาวุธ โดยเอาดินใส่เข้าไปในหูโทรศัพท์เพื่อให้มีน้ำหนัก แล้วใช้มันฟาดใส่เดอะแกร็บเบอร์ “ขอให้นายโชคดีนะฟินนีย์ สายนี้จะเป็นสายสุดท้าย จากนี้ไปนายต้องสู้ด้วยตัวเอง ลาก่อน”

เมื่อคืน เกว็นฝันเห็นตัวเลขสี่ตัวเหมือนเป็นบ้านเลขที่ เธอจึงใส่เสื้อกันฝนออกขี่จักรยานระหว่างที่ฝนกำลังแทลงมาอย่างหนัก เพื่อตามหาบ้านเลขที่ที่เห็นในฝัน ระหว่างขี่จักรยานเธอก็กล่าวขอโทษพระเยซูที่กล่าวล่วงเกินไปเมื่อวันก่อน และอ้อนวอนขอให้หาฟินนีย์เจอ … ทันใดนั้น เกว็นก็ถึงกับตกใจรถจักรยานล้ม เมื่อเจอเด็กชาย 5 คนยืนขวางถนนอยู่ เมื่อเธอเงยหน้าลุกมาจากพื้นถนนเด็กทั้งห้าก็หายวับไปแล้ว

เกว็นมองไปรอบ ๆ บ้านที่อยู่บริเวณนั้นก็พบว่าตรงกับที่เธอฝัน มันต้องเป็นที่ที่ใช้ขังฟินนีย์เอาไว้แน่ ๆ เกว็นรีบโทร. หานักสืบทันที

ในส่วนของแม็กซ์ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับคดีเดอะแกร็บเบอร์ เขาเกิดสงสัยขึ้นมาว่า เดอะแกร็บเบอร์อาจจะเป็นพี่ชายของเขา เพื่อให้หายสงสัยเขาจึงเดินลงมาที่ชั้นใต้ดิน เมื่อเปิดประตูแม็กซ์ถึงกับสบถออกมาเมื่อเห็นฟินนีย์ยืนอยู่ ฟินนีย์พยายามร้องขอให้แม็กซ์ช่วย แต่ยังไม่ทันที่แม็กซ์จะได้ทำอะไร ขวานจากมือเดอะแกร็บเบอร์ก็จามลงกลางกบาล หัวแม็กซ์แบะออกเป็นสองซีก ฟินนีย์กรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ !

อีธาน ฮอว์ก

“แกทำให้ฉันต้องฆ่าน้องตัวเอง แม้มันจะโง่แค่ไหนมันก็เป็นน้องฉัน” เดอะแกร็บเบอร์พูดจบก็เรียกเจ้าหมาแซมสันลงมา มันต้องการให้ฟินนีย์ตายอย่างทรมานที่สุด สมกับที่ทำให้น้องมันต้องตาย แต่ฟินนีย์ตอนนี้เลือดขึ้นหน้า แม้จะเป็นแค่เด็กมัธยมต้นแต่ด้วยความช่วยเหลือของผีเด็กอีกห้า ในที่สุด ฟินนีย์ก็จัดการเดอะแกร็บเบอร์ได้สำเร็จ โดยใช้หูโทรศัพท์ที่บรรจุดินอยู่ด้านในฟาดเข้าที่หน้าของมัน และใช้สายโทรศัพท์รัดคอมัดจนตายคามือ … ตายอนาถ

เกว็นกับเหล่านักสืบและตำรวจอีกจำนวนก็เข้าค้นบ้านต้องสงสัย ทว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ใช้ฝังศพเด็กที่มันฆ่าไปแล้วก่อนหน้าทั้งห้าคน

ฟินนีย์เดินออกมาจากบ้านอีกฟากหนึ่งเพียงลำพัง เกว็นเห็นพี่ชายก็รีบวิ่งออกไปกอดด้วยความดีใจ ต่อมา พ่อรีบตามมาคุกเข่าต่อหน้าลูกแล้วกล่าวคำว่าขอโทษทั้งน้ำตาออกมาไม่หยุด

หลังปิดคดี ตำรวจแถลงข่าวต่อประชาชนว่า เดอะแกร็บเบอร์มีบ้านสองหลัง หลังหนึ่งไว้ขังเหยื่อ อีกหลังอยู่ตรงข้ามเอาไว้เป็นที่อำพรางศพหลังก่อเหตุฆาตกรรม

ส่วนชีวิตหลังจากนั้นของฟินนีย์ ก็กลายเป็นที่กล่าวถึงในโรงเรียน แล้วก็ไม่มีใครกล้าแกล้งเขาอีกเลย

จบบริบูรณ์

ดู The Black Phone ที่ HBO GO : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง The Black Phone (2021) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Unlocked (2023) แค่ทำมือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ https://www.online-idol.com/2023/02/23/unlocked-2023-movie-spoiler-34471/ Thu, 23 Feb 2023 13:01:09 +0000 https://www.online-idol.com/?p=34471 ชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังทำโทรศัพท์มือถือหล่น และมันได้ตกไปอยู่ในมือของบุคคลอันตราย ที่ใช้มันติตตามเธอทุกฝีก้าว …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Unlocked (2023) แค่ทำมือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ appeared first on idol.

]]>
Unlocked (2023) สปอยล์ : ชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังทำโทรศัพท์มือถือหล่น และมันได้ตกไปอยู่ในมือของบุคคลอันตราย ที่ใช้มันติตตามเธอทุกฝีก้าว …

แนว : Thriller
ผู้กำกับฯ : คิมแทจุน
บท : Akira Shiga (นิยายญี่ปุ่น)

เรต : 16+ (ความรุนแรง)
IMDb : 6.4/10 (1.8K)
คะแนนรีวิว : 6/10

โปสเตอร์ภาษาไทยหนัง Unlocked (2023) แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ

อีนามี (รับบทโดย ชอนอูฮี) เป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่ไม่ต่างไปจากคนอื่น ๆ คือ สร้างตัวตนอยู่ในโทรศัพท์มือถือ และเก็บทุกอย่างของชีวิตเอาไว้ในนั้น ตั้งแต่ใช้เป็นนาฬิกาปลุก จัดตารางงาน เก็บคลิปความทรงจำ ใช้เล่นเกมแก้เซ็ง ดูคลิป ต.ต. เพลิน ๆ ดูเน็ตฟลิกซ์ และ บลา ๆ ๆ ยันไปถึงใช้เป็นช่องทางในการทำมาหากิน

แม้นามีจะดูไม่แตกต่างไปจากหญิงสาวคนอื่น ๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไป คือ เธอเป็นโรคเมาเรื้อน ประมาณว่าเมาให้สุดแล้วไปหยุดที่ฟุตบาทอะไรแบบนั้น

แล้วคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่นามีดื่มกินกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานที่คาราโอเกะ เมื่อถึงเวลากลับบ้าน นามีแบกร่างตัวเองที่ระดับความเมา 9.5 เต็มสิบขึ้นรถเมล์ และบนรถเมล์คันนั้นเอง นามีได้ทำตัวตนที่สองของเธอหล่นหาย … และชายคนหนึ่งก็เก็บโทรศัพท์เครื่องนั้นไป

รหัสปลดล็อกหน้าจอ

รุ่งขึ้น นามีหน้าตาตื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองทำโทรศัพท์หาย เธอใช้โทรศัพท์ของเพื่อนสนิทโทร. เข้าโทรศัพท์ตัวเอง เสียงปลายสายเป็นหญิงตอบกลับว่า เป็นคนเก็บโทรศัพท์ได้และจะเอาไปส่งคืนให้ นามีใจชื่นที่เจอคนใจดีเก็บโทรศัพท์เอาไว้ให้ แถมอาสาจะเอามาคืนให้อีกด้วย

ตัดภาพมาที่ชายหนุ่มหน้าตาดีสวมแว่น แต่ในแววตามีแววความโรคจิตซ่อนอยู่ เราจะเรียกเขาว่า โอจุนยอง (รับบทโดย อิมซีวาน) ด้านหน้ามีโทรศัพท์ของนามีวางอยู่ ข้าง ๆ มีโทรศัพท์อีกเครื่อง แล้วภาพก็แสดงให้เห็นว่า เสียงผู้หญิงที่ตอบโต้กับนามีนั้น เป็นเสียงที่บันทึกเอาไว้ เสียงโต้ตอบที่บันทึกเอาไว้ล่วงหน้า !?

อิมซีวาน

จากนั้น จุนยองก็หาข้อมูลของนามีในไอจี แล้วก็จดบันทึกเอาไว้ในกระดาษโน้ต … แต่เขาไม่สามารถปลดล็อกหน้าจอมือถือได้ สิ่งที่เขาทำก็คือ เอามือถือกระแทกกับมุมโต๊ะเพื่อทำให้หน้าจอแตก !

เวลาผ่านไปจนใกล้ถึงเวลานัด นามีได้รับโทรศัพท์ โดยปลายสายแจ้งว่า “ขอโทษนะคะ ฉันพลาดทำมือถือของคุณตก หน้าจอแตก ฉันเลยเอาไปฝากไว้ให้ที่ร้านซ่อม ค่าซ่อมฉันจ่ายให้แล้ว คุณไปรับได้เลยนะคะ”

ชอนอูฮี

นามีทำหน้างง ๆ มีแบบนี้ด้วยเหรอ จ่ายเงินค่าซ่อมให้ … อย่างไรก็ตาม นามีรีบเดินทางไปที่ร้านซ่อมมือถือตามที่อยู่ที่ได้รับทันที ร้านซ่อมมือถือร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ในห้องเช่า เป็นร้านซ่อมมือถือที่มีทำเลที่ตั้งแปลกประหลาด ไม่มีลูกค้า ไม่มีคนเดินไปมา หน้าประตูร้านเขียนกฎว่าก่อนจะเข้าร้านให้ใส่แมสก์ เมื่อนามีเดินเข้าไป จุนยองที่ใส่แมสก์และหมวกปกปิดใบหน้าก็เอาโทรศัพท์ของเธอมาวาง และให้เธอเขียนใบส่งซ่อม ซึ่งในนั้นมีช่องให้เธอกรอกรหัสปลดล็อกหน้าจอ ซึ่งนามีก็เขียนรหัสลงไปโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร

Unlocked (2023) Netflix Movie

เมื่อได้รหัสปลดล็อกหน้าจอ ทุกอย่างก็จบ จุนยองติดตั้งสปายแวร์เข้าไปในเครื่อง จากนั้น ก็โคลนข้อมูลมาไว้ในโทรศัพท์อีกเครื่อง นั่นเท่ากับว่า จากนี้ไปไม่ว่านามีจะทำอะไรกับโทรศัพท์ จุนยองจะเห็นทุกอย่างเช่นเดียวกัน !!!

ค่ำวันเดียวกัน จุนยองไปที่คาเฟ่ของพ่อนามี และสั่งเครื่องดื่มที่ไม่มีในเมนู “น้ำลูกพลัมโซดา” … นามีจำไม่ได้ว่าจุนยองเป็นคนเดียวกับช่างซ่อมมือถือ แต่พ่อของนามีรู้สึกว่าจุนยองเป็นคนแปลกที่ไม่น่าไว้ใจ

และคืนนั้นทั้งคืน จุนยองก็เก็บข้อมูลทุกอย่างของนามีเอาไว้ได้ทั้งหมด ตั้งแต่รหัสเปิดประตูบ้าน เงินในบัญชีธนาคาร เพื่อนสนิท สิ่งที่ชอบ … ในตอนท้ายของกระดาษโน้ต จุนยองได้เขียนเอาไว้ว่า “รายชื่อคนที่ต้องจัดการ” ซึ่งเป็นรายชื่อของคน 7 คนที่เป็นคนใกล้ชิดนามี ห้าคนเป็นเพื่อนร่วมงาน หนึ่งคือเพื่อนสนิท สุดท้ายคือพ่อ

คิมฮีวอน

คดีฆาตกรรมต้นลูกพลัม

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีศพถูกฝังอยู่ในป่า ศพเป็นเพศหญิงทาเล็บสีเหลือง เมื่อเดินสำรวจดูรอบ ๆ อูจีมัน (รับบทโดย คิมฮีวอน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ก็พบว่าบริเวณนี้เป็นบริเวณที่ อูจุนยอง ลูกชายที่หนีออกไปเมื่อหลายปีก่อน เคยเอาต้นลูกพลัมมาปลูกตอนสมัยเด็ก ๆ ทำให้เขาคิดขึ้นมาแทบจะในทันทีเลยว่า ลูกชายเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนี้ไม่มากก็น้อย แต่เขาก็เก็บความสงสัยนี้ไว้

ทีนี้ เมื่อสืบไปสืบมาก็รู้ที่อยู่ต้องสงสัยที่คาดว่า อูจุนยองลูกของเขาจะอยู่ที่นั่น จีมันจึงแอบเข้าไปในห้องเช่าห้องนั้น และได้เห็นหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้เขาถึงกับตกตะลึง … น้ำยาทาเล็บสีเหลือง เสื้อผ้า โทรศัพท์เปล่าเป็นจำนวนมาก รูปถ่ายของหญิงสาว กระดาษโน้ตที่เขียนบันทึกข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของผู้ตายเอาไว้อย่างละเอียด และพบนามบัตรที่พิมพ์ชื่อ “โอจุนยอง” ที่พิมพ์อาชีพที่ใช้หลอกเหยื่อตั้งแต่เป็นผู้บริหารบริษัทระดับสูง ไปจนถึงนายหน้าค้าหุ้น … แต่ที่จีมันแปลกใจก็คือจุนยองเปลี่ยนชื่อเป็น โอจุนยอง จากเดิม อูจุนยอง

เวลาเดียวกัน จุนยองกำลังกลับเข้ามาบ้าน แต่เขาเห็นบางอย่างผิดสังเกตเสียก่อน เมื่อเขารู้ว่าจีมันแอบเข้ามาในบ้าน จุนยองจึงวางแผนล่อให้จีมันออกมาจากบ้าน แล้วจัดการทำลายหลักฐานภายในบ้านทิ้ง และจัดฉากให้ดูเหมือนว่าจีมันเป็นคนทำลายหลักฐาน เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของลูกชาย

ณ จุดนี้ เรื่องมันเริ่มซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อจีมันดูเหมือนจะติดกับจุนยอง มันทำให้ตำรวจมือเก๋าอย่างเขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก หลักฐานชี้ไปว่าลูกชายของเขาเป็นฆาตกร แต่ลึก ๆ ความเป็นพ่อเขาไม่เชื่อเลยว่า คนอย่างอูจุนยองจะฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ขนาดนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ

น้ำลูกพลัมโซดา

คืนนั้น จุนยองแวะไปที่คาเฟ่ของพ่อนามีแล้วสั่งน้ำลูกพลัมโซดาอีกครั้ง ครั้งนี้พฤติกรรมหลายอย่างของจุนยองทำให้พ่อนามีสงสัยเป็นอย่างมาก คืนนั้นพ่อจึงเตือนนามีให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะชายหนุ่มจุนยองดูไม่น่าไว้วางใจ จนกลายเป็นทะเลาะกัน เพราะนามีไม่ได้คิดอะไร จุนยองก็แค่เป็นลูกค้าคนหนึ่งที่มาสั่งน้ำลูกพลัมโซดาดื่มก็เท่านั้น เธอไม่ได้สนใจเขาสักนิดเลยด้วยซ้ำ

สปอยล์หนัง Unlocked (2023)

และคืนนั้น จุนยองก็ส่งข้อความไปขอโทษพ่อนามี พ่อเข้าใจว่าเป็นนามีจึงพิมพ์คุยด้วย จากนั้นจุนยองก็หลอกให้พ่อโหลดแอปสปายแวร์ พ่อจึงกดโหลดแอปนั้นโดยที่ไม่เฉลียวใจ และคืนเดียวกันนั้น จุนยองก็แอบเข้ามาที่บ้านพ่อนามี เขาเอาของแข็งฟาดไปที่ศีรษะจนพ่อสลบไป แล้วจับมัดเอาไว้

สปายแวร์

รุ่งขึ้น จุนยองแอบตั้งปิดนาฬิกาปลุกของนามี และโพสต์ภาพและข้อความแฉหัวหน้าและบริษัทของตัวเองให้เสียหาย ผลก็คือลูกค้ามีการขอคืนสินค้าเป็นจำนวนมาก และอีเวนต์ใหญ่ของบริษัทก็ถูกยกเลิกเพราะดราม่าที่เกิดขึ้น … นามีถูกไล่ออก ในขณะที่บริษัทที่อยู่ในสภาวะง่อนแง่นอยู่แล้ว ต้องเสียหายถึงขั้นเจ๊งปิดตัวลงทันที

ตอนนี้ จุนยองกำจัดคนรอบข้างนามีไปได้แล้ว 6 คน พ่อหนึ่ง เพื่อนร่วมงานอีกห้า เหลือเพื่อนสนิทอีกคนเดียว

นามีเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ “สาวซูชิ” หรือ จองอึนจู (รับบทโดย คิมเยวอน) เพื่อนสนิทฟัง ทั้งสองจึงไปแจ้งความว่าโทรศัพท์โดนแฮกกับตำรวจไซเบอร์ แต่ดูเหมือนว่าระเบียบบางอย่างของตำรวจที่ต้องมีหลักฐานถึงจะดำเนินคดีได้ ทำให้ทั้งสองต้องกลับมาหาหลักฐานด้วยตัวเอง

อิมซีวาน ใน Unlocked (2023) แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ

ด้วยความที่นามีมีนามบัตรของจุนยองที่ระบุว่าเขาทำงานด้าน Digital Security ทำให้เธอติดต่อเขาไปเพื่อให้มาตรวจสอบมือถือ เมื่อได้รับการติดต่อ จุนยองก็รีบมาจัดการให้ทันที

จุนยองมาในมาดเด็กเนิร์ดตรวจสอบโทรศัพท์ให้นามี ก่อนที่เขาจะบอกกับเธอว่ามีสปายแวร์ติดตั้งอยู่ในมือถือของเธอจริง แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่า สปายแวร์ตัวนี้ไม่สามารถติดตั้งได้โดยการโหลดจากอินเทอร์เน็ต หรือติดตั้งผ่านการกดลิ้งก์ เขาจึงเตือนเธอว่าคนที่ลงสปายแวร์ และโพสต์ไอจีของเธอน่าจะเป็นคนใกล้ชิด

ชอนอูฮี ใน Unlocked (2023) แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ

หลังได้ยินสิ่งที่จุนยองบอก นามีถึงกับนั่งเครียดเป็นชั่วโมง ถ้าเป็นจริงตามที่จุนยองบอก คนที่ทำให้เธอโดนไล่ออกและชีวิตพังพินาศก็คือ อึนจู เพื่อนรักของเธออย่างนั้นเหรอ !? มันจะเป็นไปได้เหรอ !?

เมื่อความสงสัยมันแน่นอก สุดท้ายนามีจึงยิงคำถามใส่เพื่อนรักมากที่สุดในชีวิต “ทั้งหมดเธอเป็นคนทำเหรอ ?” แต่อึนจูกลับไม่ตอบ เธอไม่คิดว่าเพื่อนที่เธอรักมากจะมาตั้งคำถามแบบนี้กับเธอ สงสัยในตัวเธอ อึนจูจึงพูดประชดออกไปทั้งน้ำตาว่า เธอเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดเอง พูดจบอึนจูก็เดินออกไปแล้วตวาดใส่นามีว่า ไม่ต้องติดต่อมาอีก เลิกคบกันไปเลย !!!

จุนยองที่แอบดูเหตุกาณ์อยู่ก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ เมื่อเห็นว่าแผนการประสบผลสำเร็จ

ฆาตกรรมต่อเนื่อง

ระหว่างที่จุนยองกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำลายชีวิตนามีให้พังพินาศ เจ้าหน้าที่จีมันก็สืบสวนคดีต่อไป ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่า อูจุนยอง ลูกชายของเขาเป็นฆาตกร และเป้าหมายของเขาคือต้องจับ “มัน” ให้ได้ด้วยตัวเอง

ขณะนั้น เจ้าหน้าที่ก็พบศพเพิ่มมากขึ้นเป็น 7 ศพจากบริเวณเดียวกัน ทำให้มีการระบุว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่จีมันสืบไปจนเจอกับร้านซ่อมโทรศัพท์ที่เช่าในชื่ออูจุนยอง เขาจึงรีบไปที่นั่นทันที ส่วนนามีก็คิดได้แล้วว่า จุดที่เธอถูกสปายแวร์น่าจะเป็นที่ร้านซ่อมมือถือ ไม่ใช่อึนจูที่เป็นเพื่อนสนิท เธอจึงไปแจ้งตำรวจและไปที่ร้านซ่อมมือถือเช่นกัน

ณ ร้านซ่อมมือถือ ที่ตอนนี้ถูกจุนยองทำลายหลักฐานไปหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จีมันได้เจอกับนามี เมื่อเขาสอบถามเธอ ทำให้ได้รู้แน่ชัดแล้วว่านามีเป็นเหยื่อรายต่อไปของจุนยอง แต่เจ้าหน้าที่จีมันเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับนามีว่า จุนยองเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เพียงแต่ปล่อยให้เธอเข้าใจไปเพียงว่า จุนยองแฮกโทรศัพท์เธอเพราะต้องการข้อมูลลับไปขายในดาร์กเว็บ

นามีเสนอไอเดียกับเจ้าหน้าที่จีมันว่าเธอจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และจะทำเป็นชวนจุนยองมาที่บ้าน เวลานั้นก็ให้เจ้าหน้าที่จีมันเข้าจับกุมตัว

ตกค่ำของคืนนั้น จุนยองมาที่บ้านนามีตามแผนที่วางเอาไว้ แต่เมื่อจุนยองมาถึง เจ้าหน้าที่จีมันที่ถือปืน .38 อยู่ในมือกลับเลือกที่จะปล่อยจุนยองไปต่อหน้าต่อตา เพราะจุนยองที่เขาเห็นไม่ให้อูจุนยอง ลูกชายของเขา !!!

เมื่อแผนแตก จุนยองไหวตัวทันและหนีการจับกุมไปได้ แต่คนที่ปวดประสาทสับสนมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่จีมัน … นามียืนยันว่าชายคนนั้นคือจุนยอง แต่กลับไม่ใช่อูจุนยองลูกชายของเขา งงไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจำหน้าลูกชายตัวเองไม่ได้ แม้จะไม่ได้เจอกันมาหลายปีก็ตาม !!?

ถึงมีคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือความปลอดภัยของนามี เจ้าหน้าที่จีมันจึงขับรถพาเธอไปส่งที่บ้านพ่อ และได้เขียนข้อความลงในกระดาษส่งให้นามีระบุว่า “โทร. มาเป็นระยะเพื่อส่งสัญญาณว่าปลอดภัย”

เพราะเก็บมือถือเธอได้

นามีกดรหัสเปิดประตูบ้านพ่อ เข้าไปนอนที่ห้องของตัวเอง แต่ระหว่างนั้นเธอก็ได้เห็นภาพที่อันน่าตกตะลึง จุนยองยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ ภายในบ้านพ่อของเธอ เขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง !!?

แล้วจุนยองก็เผยให้นามีเห็นความจริงว่า พ่อของเธอถูกมันติดเอาไว้กับอ่างอาบน้ำ สภาพของพ่อในตอนนี้แทบไม่ได้สติ ศีรษะอยู่ต่ำกว่าขอบอ่าง จุนยองเปิดน้ำ มันต้องการจะทำให้พ่อนามีสำลักน้ำจนตาย !!!

นามีร้องเสียงหลง เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตพ่อ ทุกอย่างเลยจริง ๆ น้ำตาลูกสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งไหลออกมาไม่หยุด เธอย้ำกับไอ้ชั่วโรคจิตอีกครั้งว่าเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตของพ่อ จุนยองตกลง

นามีพยายามตั้งสติ จากนั้นก็ยิงคำถามออกไปว่า ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย ?

“ก็เพราะฉันเก็บมือถือของเธอได้” คำตอบที่ออกจากปากจุนยองทำเอานามีแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ มันต้องโรคจิตแค่ไหนถึงได้ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ด้วยเหตุผลที่สุดจะไร้สาระ

จากนั้น จุนยองก็สั่งให้นามีใช้เทปมัดขาตัวเอง แล้วก็สั่งให้เธอหันหลังแล้วเขาก็ใช้เทปมัดมือมัดปากของเธอ ณ จุดนี้ เขาก็หัวเราะลั่นออกมา ก่อนจะพูดขึ้นมา “ที่เธอบอกว่าจะยอมทำทุกอย่าง งั้นฉันขอฆ่าเธอทั้งคู่ทีเดียวเลยก็แล้วกัน”

เวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่จีมันกำลังขับรถกลับสถานีตามคำสั่งหัวหน้า แต่ระหว่างทางเขาได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า ผลตรวจดีเอ็นเอของอูจุนยองตรงกับศพนิรนามที่เจอที่อ่างเก็บน้ำเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่จีมันแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ลูกชายของเขาตายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วไอ้ชั่วฆาตกรนี่มันคือใคร !? เขารีบวกรถกลับไปที่บ้านพ่อนามีทันที

มาทันเวลา จีมันเข้าไปจับจุนยองเอาไว้ได้ และช่วยนามีกับพ่อเอาไว้ได้ทันก่อนที่ทั้งสองจะสิ้นใจ แต่ดูเหมือนพ่อนามีจะไม่ได้สติ ตำรวจคู่หูของจีมันเร่งทำ CPR ให้โดยด่วน ในขณะที่จีมันตะบันหมัดเข้าที่หน้าของจุนยองไม่ยั้ง ก่อนที่ไอ้โรคจิตนั่นจะหัวเราะเยาะเย้ยออกมาแล้วพูดขึ้นว่า มันเองที่เป็นคนฆ่าอูจุนยอง แล้วจัดฉากหลักฐานโยนความผิดไปให้อูจุนยอง คำพูดของไอ้โรคจิตไปสะกิดต่อมโทสะของเจ้าหน้าที่จีมัน เขาจึงหยิบปืนรีวอลเวอร์ .38 ลำกล้องสั้นขึ้นมาเล็งไปที่หัวของไอ้โรคจิต แต่ไอ้โรคจิตกลับหัวเราะเยาะใส่อีกครั้ง “ถ้าไม่กล้ายิงก็วางมันลงเถอะ”

เจ้าหน้าที่จีมันไม่กล้ายิงจริง ๆ

นามีที่ได้สติหันไปเห็นพ่อนอนอยู่ วินาทีนั้นสติเธอหลุดไปหมดแล้ว ความแค้นมันท่วม เธอพยายามเยื้องร่างของตัวเอง แล้วคว้าเอาปืนยิงไปที่หน้าอกของไอ้โรคจิตสองนัด

สิ้นเสียงปืน นามีก็ได้ยินเสียงพ่อที่เพิ่งได้สติ “นามี นามีลูกพ่อ นามี” นามีวิ่งเข้าไปกอดพ่อด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

มีการเปิดเผยต่อมาว่า ตัวฆาตกรเป็นคนที่ไม่มีฐานประวัติทะเบียนราษฎร ทำให้เขาเป็นคนไม่มีตัวตน ไม่มีประวัติใด ๆ เลย เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิด

จบบริบูรณ์

ดูหนังเรื่อง Unlocked ได้ที่ Netflix : คลิกที่นี่

The post สรุปเนื้อเรื่อง Unlocked (2023) แค่ทำมือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง Bullet Train (2022) ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า https://www.online-idol.com/2022/12/17/bullet-train-2022-movie-spoiler-33891/ Sat, 17 Dec 2022 15:58:06 +0000 https://www.online-idol.com/?p=33891 นักฆ่าห้าคนขึ้นรถไฟหัวกระสุนชินคังเซนมุ่งหน้าสู่เกียวโต ไม่นานก็ได้รู้ว่าภารกิจที่ต่างคนต่างได้รับ เกี่ยวพันเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด …

The post สรุปเนื้อเรื่อง Bullet Train (2022) ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า appeared first on idol.

]]>
Bullet Train สปอยล์ : นักฆ่าห้าคนขึ้นรถไฟหัวกระสุนชินคังเซนมุ่งหน้าสู่เกียวโต ไม่นานก็ได้รู้ว่าภารกิจที่ต่างคนต่างได้รับ เกี่ยวพันเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด …

แนว : แอคชั่น ตลก ระทึกขวัญ
เรต : 18+ (ความรุนแรง และภาษาไม่เหมาะสม)
คะแนน IMDb : 7.3/10
คะแนนรีวิว : 8/10

โปสเตอร์หนัง Bullet Train (2022)

พ่อเหยื่อ/The Father

เรื่องราวเริ่มขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในโตเกียว คิมูระ (รับบทโดย แอนดรูว์ โคจิ) เฝ้าดูอาการลูกชายที่นอนใส่ท่อช่วยหายใจไม่ได้สติอยู่ข้างเตียง ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าและคราบน้ำตา ลูกชายของเขาถูกผลักลงมาจากดาดฟ้า ในขณะที่พ่อของคิมูระเดินเข้ามาในห้อง เขาได้กล่าวว่า พ่อควรเป็นคนที่ปกป้องครอบครัว

จากนั้น คิมูระก็กลับมายังที่พัก เขาหยิบปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ขึ้นมา เตรียมที่จะออกไปตามล่าคนที่ทำร้ายลูกชายของเขา

แบรด พิตต์ แสดงเป็น เลดี้บัค (เต่าทอง) ในหนังเรื่อง Bullet Train

เต่าทองผยองเดช/Ladybug

นักฆ่าที่มีชื่อรหัสว่า เลดี้บัค 🐞 (รับบทโดย แบรด พิตต์) กลับมารับงานอีกครั้ง หลังจากพักงานเพื่อเข้ารับการบำบัด การกลับมาคราวนี้เขาจิตใจสงบขึ้น และควบคุมความโกรธเดือดดาลได้ดีกว่าเดิมมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกว่าอยู่คู่กับเขาไม่เปลี่ยนไปเลยนั่นก็คือ ดวงซวย แม้ชื่อเลดี้บัคหรือเต่าทองมันจะนำโชคดีมาให้ก็เถอะ ว่าที่จริงเขาไม่ค่อยชอบชื่อนี้นักหรอก เพราะมันฟังดูตลก แต่เขาก็โอเคเพราะ มาเรีย (รับบทโดย แซนดร้า บูลล็อค) เอเย่นต์คู่บุญและผู้มอบหมายงานนี้เป็นคนตั้งให้

มาเรียแจ้งผ่านทางโทรศัพท์ว่า จริง ๆ แล้วนักฆ่าที่รับงานก่อนหน้านี้คือ “คาร์เวอร์” แต่บังเอิญมีปัญหาโรคกระเพาะกำเริบ และงานนี้เป็นงานง่าย ๆ เพียงแค่ฉกกระเป๋าเอกสารที่มีเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บนรถไฟหัวกระสุนชินคันเซนแล้วก็ชิ่งออกมา จากนั้นเธอก็ให้เลดี้บัคมาเอาของใช้จำเป็นในตู้ล็อกเกอร์ที่สถานีรถไฟโตเกียว เขาหยิบประทัด ยานอนหลับชนิดผง แต่เขาไม่เอาปืนไปด้วย แม้มาเรียจะแนะนำให้เขาใช้มันก็ตาม

เลดี้บัคขึ้นรถไฟหัวกระสุนจากโตเกียวมุ่งหน้าไปยังเกียวโต เขาพยายามปัดป่ายสายตามองหากระเป๋าเอกสารใบนั้น เขาเจอมันอยู่ที่ชั้นวางกระเป๋า เลดี้บัคแทบไม่เชื่อตัวเองว่าเขาจะโชคดีขนาดนี้ เขารีบเอากระเป๋านั้นไปและเตรียมลงจากรถไฟสถานีต่อไปทันที แต่ลึก ๆ เขาคิดว่างานนี้มันง่ายผิดปกติ

เลมอนกับส้มเขียวหวาน/Lemon & Tangerine

บนชินคันเซนมีนักฆ่าคู่หูสุดซี้ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝด ชื่อรหัส เลมอน 🍋 (รับบทโดย ไบรอัน ไทรี เฮนรี) และ ส้มเขียวหวาน 🍊 (รับบทโดย แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) เลมอนเป็นชายอเมริกันผิวดำรูปร่างอวบอ้วน มีความสามารถในการอ่านคน และใช้ชีวิตด้วยปรัชญาที่ได้จากซีรีส์การ์ตูน “Thomas the Tank Engine” (รถไฟโทมัส) ส่วนส้มเขียวหวานเป็นชายผิวขาวไว้หนวดตามสไตล์ผู้ดีอังกฤษ นอกจากฆ่าคนแล้ว เขายังมีนิสัยชอบจิ๊กของ แม้ของชิ้นนั้นจะเป็นแค่ขนมปังปลาทองที่ขายบนรถไฟก็ตาม

สองเพื่อนซี้คู่แฝดนักฆ่าถูกจ้างโดยหัวหน้าแก๊งอาชญากรสุดโหดเจ้าของฉายา มัจจุราชขาว 👹 (รับบทโดย ไมเคิล แชนนอน) ให้ช่วยลูกชายขี้ยาของเขาที่โดนพวกแก๊งอั้งยี่จับตัวไปเรียกค่าไถ่ และกระเป๋าเอกสารที่มีเงินค่าไถ่สิบล้านดอลลาร์อยู่ในนั้น ตอนนี้พวกเขาได้ทั้งลูกชายขี้ยากับกระเป๋าเอกสารเรียบร้อย รอเพียงส่งมอบเมื่อถึงสถานีเกียวโตก็เสร็จงาน ระหว่างนั้น ส้มเขียวหวานก็เล่าถึงความน่ากลัวของมัจจุราชขาว “มันเป็นคนรัสเซียร่างยักษ์สูงหกฟุต ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน มันไต่เต้าจนได้ขึ้นเป็นมือขวาของมิเนกิชิ หัวหน้าแก๊งยากูซ่าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ระหว่างนั้น มันก็แอบสร้างแก๊งและเครือข่ายของตัวเองขึ้นมา จากนั้นมันก็สังหารมิเนกิชิ โดยการยิงหัวจากด้านหลัง มัจจุราชขาวลบชื่อมิเนกิชิออกจากโลกได้เพียงชั่วข้ามคืน และสถาปนาอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา”

จากนั้น สองนักฆ่าผลไม้ก็มาคุยกับลูกชายขี้ยาที่มีรอยสักเหนือคิ้วว่า “Trust no Bitch” (ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น) และหางตาซ้ายมีรอยสักไม้กางเขน คุยไปคุยมาก็เถียงกันเองเรื่องจำนวนคนที่ฆ่าไประหว่างชิงตัวลูกชายขี้ยามาจากพวกแก๊งอั้งยี่ เลมอนบอก 16 ศพ แต่ส้มเขียวหวานยืนยันว่า 17 ศพ เพราะศพสุดท้ายโดนลูกหลงจากรถยนต์ที่เกิดระเบิด … เลมอนเถียงว่าศพที่สิบเจ็ดพวกเขาไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ส้มเขียวหวานก็ยืนยันว่าลูกหลงคนนั้นก็ตายจากการกระทำของพวกเขา เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องรับผิดชอบนับเป็นหนึ่งในคนที่ฆ่าด้วย

เถียงกันไปเถียงกันมา ส้มเขียวหวานก็ถามถึงกระเป๋าเอกสาร ทั้งสองเดินไปที่ชั้นวางกระเป๋า แต่ปรากฏว่ากระเป๋ามันหายไปแล้ว !

และที่น่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อสองเพื่อนซี้เดินกลับมาถึงที่นั่ง ปรากฏว่าลูกชายขึ้ยาเลือดทะลักออกจากเบ้าตา ตายไปซะแล้ว !!

โจอี้ คิง

เจ้าชาย/The Prince

คิมูระอยู่บนชินคันเซนเช่นกัน เขาได้รับข้อความจากคนที่ผลักลูกชายเขา “ฉันเป็นคนผลักลูกแก มาที่ตู้ชั้นหนึ่ง ที่นั่ง B4” คิมูระเดินไปจนถึง เขาควักปืนออกมาเล็งไปหาคนที่นั่งอยู่ที่ B4 แต่เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่นั้นเป็นเพียงเด็กนักเรียนหญิง เขาจึงรีบเก็บปืนและกล่าวขอโทษ ทันใดนั้น เด็กหญิงก็คว้าเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้เข้าไปที่คอของคิมูระจนหมดสติไป

คิมูระฟื้นขึ้นมา เด็กหญิงก็แนะนำตัวว่าเธอชื่อ เจ้าชาย 👑 (รับบทโดย โจอี้ คิง) เหตุที่เธอชื่อนี้ก็เพราะพ่อแม่อยากได้ลูกชาย จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้คิมูระเข้าใจ เธอเป็นคนล่อให้ลูกชายเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าห้างและผลักลงมา ที่ทำแบบนั้นก็เพื่อบีบให้เขาขึ้นมาบนรถไฟ และยอมทำตามแผนของเธอ ไม่เช่นนั้น คนของเธอที่โรงพยาบาลจะสังหารลูกชายของเขาทันที คิมูระไม่มีทางเลือก เขาตกลงทำตามที่เธอต้องการ และสิ่งที่เธอต้องการนั่นก็คือ สังหารมัจจุราชขาว

คิมูระได้ยินเช่นนั้นก็ตวาดใส่เด็กหญิงที่พยายามทำหน้าตาไร้เดียงสา “ไอ้โง่เอ๊ย คนอย่างกูจะเอาอะไรไปฆ่ามัจจุราชขาววะ” เด็กหญิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าเดี๋ยวเขาก็รู้เอง

ต่อมาเด็กหญิงก็เผยแผนของเธอ นั่นคือการติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างเอาไว้กับปืนของคิมูระ อุปกรณ์นี้จะระเบิดใส่หน้าผู้ที่ลั่นไก จากนั้นเด็กหญิงก็เล่าว่า เคยมีการพยายามฆ่ามัจจุราชขาวมาแล้วถึง 31 ครั้ง และทุกครั้งเขาจะฆ่าคนคนนั้นด้วยอาวุธที่มันใช้

คิมูระถึงบางอ้อ “มึงผลักลูกกูตกจากดาดฟ้า ล่อกูขึ้นรถไฟ บังคับให้กูเป็นมือสังหารเพื่อให้กูทำงานพลาด แล้วให้มัจจุราชขาวลงโทษกูโดยใช้ปืนของกูเอง ให้มันระเบิดใส่หน้า”

หมาป่าอาฆาต/The Wolf

ในมือของเลดี้บัคกำกระเป๋าเอกสารเอาไว้แน่น เขายืนอยู่หน้าประตูเตรียมลงที่สถานีชินางาวะ แต่เมื่อถึงสถานี ชายชาวเม็กซิกันโกยืนทำท่าทางเท่ ๆ ก็ยืนขวางประตูรอเขาอยู่ที่ชานชาลา

จากนั้น ภาพแฟลชแบ็กก็แสดงให้เห็นประวัติของชายชาวเม็กซิกันคนนั้นว่า เป็นนักฆ่าที่รู้จักกันในชื่อ หมาป่า 🐺 เข้าสู่วงการนักฆ่าตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งในงานแต่งงานของเขากับภรรยา ทุกคนที่มาร่วมงานถูกวางยาตายทั้งงาน รวมทั้งภรรยาของเขาด้วย และเลดี้บัคคือแค้นที่เขาต้องชำระ

ทันทีที่ประตูรถไฟเปิดออก หมาป่าก็ใช้มีดในมือแทงเข้าไปที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายของเลดี้บัค มันกะแทงเข้าไปตัดขั้วหัวใจให้ตายในมีดเดียว แต่เลดี้บัคใช้ความช่ำชอง เอี้ยวตัวหลบเพียงเล็กน้อยมีดเล่มนั้นก็พลาดเป้าแทงเข้าไปที่บริเวณหัวไหล่ มีดในมือของหมาป่าแทงโดนวัตถุบางอย่างจนทะลุ มันคือโทรศัพท์มือถือที่เลดี้บัคเก็บเอาไว้ที่ซองตรงหัวไหล่ หมาป่าถึงกับโวยลั่นออกมา “ทำไมมึงโชคดีอย่างงี้” แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด กระทั่งหมาป่าปามีดเข้าใส่หมายปักมีดเข้าตัดขั้วหัวใจ จังหวะนั้นเองเลดี้บัคใช้กระเป๋าเอกสารในมือเป็นโล่กำบัง แล้วตลกร้ายก็เกิดขึ้น มีดกระแทกกระเป๋าเอกสารสะท้อนกลับไปปักเข้าที่กลางหัวใจของหมาป่า ตายไปซะอย่างนั้น … เปิดตัวอย่างเท่ ตายอย่างง่อย

หลังจากอำพรางศพเรียบร้อยแล้ว เลดี้บัคก็โทร. ถามมาเรีย ซึ่งเธอก็ทวนความจำให้ว่า ในงานแต่งงานของหมาป่า เลดี้บัคปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่ปรากฏว่ามีนักฆ่าอีกคนแอบวางยาพิษสังหารทุกคนในงานด้วยพิษจากงูบูมสแลง ซึ่งเป็นงูที่ขโมยมาจากสวนสัตว์ในโตเกียว และตอนนี้งูพวกนั้นอยู่บนรถไฟขบวนนี้ โดยอาการของคนที่โดนพิษงูบูมแสลงก็คือเลือดเป็นวุ้น เส้นเลือดตัน และเลือดทะลักออกจากเบ้าตา ถ้าไม่ได้ยาถอนพิษภายใน 30 วินาทีจะตาย

ตัดภาพมาที่เลมอนกับส้มเขียวหวานมองตากันก็รู้แล้วว่างานงอก ลูกชายขี้ยาก็ตาย กระเป๋าก็หาย ไอ้มัจจุราชขาวต้องส่งคนมาเก็บพวกเขาตายหยังเขียดอย่างแน่นอน สิ่งที่ทำได้คือตบตามัจจุราชขาวไปก่อนว่าทุกอย่างยังโอเค พวกเขาช่วยกันเช็ดเลือดที่ทะลักออกจากเบ้าตาของลูกชายขึ้ยา และจับเขาใส่แว่น จากนั้นก็จัดท่าทางให้เหมือนกับคนนอนหลับ

ระหว่างนั้น เลดี้บัคบังเอิญเห็นหน้าเลมอน เขาจำได้ในทันทีว่าเลมอนเป็นนักฆ่าที่เคยเจอที่โจฮันเนสเบิร์ก เลดี้บัคเห็นท่าไม่ดีจึงชิงลงมือซะก่อน เขาจัดการเลมอนจนสลบไป ก่อนจะเอาผงยานอนหลับใส่ลงไปในขวดน้ำเปล่าของเลมอน แล้วเอามันวางเอาไว้ที่เดิม

ส้มเขียวหวานต่อสู้กับเลดี้บัค

ส้มเขียวหวานเชื่อว่า เลดี้บัคเป็นคนวางยาพิษลูกชายขี้ยาของมัจจุราชขาว และขโมยกระเป๋าเงินไป ส้มเขียวหวานตามจนเจอว่าเลดี้บัคหลบอยู่ในห้องน้ำ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดสูสีต่อเนื่องกันหลายนาที แต่แล้วการต่อสู้ก็หยุดลงเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของส้มเขียวหวานดังขึ้น ทั้งสองหยุดต่อสู้เพื่อให้สัมเขียวหวานรับโทรศัพท์ มันเป็นสายจากลูกน้องมัจจุราชขาวที่โทร. มาขอเช็กว่ากระเป๋าเดินทางกับลูกชายขี้ยายังอยู่ดีหรือไม่ ถ้ามีอะไรตุกติกจะฆ่าทุกคนบนรถไฟ

เมื่อรถไฟจอดที่สถานี เลดี้บัคบอกกับส้มเขียวหวานว่าเขาขอบายกับเรื่องบ้า ๆ นี้โดยการลงรถไฟ พร้อมกับบอกที่ซ่อนกระเป๋า แต่ส้มเขียวหวานมายืนขวางประตูไม่ให้เขาไป ทั้งสองคุยกันเกือบนาที เลดี้บัคเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้อมูลแวบหนึ่งก่อนจะหัวเราะใส่ “ประตูจะปิดแล้วโว้ย” แล้วเขาก็ถีบส้มเขียวหวานกระเด็นออกจากรถไฟกลิ้งไปบนพื้นชานชาลา ทันใดนั้น ประตูก็ปิดพอดี ส้มเขียวหวานโกรธจัด รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหน้าตั้งกระโดดเกาะท้ายขบวนเอาไว้ได้

ตัดภาพมาบนรถไฟ เลมอนเผชิญหน้ากับเด็กหญิง (เจ้าชาย) และคิมูระ เขาคุยเพียงแวบเดียวก็จับพิรุธได้ แต่ด้วยความที่เด็กหญิงแกล้งบีบน้ำตาและแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา เลมอนจึงควักปืนออกมาเล็งยิงไปที่ท้องของคิมูระ ระหว่างนั้นเลมอนก็ยกขวดน้ำขึ้นมาดื่มโดยที่ไม่รู้เลยว่าน้ำมียานอนหลับผสมอยู่ เมื่อถึงช่วงจังหวะที่เขาจะลั่นไกสังหารเด็กหญิงเขาจึงล้มทั้งยืนและหลับไป เด็กหญิงเห็นเลมอนนอนกองอยู่กับพื้นจึงคว้าปืนยิงใส่เลมอนที่หน้าอกไปสามนัด ปัง ปัง ปัง !

แตนสังหาร/The Hornet

ณ เวลานี้ นักฆ่าอีกคนได้ปรากฏตัว แตนสังหาร 🐝 เธอซ่อนตัวอยู่ในชุดโมโมมอน เป็นคนฉีดพิษงูบูมสแลงใส่ลูกชายขี้ยา และเธอก็เป็นวางยาฆ่าแขกที่มาร่วมงานแต่งงานของหมาป่า

เลดี้บัคเห็นหน้าแตนสังหารก็คลับคล้ายคลับคลา เมื่อจำได้ก็ถูกแตนสังหารเข้าโจมตีซะแล้ว เธอต้องการกระเป๋าเอกสารที่อยู่กับเลดี้บัค เพราะผู้ที่จ้างเธอบอกว่าในค่าจ้างฆ่าลูกชายขี้ยาอยู่ในกระเป๋าเอกสารใบนั้น สู้กันไปพักเดียว แตนสังหารก็เอาเข็มฉีดยาบรรจุพิษงูบูมสแลงขึ้นมา แล้วเลดี้บัคก็พลาดท่าโดนเข็มพิษทิ่มใส่มือ แต่เขาหัวไวใช้มืออีกข้างดึงเข็มออกมาแล้วแทงเข้าไปที่ไหล่ของนักฆ่าสาวตอนที่เธอไม่ทันตั้งตัว ใครจะไปคาดคิดว่าเลดี้บัคจะมาไม้นี้

“มีเวลา 30 วิ ก่อนที่พิษจะออกฤทธิ์” เลดี้บัคเอ่ยขึ้น ตาของทั้งสองจ้องกันไม่กะพริบ ผ่านไป 20 วินาที แตนสังหารล้วงเข้าไปหยิบเซรุ่มในกระเป๋า จังหวะนั้นเอง เลดี้บัคใช้ความไวของปีศาจกระชากเซรุ่มเข็มนั้นมาฉีดเข้าสู่ร่างของเขา ไม่นานนัก แตนสังหารก็ตายเพราะพิษของตัวเอง เป็นการตายที่ชวนหัวร่อยิ่งนัก

ส้มเขียวหวานเกาะท้ายขบวนรถไฟ ก่อนจะใช้หมัดอันทรงพลังต่อยกระจกจนแตก และกลับเข้ามาด้านในได้อย่างเหลือเชื่อ ส้มเขียวหวานเจอร่างของเลมอนนอนอยู่ คู่หูเพื่อนซี้ที่เขารักเหมือนน้องแท้ ๆ ได้ตายไปแล้ว จากนั้นเขาก็เจอกับเด็กหญิง ซึ่งเธอก็ใช้ลูกไม้เดิมคือหลอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่คราวนี้ส้มเขียวหวานไม่โดนหลอก เพราะเขาเหลือบไปเห็นสติกเกอร์ที่เลมอนแบบแปะไว้ที่หลังของเธอก่อนหมดสติ สติกเกอร์ที่บ่งบอกว่าเธอเป็นตัวร้ายที่บงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง ส้มเขียวหวานหยืบปืนออกจากเอวเตรียมลั่นไกสังหารเด็กหญิง ทันใดนั้น เลดี้บัคก็โผล่มาแล้วยิงส้มเขียวหวานเข้าที่คอเพื่อช่วยเด็กหญิง เลือดพุ่งกระฉูดไม่หยุด ก่อนที่ส้มเขียวหวานสิ้นชื่อในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา

เลดี้บัคมองเด็กหญิงเป็นเด็กใสซื่อ เขาบอกกับเธอว่าลงรถไฟที่สถานีหน้าแล้วทุกอย่างจะปลอดภัย แต่เมื่อถึงสถานีเด็กหญิงก็แกล้งใช้ความไร้เดียงสาของเธอหลอกล่อให้เขาอยู่บนรถไฟต่อไป

ผู้อาวุโส/The Elder

ที่สถานีนี้ พ่อของคิมูระได้ขึ้นมาบนรถไฟ เมื่อเดินผ่านและได้ยินเสียงของเด็กหญิง เขาจำได้ทันทีว่าเธอคือตัวร้ายที่ผลักหลานชายของเขาตกจากดาดฟ้าห้าง เมื่อรู้ว่าถูกจับได้ เด็กหญิงจึงรีบวิ่งหนีไป จากนั้นเขาก็แนะนำตัวเองกับเลดี้บัคว่าเขาคือ ผู้อาวุโส 🧓🏼 (รับบทโดย ฮิโรยูกิ ซานาดะ) แล้วก็เล่าเรื่องในอดีต …

ในตอนนั้น ผู้อาวุโสมีตำแหน่งระดับสูงในครอบครัวมาเฟียมิเนกิชิ กระทั่งบุรุษผู้มีฉายามัจจุราชขาวก้าวเท้าเข้ามา เขาพยายามเตือนมิเนกิชิว่าอย่าไว้ใจชายคนนี้ แล้วบทสรุปก็เป็นอย่างที่รู้กัน มิเนกิชิถูกลบชื่อเพียงชั่วข้ามคืน และสิ่งที่ผู้อาวุโสมองก็ไม่ผิด เวลานั้น เมื่อผู้อาวุโสกลับมาถึงบ้านก็พบศพภรรยานอนเสียชีวิต เหลือเพียงลูกชายคนเดียวที่หลบอยู่ในช่องลม จากนั้นผู้อาวุโสก็หลบไปซ่อนตัว แล้วหาวิธีล้างแค้นโดยไม่เอาชีวิตลูกชายของเขาไปเสี่ยง แต่ไม่มีวิธีไหนที่เข้าถึงตัวมัจจุราชขาวได้เลย

ผู้อาวุโสพูดถึงความหมายของเลดี้บัคหรือเต่าทองในภาษาญี่ปุ่น “เทนโทมูชิ ตอนเด็ก ๆ เคยได้ยินคนเขาว่ากันว่าจุดบนหลังเต่าทองหมายถึงทุกข์เจ็ดประการบนโลก ฉะนั้น มันไม่ได้ดวงดี แต่มันแบกความซวยทั้งหมดเอาไว้เพื่อให้คนอื่นอยู่อย่างสงบ …” ผู้อาวุโสกล่าวกับเลดี้บัคว่าชะตากรรมนำพาให้เขามาถึงจุดนี้ “… ที่สถานีเกียวโต มัจจุราชขาวจะขึ้นมาบนรถไฟขบวนนี้ ฉันจะจัดการมันเอง ส่วนนายก็ช่วยพาตัวลูกชายฉันลงจากรถไฟ”

เลดี้บัคกับผู้อาวุโสมาช่วยคิมูระที่นอนจมกองเลือดอยู่ จังหวะนั้น เลมอนก็ตื่นขึ้นพร้อมกับฉีกเสื้อให้เห็นว่าเขาใส่เสื้อเกราะ ทำให้เขารอดจากคมกระสุนสามนัดของเด็กหญิง ยิ่งเมื่อรู้ว่าส้มเขียวหวานตายไปแล้วด้วยมือของเลดี้บัคเขาก็คิดจะล้างแค้น แต่ผู้อาวุโสได้ห้ามเอาไว้ และเตือนสติว่าถ้าจะล้างแค้นต้องล้างแค้นกับมัจจุราชขาว ซึ่งเป็นคนวางแผนให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น วิธีเดียวที่จะรอดคือต้องร่วมมือกัน “มัจจุราชขาวรอนายอยู่พร้อมกองทัพนักฆ่าของมัน นักฆ่าที่มาจากทุกประเทศ แต่มันไม่คิดว่าฉันอยู่บนรถไฟขบวนนี้ และถ้าชะตาลิขิตไว้ ฉันก็จะได้แก้แค้น”

มัจจุราชขาว/The White Death

ณ สถานีเกียวโต … เช้าแล้ว แสงแรกของวันเริ่มส่องออกมาจากขอบฟ้า มัจจุราชขาวนั่งรออยู่ที่ม้านั่งพร้อมกับนักฆ่านับสิบนับร้อย

มัจจุราชขาวขึ้นมาบนรถไฟ คนแรกที่เขาเจอคือเด็กหญิง เด็กหญิงเรียกมัจจุราชขาวว่า “พ่อ” ที่แท้เธอเป็นลูกของมัจจุราชขาว และที่เธอต้องทำแบบนี้ก็เป็นเพราะต้องการพิสูจน์ฝีมือให้พ่อเห็นว่าเธอมีดีกว่าพี่ชายขี้ยา ที่เธอทำไปก็เพื่อให้ได้รับการใส่ใจจากพ่อ น้ำตาไหลออกจากเบ้าตาของเด็กหญิง เธอกล่าวขึ้นด้วยความเจ็บปวด “หนูมาเพื่อฆ่าพ่อ ฆ่าหนูเลยสิ ฆ่าแบบที่ฆ่าคนอื่นที่เขาคิดฆ่าพ่อน่ะ” มัจจุราชขาวเล็งปลายปากกระบอกปืนไปที่หัวของเด็กหญิง ก่อนจะทำเสียง “ปัง” เด็กหญิงสะดุ้งจากเสียงหยอกของผู้เป็นพ่อ มัจจุราชขาวยิ้มก่อนที่จะเดินชนไหล่ลูกสาวตัวเองไปอย่างไร้เยื่อใย “ฉันรู้มาตลอดว่าแกมันเจ๋ง แต่แกก็ไม่มีบทอยู่ในแผนของฉันอยู่ดี” เด็กหญิงได้แต่ยืนนิ่งสตั๊นไปหลายวินาที

เลดี้บัครับหน้าที่เป็นเบนความสนใจมัจจุราชขาวก็ปรากฏตัวพร้อมกระเป๋าเอกสาร เขาคุกเข่าเบื้องหน้ามัจจุราชขาวที่มีนักฆ่าพร้อมอาวุธครบมือรายล้อม เลดี้บัคถามด้วยความสงสัย “คุณเป็นคนจ้างนักฆ่าให้มารวมตัวกันบนชินคันเซนใช่มั้ย ?” มัจจุราชขาวยอมรับว่าเขาเป็นจ้างทั้งหมดเพื่อหวังให้ฆ่ากันเอง เพราะต้องการแก้แค้นคนที่ฆ่าเมียของเขา (จริง ๆ ต้องการฆ่าเขาแต่ฆ่าผิดตัว) และสองเป้าหมายแรกก็คือเลมอนกับส้มเขียวหวาน ในตอนนั้นเมียของเขายังไม่ตาย แต่หมอมือดีที่สุดในการผ่าตัดเมียของเขาดันถูกแตนสังหารฆ่าตายพอดี

มัจจุราชขาวเล่าต่อ เขาเป็นคนจ้างแตนสังหารให้ฆ่าลูกชายขี้ยาของเขา เพราะไอ้ลูกชายขี้ยานี่แหละที่เป็นคนโทร. เรียกให้เมียของเขาไปประกันตัวกลางดึก จนทำให้ถูกลอบสังหารจัดฉากเป็นอุบัติเหตุโดยนักฆ่าที่ชื่อ คาร์เวอร์ แล้วมัจจุราชขาวก็วาดปืนมาจ่อที่หัวเลดี้บัค เพราะเขาเข้าใจว่าเลดี้บัคคือคาร์เวอร์ !

เลดี้บัคพยายามบอกว่าเขาไม่ใช่คาร์เวอร์ เขาเป็นเพียงคนที่มารับงานแทนคาร์เวอร์เพราะคาร์เวอร์โรคกระเพาะกำเริบ ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้น แรงระเบิดทำให้เกิดไฟลุกโชนไปทั่วสถานีเกียวโต ร่างของเลดี้บัคกระเด็นเข้ามาอยู่บนรถไฟ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เลมอนเดินเครื่องรถไฟเพื่อหนี แล้วการต่อสู้และฆ่ากันเลือดสาดก็ได้เริ่มขึ้น ผู้อาวุโสใช้ดาบซามูไรจัดการกับพวกนักฆ่า ดาบซามูไรอันคมกริบ ดาบซามูไรอันแข็งแกร่ง ดาบซามูไรที่สามารถแทงทะลุกะโหลกมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย ดาบซามูไรที่มีจิตวิญญาณของนักสู้สายเลือดบูชิโดอยู่ในนั้น ดาบในมือของผู้อาวุโสสามารถจัดการกับนักฆ่าไปได้หลายศพ จนสุดท้ายก็ได้ดวลกับมัจจุราชขาวตัวต่อตัว แต่ทว่าการปะทะจบเร็วเหลือเกิน มัจจุราชขาวจัดการกับผู้อาวุโสได้อย่างง่ายดาย ฝีมือของมันร้ายกาจขนาดนี้สินะ ถึงได้รับการยอมรับให้เป็นแก๊งมาเฟียที่โหดที่สุดในปฐพี แต่ไม่ทันที่มัจจุราชขาวจะได้สำเร็จโทษผู้อาวุโสด้วยวิธีสุดโหด “รัสเซียนรูเล็ต” รถไฟก็เกิดพลิกคว่ำตกขบวน !

ตัดภาพมาที่ห้องควบคุม จริง ๆ แล้วเลมอนขับรถไฟไม่เป็น แต่ที่รถไฟเคลื่อนไปได้เพราะเขากดมั่วและตอนนี้เขาก็กดให้มันหยุดไม่ได้ เขาจึงให้เลดี้บัคหยุดรถไฟให้ที ส่วนตัวเขาจะสกัดพวกนักฆ่าให้เอง ระหว่างที่เลดี้บัคกำลังเปิดอ่านคู่มือการขับรถไฟเพื่อหาวิธีหยุด เลมอนก็ต่อสู้กับนักฆ่าจนตกจากรถไฟร่วงไปที่แม่น้ำ อย่างไรก็ตาม เลดี้บัคก็ไม่มีปัญญาหยุดรถไฟหัวกระสุนขบวนนี้ได้อยู่ดี ในที่สุดมันก็พุ่งตกราง ด้วยความเร็วของมันทำให้พุ่งไปที่หมู่บ้านของชาวบ้านหมู่บ้านหนึ่ง

เวลานี้ ทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง แต่มัจจุราชขาวยังไม่ตาย และตอนนี้มัจจุราชขาวก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเลดี้บัคอีกครั้งพร้อมด้วยปืนกึ่งอัตโนมัติในมือ นี่มันปืนกระบอกที่เด็กหญิงติดกลไกเอาไว้นี่ !!!

เลดี้บัคพยายามบอกเหมือนเดิมว่าเขาไม่ใช่คาร์เวอร์ แต่ความโกรธของมัจจุราชขาวมากเกินกว่าที่จะรับฟัง นิ้วในโกร่งไกกดลงไปที่ไกปืน แต่แทนที่เข็มชนวนจะแทงจุดดินระเบิดให้กระสุนวิ่งออกมาจากปากกระบอก แต่กลายเป็นว่าลูกกระสุนกลับพุ่งใส่คนที่ยิง หน้ามัจจุราชขาวหายไปครึ่งฉีก เนื้อสมองกระจายลอยขึ้นไปในอากาศ น่าสยดสยองยิ่งนัก … จังหวะนั้นเอง ผู้อาวุโสจึงรีบเดินปรี่เข้ามา เขาชักดาบซามูไรขึ้นแล้วฟันเข้าไปที่ร่างของมัจจุราชขาวอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวขึ้นมาอย่างโล่งใจว่า “เป็นอันจบเรื่อง” … แหม่ ได้ล้างแค้นสมใจแล้วสินะ

เดี๋ยว ๆ ยังไม่จบ … เด็กสาวปรากฏตัวขึ้นพร้อมปืนกลมือ เธอตวาดลั่นเสียงดังเคลมว่าพ่อของเธอตายด้วยฝีมือของเธอ แต่ก่อนที่เด็กหญิงจะกราดยิงเข้าใส่ เลดี้บัคตะโกนให้เด็กหญิงหยุดฟังเขาพูดแป๊บนึง แต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค รถหกล้อบรรทุกส้มเขียวหวานก็พุ่งเข้าชนร่างของเด็กหญิงเข้าอย่างจัง ร่างเธอกระเด็นหายไปทันที … ในขณะที่เลดี้บัคยังไม่หายงง ผู้อาวุโสกับคิมูระก็ขอตัวและกล่าวคำลา

เลดี้บัคหยิบส้มเขียวหวานขึ้นมาปอกกิน แล้วมาเรียก็ขับรถสปอร์ต Audi สุดเท่เข้ามารับเลดี้บัค แวบแรกที่เลดี้บัคเห็นมาเรีย เขาน้ำตาไหลออกมาทันที เขาซาบซึ้งที่เธอมาช่วย จากนั้นก็กล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก “เธอเป็นสุดยอดเอเย่นต์ที่วิเศษที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมา” แล้วมาเรียก็ทำหน้านิ่ง ๆ เตือนเขาอีกครั้งว่า คราวหน้าให้หยิบปืนมาด้วย อย่าเชื่อจิตแพทย์ที่บอกให้เขาเลือกหนทางอันสงบ

เลดี้บัคกับมาเรียกำลังเดินขึ้นรถ เขาตาลุกวาวกับรถสปอร์ตโคตรเท่ที่จอดอยู่เบื้องหน้า แต่ชมเสร็จเท่านั้นแหละ เสาไฟฟ้าที่เอนอยู่ก็ล้มลงมาทับเจ้ารถสปอร์ตสุดเฟี้ยวเข้ากลางลำ เลดี้บัคถึงกับยิ้มออกมา แล้วก็พูดขึ้นมาว่านี่อาจเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินจากไป

หลังจากเอ็นเครดิตเริ่มขึ้นประมาณ 15 วินาที … ภาพก็ตัดมาให้เห็นว่าเลมอนตกลงในแม่น้ำแต่ยังรอดชีวิต และเขาก็เป็นคนขับรถหกล้อบรรทุกส้มเขียวหวานคันที่พุ่งชนเด็กหญิง

จบบริบูรณ์

ดูหนังเรื่องนี้ที่ Netflix : คลิกที่นี่
Source: 1

The post สรุปเนื้อเรื่อง Bullet Train (2022) ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า appeared first on idol.

]]>
สรุปเนื้อเรื่อง ใจฟูสตอรี่ (2022) https://www.online-idol.com/2022/12/03/jaifu-stories-2022-thai-movie-spoiler-33740/ Sat, 03 Dec 2022 12:11:57 +0000 https://www.online-idol.com/?p=33740 นักเขียนหนุ่มเขียนบทหนังรักสี่เรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนมีตอนจบแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” เลยแม้แต่เรื่องเดียว จนกระทั่งได้เห็นความสุขในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด …

The post สรุปเนื้อเรื่อง ใจฟูสตอรี่ (2022) appeared first on idol.

]]>
ใจฟูสตอรี่ สปอยล์ : นักเขียนหนุ่มเขียนบทหนังรักสี่เรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนมีตอนจบแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” เลยแม้แต่เรื่องเดียว จนกระทั่งได้เห็นความสุขในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด …

แนว : รอมคอม
เรต : 13+
ผู้กำกับฯ : พฤกษ์ เอมะรุจิ
คะแนน : 3.5/10

โปสเตอร์หนัง ใจฟูสตอรี่ (2022)

เดี่ยว (รับบทโดย พีช พชร) คนเขียนบทหนังที่ได้รับมอบหมายให้เขียนบทแนวรอมคอม แนวที่เขาไม่เคยเขียนมาก่อน แถมยังต้องมานั่งปั่นงานอยู่หน้าห้อง I.C.U. ที่แม่กำลังนอนใส่เครื่องช่วยหายใจจากอาการโรคหัวใจกำเริบ ขณะที่กำลังไอเดียตีบตันอยู่นั้น เขาก็ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “การเขียนบทหนังโรแมนติกคอมเมดี้ในสถานที่แบบนี้ มันทำได้เหรอวะ ?”

แม้สถานที่และบรรยากาศไม่เป็นใจ แต่เดี่ยวก็พยายามคิดและเขียนบทให้เสร็จทันเดดไลน์ แล้วจู่ ๆ เขาก็เกิดสะอึกขึ้นมาไม่หยุด บัว (รับบทโดย มินนี่ ภัณฑิรา) หญิงสาวที่มาเฝ้าไข้แฟนของเธออยู่หน้าห้อง I.C.U. เช่นกัน จึงเอาถุงมะม่วงดองที่เพิ่งกินหมดมาเป่าลม แล้วเอาไปตบให้ถุงระเบิดดัง “ปัง” ข้าง ๆ หูเดี่ยว มันได้ผล เดี่ยวหายสะอึกทันที … และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคนเริ่มรู้จักกัน

บัวเป็นสาวฟีลกู๊ดพูดเก่งจ้อไม่หยุด เธอสนใจงานเขียนบทที่เดี่ยวกำลังทำอยู่ จนถึงขั้นขออ่านงานที่กำลังเขียนอยู่ เดี่ยวอึ้งไปหลายวินาทีก่อนที่จะตอบตกลง เพราะความน่ารักของบัวนั่นแหละ แต่ก็นะ บัวอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็หยุดอ่านแล้วหันมายิ้มให้เดี่ยวพร้อมกับพูดว่า “คุณ ฉันขี้เกียจอ่านแล้วอะ คุณเล่าตอนจบให้ฉันฟังเลยได้ปะ” เดี่ยวพยายามอธิบายว่าบทหนังของเขามันเป็นแค่สี่เรื่องย่อยในเรื่องเดียว ค่อย ๆ อ่านไปเดี๋ยวก็จบ …

ในยุคที่โรคระบาดทำให้การกักตัวอยู่คอนโดเป็นเรื่องปกติ โขม (รับบทโดย ณัฏฐ์ กิจจริต) หนุ่มไอทีวัยสามสิบนิด ๆ ก็หยุดอยู่คอนโดมาหลายวันเช่นกัน โขมชอบเล่นเกมท้าพนันกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ กอล์ฟ ดูบอลกันไปก็พนันนับจำนวนลูกทุ่มลูกเตะมุมกันไป ซึ่งโขมก็เอาชนะได้ทุกครั้ง จนกอล์ฟท้าพนันโขมด้วยเบียร์สองลัง “มึงทนอยู่ในคอนโดไม่ถึง 14 วันแน่นอน”

สามวันแรกโขมก็หานู่นนี่นั่นทำฆ่าเวลา ล้างแอร์ ล้างพัดลม บลา ๆ ๆ เรียกว่าทำสารพัดจนไม่มีอะไรจะให้ทำแล้ว เขาจึงคิดไอเดียกระฉูดขึ้นมา ใช้โดรนบินส่งอาหาร แต่ไม่รู้บินส่งอาหารยังไง ดันไปบินอยู่ที่ระเบียงห้องของ จิงจิง (รับบทโดย เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) ที่กำลังนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวตากชุดชั้นในอยู่ที่คอนโดตึกตรงข้าม จิงจิงคิดว่าเป็นพวกโรคจิตใช้เทคโนโลยีถ้ำมอง จึงใช้ไม้ตียุงตบโดรนจนร่วงลงไปกระแทกพื้น

โขมเอาเรื่องที่สาวตึกตรงข้ามทำโดรนพังไประบายกับกอล์ฟ เท่านั้นแหละ กอล์ฟจึงขอเปลี่ยนคำท้า ให้โขมจีบสาวตึกตรงข้ามให้ได้ภายใน 14 วัน โดยเพิ่มเงินเดิมพันอีก 2 หมื่น ดันดีล

วันต่อมา โขมใช้โดรนส่งขนมไปให้จิงจิง พร้อมด้วยข้อความเขียนด้วยลายมือบนกระดาษโพสต์อิท “Sorry. Line: Kongkait69” จิงจิงมองกระดาษแผ่นนั้นพักใหญ่ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจแอดไลน์ไปด้วยเหตุผลที่ว่า อยากลืมแฟนเก่า … นับแต่นั้น โขมกับจิงจิงก็พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนคืนหนึ่ง จิงจิงได้บอกรักโขมผ่านสัญลักษณ์รูปหัวใจ

รุ่งขึ้น โขมโอนเงินให้กอล์ฟ 2 หมื่น เขาไม่อยากเล่นเกมนี้ต่อแล้ว โขมรู้สึกผิดที่โกหกจิงจิง เขาไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเธอด้วยเกมพนันโง่ ๆ อีกอย่าง วันนี้แฟนของโขมก็กำลังจะกลับมาจากการรักษาตัวจากโรคระบาด แต่ปัญหาที่หนักอึ้งสำหรับโขมในตอนนี้ก็คือ เขารู้สึกชอบจิงจิงขึ้นมาจริง ๆ น่ะสิ โขมคิดทั้งวันว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง

ค่ำวันนั้น ก่อนที่แฟนโขมจะมาถึงห้องที่คอนโด โขมตัดสินใจวิ่งไปหาจิงจิงที่ตึกตรงข้าม ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่นาน ไอซ์ เพื่อนสนิทของจิงจิงก็แวะมาหาที่ห้องพอดี … จิงจิงเปิดประตูห้องก็ดีใจปนแปลกใจเล็ก ๆ ที่เห็นโขมมายืนอยู่หน้าห้อง ตรงกันข้ามกับโขมที่ดูสีหน้าซีเรียสจริงจัง “คุณ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” จิงจิงชวนโขมเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม …

“ผมมีเรื่องจะสารภาพ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับคุณ ผมแค่พนันกับเพื่อน พน้นกันโง่ ๆ” น้ำเสียงของโขมทุกคำพูดที่ออกจากปากราบเรียบ แต่มันทำร้ายจิตใจของจิงจิงได้รุนแรงยิ่งนัก

จิงจิงยังคงนิ่งอึ้งกับความจริงที่ออกจากปากโขม และยิ่งอึ้งยิ่งกว่าเมื่อโขมบอกว่า “แต่ความจริงก็คือ ผมมีแฟนแล้ว !”

ทันใดนั้นเอง คนที่ช็อกกลับเปลี่ยนเป็นโขม เมื่อไอซ์เพื่อนของจิงจิงเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทักเขาว่า “อ้าว ตัวเองมาได้ไงอะ” แล้วไอซ์ก็หันไปพูดกับจิงจิง “ไอ้จิง นี่ไงแฟนฉันที่อยู่คอนโดเดียวกับแก !”

จิงจิงจ้องหน้าโขมตาไม่กะพริบ เมื่อได้รู้ว่าโขมคือแฟนของไอซ์เพื่อนสนิทของเธอ แล้วความโกรธก็ของจิงจิงก็ไปรวมศูนย์อยู่ที่มือขวาของเธอ มือขวาที่ง้างแล้วสะบัดไปตบหน้าโขมอย่างแรง ! [จบตอน]

บัวอ่านมาถึงตอนจบที่หักมุมแบบเวรี่แซดก็ถึงกับสบถคำว่า “เฮีย” ออกมา เดี่ยวจึงอธิบายว่าเขาเป็นคนไม่ชอบพล็อตเรื่องแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง เพราะชีวิตจริงไม่ได้จบแบบสมหวังกันทุกคน

วันต่อมา บัวจึงขอเดี่ยวอ่านบทเรื่องต่อไป …

เต๋อ (รับบทโดย ทิกเกอร์ อชิระ) นักเรียนมัธยมปลาย โรงเรียนเดียวกับ ชาเย็น (รับบทโดย เพียว เพียววรินทร์) ​​เจ้าของฉายาเจ้าแม่เย็นชา นักเรียนดีเด่นประจำโรงเรียน จริง ๆ ชาเย็นก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่งถ้าตัดเรื่องที่ไม่ค่อยยิ้มออกไป แต่เต๋อกลับไม่ถูกชะตาเพื่อนสาวร่วมโรงเรียนคนนี้เอาเสียเลย เพราะบ้านของเธอดันมาอยู่ข้างบ้านของเขา แต่ทั้งสองเหมือนอยู่กันคนละมิติ

เมื่อนักเรียนดีเด่นอย่างชาเย็น อยู่ข้างบ้านกับนักเรียนผู้หลงใหลในความไม่เอาอ่าวอย่างเต๋อ ทำให้เต๋อต้องทนกับการเปรียบเทียบจาก ครูนภาพร ผู้เป็นทั้งแม่และครูฝ่ายปกครองโรงเรียน จนเขารู้สึกเซ็งอยู่บ่อย ๆ มันจึงทำให้เขาคิดเสมอว่า เขาและเธอเหมือนอยู่กันคนละโลกคนละมิติ

กระทั่งวันหนึ่งก็มาถึงจุดเปลี่ยน ชาเย็นได้รับทุนไปเรียนที่จีน 3 เดือน เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยดูแลอาม่าที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ช่วงเวลาที่เขาได้ใกล้ชิดกับอาม่ากลายเป็นทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก และมันก็ทำให้เขารู้สึกดีกับชาเย็นในเวลาเดียวกัน อีกอย่าง เต๋อได้รู้ว่าฉายาเจ้าแม่เย็นชานั้นไม่จริง เพราะรอยยิ้มของชาเย็นมันทำหัวใจเขาแทบละลาย

และแล้วเต๋อก็เกิดความรู้สึกดี ๆ กับชาเย็น ปัญหาคือเธอจะรู้สึกว่าอยู่กันคนละมิติกับเขาหรือเปล่านะ ?

ผ่านไปเกือบสามเดือน จู่ ๆ ทางการจีนก็ประกาศล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโรคระบาด ชาเย็นต้องอยู่แต่ในห้อง เน็ตก็เล่นได้เป็นเวลา จะดีก็ตรงที่มีเจ้าหน้าที่เอาอาหารมาแจกตลอด คืนนั้น ชาเย็นวิดีโอคอลสารภาพกับเต๋อ “เราขอ …” แต่ยังพูดไม่ทันจบ เน็ตก็ตัดไปซะอย่างนั้น ชาเย็นจึงยิ้มและพูดต่อกับตัวเองว่า “… เราขอไปอยู่มิติเดียวกับนายได้ปะ”

แล้วภาพก็แฟลชแบ็กแสดงให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วชาเย็นแอบชอบเต๋อมาตลอด แอบตามถ่ายรูป ก็ชอบขนาดที่ตั้งรูปเต๋อเป็นวอลล์เปเปอร์ในแมคบุ๊กเลยล่ะ [จบตอน]

“โรคจิต !” บัวสบถออกมาอีกครั้งเมื่ออ่านถึงตอนจบ “ทำไมคุณชอบเขียนตอนจบแบบห่วย ๆ อะ หนังของคุณเจ๊งแน่” เดี่ยวยืนทำหน้างง ๆ ที่อยู่ดี ๆ ก็โดนด่าเป็นรอบที่สอง แล้วบัวก็ก้มหน้าอ่านเรื่องต่อไป …

อ๊อด (รับบทโดย ซิม่อน วชิรวิชญ์) หนุ่มวัย 20 หน่อย ๆ อดีตเด็กแว๊นที่ผันตัวมาเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร เพื่อเลี้ยงดู อิ๊งค์ น้องสาววัยประถม ที่มีความฝันว่าเมื่อโตขึ้นเธอจะสร้างจรวดที่สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ และที่เขาต้องดูแลอีกหนึ่งคนก็คือพ่อที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่ ซึ่งตอนนี้กำลังป่วยหนักนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล

แม้อ๊อดจะผันตัวมาเป็นไรเดอร์ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นแว๊นมือวางอันดับหนึ่งในย่านนี้ … ไรเดอร์หัวใจเด็กแว๊นว่างั้น … แต่ความเชื่อของเขากลับโดนทำลาย เมื่อเขาเจอไรเดอร์คู่แข่งที่จอดติดไฟแดงอยู่คู่กัน ไรเดอร์ที่ไม่เคยเปิดหมวกกันน็อคออกมาให้เห็นหน้า แต่เป็นคนที่เขา “เกลียด” อย่างจับใจ เพราะมันสามารถแว๊นชนะเขาได้ตอนออกตัวหลังติดไฟแดงแทบทุกครั้ง

วันนั้น อ๊อดพาอิ๊งค์ไปเยี่ยมพ่อที่นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมกับรับใบแจ้งค่ารักษากว่าครึ่งแสน คืนนั้น อ๊อดจึงตัดสินใจเอาทองสองสลึงที่ตัวเองมีอยู่ไปเดิมพันแข่งแว๊นมอไซค์ แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่ม ตำรวจก็มาไล่จับจนแก๊งเด็กแว๊นหนีแตกกระเจิงอย่างกับผึ้งแตกรัง แต่รถเจ้ากรรมของอ๊อดนี่สิ เกิดเครื่องดับระหว่างหนี ขณะที่รถตำรวจกำลังไล่หลังตามมา “มัน” ก็พาอ๊อดซ้อนท้ายหนีตำรวจไปได้อย่างหวุดหวิด มันคนนั้นแหละ ไรเดอร์คู่ปรับที่อ๊อดเกลียด

“มัน” พาอ๊อดหนีจากตำรวจมาได้ ก่อนจะเปิดหมวกกันน็อคเผยโฉมหน้าอันแท้จริงของมัน แวบแรกที่อ๊อดเห็นหน้าของมัน อ๊อดถึงกับช็อก เพราะมันไม่เหมือนหน้าไหน ๆ ในจินตนาการของอ๊อดมาก่อนเลย เพราะมันเป็นผู้หญิงสาวสวยผมหน้าม้า มันที่อ๊อดเกลียดมาตลอดเป็นผู้หญิง ! แต่ไม่ทันที่อ๊อดจะหายอึ้ง หญิงสาวลึกลับ (รับบทโดย ปั๋น ดริสา) ก็ชวนอ๊อดไปหาอะไรกินกัน

หญิงสาวลึกลับพาอ๊อดมากินมาม่าที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง อ๊อดแปลกในที่หญิงสาวเลือกมาม่ารสที่เขาชอบกิน รู้ได้ไงนะ ?

หลังนั่งซดมาม่าจนหมดถ้วย หญิงสาวลึกลับก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้นายจะตาย” อ๊อดมองหน้าหญิงสาวแล้วก็ถามทีเล่นทีจริงว่าเป็นหมอดูเหรอถึงได้รู้อนาคต ? หญิงสาวตอบ “เปล่า ฉันมาจากอนาคต” แล้วทั้งสองก็มองหน้าแล้วหัวเราะลั่นออกมา

ใช่ ใครจะเชื่อว่าจะมีหญิงสาวมาจากอนาคต เพื่อที่จะมาเตือนเราว่าพรุ่งนี้จะตาย เชื่อก็ควายละ … แต่หญิงสาวพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะจากไป “อืม เหลือเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ พรุ่งนี้ ถ้านายไปแข่งรถนายจะตายอย่างอนาถ”

อ๊อดคิดหนักทั้งคืนกับคำพูดของหญิงสาว แต่เมื่อหยิบบิลค่ารักษาพ่อขึ้นมาดูเขาก็ตัดสินใจไปแว๊นรถตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก่อนจะบิดคันเร่งออกจากจุดสตาร์ท อ๊อดเกิดเปลี่ยนใจแล้วรีบบึ่งรถมาหาพ่อที่โรงพยาบาล และที่นั่นเอง อ๊อดได้เจอกับหญิงสาวลึกลับคนนั้นอีกครั้ง หญิงสาวยื่นกล่องเงินที่มีมากพอจะเอาไปใช้รักษาพ่อให้

หญิงสาวกำลังเดินจากไป อ๊อดตะโกนถามด้วยความสงสัย “เอ่อ นี่เธอเป็นใครกันแน่ ?”

หญิงสาวมองหน้าอ๊อดพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก “นี่จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ อืม โง่จริง ๆ ด้วย” แล้วเธอก็ใช้มือปัดผมที่ปิดช่วงคอออก เผยให้เห็นรอยสัก “จรวด” ที่อยู่บริเวณต้นคอ …

เธอคือ อิ๊งค์ น้องสาวของอ๊อดที่เดินทางมาจากอนาคต !!! [จบตอน]

“เฮ้ย นี่มาเวย์ไซไฟเลยเหรอ ?” บัวโพล่งขึ้นมาหลังจากอ่านจบ แล้วเสียงพยาบาลก็ประกาศเตือนว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว ทั้งสองจึงต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน …

เสือ (รับบทโดย ลี ฐานัฐพ์) หนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อกะกลางคืนวัย 24 ปี เพื่อนร่วมงานตั้งฉายาให้เขาว่า “มนุษย์พยายาม” คือ เสือจะพยายามจัดวางน้ำให้ยี่ห้อตรงกันทุกขวด พยายามจับเห็บให้หมา พยายามจำซื้อลูกค้าประจำ เรียกว่าพยายามไปซะทุกอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยพยายามเลย นั่นคือการบอกรักสาวที่แอบชอบมานาน

มีเหตุผลมากมายที่เสือบอกกับทุกคนว่าทำไมเขาถึงเลือกทำงานกะกลางคืน ลูกค้าน้อย อากาศเย็น บลา ๆ ๆ แต่เขาไม่เคยบอกเหตุผลจริง ๆ ก็คือ เขาจะได้เจอกับ จ๋า (รับบทโดย ฝน ศนันธฉัตร) พยาบาลสาวแผนกทำฟัน ที่มักจะมาซื้อของกินจุ๊กจิ๊กไปฝากหมอฟันทันตแพทย์ที่เธอแอบชอบอยู่

คืนหนึ่ง จ๋ามาที่ร้านสะดวกซื้อด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา เธอบอกกับเสือว่าเธอเพิ่งรู้ว่าหมอมีแฟนแล้ว “หมอเขามีแฟนแล้ว เรามันโง่เองแหละที่โดนหมอฟันหลอกฟัน”

เสือรีบจ้ำออกจากร้านไปทันที เขาเดินตรงไปที่แผนกทำฟัน ปรี่เข้าไปหาหมอฟัน เสือสาวหมัดเข้าตะบันหน้าหมอฟันไม่ยั้งหมัดแล้วหมัดเล่า จนหมอฟันนอนนิ่งกองอยู่กับพื้น เสือก็ยังคงตะบันหมัดออกไปไม่ยั้ง หน้าของหมอฟันต้องรับกับแรงกระแทกจากหมัดของเสือเท่าที่เสือหมดแรงไปเอง … หรือนี่จะเป็นความพยายามของเสือที่จะบอกรักใครสักคน !?

นับจากวันนั้น จ๋าก็ไม่มาที่ร้านสะดวกซื้ออีกเลย เธอลาออกและกลับไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่ มีข่าวว่าเธอมีลูกโดยที่ไม่ได้แต่งงานกับใคร ส่วนเสือก็ลาออกเช่นกันโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหน

ผ่านไปหลายปี ที่เชียงใหม่ … จ๋าพาลูกชายวัย 5 ขวบไปทำฟัน ที่นั่นเธอได้เจอกับเสือ เสือที่ตอนนี้เป็นหมอฟันอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนั้น แล้วเรื่องก็จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง [จบตอน]

บัวยิ้มไม่หุบเมื่ออ่านถึงตอนจบของเรื่องนี้ แล้วก็ให้สัญญาว่าเธอจะไปดูหนังของเดี่ยว

แม่ของเดี่ยวออกจากห้อง I.C.U. แต่แฟนของบัวต้องจากไป … นับแต่นั้น เดี่ยวก็ไม่ได้เจอบัวอีกเลย แต่เดี่ยวก็ยังคงคิดถึงบัวอยู่เสมอ เขาได้แต่หวังว่าเธอจะคิดถึงเขาบ้าง

เวลาผ่านไป กระทั่งหนังเรื่อง “เลิฟ ดิสแทนซิ่ง” เข้าโรง เดี่ยวที่มาดูหนังของตัวเองก็ได้เจอกับบัว ที่กำลังมาตีตั๋วดูหนังของเขาตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้ แล้วทั้งสองก็มองตาส่งยิ้มให้กันด้วยความดีใจ ณ วินาทีนั้น เดี่ยวได้แต่คิดว่า “การมีตอนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งมันก็ดีเหมือนกันนะ”

จบบริบูรณ์

Source: FB @M39MovieClub

The post สรุปเนื้อเรื่อง ใจฟูสตอรี่ (2022) appeared first on idol.

]]>